ริ้วรอยเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงในร่างกายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยริ้วรอยเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายใน ซึ่งริ้วรอยมีด้วยกันหลายประเภท และแต่ละประเภทใช้วิธีรักษาเหมือนกัน ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักริ้วรอยแบบเจาะลึก รวมทั้งวิธีการรักษาริ้วรอยแบบต่างๆ ค่ะ
Key Takeaways
- ริ้วรอยเกิดจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น, แสงแดด, ความเครียด, พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการแสดงสีหน้าซ้ำๆ
- ประเภทของริ้วรอย แบ่งออกได้เป็นริ้วรอยตื้นและริ้วรอยลึก ซึ่งต้องใช้วิธีดูแลหรือรักษาที่ต่างกัน
- วิธีลดริ้วรอยมีหลายแบบ ทั้งการใช้ครีมบำรุงผิว การทาครีมกันแดด การทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ เครื่องยกกระชับ และการร้อยไหม
- วิธีธรรมชาติก็สามารถช่วยลดริ้วรอยได้ เช่น การนวดหน้า การออกกำลังกายใบหน้า และการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- การเลือกวิธีลดริ้วรอยควรพิจารณาตามช่วงอายุ เพราะแต่ละวัยมีปัญหาผิวที่ต่างกัน เช่น วัย 20+ เน้นป้องกันริ้วรอยด้วยครีมบำรุงและกันแดด, วัย 30+ เริ่มใช้โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ร่วมกับสกินแคร์, วัย 40+ เหมาะกับเครื่องยกกระชับหรือเลเซอร์ควบคู่การดูแลผิว และวัย 50+ อาจใช้การร้อยไหมหรือหัตถการที่ลึกขึ้นเพื่อฟื้นฟูผิวโดยรวม
- ไม่มีวิธีใดที่ทำให้ริ้วรอยหายถาวรได้ แต่สามารถชะลอและลดเลือนได้อย่างเห็นผล หากได้รับการดูแลที่ถูกต้องและต่อเนื่อง
ริ้วรอยคืออะไร
ริ้วรอย คือ หนึ่งในปัญหาผิวที่เกิดขึ้นมีลักษณะเป็นร่องหรือเส้นเล็กๆ บนพื้นผิว โดยจะเริ่มปรากฏเมื่ออายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป แต่บางคนอาจเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ ริ้วรอยมักพบในบริเวณที่ผิวมีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ใบหน้า ข้อพับ และสามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย ริ้วรอยในระยะแรกจะเป็นเพียงเส้นตื้นๆ แต่หากไม่ดูแลรักษาอาจลึกขึ้นจนกลายเป็นริ้วรอยถาวร บางครั้งหลายคนมองว่าริ้วรอยเกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ความจริงแล้วริ้วรอยเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายใน และภายนอกที่เร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นค่ะ
สาเหตุของการเกิดริ้วรอย
ริ้วรอยเกิดขึ้นจากผลสะสมของปัจจัยหลายอย่างที่ผิวต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน และพฤติกรรมส่วนตัวบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อผิวทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นจนเกิดเป็นริ้วรอย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยมีดังนี้
อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุสูงขึ้น ร่างกายจะผลิตสารสำคัญอย่างคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนได้น้อยลง ส่งผลให้โครงสร้างผิวหนังเสื่อมสภาพ ผิวขาดความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังบางลง เกิดริ้วรอยตื้นๆ และค่อยๆ ลึกขึ้นตามเวลา รวมถึงผิวเริ่มหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
แสงแดดและรังสี UV
รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นหลักที่ทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง รังสีเหล่านี้ทำให้ผิวแห้งกร้าน ลดความยืดหยุ่น และเร่งการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวที่โดนแสงแดดบ่อยโดยไม่ป้องกันจะมีริ้วรอยและจุดด่างดำมากกว่าผิวที่ได้รับการปกป้อง
กรรมพันธุ์
พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดลักษณะและความเร็วของการเกิดริ้วรอยในแต่ละคน บางคนอาจมีผิวที่มีความแข็งแรงและทนต่อการเสื่อมสภาพได้ดีกว่าคนอื่น ในขณะที่บางคนอาจเริ่มมีริ้วรอยได้เร็วกว่าเนื่องจากพันธุกรรม
