โปรแกรมร้อยไหม 1920x570px
โปรแกรมร้อยไหม430x530px

ร้อยไหม หัตถการที่ตอบโจทย์คนอยากหน้าเรียว หน้าหย่อนคล้อย มีแก้มห้อย ให้กลับมายกกระชับ ใบหน้าวีเชพได้รูป เห็นผลไวไม่ต้องรอนาน เป็นการดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) ซึ่งเป็นการใช้เส้นไหมร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินให้เพิ่มขึ้น โดยหากใครที่ยังมีความกังวลว่าอันตรายไหม ผลลัพธ์อยู่ได้กี่เดือน ทำแล้วหน้าบวมนานไหม ราคาเท่าไหร่บ้าง สามารถติดตามอ่านรายละเอียดได้จากบทความนี้

ร้อยไหม

ร้อยไหม ดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด อันตรายไหม ใช้กี่เส้นถึงเห็นผล?

อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ร้อยไหม คืออะไร?

ร้อยไหม คือหัตถการที่ช่วยยกกระชับใบหน้าด้วยการใช้ไหมละลายที่ถูกออกแบบมาให้มีเงี่ยงอยู่รอบเส้นไหม สอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังแล้วเกี่ยวดึงผิวยกขึ้นมา ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ยกกระชับ ปรับรูปหน้า ดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเส้นไหมที่ใช้นั้นสามารถสลายไปได้เอง

ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

ร้อยไหม ได้รับความนิยมมาก เพราะสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องของรูปหน้าให้เข้าที่ได้ตามต้องการ ซึ่งสามารถช่วยได้หลายเรื่อง ดังนี้
  • ปรับรูปหน้าเรียว ยกกระชับ หน้าวีเชพ
  • แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย แก้มห้อย
  • ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก ช่วยให้ตาดูเฉี่ยวขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เพิ่มขึ้น
ร้อยไหม

ร้อยไหม เหมาะกับใครบ้าง?

ร้อยไหม เป็นหัตถการที่เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหารูปหน้าได้อย่างเห็นผล เห็นผลเร็ว ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหาต่อไปนี้
  • เหมาะกับคนที่กรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่เรียว อยากปรับรูปหน้าให้มีมิติมากขึ้น
  • เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อย แก้มห้อย ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
  • เหมาะกับคนที่อยากดึงหน้า ต้องการเห็นผลไว โดยไม่ต้องผ่าตัด เพราะหลังร้อยไหมสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ทันที มีแผลเล็ก ๆ เพียงรูเข็มเท่านั้น
  • เหมาะกับคนที่มีปัญหา เช่น หางตาตก คิ้วตก หนังตาตก หรือบริเวณมุมปากตก เป็นต้น

ร้อยไหม ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

ร้อยไหม ถึงแม้จะสามารถทำได้กับทุกคน แต่ก็ยังคงมีข้อยกเว้นสำหรับบางกลุ่ม ดังนี้
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาในเรื่องของผิวอักเสบติดเชื้อ
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของเส้นไหม จริงต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจให้อีกครั้ง
  • ไม่เหมาะกับคนที่เคยมีประวัติแพ้ยาชา
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะของเลือดไหลไม่หยุด ต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินความเสี่ยงก่อนทำ
  • ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  • ไม่เหมาะกับคนที่โหนกแก้มมีลักษณะใหญ่หรือสูงกว่าปกติ เพราะหลังทำแล้วจะส่งผลให้ใบหน้าดูตอบมากขึ้น

ร้อยไหม ใช้วัสดุแบบไหน?

ร้อยไหมหน้าเรียว มีเส้นไหมที่ใช้ทำหัตถการด้วยกันหลายชนิด โดยชนิดที่นิยมเลือกใช้คือไหมละลายซึ่งมีด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่
  • ไหม PDO (Polydioxanone) เป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตไหมละลายซึ่งเป็นชนิดเดียวกับไหมที่ใช้ในการป่าตัดเย็บหลอดเลือดหัวใจ มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงสูง ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ จึงได้รับความนิยมใช้กันมาก
  • ไหม PLLA (Polylactic Acid) เป็นไหมที่มีความแข็งแรงและทนทานสูง สามารถอยู่ได้นาน แต่เปราะ แตกหักง่าย เส้นไหมไม่มีความยืดหยุ่น
ไหม PCL (Polycaprolactone) เป็นไหมที่มีความเหนียว ยืดหยุ่นสูง สีของเส้นไหมเป็นสีใส เส้นไหมสามารถขยับได้ตามใบหน้า ช่วยลดโอกาสที่เส้นไหมจะขาดให้น้อยลง

ร้อยไหม มีเส้นไหมแบบไหนบ้าง?

