หรือ RF เทคโนโลยีคลื่นวิทยุที่ช่วยฟื้นฟูผิว แก้ไขปัญหาผิวหลายๆ ด้าน ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยม หลายๆ คนสนใจอยากลองทำ บทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามาทำความรู้จักกับ Radio Frequency ประโยชน์ได้รับหลังทำ และมีกี่แบบให้เลือกใช้ในปัจจุบันค่ะ
Key Takeaways
- Radio Frequency (RF) คือเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุที่ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวและไขมันเพื่อฟื้นฟูผิว ยกกระชับ และสลายไขมัน โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
- คลื่น RF แบ่งตามประเภทพลังงานได้ 4 แบบ ได้แก่ Monopolar, Bipolar, Tripolar และ Multipolar ซึ่งแต่ละแบบมีความลึกและประสิทธิภาพต่างกัน
- เครื่อง RF ยอดนิยม เช่น Thermage FLX, Morpheus8, Inmode, Volnewmer และ Emface มีจุดเด่นเฉพาะทางในเรื่องการยกกระชับ ลดไขมัน หรือกระตุ้นกล้ามเนื้อ
- RF ช่วยเรื่อง ยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ฟื้นฟูความยืดหยุ่น ลดริ้วรอย และกระตุ้นระบบไหลเวียน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์โดยไม่ใช้เข็มหรือมีแผล
- การทำ RF ไม่มีการพักฟื้นหลังทำ อาการข้างเคียงน้อย สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
- ในการทำ Radio Frequency เริ่มเห็นผลหลังทำครั้งแรก และชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน ควรทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง และซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์
- การใช้คลื่นวิทยุ RF ฟื้นฟูผิว สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น HIFU, โบท็อกซ์, เลเซอร์ ได้ โดยต้องวางแผนร่วมกับแพทย์
- หากต้องการเลือกเครื่องยกกระชับ RF ควรดูจากสภาพผิว ความลึกของปัญหา และงบประมาณ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ราคาการทำ Radio Frequency ราคาประมาณ 7,000 – 20,000 บาทต่อครั้ง จะแตกต่างกันไปตามเครื่องที่เลือกใช้ บริเวณที่ทำ และความเชี่ยวชาญของแพทย์
RF (Radio-Frequency) คืออะไร ?
Radio Frequency หรือ คลื่นวิทยุ RF คือ เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง ส่งผ่านลงไปยังชั้นผิวหนังเพื่อสร้างความร้อนเข้าไปกระตุ้นผิวหนัง ปรับสภาพผิวหนังให้ดีขึ้น ซึ่งคลื่นชนิดนี้อยู่ในช่วงความถี่ประมาณ 0.3 – 1.0 MHz เป็นระดับที่ปลอดภัยต่อผิวหนังได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก USFDA และอย.ไทยค่ะ
เครื่อง RF มีกระบวนการทำงานอย่างไร?
คลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) จะทำหน้าที่ส่งพลังงานผ่านผิวชั้นนอกลงไปยังชั้นลึกโดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผลหรือทำร้ายผิวภายนอก ซึ่งพลังงานจะถูกแปลงเป็นความร้อนในระดับที่ควบคุมได้สูงสุดไม่เกิน 42 องศา จึงอยู่ในระดับที่ปลอดภัยโดยกระบวนการนี้จะกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงในแต่ละชั้นผิว ดังนี้
-
- ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) พลังงาน RF จะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ พร้อมทั้งส่งผลให้รูขุมขนกระชับและริ้วรอยตื้น ๆ จางลง ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และกระจ่างใสขึ้นตามธรรมชาติ
- ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นบริเวณที่มีเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินอยู่หนาแน่น พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ RF จะกระตุ้นการสร้างเส้นใยเหล่านี้ใหม่ ทำให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยมีความกระชับและยืดหยุ่นขึ้น ริ้วรอยลึกดูจางลง และผิวโดยรวมแลดูเต่งตึงขึ้น
- ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) เมื่อพลังงาน RF ลงไปถึงชั้นไขมัน จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและกระตุ้นการเผาผลาญไขมันสะสมในบริเวณเป้าหมาย เช่น ใต้คาง หน้าท้อง ต้นแขนหรือขา จึงมีบทบาทในการลดสัดส่วนและทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียน ไม่หย่อนคล้อย
เครื่อง Radio Frequency แบ่งออกเป็นกี่แบบ
เครื่อง Radio Frequency ถูกพัฒนาให้มีหลายรูปแบบ เพื่อให้สามารถปรับใช้งานให้ตรงกับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเครื่อง RF สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้
1. แบ่งตามประเภทของพลังงานคลื่น RF
หมายถึง “ระบบการกระจายพลังงาน” ของเครื่อง ซึ่งมีผลต่อความลึกของการรักษา ความรู้สึกขณะทำ และจุดประสงค์ในการใช้งาน เช่น ยกกระชับเฉพาะจุดหรือลดไขมันในพื้นที่กว้าง
โดยเครื่อง RF แบ่งตามชนิดของพลังงานที่ใช้ในการส่งคลื่นวิทยุเข้าสู่ผิวได้ 4 ประเภทหลัก ดังนี้
- คลื่น Monopolar RF เป็นระบบคลื่นแบบขั้วเดียวที่สามารถส่งพลังงานลงได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เหมาะกับการยกกระชับบริเวณกว้างและการสลายไขมัน เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หรือใต้คาง จุดเด่นคือสามารถลงลึกได้มากที่สุด แต่จะรู้สึกร้อนหรือเจ็บขณะทำ จึงมักต้องใช้ยาชาช่วยระหว่างทำ
- คลื่น Bipolar RF ระบบคลื่นสองขั้ว เหมาะสำหรับการรักษาบริเวณผิวหนังส่วนบน เช่น ใบหน้า หรือรอบดวงตา พลังงานจะลงไปได้ลึกน้อยกว่าแบบขั้วเดียว ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ เหมาะกับการกระชับผิวและลดริ้วรอยตื้น
- คลื่น Tripolar RF เทคโนโลยีแบบสามขั้วที่รวมข้อดีของ Monopolar และ Bipolar เข้าด้วยกัน เพื่อให้การรักษาครอบคลุมมากขึ้น สามารถปรับพลังงานได้เหมาะสมกับบริเวณเล็กหรือกว้าง ลดการสูญเสียพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการกระชับผิว
- คลื่น Multipolar RF เป็นระบบที่ใช้หลายขั้วในการกระจายพลังงาน RF ทำให้การปล่อยพลังงานมีความเสถียรมากขึ้น ลงลึกได้มากพอสมควรในขณะที่ลดความร้อนสะสมผิวชั้นบน จึงลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างทำ
ข้อควรรู้ : ยิ่งขั้วมาก = การกระจายพลังงานยิ่งนุ่มนวลและควบคุมได้ดีขึ้น
2. แบ่งตามเครื่อง RF ยอดนิยมในปัจจุบัน
นอกจากรูปแบบของคลื่นแล้วยังมีเครื่องที่ใช้คลื่น RF อยู่ด้วยกันหลายเครื่อง โดยเครื่อง RF ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด จะเลือกใช้ ระบบคลื่นแบบต่าง ๆ ด้านบน แล้วพัฒนาฟีเจอร์เสริมให้เหมาะกับการรักษาแต่ละแบบ เช่น เพิ่มเข็ม, ระบบเย็น หรือรวมเทคโนโลยีอื่นเข้าไปด้วย เช่น HIFU หรือเลเซอร์ โดยแต่ละเครื่องจะมีความแตกต่างดังนี้
- เครื่อง Thermage Thermage เป็นเครื่อง RF รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงในระดับสากล ด้วยการใช้พลังงาน Monopolar RF ส่งผ่านลงไปลึกถึงชั้นไขมันและชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัวและกระตุ้นการสร้างใหม่ ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด
อ่านเพิ่มเติม : Thermage FLX คืออะไร ก่อนทำต้องรู้อะไรบ้าง ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?
- เครื่อง Morpheus8 Morpheus8 เป็นเครื่องที่ผสานเทคโนโลยี Fractional RF เข้ากับ Microneedling โดยใช้เข็มขนาดเล็กส่งพลังงานคลื่นวิทยุ RF ลงสู่ชั้นผิวในระดับลึกได้อย่างแม่นยำ และลงได้ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างผิวที่เทียบเท่ากับการดึงหน้าแบบศัลยกรรม สามารถปรับระดับความลึกของเข็มและพลังงานได้ตามสภาพผิวแต่ละจุด จึงให้ผลลัพธ์ทั้งในด้านความกระชับและการฟื้นฟูเนื้อผิวอย่างล้ำลึก
อ่านเพิ่มเติม : Morpheus8 ยกกระชับผิวด้วยเข็มทอง อันตรายไหม ทำจุดไหนได้บ้าง?
