บทความ
SMAS คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรในชั้นผิว ทำไมต้องยกกระชับชั้นนี้
แชร์ :

SMAS คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรในชั้นผิว ทำไมต้องยกกระชับชั้นนี้

SMAS คืออะไร
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ชั้น SMAS หลายคนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคืออะไร  แต่จริงๆ แล้วผิวชั้น SMAS มีผลอย่างมากต่อการรักษาความกระชับของใบหน้า การเสื่อมสภาพของชั้นนี้อาจเป็นสาเหตุหลักของการหย่อนคล้อยของผิวและริ้วรอยลึก ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักผิวชั้นนี้แบบเจาะลึกว่าทำไมถึงมีความสำคัญในการ ยกกระชับผิว และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับผิวชั้นนี้ค่ะ

Key Takeaways

  • SMAS คือชั้นเนื้อเยื่อสำคัญที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันและกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวและกล้ามเนื้อไว้ด้วยกัน มีบทบาทในการเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่นของใบหน้า
  • การเสื่อมของ SMAS คือหนึ่งในสาเหตุหลักของความหย่อนคล้อยและริ้วรอยลึก เมื่อ SMAS สูญเสียความแข็งแรง จะส่งผลให้ผิวหนังชั้นบนตกลงตามแรงโน้มถ่วง ทำให้เกิดใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด และริ้วรอยเด่นชัดขึ้น
  • เทคโนโลยียกกระชับที่ได้ผลจริงต้องยิงลึกถึงชั้น SMAS เช่น Ulthera, HIFU (บางเครื่อง), Morpheus8 ที่สามารถส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการหดตัวและยกกระชับได้จากโครงสร้างลึกของใบหน้า
  • Ulthera มีความแม่นยำสูงที่สุดในการยกกระชับ SMAS ด้วยภาพ Visualization ที่ช่วยให้แพทย์เห็นชั้น SMAS ขณะยิง ทำให้ได้ผลลัพธ์แม่นยำและปลอดภัย
  • เทคโนโลยีอย่าง Thermage ไม่สามารถลงลึกถึง SMAS ได้ จึงเหมาะกับผิวชั้นตื้น แต่ไม่ช่วยยกกระชับลึกถึงโครงสร้างชั้นล่าง
  • การเย็บชั้น SMAS ด้วยการผ่าตัดดึงหน้า (SMAS Facelift) ยังเป็นวิธีถาวรที่สุด
    แต่เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมาก และต้องการผลลัพธ์ระยะยาว โดยต้องพักฟื้นและดูแลแผลหลังผ่าตัด
  • สัญญาณว่า SMAS เริ่มเสื่อม ได้แก่ ใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าเบลอ ร่องแก้มลึก หรือผิวไม่เด้ง  มักเริ่มพบในผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ลดน้ำหนักเร็ว พักผ่อนน้อย หรือมีปัจจัยเร่งการเสื่อมของผิว
  • ยิงถึง SMAS ไม่จำเป็นต้องตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ก่อน เพราะเครื่องอย่าง Ulthera มี Visualization ในตัว ช่วยให้แพทย์มองเห็น SMAS และควบคุมการยิงได้แบบ Real-Time
  • การดูแล SMAS ด้วยเทคโนโลยีอย่างเหมาะสมในช่วงอายุที่เหมาะสม จะช่วยชะลอวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องรอจนใบหน้าหย่อนชัดเจนแล้วค่อยมาดึง แต่สามารถเริ่มดูแลก่อนล่วงหน้าเพื่อลดความรุนแรงในอนาคต

SMAS คืออะไร

ก่อนจะเลือกทำ HIFU หรือ Ulthera สิ่งแรกที่ควรเข้าใจคือ SMAS ชั้นผิวลึกที่มีบทบาทสำคัญในการยกกระชับใบหน้าอย่างแท้จริง หัวข้อนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับ SMAS อย่างละเอียดแต่เข้าใจง่าย ว่าชั้น SMAS คืออะไร และยกกระชับถึง SMAS ดีไหม

