ยกกระชับหน้า เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ตึงกระชับ ต้องการแก้ปัญหา ผิวหย่อนคล้อย ที่ทำให้ไม่มั่นใจ ใบหน้าดูไม่สดใส กลับมาอ่อนเยาว์ ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักกับวิธียกกระชับใบหน้าว่ามีวิธีแบบไหนบ้าง แต่วิธีเหมาะกับผิวแบบไหน และอีกหลายๆ เรื่องที่ทุกคนอยากรู้ค่ะ
Key Takeaways
- ยกกระชับหน้า คือการฟื้นฟูผิวให้เต่งตึง ลดความหย่อนคล้อย โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลชัดเจนและปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์เฉพาะทาง
- การยกกระชับหน้า มีเทคนิคหลากหลาย เช่น HIFU, Ulthera, Thermage, ร้อยไหม, ฟิลเลอร์, โบท็อกซ์, Sculptra และการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งเหมาะกับปัญหาและช่วงอายุที่ต่างกัน
- วิธีแบบใช้เครื่องมือแพทย์ ให้ผลเร็วและลึกกว่าวิธีธรรมชาติ เช่น ครีมบำรุงหรือนวดหน้า
- แต่ละเทคนิคมีระยะเวลาการเห็นผลและความคงอยู่ต่างกัน เช่น HIFU 6 เดือน, Thermage 1–2 ปี, Sculptra 2 ปี, ผ่าตัดอยู่ได้นาน 5–10 ปี
- การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับ ระดับความหย่อนคล้อย อายุ และโครงสร้างผิว ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
- การดูแลก่อน–หลังทำ เป็นหัวใจสำคัญของการยกกระชับหน้าให้ปลอดภัยและอยู่ได้นาน
- ควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรีวิวจริง เพื่อความมั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัย
- FAQ ตอบข้อสงสัยยอดนิยม เช่น ทำร่วมกับฟิลเลอร์ได้ไหม ผิวแพ้ง่ายทำได้หรือไม่ ทำช่วงตั้งครรภ์ได้หรือเปล่า ฯลฯ
- การยกกระชับหน้าสามารถช่วยให้ ใบหน้าดูเด็กลง กรอบหน้าชัดเจนขึ้น และคืนความมั่นใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ยกกระชับหน้าคืออะไร?
ยกกระชับหน้า คือการฟื้นฟูผิวและปรับรูปหน้าให้เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย ผิวยุบตัว หรือกรอบหน้าไม่ชัด การยกกระชับช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง รวมถึงกระตุ้นการหดตัวของเนื้อเยื่อในชั้นลึก ทำให้ผิวแน่นขึ้น ดูเรียบเนียนขึ้น และลดสัญญาณของความร่วงโรยตามวัย วิธีการมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบใช้พลังงาน หรือเทคนิคเฉพาะด้านการแพทย์ความงาม ซึ่งจะเลือกใช้ตามลักษณะผิวและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ยกกระชับหน้าเหมาะกับใคร?
ปัญหา หน้าหย่อนคล้อย สามารถเกิดได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ว่าจะเป็นจากอายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หรือปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดดและมลภาวะ โดยคนที่เหมาะกับยกกระชับหน้ามีดังนี้
- ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของผิวหย่อนคล้อย มีปัญหาบนใบหน้า เช่น บริเวณแก้มล่างหย่อนคล้อย เริ่มมี ร่องแก้ม มีเหนียง หรือแนวกรอบหน้าเริ่มไม่ชัด
- คนอายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะช่วงวัยนี้ร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ไม่กระชับเหมือนเดิม
- ผู้ที่มีพฤติกรรมส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือไม่ดูแลผิวจะเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว และผิวหย่อนคล้อยได้ง่าย
- ผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดและมลภาวะ ที่เป็นปัจจัยในการทำลายโครงสร้างผิวได้ เพราะรังสียูวีสามารถทำลายคอลลาเจนใต้ผิว ส่งผลให้เกิด ริ้วรอย ผิวไม่กระชับ และฝุ่นควันในก็ทำให้ผิวหมองคล้ำ เสื่อมสภาพ
- ผู้ที่น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงบ่อย เมื่อลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว และน้ำหนักกลับขึ้นมาใหม่จะทำให้ผิวปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของปริมาณไขมันได้ไม่ทัน ใบหน้าจึงหย่อนคล้อย เสียสมดุล
ยกกระชับหน้าแบบธรรมชาติกับเทคโนโลยีต่างกันอย่างไร?