- เครื่อง Inmode Inmode เป็นเครื่องที่มีหลายเทคโนโลยีไว้ในเครื่องเดียว ทั้งคลื่น RF, เลเซอร์, และบางรุ่นรวม HIFU ด้วย เหมาะกับทั้งการยกกระชับและสลายไขมันเฉพาะจุด สามารถใช้งานได้กับทั้งใบหน้าและร่างกาย
- เครื่อง Volnewmer Volnewmer เป็นเครื่องที่ช่วยลดไขมันใต้ผิวหนังและกระชับผิวไปพร้อมกัน จุดเด่นอยู่ที่หัวเครื่องมีระบบทำความเย็นและระบบสั่น ทำให้ระหว่างการรักษารู้สึกสบายมากขึ้น ไม่ร้อนหรือระคายเคือง
อ่านเพิ่มเติม : Volnewmer ยกกระชับ ปรับหน้าเรียว สลายไขมัน เพิ่มวอลลุ่มผิวเด้ง
- เครื่อง Emface Emface เป็นเครื่องที่มีนวัตกรรมคลื่น RF กับคลื่น HIFES (High-Intensity Focused Electromagnetic Stimulation) ช่วยยกกระชับได้ลึกถึงระดับกล้ามเนื้อ ช่วยให้โครงสร้างกล้ามเนื้อใต้ผิวแข็งแรงขึ้น
ถ้าอยากเลือกเครื่อง RF ให้เหมาะกับตัวเอง ต้องดูทั้งระบบคลื่นที่ใช้และคุณสมบัติเฉพาะของเครื่องนั้น ๆ ด้วย
ควรเลือกเครื่อง RF แบบไหนดี?
การเลือกเครื่อง RF ควรพิจารณาจาก ความลึกของพลังงาน, ความรู้สึกขณะทำ และผลลัพธ์ที่ต้องการ ด้านล่างเป็นตารางข้อมูลสรุปที่จะทำให้คุณสามารถเลือกเครื่อง RF ที่เหมาะกับตัวเองได้
ประเภทเครื่อง | จุดเด่น | เหมาะกับใคร |
Monopolar RF (เช่น Thermage FLX) | พลังงานลงลึกถึงชั้นไขมันและ SMAS | ต้องการยกกระชับลึกทั่วหน้าและตัว |
Bipolar RF | อ่อนโยน ลงตื้น เหมาะกับผิวบอบบาง | ผู้เริ่มต้น หรือทำรอบดวงตา |
Morpheus8 (Fractional RF + เข็ม) | ยิงลึกแม่นยำมากถึง SMAS | ผิวหย่อนมาก, ต้องการผลชัดเจน |
Volnewmer / Inmode | มีระบบเย็น / รวมหลายเทคโนโลยี | ผู้ที่กลัวร้อน อยากลดไขมัน+กระชับพร้อมกัน |
Emface | รวม RF กับพลังแม่เหล็ก | ต้องการกระชับถึงระดับกล้ามเนื้อใต้ผิว |
หากยังไม่แน่ใจ ให้แพทย์ประเมินปัญหาและแนะนำเครื่องที่เหมาะสมกับบริเวณและสภาพผิวของคุณที่สุดค่ะ
เครื่อง RF ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
เครื่อง RF (Radio Frequency) คลื่นวิทยุความถี่สามารถฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น พลังงานจะถูกส่งลงไปยังชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว ซึ่งหลังจากทำแล้วจะช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายเรื่อง ดังนี้
1. ยกกระชับและลดความหย่อนคล้อย เครื่อง RF จะส่งพลังงานคลื่นทำให้เส้นใยคอลลาเจนเดิมหดตัวในทันที และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว ส่งผลให้ผิวแน่นขึ้น กระชับขึ้น และดูยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือแรงโน้มถ่วง เช่น แก้มล่าง ร่องแก้ม ลำคอ หรือใต้คาง ลดความหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ พลังของคลื่น RF ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ทำให้ขจัดของเสียและสารพิษใต้ผิวได้ดีขึ้น เซลล์ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ร่องตื้นให้ดูจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น มีความกระจ่างใสแบบธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ได้
3. กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด และซ่อมแซมผิว คลื่น RF จะช่วยทำให้เนื้อเยื่อผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้รวดเร็วจากการอักเสบหรือความเครียดของเซลล์ผิว นอกจากนี้มีส่วนช่วยในการปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอและมีชีวิตชีวาขึ้น
4. ลดเซลลูไลท์และสัดส่วนเฉพาะจุด ความร้อนที่เกิดจากคลื่น RF จะช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนัง พร้อมเพิ่มการไหลเวียนของน้ำเหลือง จึงช่วยสลายไขมันสะสมและลดลักษณะผิวเปลือกส้มในบริเวณต้นขา สะโพก หน้าท้อง หรือต้นแขนได้ดีขึ้น
5. ฟื้นฟูความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว ด้วยการกระตุ้นเซลล์ใหม่ ผิวจะมีความยืดหยุ่นและแน่นกระชับมากขึ้น พร้อมทั้งลดความแห้งกร้านจากการสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงในผิว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวแลดูเรียบเนียน แข็งแรง และชุ่มชื้นขึ้น
การทำ Radio Frequency เหมาะกับใคร?
