บทความ
Thermage ใบหน้า เหมาะกับใคร ช่วยเรื่องอะไร วิธีดูแลตัวเองหลังทำ?
แชร์ :

Thermage ใบหน้า เหมาะกับใคร ช่วยเรื่องอะไร วิธีดูแลตัวเองหลังทำ?

thermage ใบหน้าเหมาะกับใคร ช่วยเรื่องอะไร
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ หน้าโทรม เกิดได้จากหลายปัจจัย แก้ได้ด้วย Thermage ใบหน้า ที่มีเทคโนโลยีช่วยปรับผิวเรียบเนียน สลายไขมัน และดูอ่อนเยาว์ได้โดยไม่จำต้องเจ็บตัวเพื่อผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับใครที่มีความสงสัยหรือกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาผิวพรรณและใบหน้า สามารถติดตามอ่านข้อมูลจากเนื้อหาต่อไปนี้จาก Vincent Clinic Aesthetic  ที่จะพาไปทำความเข้าใจว่าหัตถการนี้คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง เหมาะกับใคร เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

Key Takeaways

  • Thermage ใบหน้า เป็นหัตถการที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ส่งผ่านสู่ชั้นผิวลึก ช่วย ยกกระชับ ปรับรูปหน้า และกระตุ้นคอลลาเจน โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
  • ผลลัพธ์ที่ได้จาก Thermage ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ผิวตึงกระชับ กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอย ลดไขมันที่แก้มและเหนียง ช่วยยกคิ้ว ยกหางตา และลดหนังตาตก
    เหมาะกับคนที่มีปัญหาไขมันสะสม ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือไม่ต้องการศัลยกรรม รวมถึงคนที่มีเวลาจำกัดและต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • หลังทำ Thermage ใบหน้า ควรดูแลผิวอย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการสครับ งดเลเซอร์ และทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
    เห็นผลได้ประมาณ 20% หลังทำทันที และจะชัดเจนขึ้นในช่วง 2–3 เดือน โดยควรทำต่อเนื่องทุก 3–4 เดือนเพื่อผลลัพธ์ยาวนาน
  • Thermage เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องเจ็บตัว และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Thermage ใบหน้า คืออะไร?

Thermage ใบหน้า คือ การใช้เทคโนโลยีคลื่นพลังงาน RF ปล่อยลงสู่ชั้นผิวลึกได้ถึง 3 ระดับ ได้แก่ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis), ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Subcutaneous) เพื่อเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เพิ่มขึ้น สลายไขมัน ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ช่วยให้รูขุมขนดูกระชับ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง  โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่จำเป็นต้องพักฟื้น

Thermage ใบหน้า ทำตรงไหนได้บ้าง?

การทำ Thermage ใบหน้า ไม่ได้หมายถึงการยกกระชับแค่เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่สามารถปรับใช้กับหลายบริเวณบนใบหน้าได้อย่างแม่นยำ ทั้งในระดับผิวและระดับโครงสร้าง ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะตอบโจทย์ปัญหาที่แตกต่างกัน โดยแพทย์สามารถปรับพลังงานให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละส่วนได้อย่างปลอดภัย โดยทั่วไปสามารถทำได้ในบริเวณต่อไปนี้

หน้าผาก

Thermage บริเวณหน้าผากช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยย่นจากการแสดงสีหน้า พร้อมทั้งยกคิ้วให้สูงขึ้นเล็กน้อยอย่างเป็นธรรมชาติ ลดอาการหนังตาตกโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

หางตาและใต้ตา

สามารถช่วยยกหางตา ลดความหย่อนคล้อย และลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาอย่างอ่อนโยน โดยไม่กระทบต่อดวงตา ช่วยให้ดวงตาดูสดใสและไม่อ่อนล้า (ในกรณีต้องการผลลัพธ์เฉพาะจุด แนะนำให้ทำร่วมกับ Thermage รอบดวงตา ซึ่งจะเจาะลึกและใช้หัวพิเศษเฉพาะ)

ร่องแก้มและหน้าแก้ม

ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ผิวแน่นขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของแก้ม ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์หรือการผ่าตัด

กรอบหน้าและแนวขากรรไกร

Thermage สามารถช่วยดึงแนวกรอบหน้าให้ชัดขึ้น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ทำให้กรอบหน้าเบลอหรือใบหน้าดูกลมไม่สมส่วน เหมาะกับผู้ที่ต้องการลุค V-shape โดยไม่พึ่งการดูดไขมันหรือร้อยไหม