SMAS กับผ่าตัดดึงหน้าต่างจากยกกระชับทั่วไปอย่างไร

SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) คือ ชั้นเนื้อเยื่อที่มีลักษณะเป็นพังผืดบาง ๆ ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อใบหน้า ชั้นนี้อยู่ลึกกว่าชั้นไขมันใต้ผิว แต่ยังอยู่ตื้นกว่ากล้ามเนื้อที่ใช้ในการแสดงสีหน้า มีหน้าที่รองรับและยึดโยงโครงสร้างของผิวหน้าให้คงรูป ยืดหยุ่น และเคลื่อนไหวได้ตามปกติ 

การยกกระชับที่ลงลึกถึงชั้น SMAS ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ให้ผลลัพธ์อย่างตรงจุด เพราะเป็นการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยตั้งแต่ต้นตอ โดยการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สามารถส่งพลังงานลึกถึงชั้นนี้ จะช่วยให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระดับลึก ส่งผลให้ผิวด้านบนถูกยกตามไปโดยอัตโนมัติ แตกต่างจากการยกกระชับผิวชั้นตื้นที่ให้ผลเพียงชั่วคราว การยิงถึง SMAS จะให้ผลชัดเจนกว่า และอยู่ได้นานกว่า

SMAS อยู่ตรงไหนของผิว? โครงสร้างและลำดับชั้นผิว

ชั้น SMAS ไม่ได้อยู่บนผิวที่เราสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า แต่อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นไขมัน หัวข้อนี้จะอธิบายลำดับของชั้นผิวทั้งหมด เพื่อให้เห็นว่าการยิงพลังงานถึง SMAS ต้องลงลึกขนาดไหน โดยโครงสร้างผิวหนังมีดังนี้

  • ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ชั้นนอกสุดที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งแปลกปลอมและป้องกันการสูญเสียน้ำ
  • ชั้นหนังแท้ (Dermis) ชั้นที่มีความหนามากที่สุด ประกอบด้วยคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและความแข็งแรง
  • ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat) อยู่ลึกที่สุดในผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานและช่วยปกป้องอวัยวะภายใน
  • ชั้น SMAS อยู่ระหว่างชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า ทำหน้าที่เชื่อมต่อกล้ามเนื้อกับผิวหนังและช่วยในการเคลื่อนไหวและยืดหยุ่นของใบหน้า

ใครมีปัญหาเรื่อง SMAS เสื่อม

ใครมีปัญหาเรื่อง SMAS เสื่อม?

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือมีพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ลดน้ำหนักเร็ว หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ชั้น SMAS ก็สามารถเสื่อมสภาพลงได้ โดยคนที่มีปัญหาชั้น SMAS เสื่อมมีดังนี้

  • ผู้หญิงอายุ 30 – 40 ปีขึ้นไป เริ่มเห็น ริ้วรอย และความหย่อนคล้อย
  • คนที่เริ่มมีร่องแก้มลึก หรือกรอบหน้าไม่ชัดเจน
  • น้ำหนักขึ้นลงบ่อย ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น
  • ใบหน้าเริ่มตกตามแรงโน้มถ่วงการสูญเสียคอลลาเจนทำให้ผิวหย่อน

ทำไม SMAS สำคัญต่อการยกกระชับหน้า?

ถ้าต้องการ ยกหน้า ให้เห็นผลจริง การกระตุ้นแค่ผิวด้านบนอาจไม่เพียงพอ เพราะต้นตอของ ผิวหย่อนคล้อย อยู่ที่ SMAS เนื่องจาก SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) เป็นชั้นเนื้อเยื่อที่มีความสำคัญในการยกกระชับผิวหน้า เพราะมันเชื่อมโยงผิวหนังกับกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งเป็นชั้นที่มีผลโดยตรงต่อความกระชับและความยืดหยุ่นของผิว เมื่อชั้น SMAS เสื่อมสภาพหรือขาดความยืดหยุ่น จะทำให้ผิวหนังเกิดการหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าที่เป็นจริง

เทคโนโลยีที่ยิงถึงชั้น SMAS มีอะไรบ้าง?