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ไม่เต็มที่ กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ช้าลง นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ส่งผลโดยตรงต่อการลดการสร้างคอลลาเจนในผิวและเพิ่มสารอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิว ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปทำให้ผิวขาดน้ำและอ่อนแอ ส่งผลให้ริ้วรอยเกิดขึ้นง่ายขึ้น
การแสดงสีหน้า
การแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าบ่อยๆ เช่น การยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว หรือขยี้ตา จะทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดริ้วรอยตื้นๆ ได้ เมื่อเวลาผ่านไปและผิวมีความยืดหยุ่นลดลง ริ้วรอยเหล่านี้จะลึกขึ้นและเห็นชัดเจนมากขึ้น เช่น รอยตีนกา รอยย่นระหว่างคิ้ว และรอยย่นที่หน้าผาก
ผิวแห้งและขาดการดูแล
ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นหรือได้รับการดูแลไม่เพียงพอมักเกิดริ้วรอยได้ง่าย เพราะผิวแห้งจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความแข็งแรงไป ริ้วรอยจึงเกิดขึ้นเร็วกว่าผิวที่ได้รับการบำรุงและความชุ่มชื้นอย่างเหมาะสม
ความเครียด
ความเครียดเรื้อรังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณสูง ฮอร์โมนนี้ส่งผลทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงลดการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
ประเภทของริ้วรอย
ริ้วรอยบนใบหน้ามีหลายประเภทและแต่ละประเภทก็มีสาเหตุที่แตกต่างกัน รวมถึงวิธีการดูแลและรักษาที่เหมาะสมก็จะแตกต่างกันไปด้วย โดยริ้วรอยบนใบหน้าสามารถแบ่งออกเป็นหลักๆ 2 ประเภท คือ
- ริ้วรอยตื้น เกิดจากผิวหนังชั้นบนแห้งขาดน้ำและความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน มักพบในบริเวณที่ผิวบางและเคลื่อนไหวบ่อย
- ริ้วรอยลึก เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกหน้าผาก ริ้วรอยจะลึกขึ้นเมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังลดลง ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้รอยยับกลายเป็นร่องลึกถาวร
นอกจากนี้ ริ้วรอยยังแบ่งตามลักษณะการเกิดได้ดังนี้
- ริ้วรอยจากผิวแห้งขาดน้ำ เป็นริ้วรอยในระยะแรกที่ผิวสามารถฟื้นฟูได้ง่ายหากได้รับการบำรุง
- ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดเป็นริ้วรอยถาวรได้
- ริ้วรอยถาวร เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนังชั้นลึก ทำให้ริ้วรอยปรากฏแม้ไม่แสดงสีหน้าและยากต่อการฟื้นฟู
การเลือกวิธีลดริ้วรอยให้เหมาะกับผิวและช่วงวัย
การลดริ้วรอยมีหลากหลายวิธี เนื่องจากสภาพผิวและลักษณะริ้วรอยของแต่ละคนแตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยวิธีลดริ้วรอยมีทั้งหมดดังนี้
1. ลดริ้วรอยด้วยการดูแลผิว
การดูแลผิวในชีวิตประจำวันเป็นพื้นฐานสำคัญในการชะลอการเกิดริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวแข็งแรง และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้ครีมบำรุงผิว การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสม เช่น เรตินอล จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ หรือไฮยาลูรอนิค แอซิด จะช่วยเติมเต็มและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวทำให้ริ้วรอยตื้นๆ ดูจางลง
- ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจะช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง
2. ลดริ้วรอยด้วยวิธีทางการแพทย์
เมื่อริ้วรอยมีความลึกหรือความรุนแรงมากขึ้น การรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่า
- ฉีดโบท็อกซ์ โบท็อก (Botox) จะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่เกิดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว เช่น หน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว และรอบดวงตา จะเห็นผลภายใน 3 – 7 วันหลังฉีด และผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน
- ฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ (Filler) ช่วยเติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยได้ดี เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พธ์สามารถเห็นผลได้ทันที และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้