ใต้คาง (เหนียง)

บริเวณใต้คางเป็นจุดที่มักสะสมไขมันได้ง่าย การทำ Thermage ที่คางและใต้คางสามารถช่วยสลายไขมันบางส่วน พร้อมยกกระชับผิวให้ดูตึงแน่นขึ้น เหนียงจะลดลงและทำให้คอและกรอบหน้าดูกลับมาคมชัดอีกครั้ง

ลำคอบริเวณติดกับกราม

แม้จะไม่ใช่ส่วนของใบหน้าโดยตรง แต่บริเวณลำคอส่วนบนมักถูกทำร่วมด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่กลมกลืน โดยช่วยลดริ้วรอยแนวขวางและความหย่อนคล้อยที่มักเห็นได้ชัดในผู้ที่อายุมากขึ้น

Thermage ใบหน้า สามารถปรับใช้กับหลายจุดบนใบหน้าอย่างละเอียด โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น ช่วยทั้งยกกระชับ ลดไขมัน กระตุ้นคอลลาเจน และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ในแบบธรรมชาติ ซึ่งแต่ละจุดมีการปรับพลังงานเฉพาะจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับปัญหาผิวแต่ละประเภทอย่างแม่นยำ หากต้องการวางแผนปรับรูปหน้าแบบเฉพาะบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพื่อประเมินโครงสร้างอย่างถูกต้องก่อนเริ่มทำหัตถการ

Thermage ใบหน้า ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

การทำ Thermage ใบหน้า เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับสภาพผิวจากภายใน โดยใช้คลื่นวิทยุแบบ Monopolar RF ปล่อยพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมันและคอลลาเจน ช่วยแก้ปัญหาผิวพรรณและรูปหน้าได้อย่างครอบคลุม โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยสามารถช่วยได้หลายด้าน ดังนี้

ช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน

Thermage มีคุณสมบัติเด่นในการส่งพลังงานลงลึกเพื่อกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ส่งผลให้ผิวตึงขึ้นทันทีหลังทำ และยังช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริเวณกรอบหน้า แก้ม หรือแนวกราม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูเรียว โดยไม่ต้อง ฉีดฟิลเลอร์ หรือ ร้อยไหม

ช่วยลดไขมันสะสมบนใบหน้า เช่น แก้ม หรือเหนียง

Thermage สามารถสลายไขมันส่วนเกินบางส่วนในบริเวณที่มีการสะสม เช่น แก้มล่าง คาง และใต้คาง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าดูอูม หรือมีเหนียง โดยไม่ต้องผ่าตัดดูดไขมัน เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและไม่ต้องพักฟื้น

ช่วยยกหางตา ยกคิ้ว และแก้ปัญหาหนังตาตก

พลังงานความร้อนสามารถส่งไปยังจุดเล็ก ๆ รอบดวงตาได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถยกหางตา ยกคิ้ว และช่วยลดอาการหนังตาตกได้อย่างเห็นผล เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาเปลือกตาหย่อนหรือดวงตาดูอ่อนแรงจากอายุ

ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก

Thermage ช่วยลดเลือนริ้วรอยทั้งตื้นและลึกทุกระดับ เช่น รอยใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก หรือหางตา โดยไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ พลังงาน RF จะเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก ทำให้ร่องดูตื้นขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดูเป็นธรรมชาติ

ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวแน่นและดูอ่อนเยาว์

พลังงาน RF จาก Thermage จะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว ทำให้ผิวดูเต่งตึง แน่นฟู และเรียบเนียนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังทำ เห็นผลเต็มที่ในช่วง 2–3 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวบางหรือเริ่มหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

ช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น

อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่ผู้ใช้บริการ Thermage มักประทับใจ คือผิวหน้าที่ดูเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในบริเวณแก้ม หน้าผาก และจมูกที่มี รูขุมขนกว้าง การฟื้นฟูผิวระดับลึกจะช่วยให้รูขุมขนหดตัว ผิวหน้าดูละเอียดและแต่งหน้าติดทนมากขึ้น

Thermage ใบหน้า ช่วยลดเหนียงหรือไขมันแก้มได้ไหม?