ร้อยไหมหน้า เป็นนวัตกรรมยกกระชับที่ได้รับความนิยมมาก จึงได้มีการพัฒนาเส้นไหมออกมาหลายชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป แพทย์สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาและความต้องการของแต่ละรายบุคคล ดังนี้
  • ไหมเรียบตรง เป็นเส้นไหมที่ช่วยเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยเรื่องหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น กระชับรูขุมขน ผิวแน่นขึ้น แต่ไม่สามารถยกกระชับได้เพราะเป็นไหมแบบเรียบไม่มีเงี่ยงที่ช่วยยกกระชับ
  • ไหมแบบเกลียว เป็นเส้นไหมที่มีลักษณะแบบพันเป็นเกลียว เมื่อร้อยเข้าไหใต้ชั้นผิวจึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ผิวอิ่มฟูเต็มขึ้น ผิวมีวอลลุ่ม
  • ไหมเงี่ยงแบบบาก เป็นเส้นไหมที่ใช้เลเซอร์บากผิวเส้นไหมให้เป็นเงี่ยงออกมา ถึงแม้จะช่วยยกกระชับได้แต่ก็มีโอกาสที่ไหมจะขาดได้ง่ายเช่นกัน เพราะเส้นไหมไม่แข็งแรงเนื้อจากถูกบากออกจนเนื้อไหมบาง
  • ไหมเงี่ยงแบบหล่อ เส้นไหมชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นด้วยการหล่อแม่พิมพ์ขึ้นมา เนื้อเส้นไหมจึงมีความแข็งแรง ออกแบบเงี่ยงแบบรอบทิศทาง เกาะผิวได้แน่น แรงในการยกกระชับผิวจึงมีมากกว่า 
  • ไหมแบบกรวย เป็นลักษณะของเส้นไหมที่มีกรวย 3 มิติ ขนาดกว้างกว่าแบบเงี่ยงอยู่รอบเส้นไหม ไม่บาดผิว ลดอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ สามารถเกาะผิวได้ดี เนื่องจากเป็นไหมที่มีขนาดใหญ่จึงมีความซับซ้อนในการร้อยไหมที่เยอะกว่า หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญเทคนิคการร้อยไหมจะทำให้เกิดอาการปูดเป็นปมขึ้นมา ผิวไม่เรียบเนียน
ไหมโครงตาข่าย เส้นไหมนี้จะมีลักษณะที่แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ ด้านในจะหล่อยเป็นแบบเงี่ยง 3 มิติรอบตัวไหม ส่วนด้านนอกจะเป็นเส้นใยโครงตาข่ายอยู่รอบตัวไหมแบบ 360 องศา ไหมชนิดนี้จึงมีความแข็งแรง ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิวได้ดี ผิวเต่งตึง ผิ่มฟูมากขึ้น

ร้อยไหม ใช้เข็มแบบไหนบ้าง?

การร้อยไหม เป็นการใช้เข็มเพื่อนำเอาเส้นไหมเข้าสู่ใต้ชั้นผิว ดังนั้นตัวเข็มที่ใช้จึงส่งผลกับการร้อยไหม โดยเข็มแต่ละประเภทก็มีแตกต่างกันออกไป โดยแพทย์สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละรายและความถนัดของแพทย์แต่ละคน ดังนี้ 
  • เข็มแหลม เป็นเข็มที่มีโอกาสตัดผ่านเส้นเลือดเล็ก ๆ ทำให้เกิดอาการบวมเลือดได้ แต่สามารถสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ และต้องใช้ความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้เข็มไปตัดโดยเส้นเลือดใหญ่
  • เข็มทู่ เป็นเข็มที่มีขนาดใหญ่กว่าเข็มทู่ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ถึงแม้จะไม่ทำให้เส้นเลือดขาดได้ง่ายเท่าเข็มแหลม แต่อาจทำให้เกิดอาการบวมช้ำและบวมน้ำได้มากกว่า
  • เข็มตัด เป็นเข็มที่มีลักษณะกึ่งแหลมกึ่งทู่ ยังคงมีความคมอยู่บ้างแต่อาจจะไม่เท่ากับเข็มแหลม
  • เข็ม L ถูกพัฒนาขึ้นมาจากเข็มตัดสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดอาการบวมน้ำหลังทำน้อยลง ทั้งยังช่วยให้เส้นเลือดสมานตัวได้ดีกว่าอีกด้วย

ร้อยไหม ที่ Vincent Clinic เลือกใช้เส้นไหมแบบไหน?