Radio Frequency (RF) เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยบาง ๆ หรือไขมันสะสมเฉพาะจุด โดยไม่ต้องการผ่าตัดหรือพักฟื้น ผู้ที่เหมาะกับการทำ RF
- ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป เริ่มมีริ้วรอยหรือผิวไม่กระชับ
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า แก้ม คาง หรือกรอบหน้าโดยไม่ใช้เข็ม
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเล็กน้อยในบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา
- ผู้ที่ไม่ต้องการหยุดงานหรือพักฟื้นหลังทำหัตถการ
- ผู้ที่เคยทำ HIFU หรือเลเซอร์มาแล้ว และต้องการดูแลต่อเนื่อง
หากคุณยังไม่แน่ใจว่า RF เหมาะกับสภาพผิวของคุณหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดค่ะ
Radio Frequency สลายไขมันได้จริงไหม
เมื่อ Radio Frequency (RF) ส่งพลังงานลงสู่ชั้นไขมันจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิของเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันเกิดการแตกตัว แต่ผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การสลายไขมันอย่างรวดเร็วแบบการ ดูดไขมัน เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการปรับสัดส่วนหรือกระชับผิวร่วมด้วย
คลื่น RF สามารถทำตำแหน่งไหนได้บ้าง?
เนื่องจากเครื่อง RF มีความยืดหยุ่นในการรักษาสามารถปรับให้เหมาะกับลักษณะของผิวในแต่ละบริเวณได้ จึงสามารถใช้กับผิวได้หลายบริเวณดังนี้
- หน้าผากและระหว่างคิ้ว ช่วยลดริ้วรอยแนวนอนบนหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว และช่วยยกคิ้วให้ดูเปิดขึ้น
- รอบดวงตา กระชับผิวหนังเปลือกตาที่หย่อนคล้อย ลดถุงใต้ตา และริ้วรอยหางตา
- แก้ม ช่วยยกกระชับผิวบริเวณแก้ม ปรับโครงหน้าให้ได้รูป และลดไขมันสะสมบริเวณแก้มล่าง
- ร่องแก้มและข้างจมูก ลดความลึกของร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
- กรอบหน้าและใต้คาง เก็บกรอบหน้าให้ชัด ลดไขมันใต้คาง (เหนียง) และยกกระชับแนวขากรรไกร
- คางและลำคอ ฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณลำคอ และช่วยยกกระชับแนวกรอบล่างของใบหน้าให้สมดุล
- ต้นแขน ลดความหย่อนคล้อยบริเวณต้นแขน และฟื้นฟูผิวให้แน่นขึ้น
- หน้าท้อง กระชับผิวบริเวณหน้าท้องหลังคลอดหรือลดน้ำหนัก พร้อมลดไขมันเฉพาะจุด
- ต้นขาและสะโพก ลดลักษณะผิวเปลือกส้มและปรับสัดส่วนให้เรียบเนียน
ผลลัพธ์ของการทำ RF อยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เครื่อง Radio Frequency ที่เลือกใช้ ความยืดหยุ่นของผิว อายุ การใช้ชีวิต และการดูแลผิวหลังทำ หากต้องการให้ผิวกระชับอย่างต่อเนื่อง คงสภาพผิวที่ดีเอาไว้ แนะนำให้ทำซ้ำทุก 6 เดือนหรือปีครั้ง
วิธีดูแลหลังทำ Radio Frequency
หลังการทำควรดูแลผิวให้ดีอย่างถูกวิธี เพราะจะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว โดยมีวิธีดูแลผิวหลังทำเครื่อง RF ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแรงและการขัดถูผิว หลังทำอาจมีอาการผิวแดงเล็กน้อย หลีกเลี่ยงการนวด ขัด ในช่วง 24 – 48 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรือลอกเป็นขุย
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA, BHA หรือ Retinol และผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมเข้มข้นในช่วง 2 – 3 วันแรก เพราะผิวอาจบอบบางและไวต่อสารเคมี
- ทาครีมบำรุงและครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ หลังทำ ผิวอาจไวต่อแสงมากขึ้น จึงควรใช้ครีมเติมความชุ่มชื้นให้ผิว รวมถึงทาครีมกันแดดที่ทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดฝ้า กระ หรือ ผิวหมองคล้ำ จากแสงแดด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวร้อน ไม่ควรอาบน้ำร้อน อบซาวน่า หรือออกกำลังกายหนักที่ทำให้เหงื่อออกมากภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ เพราะผิวอาจระคายเคืองเพิ่มได้
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยขับของเสีย ใน 24 ชั่วโมงแรกควรดื่มประมาณ 3–4 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายขจัดของเสียและไขมันที่ถูกสลายออกไปได้รวดเร็วขึ้น และหลังจากนั้นควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเป็นประจำ
- ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันใหม่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์อื่นในระยะสั้น ใน 1–2 สัปดาห์แรกควรงดทำหัตถการอื่นที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม เช่น เลเซอร์ลอกผิว ทรีตเมนต์ที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ หรือการกรอผิว
เครื่อง RF ต่างกับ Hifu อย่างไร
เครื่อง RF ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงส่งผ่านเข้าสู่ผิว เพื่อให้เกิดความร้อนในระดับลึกที่ชั้นหนังแท้และใต้ผิวหนัง ความร้อนนี้จะกระตุ้นให้คอลลาเจนเดิมหดตัวและเร่งกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลลัพธ์คือผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และผิวโดยรวมดูแน่นขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง
ในขณะที่ HIFU ใช้พลังงานคลื่นเสียงความเข้มข้นสูง ยิงพลังงานแบบโฟกัสไปยังชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่รองรับกล้ามเนื้อและเป็นเป้าหมายเดียวกับการศัลยกรรมดึงหน้า การทำ HIFU จึงสามารถยกกระชับในระดับลึกกว่า RF ได้ชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า แก้ม และใต้คาง เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีโครงสร้างใบหน้าหย่อนคล้อย
RF กับ Thermage FLX มีความแตกต่างกันอย่างไร?
คลื่น RF ถูกเลือกใช้เพื่อดูแลผิวพรรณและใบหน้าอย่างแพร่หลาย ซึ่ง Thermage FLX คืออีกหนึ่งเครื่องยกกระชับที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar RF สามารถปล่อยพลังงานลงลึกสู่ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความแม่นยำ ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีระบบเซ็นเซอร์จับความร้อนบนผิว AccuREP ช่วยควบคุมความแม่นยำของพลังงานที่ปล่อยลงผิว มีหัวทิปหลายหัวสำหรับเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาในการรักษาที่น้อยลง แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม
ข้อดีของ Thermage FLX
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ใช้เวลาทำไม่นาน เพียง 40 – 90 นาที
- ยกกระชับทีนทีหลังทำประมาณ 30 % (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) เห็นผลเต็มที่ประมาณ 2 เดือนหลังทำ
- ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานประมาณ 1 – 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง สภาพผิว อายุที่เพิ่มขึ้น ของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน
RF ต่างกับ Morpheus8 อย่างไร?