แม้ว่า Thermage จะขึ้นชื่อเรื่องการยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน แต่ในกรณีของ “ไขมันส่วนเกิน” เช่น แก้มล่าง หรือ เหนียงใต้คาง หลายคนยังสงสัยว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยได้จริงหรือไม่ คำตอบคือ ช่วยได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่ต้องผ่าตัด

Thermage ใช้พลังงาน Monopolar RF ซึ่งสามารถปล่อยความร้อนลงลึกได้ถึง ชั้นไขมันใต้ผิว (subcutaneous fat) ทำให้ไขมันบางส่วนเกิดการหดตัวและถูกกระตุ้นให้สลายออกไปตามธรรมชาติ พร้อมทั้งกระชับผิวบริเวณนั้นไปพร้อมกัน

ผลลัพธ์ที่พบได้บ่อย

  • แก้มล่างดูกระชับขึ้น ไม่หย่อนห้อย
  • เหนียงใต้คางลดลงเล็กน้อย กรอบหน้าชัดขึ้น
  • คางและแนวกรามดูยกขึ้นแบบไม่ต้องดูดไขมัน
  • ผิวใต้คางไม่ย้อยแม้หลังลดไขมัน เพราะมีคอลลาเจนใหม่รองรับ

ข้อจำกัดที่ควรรู้

  • ถ้ามีไขมันสะสมเยอะมาก (เช่น เหนียงขนาดใหญ่หรือแก้มอูม) Thermage อาจ ไม่สามารถลดขนาดได้อย่างมีนัยสำคัญ ควรพิจารณาร่วมกับการดูดไขมัน หรือใช้หัตถการสลายไขมันเฉพาะจุดร่วมด้วย
  • ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำ Thermage ควบคู่กับการฉีดสลายไขมัน หรือ เลเซอร์ยกกระชับแบบอื่นร่วม เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า

Thermage ใบหน้า เห็นผลเมื่อไหร่ อยู่ได้นานแค่ไหน?

Thermage ใบหน้า เป็นหัตถการที่ไม่ต้องรอพักฟื้นนาน และสามารถเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่หลังทำทันที โดยหลังการยิงพลังงาน RF ลงไปในชั้นผิว ผิวจะมีการหดตัวของคอลลาเจน ทำให้รู้สึกถึงความตึงและยกกระชับเบื้องต้น ประมาณ 20% ทันทีหลังทำจบ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นผลลัพธ์ชั่วคราวในช่วงแรก

หลังจากนั้น คอลลาเจนใหม่จะค่อย ๆ ถูกสร้างขึ้นภายในผิว ใช้เวลาประมาณ 2–3 เดือน เพื่อเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ ผิวหน้าจะค่อย ๆ ดูแน่น ยืดหยุ่น และเรียบเนียนมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อยจากอายุหรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

ผู้ที่ทำ Thermage ใบหน้า 1 ครั้ง ผลลัพธ์โดยทั่วไปจะสามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 1 – 2 ปี ขึ้นกับสภาพผิว อายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังรับบริการของแต่ละบุคคล เช่น การนอน การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการดูแลผิวหลังทำ หากต้องการผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องและยาวนาน ควรเว้นระยะ ทำซ้ำทุก 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง ขึ้นกับการประเมินของแพทย์

หมายเหตุ : ในบางรายอาจเห็นผลได้นานถึง 18 เดือนหากดูแลผิวดี ไม่มีการสูญเสียมวลไขมันหรือคอลลาเจนจากพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว

Thermage ใบหน้า ควรทำกี่ครั้งถึงเห็นผลถาวร? จำเป็นต้องทำซ้ำไหม?

Thermage ใบหน้า เป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ในระยะยาว แม้จะไม่ใช่การอยู่ได้แบบถาวร แต่ก็ถือว่า อยู่ได้นานกว่าการทำทรีตเมนต์ทั่วไปมาก โดยทั่วไปการทำ Thermage 1 ครั้งสามารถให้ผลลัพธ์ชัดเจนได้ต่อเนื่อง นานประมาณ 9–12 เดือน และบางคนอาจคงอยู่ได้นานถึง 18–24 เดือน หากดูแลผิวดีและไม่มีปัจจัยเร่งการเสื่อมของผิว