- เลเซอร์ เลเซอร์ เช่น Fractional CO2 Laser หรือ Pico Laser ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียน และลดริ้วรอยตื้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บางครั้งอาจทำให้ผิวแดง หรือผิวลอกลอกหลังทำได้ และจำเป็นต้องทำหลายๆ ครั้งเพื่อให้ริ้วรอยลงลงอย่างชัดเจน
- เครื่องยกกระชับ เครื่องยกกระชับอย่างเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ และอัลตร้าซาวด์ เช่น Ulthera, Volnewmer, Morpheus8 สามารถยิงลึกลงไปใต้ผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยยกกระชับผิว และลดริ้วรอยลึก โดยจะค่อยๆ เห็นผลหลังทำ 1 – 3 เดือน และผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับเครื่องยกกระชับที่เลือกใช้
- ร้อยไหม เป็นการ ร้อยไหม ละลายที่มีเงี่ยงเข้าไปใต้ผิวจากนั้นเนื้อเยื่อผิวจะยึดติดกับเงี่ยงไหมเมื่อยกดึงไหมจะทำให้ใบหน้าตึงขึ้น ช่วยลดริ้วรอย รอยพับได้ และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้
3. ลดริ้วรอยด้วยวิธีธรรมชาติ
เป็นทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน ปลอดภัย และไม่มีผลข้างเคียง แต่ใช้เวลานานกว่าวิธีทางการแพทย์
- การนวดหน้าเพื่อกระตุ้นผิว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การนวดอย่างถูกวิธีช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวดูเต่งตึงและลดริ้วรอยตื้นๆ ได้
- การออกกำลังกายใบหน้าเพื่อยกกระชับ สามารถเพิ่มความกระชับ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ส่งผลให้ริ้วรอยลดลงผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- สูตรบำรุงผิวจากธรรมชาติ วัตถุดิบจากธรรมชาติเช่นน้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้ และน้ำมันอัลมอนด์ มีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นและบำรุงผิวอย่างล้ำลึก สามารถป้องกันการสูญเสียน้ำ ฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน ฟื้นฟูเซลล์ผิว และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรงลดเลือนริ้วรอยได้
- การรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิว อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ผักใบเขียว ถั่วเปลือกแข็ง และอาหารที่มีโอเมก้า-3 อย่างปลาทะเล ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายและช่วยเสริมสร้างโครงสร้างผิวให้อ่อนเยาว์
การเลือกวิธีลดริ้วรอยให้เหมาะกับผิวและวัย
แต่ละช่วงวัย ผิวจะมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกวิธีดูแลและลดริ้วรอยจึงควรสอดคล้องกับสภาพผิวและอายุ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับความต้องการของผิวในแต่ละช่วงอายุ
- สำหรับวัย 20+ ในช่วงวัยนี้ผิวยังมีความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นค่อนข้างดี ริ้วรอยยังไม่ชัดเจนนักแต่ปัญหาที่พบบ่อยคือผิวขาดน้ำและการดูแลที่ไม่สม่ำเสมอ จึงควรเน้นที่การเติมความชุ่มชื้นและป้องกันริ้วรอยด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเก็บกักน้ำ รวมถึงทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน และสามารถทำหัตถการ เช่น โบท็อกซ์ เพื่อลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อแสดงสีหน้า
- สำหรับวัย 30+ วัยนี้ผิวจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินอมากขึ้น ริ้วรอยเห็นชัดขึ้น และอาจมีผิวแห้ง การดูแลผิวในควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เติมเต็มความชุ่มชื้นควบคู่กับครีมลดริ้วรอย สำหรับหัตการสามารถทำได้ทั้ง โบท็อกซ์ที่ช่วยลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า และใช้ฟิลเลอร์เติมริ้วรอยร่องลึกที่มี
- สำหรับวัย 40+ วัยนี้ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยร่องพับต่างๆ แนะนำครีมบำรุงที่มีส่วนช่วยในการ ยกกระชับผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำกระชับขึ้น สำหรับหัตถการนอกจากฟิลเลอร์ โบท็อกซ์แล้ว การใช้เลเซอร์ หรือเครื่องยกกระชับผิว จะช่วยลดริ้วรอย พร้อมยกกระชับผิวไหนตัว