คลื่น RF ถูกนำมาใช้ในเครื่องยกกระชับหลากหลายแบรนด์ โดย Morpheus8 คือหนึ่งในนวัตกรรมกระชับผิวที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ RF (Radiofrequency) ผสานกับ Microneedling เข็มขนาดเล็ก ที่สามารถช่วยให้ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น ลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวให้เกิดการหดตัวเล็กลง ช่วยจัดเรียงโครงสร้างชั้นผิวในระดับชั้นหนังแท้ให้เป็นระเบียบมากขึ้น
- คลื่นวิทยุ RF (Radiofrequency) คือพลังงานในรูปแบบ Monopolar RF ปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นผิวให้เกิดเป็นความร้อนขึ้น กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวให้เพิ่มขึ้น ซึ่งพลังงานจะถูกส่งตรงลงสู่ชั้นผิวที่กำหนดโดยไม่ทำร้ายเซลล์ผิวโดยรอบ ไม่ทำให้เกิดอาการผิวเบิร์น
- ไมโครนีดลิ่ง (Microneedling) คือเข็มขนาดเล็กจำนวนที่ใช้แทงผ่านชั้นผิวหนัง เพื่อให้พลังงานลงสู่ตำแหน่งที่ต้องการ สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจน อีลาสติน รวมถึงสลายไขมันได้เป็นอย่างดี ซ่อมแซมผิวให้กลับมาเรียบเนียนมากขึ้น ผิวกระชับเต่งตึง
ข้อดีของ Morpheus8
กระตุ้นคอลลาเจน ผิวเต่งตึงกระชับ เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
- ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ลดเลือนริ้วรอย
- สามารถทำได้ทั้งใบหน้าและลำตัว
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ปรับความลึกของเข็มที่จะส่งพลังงานลงผิวได้หลายระดับ ทำให้แก้ปัญหาได้ครอบคลุมมากขึ้น
- ผิวเฟิร์มกระชับ ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น
- เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล)
Radio Frequency ราคาเท่าไร
ราคาการทำเครื่อง RF จะแตกต่างกันไปมีราคาไม่เท่ากัน โดยขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น เครื่องที่เลือกใช้ บริเวณที่ทำ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ โดย Radio Frequency ราคาประมาณ 7,000 – 20,000 บาทต่อครั้ง ถ้าเจอราคาถูกกว่านี้ควรตรวจเช็กให้ดีว่าเป็นเครื่องของแท้ เพื่อความปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการทำ RF (Radio Frequency)
แม้ว่าเทคโนโลยี Radio Frequency หรือ RF จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการยกกระชับผิวและลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่หลายคนก็ยังมีข้อสงสัยก่อนตัดสินใจทำ เช่น ทำแล้วเจ็บไหม? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? หรือสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่? เพื่อให้คุณมั่นใจและวางแผนได้ง่ายขึ้น เราได้รวบรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการทำ RF พร้อมคำตอบจากทีมแพทย์ Vincent Clinic Aesthetic มาให้แล้วในส่วนนี้
Q : ทำ RF แล้วมีผลข้างเคียงไหม? อันตรายหรือเปล่า?
A : ไม่อันตรายค่ะ RF เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง และได้รับการรับรองจาก USFDA และ อย.ไทย แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นชั่วคราว เช่น อาการผิวแดงหรือรู้สึกอุ่นบริเวณที่ทำ ผิวอาจไวต่อแสงแดด 1-2 วันหลังทำ บางรายอาจมีอาการบวมน้ำเล็กน้อย โดยเฉพาะหากใช้เครื่องที่ลงลึกมาก หากใช้เครื่องที่ได้มาตรฐานและทำโดยผู้เชี่ยวชาญ อาการเหล่านี้มักหายภายใน 1-2 วัน และไม่ก่อให้เกิดอันตรายระยะยาวค่ะ
Q : ต้องทำ Radio Frequency กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
A : เห็นผลเบื้องต้นได้ทันทีหลังทำ 1 ครั้ง เช่น ผิวดูตึงขึ้น หน้าตึงกระชับ ขึ้นเล็กน้อย ผลลัพธ์เต็มที่ จะเริ่มเห็นชัดใน 1-3 เดือน เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ แนะนำทำ 3-5 ครั้งต่อคอร์ส แล้วค่อยทำซ้ำทุก 6 เดือน-1 ปี เพื่อคงสภาพผิว ผู้ที่มีผิวอายุมากหรือผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องทำถี่ขึ้นในช่วงแรกนะคะ
Q : ทำ RF แล้วต้องพักฟื้นไหม?
A : ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังการทำ RF เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ทำให้เกิดบาดแผล ไม่มีเลือดออก และไม่มีการทำลายผิวชั้นบนโดยตรง หลังทำเสร็จสามารถแต่งหน้า กลับไปทำงาน หรือทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติทันที อาจมีเพียงอาการแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายได้เองในไม่กี่ชั่วโมง
Q : RF เจ็บไหมตอนทำ? ต้องใช้ยาชาหรือเปล่า?
A : ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาค่ะ ยกเว้นในบางกรณีที่แพทย์เห็นว่าสมควร เช่น พื้นที่ใหญ่หรือผู้ที่กลัวเจ็บมาก ส่วนความรู้สึกขณะทำ RF จะแตกต่างกันตามประเภทของเครื่องและระดับพลังงานที่ใช้ เครื่อง RF บางรุ่น (เช่น Monopolar RF) อาจรู้สึกร้อนลึกและเจ็บเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบางหรือลงลึกถึงชั้นไขมัน ส่วนเครื่องรุ่นใหม่อย่าง Thermage FLX หรือ Volnewmer มักมีระบบเย็นหรือระบบสั่นช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย
Q : สามารถทำ RF ร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่?
A : ได้ค่ะ สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น โบท็อกซ์ ทำได้ก่อนหรือหลัง RF ตามคำแนะนำของแพทย์ และเลเซอร์หน้าใส หรือ IPL ควรเว้นช่วงห่าง 1-2 สัปดาห์ HIFU ทำได้โดยแยกวันหรือเว้น 2-4 สัปดาห์เพื่อให้พลังงานไม่รบกวนกัน
Q : ควรเว้นระยะห่างเท่าไหร่ระหว่างการทำ RF แต่ละครั้ง?
A : การทำ RF ควรเว้นระยะห่างประมาณ 1-4 สัปดาห์ต่อครั้ง ขึ้นกับสภาพผิวและชนิดของเครื่องกรณีฟื้นฟูผิวทั่วไป ทำทุก 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง เครื่องพลังงานสูง เช่น Thermage ทำปีละ 1–2 ครั้งก็เพียงพอ
Q : RF ใช้เวลาในการทำกี่นาที?
A : ระยะเวลาในการทำ RF อยู่ที่ประมาณ 30-60 นาที ขึ้นกับบริเวณที่ทำ เช่น เฉพาะใบหน้า ประมาณ 30-40 นาที, ทั่วหน้ารวมลำคอ ประมาณ 45-60 นาที, บริเวณลำตัวหรือลดไขมัน อาจใช้เวลานานขึ้น 60-90 นาที แต่เครื่องรุ่นใหม่อย่าง Thermage FLX ใช้เวลาน้อยลงและครอบคลุมมากขึ้นด้วย
Q : เครื่อง RF ช่วยลดเหนียงหรือแก้มได้จริงไหม?
A : สามารถช่วย ลดแก้ม ลดเหนียง ได้จริงค่ะ โดย RF จะส่งพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมันและชั้นผิวหนัง ทำให้ไขมันบริเวณใต้คางหรือเหนียง และแก้มล่างหดตัวพร้อมกระชับผิวให้ตึงขึ้น
Q : คนผิวบาง ผิวแพ้ง่าย ทำ RF ได้หรือเปล่า?
A : สำหรับผู้ที่ ผิวแพ้ง่าย หรือ ผิวบาง สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง โดยแพทย์จะปรับระดับพลังงานให้เหมาะกับผิว เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือแดงหลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดแรง ๆ ก่อน-หลังทำ หรืออาจเลือกเครื่อง RF ที่มีระบบหัวเย็น, คลื่นแบบ Bipolar ซึ่งอ่อนโยนกว่า ทั้งนี้ก่อนทำควรให้แพทย์ตรวจสภาพผิวและสอบถามประวัติแพ้ เพื่อวางแผนการทำ RF อย่างปลอดภัย
สรุป
Radio Frequency (RF) เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงที่ส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวหนังลึกโดยไม่ทำลายผิวด้านนอก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย และสลายไขมัน สามารถทำได้หลายบริเวณทั้งใบหน้า และร่างกาย ในปัจจุบันมีให้เลือกใช้อยู่หลายยี่ห้อ หากต้องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของผิว สามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำอย่างละเอียดค่ะ