อย่างไรก็ตาม หากต้องการ ผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องและยาวนานแบบเห็นผลลัพธ์ใกล้เคียงถาวรมากที่สุด ควรทำ ต่อเนื่องปีละ 1 ครั้ง หรือ ทุก 12–18 เดือน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันผิวหย่อนคล้อยซ้ำ และรักษาความตึงกระชับของผิวเอาไว้

แนวทางการทำ Thermage ใบหน้า

  • คนที่มีผิวเริ่มหย่อนเล็กน้อย หรืออายุยังไม่มาก (ประมาณ 25–35 ปี) อาจทำ ปีเว้นปี หรือทุก 18 เดือน ก็เพียงพอ
  • คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือมีไขมันสะสม ผิวหลวมชัดเจน แนะนำทำ ปีละครั้ง ติดต่อกัน 2–3 ปีเพื่อสะสมการกระตุ้นคอลลาเจน
    จากนั้นค่อยปรับเป็นทุก 1–1.5 ปี

หมายเหตุ : ไม่จำเป็นต้องทำบ่อยเกินไป เช่น ทุก 3–4 เดือน เพราะ Thermage บริเวณใบหน้า ต้องใช้เวลารอคอลลาเจนสร้างตัว การทำถี่เกินจะไม่เพิ่มผลลัพธ์ แต่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น

Thermage ใบหน้า ต่างจากการยกกระชับด้วยวิธีอื่นอย่างไร?

ในปัจจุบันมีเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Thermage, Ulthera , HIFU , หรือแม้แต่ ร้อยไหม ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจว่า Thermage ใบหน้า แตกต่างจากทางเลือกอื่นอย่างไร หัวข้อนี้จะช่วยให้เข้าใจอย่างชัดเจน

จุดเด่นของ Thermage ใบหน้า

  • ใช้คลื่น Monopolar RF (Radio Frequency) เจาะลึกได้ถึง ชั้นไขมัน
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีไขมันบนใบหน้าเยอะ ผิวหลวมจากอายุ หรือแก้มย้อย
  • เห็นผลตั้งแต่หลังทำทันที 20% และค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2–3 เดือน
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ

เปรียบเทียบกับหัตถการอื่น

เทคโนโลยี

กลไกหลัก

เหมาะกับ

ผลลัพธ์เบื้องต้น

ระยะเวลาคงอยู่

Thermage คลื่น RF ส่งลึกถึงชั้นไขมัน ผิวหย่อนคล้อย ไขมันแก้มเยอะ เห็นผลทันที 20%(ขึ้นอยู่กับสภาพผิว) 1 – 2 ปี
Ulthera คลื่นเสียง (Focused Ultrasound) ลงลึกถึง SMAS คนต้องการยกแนวกรอบหน้า ผิวบาง ร่องชัด  เห็นผลทันที 20%(ขึ้นอยู่กับสภาพผิว) 1 – 2 ปี
HIFU Ultrasound พลังงานต่ำกว่า Ulthera คนผิวยังแน่น ต้องการป้องกันผิวหย่อนในอนาคต ผลชัดเจนใน 1–2 เดือน 6–12 เดือน
ร้อยไหม ไหมละลายช่วยยกผิวขึ้นทันที คนต้องการผลไว เห็นผลทันที ต้องการเก็บกรอบหน้า และเหนียง เห็นผลทันที แต่มีบวมบ้าง 12-18 เดือน

สรุปจุดแตกต่างของ Thermage ใบหน้า

Thermage ใบหน้า เด่นด้านการสลายไขมัน + กระตุ้นคอลลาเจนในผิวหน้าพร้อมกัน เหมาะกับ ผู้ที่ใบหน้ามีไขมันสะสม ไม่ได้ต้องการยกกล้ามเนื้อลึก (SMAS) ที่ใบหน้า เป็นวิธีที่ให้ความรู้สึก สบายกว่า Ulthera, เจ็บน้อยกว่า และไม่ต้องฉีดยาชา

Thermage ใบหน้า รุ่นไหนดี? แตกต่างกันอย่างไร?