การยกกระชับหน้าเพื่อฟื้นฟูความเต่งตึงและลดความหย่อนคล้อยสามารถทำได้ทั้งแบบธรรมชาติและด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
- ยกกระชับหน้าแบบธรรมชาติ เช่น การนวดหน้า การทาครีมบำรุง หรือการทานอาหารเสริม ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง ชะลอความเสื่อมของคอลลาเจน และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวได้ในระยะยาว แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ และใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล อีกทั้งไม่สามารถเข้าถึงปัญหาในชั้นผิวลึกได้
- ยกกระชับหน้าแบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การใช้คลื่นพลังงานสูง หรือคลื่นวิทยุ ที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิวให้เรียบเนียนไม่หย่อนคล้อย สามารถทำให้ หน้าตึงกระชับ มากขึ้น และเห็นผลลัพธ์ได้ไว ชัดเจนกว่าการกระชับหน้าดูแลด้วยตัวเอง
เทคนิคยกกระชับหน้าที่ได้รับความนิยม มีอะไรบ้าง?
เมื่อโครงสร้างผิวเริ่มอ่อนแอลงตามวัย ความหย่อนคล้อยก็กลายเป็นปัญหาหลักที่หลายคนกังวล ปัจจุบันมีเทคนิคยกกระชับใบหน้าหลายรูปแบบ ตั้งแต่วิธีไม่ต้องผ่าตัด ไปจนถึงหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนในระยะยาว โดยแต่ละวิธีเหมาะกับปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน
พลังงานอัลตราซาวน์ยกกระชับผิว
การยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ เช่น Hifu, Ulthera, Ultraformer เป็นเทคโนโลยีที่ส่งพลังงานยิงลงไปลึกถึงชั้น SMAS ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งจะกระตุ้นการหดตัวของเนื้อเยื่อ และการสร้างคอลลาเจนใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเห็นผลบางส่วนทันที และเห็นผลชัดเจนเต็มที่ใน 2 – 3 เดือน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยตั้งแต่เล็กน้อยถึงมาก
คลื่นวิทยุกระชับผิว
เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radio Frequency หรือ RF) เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการกระชับผิวหน้าและปรับรูปหน้าให้เรียบตึงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้พลังงาน RF ส่งลงสู่ผิวชั้นลึก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และช่วยสลายไขมันสะสมในบางบริเวณ เช่น เหนียง แก้ม หรือกรอบหน้าที่ไม่ชัดเจน โดยในปัจจุบันมีอยู่หลายยี่ห้อ เช่น Thermage, Morpheus8, และ Volnewmer ต่างมีรูปแบบการปล่อยพลังงานและความลึกในการรักษาที่เหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน หลังทำจะเห็นชัดขึ้นในช่วง 2–3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน
ร้อยไหมยกกระชับผิว
ร้อยไหมจะใช้ไหมทางการแพทย์ที่มีเงี่ยงสามารถละลายได้สอดเข้าไปใต้ผิว จากนั้นเงี่ยงไหมจะยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวเมื่อดึงไหมขึ้นผิวจะตึงกระชับขึ้นทันที และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก ต้องการเห็นผลเร็ว โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือนขึ้นอยู่กับชนิดของไหม อาจมีอาการบวมช้ำหลังทำเล็กน้อย ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย
Collagen Biostimulator
Collagen Biostimulator เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากอายุหรือความหย่อนคล้อยตามธรรมชาติ หลังฉีดจะกระตุ้นให้ร่างกายค่อยๆ สร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวแน่นขึ้น อิ่มฟู เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในระยะยาว ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ เช่น Sculptra ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น PLLA และ Radiesse ที่มี CaHA นอกจากนี้ยังมีตัวที่ผสมสารกระตุ้นคอลลาเจนร่วมกับกรดไฮยาลูรอนิกทำให้ผิวดูชุ่มชื้นหลังฉีด และกระตุ้นคอลลาเจนไปด้วย เช่น Juvelook, HarmonyCa โดยจะเห็นผลภายใน 2 – 3 เดือนหลังฉีดและอยู่ได้นานประมาณ 1–2 ปี
ฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์สามารถช่วยยกกระชับผิวได้โดยการคลายกล้ามเนื้อที่ดึงผิวลง เช่น แนวกรอบหน้า คอ หรือกราม ทำให้ผิวดูตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้หย่อนคล้อยจากกล้ามที่ดึงผิว หลังฉีดจะเห็นผลภายใน 1 – 2 สัปดาห์ อยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เลือกใช้
ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็ม
ฟิลเลอร์เป็นกรดไฮยาลูรอนิกที่ช่วยเติมเต็มจุดที่ยุบหรือมีร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือขมับ ทำให้ใบหน้าดูเต็ม และยกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าโทรม กระดูกทรุดตัวทำให้หน้าหย่อนคล้อยเกิดร่องลึก โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ รุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และตำแหน่งที่ฉีด
ผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้า เป็นการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิว กล้ามเนื้อ และไขมันให้กลับมาตึงกระชับ ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นผลชัดได้เจนที่สุด และอยู่ได้นานหลายปี เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ผิวไม่มีความกระชับ หรือคอลลาเจนน้อยมากๆ และลองใช้วิธีอื่นในการยกกระชับผิวหน้าแล้วแต่ไม่เห็นผล รวมถึงต้องการผลลัพธ์ถาวร แต่การผ่าตัดจะมีระยะพักฟื้นและความเสี่ยงสูงกว่าวิธีอื่น จึงควรพิจารณาให้รอบคอบ และทำกับศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญสูง
เทคนิคไหนเหมาะกับช่วงอายุเท่าไหร่?
ปัญหาไม่กระชับต้องการ ยกกระชับผิว ซึ่งแต่ละวิธีก็จะเหมาะกับช่วงอายุ และปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป โดยทำตารางเปรียบเทียบให้ดูดังนี้
เทคนิค | ช่วงอายุที่เหมาะ | ปัญหาที่เหมาะสม |
---|---|---|
HIFU | 25 – 40 ปี | ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย |
Ulthera | 30 – 50 ปี | ผิวหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก |
Thermage | 30 – 55 ปี | ผิวหย่อนคล้อยร่วมกับไขมันส่วนเกิน |
ร้อยไหม | 35 – 55 ปี | ผิวหย่อนคล้อยชัด |
Sculptra | 30 – 55 ปี | ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง |
โบท็อกซ์ | 25 – 45 ปี | ผิวหย่อนจากกล้ามเนื้อดึงผิว |
ฟิลเลอร์ | 30 – 55 ปี | ผิวหย่อนคล้อยจากกระดูกกล้ามเนื้อทรุดตัว |
ผ่าตัดดึงหน้า | 50 ปีขึ้นไป | ผิวหย่อนคล้อยมาก ไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น |
เปรียบเทียบเทคนิคยกกระชับหน้าต่าง ๆ
วิธีในแต่ละวิธีการยกกระชับถึงแม้จะช่วยยกกระชับหน้าไม่เหมือนกัน แต่มีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป โดยจะขอเปรียบเทียบให้ดูเป็นตาราง ดังนี้
เทคนิค | หลักการทำงาน | ระยะเวลาในการเห็นผล | ระยะเวลาของผลลัพธ์ |
---|---|---|---|
HIFU | ใช้คลื่นอัลตราซาวน์ยิงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน | เห็นผลบางส่วนทันที ชัดเจนใน 2 – 3 เดือน | 5 – 6 เดือน |
Ulthera | ใช้คลื่นเสียงแบบ Focused Ultrasound มองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ลงลึกถึงชั้น SMAS | เห็นผลทันทีบางส่วน ชัดเจนใน 2 – 3 เดือน | 1 – 2 ปี |
Thermage | ใช้คลื่นวิทยุ RF กระตุ้นคอลลาเจนและลดไขมันใต้ผิว | เห็นผลทันทีบางส่วน ชัดเจนใน 2 – 3 เดือน | 1 – 2 ปี |
ร้อยไหม | ใช้ไหมละลายที่มีเงี่ยงช่วยดึงผิวขึ้นและกระตุ้นคอลลาเจน | เห็นผลทันทีหลังทำ | 6 – 12 เดือน |
Sculptra | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลึกจากภายใน | ค่อย ๆ เห็นผลใน 2 – 3 เดือน | 2 ปี |