- สำหรับวัย 50+ วัยนี้ผิวจะมีการเสื่อมสภาพอย่างมาก คอลลาเจนและอีลาสตินลดน้อยลงจน ผิวหย่อนคล้อย ผิวแห้งกร้านและริ้วรอยลึกมักเกิดขึ้นพร้อมกัน สำหรับหัตการทางการแพทย์ถ้ามีปัญหาริ้วรอย รอยพับมาก การร้อยไหมจะช่วยลดริ้วรอยดึงหน้าให้กระชับขึ้น และเครื่องยกกระชับที่ลงถึงชั้น SMAS อย่าง Ulthera ก็สามารถลดริ้วรอยได้เหมือนกัน
ดูแลหลังการรักษาอย่างไรให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
ผลลัพธ์จากการลดริ้วรอยนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาที่เลือกใช้เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังการรักษาด้วย การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องและใส่ใจหลังทำหัตถการจะช่วยให้ผลลัพธ์ยาวนานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ป้องกันการกลับมาเร็วของริ้วรอย ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด ใช้ครีมกันแดดทุกวัน เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำลายคอลลาเจน นอกจากนี้ควรงดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์เพราะสารพิษจากสิ่งเหล่านี้จะเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การพักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียดก็ช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวให้แข็งแรงมากขึ้น
- การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเสริมหลังการรักษา เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมและมีส่วนผสมช่วยฟื้นฟู เช่น ครีมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น ซึ่งจะช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น
- การปรับพฤติกรรมให้สอดคล้องกับการชะลอวัย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวจากภายใน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและการสร้างเซลล์ผิวใหม่ นอกจากนี้ดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยรักษาความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวเหมือนกัน
เปรียบเทียบวิธีลดริ้วรอยยอดนิยม
การลดริ้วรอยมีหลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล แต่ละวิธีจะมีข้อดี ข้อเสีย และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งการเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
- โบท็อกซ์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า สามารถเห็นผลได้รวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่วัน และผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ได้ถาวรต้องฉีดซ้ำ ราคาประมาณ 5,000-15,000 บาท ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด จำนวนยูนิตที่ใช้ และยี่ห้อโบท็อกซ์
- ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก ไขมันในชั้นผิวลดลง สามารถเติมเต็มร่องลึกได้ทันทีหลังฉีด ช่วยให้ผิวดูเต็มขึ้น แต่ผลลัพธ์ไม่ถาวร ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ราคาประมาณ 10,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้
- เลเซอร์ลดริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยตื้นๆ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น การแสบหรือแดงที่ผิว ราคาประมาณ 6,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ที่ใช้
- เครื่องยกกระชับผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยลึก และรอยพับบนผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว จะเห็นผลลัพธ์หลังทำ 1 – 3 เดือน ช่วยปรับสภาพผิวได้ในระยะยาว แต่อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างทำ ราคาประมาณ 15,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับเครื่องที่เลือกใช้ และบริเวณที่ทำ
- ร้อยไหม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย รอยพับบนผิว และต้องการยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้าและคาง สามารถช่วยยกกระชับผิวได้ทันทีแ ละเห็นผลชัดเจน แต่อาจเกิดอาการบวม ช้ำ หรือผิวย่นได้หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน ราคาประมาณ 20,000-60,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทไหมและบริเวณที่ทำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดริ้วรอย (FAQ)
Q : เริ่มลดริ้วรอยตั้งแต่อายุเท่าไหร่ดี?