เทคโนโลยี Thermage มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นมีความสามารถและความสบายในการทำแตกต่างกัน สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะทำ Thermage ใบหน้า ควรรู้ว่าเครื่องรุ่นไหนเหมาะกับสภาพผิว ความต้องการ และงบประมาณของตนเองมากที่สุด

เปรียบเทียบ Thermage แต่ละรุ่น

รุ่น Thermage

จุดเด่น

ความรู้สึกขณะทำ

ความแม่นยำ

ระยะเวลาที่ใช้

เหมาะกับ

Thermage CPT รุ่นกลาง เก่ากว่า FLX ร้อนจี๊ดชัดเจน ใช้ยาชา หัวทิปมาตรฐาน ~60 – 120 นาที คนที่ต้องการประหยัดงบ
Thermage FLX รุ่นใหม่ล่าสุด พลังงานแม่นยำสูง สบายขึ้น มีระบบสั่นและหัวอัจฉริยะ มี AccuREP™ Technology คุมพลังงานอัตโนมัติ ~45 – 90 นาที คนที่ต้องการผลลัพธ์สูงสุด เจ็บน้อย และปลอดภัย

Thermage FLX ถือเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดในปี 2024–2025 โดยมีการปรับระบบพลังงานให้เหมาะกับแต่ละจุดบนใบหน้าแบบเรียลไทม์ ลดโอกาสผิวไหม้หรือพลังงานไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้ผลลัพธ์แม่นยำและเห็นผลไวขึ้น

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

  • รุ่น CPT ยังสามารถใช้งานได้ แต่ประสิทธิภาพ ความสบาย และผลลัพธ์ อาจไม่เท่ารุ่น FLX
  • ราคาของ Thermage FLX มักสูงกว่าประมาณ 20–30% แต่คุ้มค่ากว่าในแง่ของ ผลลัพธ์ที่แม่นยำและระยะเวลาการทำที่เร็วกว่า
  • ควรตรวจสอบว่า คลินิกใช้เครื่องแท้ หัวทิปใหม่ (ไม่ใช้หัวแบ่ง, หัวซ้ำ) เพราะหัวทิป Thermage มีจำนวน shot จำกัดและควรใช้กับผู้ป่วยรายเดียว

ยกกระชับ Thermage เหมาะกับใคร

ยกกระชับหน้า Thermage เหมาะกับใคร? ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

การยกกระชับหน้า Thermage เป็นหัตถการที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวและปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม ไม่ต้องพักฟื้นนาน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับความหย่อนคล้อย ไขมันส่วนเกิน และริ้วรอยแห่งวัย ซึ่งสามารถเข้ารับบริการได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านอายุที่ชัดเจน แต่ควรอยู่ในเกณฑ์ที่มีความเหมาะสมต่อสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงตามวัยหรือพฤติกรรมต่าง ๆ ดังหัวข้อต่อไปนี้

คนที่มีไขมันสะสมบนใบหน้า หรือแก้มเยอะ

สำหรับผู้ที่มีใบหน้าดูอวบอิ่ม มีไขมันสะสมบริเวณแก้ม ใต้คาง หรือแนวกราม การทำ Thermage ช่วยปล่อยคลื่นความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ใบหน้าแลดูเรียว กระชับ และมีมิติยิ่งขึ้น

คนที่ต้องการลดไขมันบริเวณคางและเหนียง

เหนียงใต้คางเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูไม่มีมิติ Thermage สามารถช่วยลดไขมันบริเวณใต้คางได้โดยไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังช่วยกระชับผิวบริเวณนั้นให้เต่งตึงขึ้น ทำให้กรอบหน้าดูชัดและคางเรียวยิ่งขึ้น

คนที่ต้องการกระชับผิวทั่วใบหน้าและลำคอ

ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยไม่เพียงเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้กับผู้ที่มีการลดน้ำหนักรวดเร็ว หรือมีพฤติกรรมที่เร่งให้ผิวเสื่อมสภาพ การทำ Thermage จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการปรับความกระชับของผิวหน้าและลำคอ ให้เรียบเนียนและเต่งตึงมากขึ้น

คนที่อยากเก็บกรอบหน้าให้ชัด ดูมีมิติมากขึ้น

กรอบหน้าไม่ชัดอาจทำให้ใบหน้าดูอูม ไม่สดใส Thermage สามารถช่วยดึงผิวบริเวณกรามและขากรรไกรให้กระชับขึ้น จนเห็นแนวกรอบหน้าได้ชัดเจน โดยไม่ต้องอาศัยการดูดไขมันหรือศัลยกรรมใหญ่

คนที่มีริ้วรอย ร่องลึก บ่งบอกอายุ

ริ้วรอยบริเวณหางตา หน้าผาก หรือร่องแก้ม เป็นสัญญาณความร่วงโรยที่หลายคนกังวล Thermage ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ให้ผิวฟูขึ้นจากภายใน จึงสามารถ ลดเลือนริ้วรอย ให้ดูตื้นขึ้นได้โดยไม่ต้องฉีดสารเติมเต็ม