โบท็อกซ์ | คลายกล้ามเนื้อที่ดึงผิวลง เช่น คอ กราม กรอบหน้า | เห็นผลใน 1 – 2 สัปดาห์ | 3 – 6 เดือน |
ฟิลเลอร์ | เติมเต็มจุดยุบที่ทรุดตัว จุดที่ยกใบหน้าได้ | เห็นผลทันทีหลังฉีด | 6 – 24 เดือน |
ผ่าตัดดึงหน้า | ผ่าตัดยกผิว กล้ามเนื้อ และไขมันกลับตำแหน่งเดิม | เห็นผลทันทีหลังแผลหายและยุบบวม | 5 – 10 ปี |
ยกกระชับหน้า วิธีไหนดีที่สุด
วิธียกกระชับหน้าที่ดีที่สุด คือวิธีที่เหมาะกับปัญหาของคุณมากที่สุด การประเมินโดยแพทย์จากสภาพผิวจริง เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเทคนิคที่ให้ผลชัดเจน ปลอดภัย และคุ้มค่าในระยะยาว แต่เราขอสรุปมาให้เข้าใจง่ายตามนี้ค่ะ
- HIFU / Ultraformer / Ulthera ดีที่สุดสำหรับคนอายุ 25–45 ปีที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง อยากยกกระชับโดยไม่เจ็บ ไม่พักฟื้น เห็นผลเรื่อยๆ ใน 2–3 เดือน
- Thermage / Morpheus8 ดีที่สุดสำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกิน + ผิวไม่กระชับ เช่น แก้มย้อย เหนียง เหมาะมาก เพราะช่วยยก + เผาผลาญไขมัน
- ร้อยไหม ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากเห็นผลยกทันทีในระดับชัดเจน และมีความหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก โดยไม่อยากผ่าตัด
- Sculptra / Juvelook / Biostimulator ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูคอลลาเจนในระยะยาว เหมาะกับคนผิวบาง ผิวอ่อนแรง ไม่ต้องการผลยกทันที แต่ชัดขึ้นใน 2–3 เดือน
- ฟิลเลอร์ ดีที่สุดสำหรับคนที่ใบหน้าทรุดจากกระดูกหรือกล้ามเนื้อ เช่น ร่องแก้ม ขมับตอบ เติมแล้วจะดูยกขึ้นทันที
- โบท็อกซ์ เหมาะกับคนที่ใบหน้าหย่อนจากกล้ามเนื้อดึง เช่น กรามล่าง เหนียง คอ ใช้คลายกล้ามเนื้อให้หน้าดูยก
- ผ่าตัดดึงหน้า ดีที่สุดสำหรับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ผิวหย่อนคล้อยมาก ผิวบาง คอลลาเจนเหลือน้อย ไม่ตอบสนองต่อวิธีไม่ผ่าตัด
ยกกระชับหน้าอยู่ได้นานไหม? ต้องทำบ่อยแค่ไหน?
การยกกระชับหน้าอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ เช่น HIFU หรือโบท็อกซ์อาจอยู่ได้ 6 – 12 เดือน ขณะที่ Ulthera หรือ Sculptra อาจอยู่ได้นานถึง 1 – 2 ปี และการผ่าตัดดึงหน้าให้ผลลัพธ์ได้นานหลายปี นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำ หากดูแลดีหลังทำผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน แต่ถ้าไม่ดูแลให้ดีผลลัพธ์อาจอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร
ยกกระชับหน้าอันตรายไหม? ทำกับใครถึงปลอดภัย?
การยกกระชับหน้าไม่อันตราย หากทำอย่างถูกต้อง และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้เครื่องมือที่ผ่านการรับรอง ความเสี่ยงจะเกิดขึ้นเมื่อใช้เทคโนโลยีที่ไม่ผ่าน อย. เช่น เครื่องเถื่อน ฟิลเลอร์ปลอม อุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน หรือทำโดยผู้ที่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ ใบหน้าผิดรูป หรือผิวติดเชื้อได้
- คลินิกควรมีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมาย และใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
- แพทย์ที่ทำหัตถการควรเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น แพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ด้านเวชศาสตร์ความงาม และมีประสบการณ์จริง สามารถประเมินโครงสร้าง และปัญหาผิวของคนไข้ได้
- ดูรีวิวก่อนเข้ารับบริการ ต้องเป็นรีวิวที่เห็นผลโดยไม่มีการตัดต่อ หรือแต่งรูป เพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจทำ
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม และมั่นใจว่าเลือกเทคนิคที่ปลอดภัยและตรงกับความต้องการจริง ๆ
เตรียมตัวก่อน–หลังยกกระชับหน้าทำอย่างไร?