A : ควรเริ่มดูแลริ้วรอยตั้งแต่อายุ 25 ปี เพราะในช่วงนี้ผิวเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน การใช้ผลิตภัณฑ์เติมความชุ่มชื้นและกันแดดช่วยป้องกันริ้วรอยเริ่มต้นได้ เมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป
Q : โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ต่างกันยังไง?
A : โบท็อกซ์หยุดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยเหมาะสำหรับริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า ส่วนฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึกในผิวเหมาะสำหรับริ้วรอยลึกและการเติมเต็มผิว
Q : ควรใช้ครีมลดริ้วรอยหรือทำหัตถการเลยดี?
A : หากริ้วรอยยังไม่ลึกมาก การใช้ครีมลดริ้วรอยอาจเพียงพอและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ แต่ถ้าริ้วรอยลึกหรือเห็นชัดเจนแล้ว การทำหัตถการ เช่น โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ จะช่วยให้เห็นผลได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า
Q : หัตถการลดริ้วรอยอยู่ได้นานแค่ไหน?
A : ระยะเวลาขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ เช่น โบท็อกซ์อยู่ได้ 4–6 เดือน ฟิลเลอร์ 6 – 12 เดือน เครื่องยกกระชับอยู่ได้ 6 เดือน–1 ปี การดูแลผิวหลังทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยยืดอายุผลลัพธ์ได้
Q : ลดริ้วรอยแล้วจะดูไม่ธรรมชาติไหม?
A : การลดริ้วรอยไม่ทำให้ดูไม่ธรรมชาติ หากทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิว
Q : ริ้วรอยหายขาดได้ไหม?
A : ริ้วรอยไม่สามารถหายขาดได้ถาวร เนื่องจากเป็นธรรมชาติของผิวที่เกิดจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินตามอายุ แต่สามารถลด หรือทำให้ริ้วรอยดูจางลงได้ด้วยการรักษา
Q : มีวิธีธรรมชาติลดริ้วรอยที่ได้ผลจริงไหม?
A : วิธีธรรมชาติอย่างการนวดหน้า ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ น้ำมันมะพร้าวช่วยลดริ้วรอยได้ แต่ผลลัพธ์จะไม่รวดเร็วเท่าหัตถการทางการแพทย์
Q : ลดริ้วรอยรอบดวงตาแบบไหนดีและปลอดภัย?
A : การลดริ้วรอยรอบดวงตาสามารถทำได้ด้วยการใช้ครีมลดริ้วรอยที่มีเรตินอลหรือกรดไฮยาลูโรนิก การฉีดโบท็อกซ์เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอยลึก หรือการใช้เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน
Q: ถ้าไม่เคยทำอะไรกับผิวเลย จะเริ่มลดริ้วรอยยังไงดี?
A: เริ่มต้นด้วยการใช้ครีมบำรุงที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและกรดไฮยาลูรอนิก ทาครีมกันแดดทุกวัน และนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อป้องกันและลดริ้วรอย เมื่อริ้วรอยชัดเจนสามารถพิจารณาโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์
สรุป
ริ้วรอยเกิดจากหลายปัจจัย เช่น อายุ การสูญเสียคอลลาเจน แสงแดด และการแสดงสีหน้าบ่อยๆ ซึ่งทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยทั้งตื้นและลึก การลดริ้วรอยสามารถทำได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การดูแลผิวด้วยครีมบำรุง การใช้หัตถการทางการแพทย์อย่าง โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือเครื่องยกกระชับ รวมถึงวิธีธรรมชาติที่ใช้เวลาในการเห็นผลมากกว่า แต่ควรเลือกใช้วิธีให้เหมาะสมกับประเภทริ้วรอยที่เป็น หากมีปัญหาริ้วรอย ต้องการแก้ไขริ้วรอยให้จางลงสามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic ได้ค่ะ