คนที่ต้องการยกกระชับโดยไม่ผ่าตัด ไม่พักฟื้น

ในยุคที่เวลามีค่าและหลายคนไม่สะดวกในการพักฟื้นยาว การทำ Thermage เป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด เพราะสามารถทำหัตถการในเวลาไม่นาน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีโดยไม่เกิดแผลหรือรอยช้ำที่ต้องระวัง

Thermage ใบหน้า เหมาะกับโครงหน้าแบบไหน?

การทำ Thermage ใบหน้า แม้จะเป็นหัตถการที่ปรับได้ตามสภาพผิวของแต่ละคน แต่ในทางคลินิกแล้ว โครงหน้าแต่ละประเภทมีผลต่อ ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ แตกต่างกันไป การเข้าใจว่าใบหน้าของคุณอยู่ในโครงสร้างแบบใด จะช่วยให้วางแผนการรักษาได้แม่นยำมากขึ้น และคาดหวังผลได้อย่างเป็นธรรมชาติ

โครงหน้าแบบไหนที่เหมาะกับ Thermage?

  1. ใบหน้ากลม แก้มเยอะ หรือมีไขมันใต้ผิว Thermage มีคุณสมบัติในการสลายไขมันและกระชับผิวชั้นลึก จึงเหมาะมากกับผู้ที่มีใบหน้ากลม มีแก้มล่างหรือเหนียง โดยช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด

  2. ใบหน้ารูปไข่ ที่เริ่มหย่อนคล้อยจากวัย แม้จะมีโครงหน้าที่ดีอยู่แล้ว แต่เมื่ออายุมากขึ้น ผิวเริ่มหลวมและมีริ้วรอย Thermage จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นและใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์

  3. ใบหน้าที่ยุบตัวจากการลดน้ำหนักหรือผิวบาง ในคนที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว หรือมีผิวที่เริ่มบางและย่น Thermage สามารถช่วยเสริมความแน่นของผิว และป้องกันการยุบตัวของใบหน้าที่มักจะตามมาหลังลดน้ำหนัก

  4. ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม กรามชัด ถึงแม้ Thermage จะไม่ได้ลดกระดูกกรามโดยตรง แต่สามารถช่วยให้ผิวรอบกรามแน่นขึ้น ทำให้กรอบหน้าดูคมชัด โดยไม่เพิ่มขนาดกราม

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

  • หากใบหน้ามีไขมันปริมาณมาก ควรให้แพทย์ประเมินว่า Thermage เพียงพอหรือไม่ หรือควรพิจารณาร่วมกับหัตถการอื่น
  • ถ้ามีใบหน้าเล็กอยู่แล้ว ควรใช้พลังงานในระดับพอเหมาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้หน้าดูตอบเกินไป

Thermage ใบหน้า กับ Ulthera ใบหน้า ต่างกันยังไง?

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธียกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด คำถามที่มักเกิดขึ้นบ่อยคือ “ควรเลือกทำ Thermage หรือ Ulthera ดี?” เพราะทั้งสองเป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยเรื่องความหย่อนคล้อย ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้น และไม่ใช้เข็มหรือสารเติมเต็มใด ๆ แต่ในความเหมือนนั้นก็มีความต่างที่ชัดเจน ซึ่งการเข้าใจข้อแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกวิธีที่เหมาะกับปัญหาเฉพาะของใบหน้าได้อย่างตรงจุด

ตารางเปรียบเทียบ Thermage vs Ulthera (เฉพาะใบหน้า)