การยกกระชับหน้าไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ควรต้องมีการเตรียมตัวและดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงให้มากที่สุด ซึ่งการเตรียมตัวที่ดีตั้งแต่ก่อนทำ ไปจนถึงการดูแลหลังทำ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วและผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
การเตรียมตัวก่อนยกกระชับหน้า
- แจ้งประวัติสุขภาพโดยละเอียด หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแก้อักเสบ หรืออาหารเสริมบางประเภท ควรแจ้งแพทย์ก่อนเสมอ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมงก่อนทำ เพราะอาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและการฟื้นฟูของผิว
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุล พร้อมรับพลังงาน หรือหัตถการที่กำลังจะทำ ควรนอนอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำมากขึ้น ควรดื่มอย่างน้อย 7 – 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและตอบสนองต่อการรักษาได้ดีขึ้น
- งดออกกำลังกายหนัก เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนในร่างกายที่อาจมีผลต่อกระบวนการยกกระชับ เว้นการออกกำลังกาย 24 ชั่วโมงก่อนทำ
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ สครับ หรือผลัดเซลล์ผิวแรง ๆ อย่างน้อย 5–7 วันก่อนทำ เพื่อป้องกันการระคายเคืองสะสม
- หลีกเลี่ยงการออกแดดแรง หรือกิจกรรมกลางแจ้งนาน ๆ ในช่วง 2–3 วันก่อนทำ เพื่อไม่ให้ผิวถูกทำร้ายก่อนรับพลังงาน
- หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า อบไอน้ำ และโยคะร้อน เพราะอุณหภูมิสูงอาจส่งผลต่อความไวของผิว
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ หรือเรตินอลแรง ๆ อย่างน้อย 5 วันก่อนทำ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแสบหรือระคายเคือง
การดูแลหลังยกกระชับหน้า
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ควรงดการแต่งหน้า เพราะเครื่องสำอางอาจทำให้ผิวอักเสบ หรือเข้าไปในรูเข็มจากการฉีดได้
- งดล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจัด และงดซาวน่า อบไอน้ำ เพื่อไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบหรือระคายเคืองเพิ่มเติม ควรงดประมาณ 48 – 72 ชั่วโมง
- งดเลเซอร์ ทรีตเมนต์แรงๆ หรือการนวดหน้า เพื่อไม่ให้ผิวถูกรบกวนหรือถูกกระตุ้นซ้ำ งดอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
- เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีรุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวอักเสบ บวมแดงได้ ควรงดอย่างน้อย 3 – 5 วันแรกหลังทำ
- ใช้สกินแคร์สูตรอ่อนโยน ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว เพื่อเสริมการฟื้นฟู
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันรังสียูวีที่ทำร้ายผิว ทำลายการกระตุ้นคอลลาเจนในร่างกายในช่วงที่ผิวยังอ่อนแอ
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน และช่วยให้การฟื้นฟูผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังยกกระชับหน้า
- งดดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดีและลดความเสี่ยงการอักเสบ ควรงดอย่างน้อย 3 วันหลังทำ
รีวิวผลลัพธ์จริงจากผู้ใช้บริการ
หลังจากที่ยกกระชับหน้าจะสามารถสังเกตได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงหลังทำ ทั้งเรื่องกรอบหน้าที่ชัดขึ้น แก้มที่ยกกระชับขึ้น ความหย่อนคล้อยที่ลดลง และปัญหาแก้มห้อย เหนียงชัด หรือผิวดูโทรมจากอายุ กลับมาตึงกระชับ สดใส และดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาผิว และทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ตรงจุด และปลอดภัย
ตัวอย่างรีวิวยกกระชับหน้ากับ Vincent Clinic

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยกกระชับหน้า (FAQ)
Q: ยกกระชับหน้าแล้วต้องพักฟื้นไหม?
A: ขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกใช้ แต่โดยปกติแล้วส่วนมากไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
Q: หลังทำยกกระชับหน้าแต่งหน้าได้ทันทีหรือไม่?
A: ถ้าเป็นวิธียกกระชับหน้าด้วยการใช้เครื่องยกกระชับสามารถแต่งหน้าได้หลังทำ แต่ถ้าเป็นหัตถการประเภทฉีด ร้อยไหม หรือผ่าตัด ควรงดแต่งหน้าตามที่แพทย์แนะนำ
Q: ยกกระชับหน้าแล้วออกกำลังกายได้เลยไหม?