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามารถ ยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ได้จริง โดยเฉพาะ การยิง Ulthera ถึง SMAS ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด เพราะสามารถใช้พลังงานอัลตราซาวนด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง และมีระบบ Visualization ที่ช่วยให้แพทย์เห็นระดับชั้น SMAS แบบ Real-Time นอกจากนี้การยกกระชับผิวด้วย Hifu หรือ Ulthera ก็ยังสามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ที่เป็นขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการฟื้นฟูผิวหน้าได้ เพราะหากดึงชั้นนี้ให้ตึง ผิวชั้นบนที่อยู่เหนือ SMAS จะถูกดึงตาม ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ แตกต่างจากการ Thermage ที่ยกแค่ผิวหนังชั้นบน ซึ่งผลลัพธ์อาจไม่ยั่งยืนและไม่สมบูรณ์เท่า

 โดยในหัวข้อนี้จะเปรียบเทียบเครื่องยกกระชับที่สามารถลงถึงผิวชั้น SMAS  และเครื่องยกกระชับที่ลงไม่ถึงชั้น SMAS ดังนี้ 

เทคโนโลยี

ยิงลึกถึง SMAS ได้ไหม?

ความรู้สึก

ผลลัพธ์

Ulthera ได้ เจ็บกลาง–สูง ยกกระชับระดับลึก
HIFU บางเครื่องเท่านั้น เจ็บน้อยกว่า ยกน้อยกว่า
Morpheus8 หากเป็นหัวระดับลึก เจ็บระดับกลาง ยกกระชับ ฟื้นฟูผิว
Thermage ไม่ถึง SMAS ร้อนในชั้นผิวเล็กน้อย ผิวแน่นขึ้น

Ulthera HIFU Morpheus8 แตกต่างยังไง?

แม้ทั้ง 3 ตัวนี้จะเป็นเครื่องยกกระชับผิวที่สามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS เหมือนกัน แต่ก็มีจุดเด่น จุดด้อย มีความแตกต่างกันดังนี้

Ulthera

Ulthera ใช้เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงที่สามารถเจาะลึกไปถึงชั้น SMAS โดยตรง ทำให้สามารถยกกระชับและปรับรูปหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยเครื่องมีหน้าจอแสดงระดับความลึกของคลื่นที่ยิงลงไป ทำให้การยกกระชับเป็นไปอย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนหลังทำประมาณ 2-3 เดือน และสามารถคงผลได้ยาวนานถึง 1 ปี ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวหน้าเต่งตึง ริ้วรอยลดลง และกรอบหน้าชัดเจนขึ้น

HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)

HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงเพื่อส่งพลังงานไปกระตุ้นคอลลาเจนในทุกชั้นของผิว โดยเฉพาะชั้น SMAS ซึ่งจะทำให้เกิดการหดตัวของชั้นไขมันและ SMAS เพื่อยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอยและปัญหาความหย่อนคล้อย การทำ HIFU สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ 20% และผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะค่อย ๆ ปรากฏใน 1-2 เดือนหลังทำ โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน

Morpheus8

Morpheus8 เป็นการรวมพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) และเทคโนโลยี Microneedling เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวที่ลึก รวมถึงชั้น SMAS โดยการใช้เข็มเล็ก ๆ ที่เคลือบทองคำจะเจาะลงไปในชั้นผิว และปล่อยพลังงาน RF เพื่อกระชับผิวและลดไขมันส่วนเกินที่ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย โดยผลลัพธ์หลังทำ Morpheus8 สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี

SMAS กับผ่าตัดดึงหน้า ต่างจากการยกกระชับทั่วไปยังไง?

เมื่อพูดถึงการยกกระชับใบหน้า หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “ผ่าตัดดึงหน้าเย็บชั้น SMAS” หรือ “Facelift” ที่เป็นการผ่าตัดที่มีการเย็บชั้น SMAS โดยตรง เพื่อให้ใบหน้าเต่งตึงขึ้น ซึ่งมีข้อแตกต่างจากการยกกระชับ SMAS แบบไม่ผ่าตัดดังนี้

การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า เป็นวิธีที่จะทำการตัดและยกเนื้อเยื่อใต้ SMAS ให้ยกสูงขึ้น โดยมักจะทำในกรณีที่มีการหย่อนคล้อยของผิวหน้าอย่างมาก ซึ่งจะแตกต่างกับเครื่องยกกระชับ Ulthera หรือ Hifu ที่กระตุ้นให้ SMAS หดตัว ถึงแม้การผ่าตัดดึงหน้าจะให้ผลลัพธ์ถาวร แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ

ต้องรู้ไหมว่า SMAS ของตัวเองเสื่อมแล้ว?

หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหาชั้น SMAS หรือไม่ แล้วจำเป็นต้องตรวจไหมก่อนทำ HIFU หรือ Ulthera ไหม การสังเกตง่ายๆ ว่าชั้น SMAS เสื่อมหรือยังดูได้จากผิว ความหย่อนคล้อยของใบหน้า หากรู้สึกว่าใบหน้าไม่เฟิร์มแล้ว แปลว่าชั้น SMAS เริ่มเสื่อม

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับชั้น SMAS

Q: SMAS คือกล้ามเนื้อใบหน้าหรือเปล่า?

A: ไม่ใช่ค่ะ SMAS เป็นเยื่อพังผืดที่ครอบคลุมชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า และช่วยพยุงผิวหนังชั้นบน

Q: ถ้าไม่ยิงถึง SMAS จะยกหน้าไม่ได้เลยใช่ไหม?

A: ยังสามารถยกหน้าได้ แต่ผลลัพธ์จะไม่ลึกหรือยกชัดเท่ากับเทคโนโลยีที่กระตุ้นถึง SMAS

Q: ต้องทำอัลตราซาวนด์ดู SMAS ก่อนยิง Ulthera หรือไม่?

A: ไม่จำเป็นค่ะ เนื่องจากเครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera มีหน้าจอ Real-time Visualization ที่ช่วยให้แพทย์เห็นชั้น SMAS ขณะทำได้อย่างแม่นยำ

Q: ยิงถึง SMAS แล้วจะเจ็บไหม?

A: อาจรู้สึกร้อนลึกหรือเจ็บจี๊ดบางจุด แต่แพทย์สามารถปรับระดับพลังงาน และแปะยาชาก่อนทำช่วยลดความเจ็บได้

Q: ยิงถึง SMAS แล้วมีผลข้างเคียงอะไรไหม?

A: ผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น รู้สึกตึง บวมแดง หรือปวดจี๊ดบางจุดชั่วคราว ซึ่งจะหายไปภายใน 2–3 วัน

Q: ยิงถึง SMAS บ่อยเกินไปจะทำให้ชั้นผิวบางหรือหย่อนมากขึ้นไหม?

A: หากทำในระยะห่างที่เหมาะสมทุกๆ 6 – 12 เดือน การยิง SMAS จะช่วยให้ผิวเฟิร์มขึ้น ไม่ทำให้บางหรือเสื่อมเร็ว

Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าชั้น SMAS เสื่อมแล้ว?

A: หากสังเกตว่าผิวหน้าเริ่มหย่อน กรอบหน้าไม่ชัด หรือมีร่องแก้มลึก แม้อายุยังไม่มาก อาจเป็นสัญญาณว่าชั้น SMAS เริ่มเสื่อมสภาพแล้ว โดยเฉพาะในคนที่พักผ่อนน้อย เครียดเรื้อรัง หรือผิวขาดคอลลาเจน

Q: ถ้า SMAS เสื่อมแล้วต้องทำยังไง?
A: ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อประเมินระดับความหย่อนคล้อย และเลือกเทคโนโลยีที่สามารถฟื้นฟูชั้น SMAS ได้โดยตรง เช่น Ulthera, HIFU หรือ Morpheus8 ซึ่งช่วยให้เนื้อเยื่อหดตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ลึกถึงโครงสร้างผิวจริง ๆ

Q: ดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้ SMAS เสื่อมเร็ว?

A: ควรรักษาน้ำหนักให้คงที่ พักผ่อนให้เพียงพอ ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C และ E และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเร่งการเสื่อมของผิว เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

สรุป

SMAS เป็นชั้นเนื้อเยื่อที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความกระชับและความยืดหยุ่นของใบหน้า เมื่อชั้น SMAS เสื่อมสภาพหรือสูญเสียความยืดหยุ่น จะส่งผลให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยลึก การยกกระชับชั้น SMAS จึงเป็นการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพในการคืนความเต่งตึงให้กับใบหน้า หากใครที่ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยไม่กระชับ ต้องการยกกระชับที่ลึกถึงชั้น SMAS สามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic ก่อนได้ โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์จะคอยให้คำแนะนำอย่างละเอียดเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการของคนไข้ค่ะ

Scroll to Top