ร้อยไหม ที่ Vincent Clinic เลือกใช้ไหมมิ้นท์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อการยกกระชับโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังเป็นเส้นไหมที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย อีกด้วย ลักษณะของเส้นไหมมีขนาดยาว แข็งแรง มีเงี่ยงรอบเส้นไหม 360 องศา ยึดเกาะผิวได้ดี มีแรงยกผิวได้มากกว่า จึงสามารถช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้าเรียว กระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ดีกว่า ซึ่งมีด้วยกัน 3 รุ่น ดังนี้

  • Mint Fine ไหมรุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยไม่มากถึงระดับปานกลาง สามารถยกกระชับใบหน้า ลำคอ และช่วยยกคิ้วได้ดี
  • Mint Easy เหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยระดับกลางถึงมาก ช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาคางสองชั้น
  • Mint Mono ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ผิวอิ่มฟูเต็มขึ้น หน้าดูเด็กลง
ร้อยไหม

ร้อยไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

  • หลัง ร้อยไหม อาจเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ เพราะเป็นการใช้เข็มนำไหมเข้าไปใต้ชั้นผิว จึงทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ดังนี้
  • อาจเกิดอาการบวมหรือเขียวช้ำขึ้นได้ แต่สามารถหายไปได้เองใน 1 – 2 สัปดาห์
  • ระหว่างทำอาจรู้สึกว่ามีเส้นไหมกำลังถูกร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวได้
  • ตามรอยเข็มอาจเกิดเลือดซึมออกมาได้บ้าง
  • หากทำกับหมอเถื่อน แพทย์ไม่มีประสบการณ์ไม่เชี่ยวชาญเทคนิคการร้อยไหม หรือใช้เส้นไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดอาการไหมทะลุ ไหมขาด เกิดการอักเสบติดเชื้อขึ้นได้

ร้อยไหม ทำไมทำให้เกิดอาการหน้าบวม?

หลัง ร้อยไหม มีโอกาสเกิดอาการหน้าบวมได้ โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ด้วยกันอยู่ 4 ปัจจัย ดังนี้
  • ปัจจัยจากเนื้อแก้มเยอะหรือดึงหน้าเยอะเกินไป

    สำหรับคนที่มีเนื้อแก้มเยอะจะทำให้ดึงผิวได้น้อย หรือหากดึงเยอะอาจทำให้เนื้อแก้มขึ้นไปกองด้านบนเยอะ ส่งผลให้หน้าดูบวมได้ ต้องรอให้ไหมคลายตัวลง และอาจเกิดอาการหน้าบวมได้นานขึ้นกว่าปกติ อาจจะเลือกทำหัตถการอื่นที่ช่วยลดไขมัน ลดแก้มให้น้อยลงก่อนที่จะเข้ามาทำร้อยไหมหน้าเรียว
  • ปัจจัยจากการดึงไหมผิดแนว

    สำหรับการร้อยไหมนั้นจะเน้นไปที่การช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของแก้มที่ใกล้กับบริเวณมุมปาก หรือกรอบหน้า ซึ่งหากไปดึงบริเวณร่องแก้มจะทำให้เนื้อที่ดึงขึ้นไปกองอยู่ที่โหนกแก้มดูใหญ่ขึ้น หน้าจึงดูบวม
  • ปัจจัยจากการอักเสบติดเชื้อ

    ในช่วง 3 – 4 วันแรกหลังร้อยไหมอาจเกิดอาการบวมขึ้นได้ และจะเริ่มยุบลงไปได้เอง แต่หากในช่วงเวลานั้นมีอาการบวมแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ แนะนำให้รีบเข้าไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อรีบทำการรักษา
  • ปัจจัยจากการบวมเลือดหรือบวมน้ำ

    อาการบวมเลือด คือ อาการที่เลือดออกในชั้นผิว (Hematoma)อาการบวมน้ำ คือ อาการที่มีน้ำไปคั่งอยู่ในชั้นผิวจากการอักเสบ (Edema)ซึ่งอาการทั้ง 2 นี้จะสามารถยุบหายไปได้เองใน 2 – 3 สัปดาห์ โดยไม่เกิดอันตรายใด ๆ

ร้อยไหม เจ็บไหม?