A: ควรงดออกกำลังกายอย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการอักเสบ อาจทำให้ผิวบวมช้ำได้
Q: สามารถทำยกกระชับหน้าและฉีดฟิลเลอร์/โบท็อกซ์ในวันเดียวกันได้ไหม?
A: ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการ
Q: ผิวแพ้ง่ายสามารถทำยกกระชับหน้าได้ไหม?
A: ได้ แต่ควรเลือกวิธีที่ไม่ก่อให้ผิวระคายเคือง เนื่องจากวิธียกกระชับ เช่น เครื่องยกกระชับ ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ อาจมีสารที่ทำให้แพ้ได้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์
Q: ยกกระชับหน้าช่วยลดเหนียงหรือต้นคอหย่อนได้หรือไม่?
A: ได้ด้วยวิธีการใช้เครื่องยกกระชับจะสามารถยกกระชับผิวไปพร้อมๆ กันการลดไขมัน เหนียง หรือต้นคอ
Q: สามารถทำยกกระชับหน้าได้บ่อยแค่ไหน?
A: ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือกใช้ หากเป็น Hifu หรือโบท็อกซ์สามารถกลับมาทำซ้ำทุกๆ 6 เดือนได้ หรือฟิลเลอร์สามารถมาเติมได้หลังผ่านไป 2 – 3 เดือน หรือรู้สึกว่าฟิลเลอร์ยุบ
Q: ยกกระชับหน้าเหมาะกับผู้ที่เคยศัลยกรรมหน้าหรือทำโครงหน้ามาแล้วหรือไม่?
A: ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ และปัญหาของแต่ละบุคคล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด
Q: สามารถทำยกกระชับหน้าในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมลูกได้ไหม?
A: ไม่แนะนำให้ทำหัตถการในช่วงตั้งครรภ์ หรือให้นมลูก เพราะอาจอันตรายต่อบุตร หรือน้ำนมได้
Q: ทำยกกระชับหน้าที่คลินิกต้องดูอะไรบ้างก่อนตัดสินใจ?
A: คลินิกควรได้รับอนุญาตถูกต้อง มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และมีรีวิวที่เห็นภาพก่อนทำ และหลังทำแบบไม่ตัดต่อ
Q: ยกกระชับหน้า ulthera ราคาเท่าไหร่
A: ราคาโปรโมชั่น ยกกระชับผิว ด้วย Ulthera SPT จาก Vincent Clinic ราคาเริ่มต้นที่ 19,999 บาท (200 Lines) ดูรายละเอียดได้ที่ โปรโมชั่น Ulthera SPT
สรุป
ยกกระชับหน้าในปัจจุบันมีหลายวิธีให้เลือกใช้ ตั้งแต่ฉีด ใช้เครื่องยกกระชับ ไปจนถึงการผ่าตัด ซึ่งแต่ละวิธีจะเหมาะกับปัญหาระดับความหย่อนคล้อยไม่เท่ากัน หากเลือกวิธีที่เหมาะกับความหย่อนคล้อยของใบหน้าที่มีก็จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากขึ้น ตรงตามความต้องการ เราสรุปคำแนะนำมาให้ดังนี้
- ถ้าอายุยังไม่มาก (25–40 ปี) HIFU หรือ Ultraformer MPT คือวิธีที่ดีที่สุด เพราะไม่เจ็บ เห็นผลไว และราคาย่อมเยา
- ถ้าเริ่มหย่อนชัดเจน (35–50 ปี) Ulthera, Thermage หรือร้อยไหม เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าหย่อนจากผิวกล้ามหรือไขมัน
- ถ้าอยากได้ผลระยะยาว + ผิวฟูขึ้นเรื่อย ๆ Sculptra, Juvelook, HarmonyCa คือกลุ่มดีที่สุดในเชิง “ฟื้นฟู”
- ถ้าต้องการเห็นผลทันทีและหน้าหย่อนจากกระดูกยุบ ฟิลเลอร์ + ร้อยไหมร่วมกัน คือทางเลือกดีที่สุด
- ถ้าหย่อนมากจริง ๆ + อายุ 50+ การผ่าตัดดึงหน้าโดยแพทย์เฉพาะทาง จะดีที่สุด
หากใครที่กำลังสนใจอยากจะยกกระชับหน้าสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำอย่างตรงจุดค่ะ