รายละเอียด

Thermage ใบหน้า

Ulthera ใบหน้า

พลังงานที่ใช้ คลื่นวิทยุ (Monopolar RF) คลื่นอัลตราซาวด์ (Focused Ultrasound)
ระดับชั้นผิว ชั้นไขมันและคอลลาเจน (ตื้น-กลาง) ชั้น SMAS (ลึกสุด เหมือนที่ศัลยแพทย์ดึงหน้า)
จุดเด่น กระชับผิว แน่น เฟิร์ม ลดไขมันบางส่วน (แก้ม เหนียง) ฟื้นฟูคอลลาเจน  ยกกระชับชั้นลึก เห็นผลชัดเรื่องกรอบหน้าและคิ้วยก
เหมาะกับใคร ผู้ที่มีไขมันแก้มเยอะ ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย–กลาง ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง–มาก ต้องการยกกระชับชั้นลึก
ความรู้สึกขณะทำ อุ่น ๆ มีแรงสั่น เจ็บน้อยกว่า (รุ่น FLX มีระบบระบายความร้อน) เจ็บจี๊ดบางจุด คล้ายสะดุ้ง ต้องใช้ยาชาแบบทาหรือกินร่วมด้วย
ผลลัพธ์เริ่มต้น เห็นผลทันที ~20% และชัดใน 2–3 เดือน เห็นผลบางส่วนใน 1 เดือน และชัดเจนใน 2–3 เดือน
ระยะเวลาที่อยู่ได้ 9–12 เดือน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและการดูแลผิว 12–18 เดือน โดยเฉพาะถ้าทำเป็นคอร์ส 1–2 ครั้งต่อปี

หากคุณต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ลดไขมันแก้ม เหนียง พร้อมฟื้นฟูผิวชั้นกลางให้แน่นและเรียบเนียนขึ้น Thermage ใบหน้า จะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเจ็บตัวมาก และยังเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่มาก

ในขณะที่ Ulthera ใบหน้า จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับชั้นลึก เช่น คนที่มีแนวกรามตก เบ้าตาลึก หรือร่องแก้มลึก ต้องการเห็นผลที่ชัดขึ้นเรื่องกรอบหน้าและคิ้วยก ซึ่งสามารถทำร่วมกับ Thermage ได้ในบางกรณี เพื่อเสริมฤทธิ์แบบคูณสอง

Thermage เห็นผลเมื่อไหร่ อยู่ได้นานแค่ไหน?

แม้ Thermage จะเป็นหัตถการแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับการยกกระชับผิวแบบลึกได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งนี้ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงในระยะเวลาต่อเนื่อง และมีระยะเวลาคงอยู่ที่เหมาะสมกับผู้ที่ไม่ต้องการทำบ่อยหรือไม่มีเวลาพักฟื้น

  • เห็นผลบางส่วนทันทีหลังทำ ประมาณ 15–20% โดยเฉพาะความรู้สึกผิวตึง แน่น หรือเฟิร์มขึ้นช่วงกรอบหน้า
  • ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในช่วง 2–3 เดือนหลังทำ เพราะร่างกายจะเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่ในช่วงเวลานั้น
  • ผลลัพธ์โดยรวมสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12–18 เดือน แล้วแต่สภาพผิว อายุ และการดูแลหลังทำ

แนะนำให้ทำซ้ำปีละ 1 ครั้ง หรือทุก 12 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง และกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวอย่างเป็นธรรมชาติ

Thermage ใบหน้า ต้องทำบ่อยแค่ไหน? ควรเว้นกี่เดือน?

การทำ Thermage ใบหน้า เป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายเดือนถึงปี แต่ไม่ได้หมายความว่าทำเพียงครั้งเดียวแล้วจะคงสภาพผิวไว้ได้ตลอดไป เพราะกระบวนการเสื่อมของคอลลาเจนยังคงเกิดขึ้นตามวัยและพฤติกรรม การวางแผนทำซ้ำในระยะเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญหากต้องการผลลัพธ์ระยะยาวที่คงที่

ทำครั้งแรกแล้ว ต้องทำซ้ำบ่อยแค่ไหน?

โดยทั่วไป Thermage ใบหน้า แนะนำให้ทำ ปีละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 9–12 เดือน หลังการกระตุ้นคอลลาเจนเริ่มเสื่อมถอย

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการทำซ้ำอาจมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้

  • อายุมากกว่า 40 ปี หรือมีผิวที่เสื่อมสภาพเร็ว อาจจำเป็นต้องทำถี่ขึ้น เช่น ทุก 6–9 เดือน
  • สภาพผิวเดิมที่มีความหย่อนคล้อยมาก หรือเคยทำศัลยกรรมหรือหัตถการอื่นมาก่อน อาจต้องทำต่อเนื่องเพื่อคงผล
  • พฤติกรรมการดูแลผิว เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือไม่ทาครีมกันแดดเป็นประจำ อาจทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร
  • รุ่นเครื่อง Thermage ที่ใช้ เช่น Thermage FLX รุ่นใหม่ล่าสุดจะให้พลังงานที่เสถียรและลึกมากขึ้น จึงอาจอยู่ได้นานกว่า

ควรเว้นกี่เดือนหากต้องการทำซ้ำ?