 ระหว่าง ร้อยไหม อาจรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกว่ามีเส้นไหมถูกร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวได้บ้างขึ้นอยู่กับความไวต่อความรู้สึกของแต่ละคน ซึ่งจะมีการใช้ยาชารวมด้วยเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บให้ลดลงได้

ร้อยไหม กี่วันเห็นผล สามารถอยู่ได้นานกี่เดือน?

หลัง ร้อยไหม สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ทันทีหลังทำ (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นผลเต็มที่ใน 1 เดือน ผลลัพธ์หลังทำสามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน โดยไหมจะเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวช่วยประคองให้ผิวยกกระชับ ทำให้หลังจากที่เส้นไหมละลายไปแล้วผลลัพธ์จะยังคงอยู่ต่อได้อีก 12 – 18 เดือน

ร้อยไหม/ฟิลเลอร์/โบท็อกซ์/Ulthera ต่างกันอย่างไร?

การร้อยไหม เหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยมาก ๆ มีปัญหาแก้มห้อยเยอะ ช่วยปรับรูปหน้าเรียวสวยได้รูป หน้าดูเด็กลง ซึ่งต่างจากหัตถการอื่น ๆ ดังนี้

    • ฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่เหมาะกับคนที่ต้องการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป เช่น เติมเต็มร่องแก้ม แก้ปัญหาใต้ตาลึกโบ๋ เติมแก้มตอบให้ผิวอิ่มฟูเต็มขึ้น และช่วยปรับรูปหน้า
    • ฉีดโบท็อก เป็นหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาคนที่มีกล้ามเนื้อเยอะ มีปัญหากรามใหญ่ รวมถึงช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ทั้งรอบดวงตาและรอยพับบริเวณหน้าผากให้เรียบเนียนขึ้น
    • Ulthera เครื่องยกกระชับที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยไม่มาก และมีความกลัวเข็ม

ร้อยไหมหน้าเรียว ใช้กี่เส้น?

ร้อยไหม ในแต่ละรายบุคคลใช้จำนวนเส้นไหมไม่เท่าไหร่ ซึ่งแต่ละเคสใช้ไม่เท่ากัน โดยปกติจะใช้ไหมข้างละประมาณ 3 – 10 เส้น โดยต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยจากขนาดเนื้อแก้ม ความหนาแน่นของผิว รวมถึงตำแหน่งที่ต้องทำ แนะนำให้เข้าไปพบแพทย์โดยตรงเพื่อให้แพทย์ได้ประเมินจากใบหน้าจริงจะได้วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

หลังร้อยไหม ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

หลัง ร้อยไหม เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและไม่เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงตามมา จึงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
  • หลังร้อยไหม อาจเกิดอาการบวมแดงหรือช้ำขึ้นได้ ซึ่งสามารถหายไปได้เองใน 2 – 3 วัน
  • งดนวด แกะ เกา หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ร้อยไหมในช่วงแรก เพื่อให้ไหมเข้าที่
  • งดการขยับหน้า งดการแสดงสีหน้าอารมณ์เยอะ ๆ เพราะอาจทำให้ไหมหลุดหรือเกิดการเคลื่อนผิดตำแหน่ง
งดทำเลเซอร์หรือเครื่องยกกระชับ ที่ทำให้เกิดความร้อน ในช่วง 1 – 2 เดือนหลังทำ หากต้องการทำสามารถปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเคสเพื่อให้แพทย์ช่วยวางแผนการรักษาที่เหมาะสมมากที่สุด

สรุป

ร้อยไหม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการดูแลรูปหน้าให้เรียวสวย ใบหน้าได้รูป ยกกระชับใบหน้า เหมาะกับคนที่มีปัญหาใบหน้าที่หย่อนคล้อยมาก แก้มห้อยเยอะ อยากดึงหน้าแต่ไม่อยากผ่าตัด สามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวให้แน่นขึ้น หลังเส้นไหมละลายไปแล้วจึงสามารถประคองให้ผลลัพธ์ใบหน้ากระชับยังคงอยู่ต่อได้ สำหรับใครที่อยากมีหน้าเรียว อยากยกกระชับใบหน้าจากความหย่อนคล้อย สามารถเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์มากประสบการณ์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการร้อยไหมของ Vincent Clinic ได้เลยค่ะ

Scroll to Top