  • หากต้องการทำ ซ้ำภายในปีเดียวกัน (เช่น เพื่อรีเฟรชผิวก่อนออกงานสำคัญ) แนะนำให้เว้นช่วง อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้ผิวมีเวลาสร้างคอลลาเจนอย่างเต็มที่
  • ไม่แนะนำให้ทำถี่กว่า ทุก 3–4 เดือน เพราะอาจไม่ช่วยเพิ่มผลลัพธ์ แต่กลับกระตุ้นผิวมากเกินจำเป็น

ข้อสรุปในการทำซ้ำ

  • ทำ Thermage ใบหน้า ปีละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอในคนที่อายุยังไม่มาก และดูแลผิวดี
  • หากอายุ 40+ หรือมีปัญหาผิวชัดเจน อาจทำถี่ขึ้นเป็นทุก 6–9 เดือน
  • หลีกเลี่ยงการทำถี่เกินไปภายในช่วงเวลาไม่ถึง 3 เดือน

การวางแผนทำ Thermage อย่างต่อเนื่อง โดยเว้นระยะให้เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยให้คุณคงผลลัพธ์ความอ่อนเยาว์ไว้ได้ยาวนานโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้เวลาพักฟื้น

Thermage ใบหน้า ควรเริ่มทำเมื่อไหร่? เหมาะกับคนอายุเท่าไร?

หลายคนมักเข้าใจผิดว่า Thermage ใบหน้า เป็นหัตถการสำหรับคนอายุเยอะหรือมีปัญหาผิวชัดเจนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง Thermage เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันล่วงหน้า หรือการแก้ปัญหาที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว

ต่อไปนี้คือแนวทางการเลือกช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการทำ Thermage พร้อมคำแนะนำเฉพาะสำหรับแต่ละกลุ่ม

อายุ 25–30 ปี ผิวเริ่มเปลี่ยน เริ่มทำเพื่อชะลอวัย

  • แม้จะยังไม่มีริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อยที่เห็นได้ชัด แต่ในวัยนี้ คอลลาเจนเริ่มลดลงปีละ 1% แล้ว
  • การทำ Thermage จึงเหมาะในฐานะ “การดูแลเชิงป้องกัน” (Preventive care) เพื่อชะลอการเกิดปัญหาในอนาคต
  • ผลลัพธ์จะอยู่ในรูปแบบของผิวที่แน่น กระชับ รูขุมขนเล็กลง โดยไม่เห็นการยกชัดเจนเท่าวัยอื่น

อายุ 30–40 ปี ผิวเริ่มหย่อนชัด ควรเริ่มทำอย่างจริงจัง

  • เริ่มเห็นริ้วรอยบางจุด กรอบหน้าไม่คม ผิวเริ่มยวบ ความยืดหยุ่นลดลง
  • Thermage จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และสลายไขมันสะสมบริเวณกรอบหน้าและเหนียง ทำให้หน้าดูเรียวขึ้น ผิวตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • ช่วงวัยนี้จึงเป็น จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด สำหรับคนที่อยากดูแลระยะยาวโดยไม่ต้องศัลยกรรม

อายุ 40–55 ปี ช่วงที่ได้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด

  • เป็นช่วงที่ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงชัดเจน ทั้งความหย่อนคล้อย ริ้วรอยร่องลึก และไขมันที่กระจายไม่เท่ากัน
  • การทำ Thermage จะเห็นผลชัดในแง่ของ “การยกกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น ลดเหนียง” และช่วยชะลอการเสื่อมของผิวได้อย่างมาก
  • เหมาะกับคนที่อยากเลี่ยงการผ่าตัด แต่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ “จับต้องได้”

อายุ 55 ปีขึ้นไป ทำได้ แต่ควรให้แพทย์ประเมินร่วม

  • ในวัยนี้ ผิวบางลง กล้ามเนื้อหย่อนตัว และโครงสร้างใบหน้าเปลี่ยนไปมาก
  • Thermage ยังช่วยได้ในเรื่องผิวแน่นขึ้น ลดความหย่อนบางส่วน และดูแลไขมันสะสม
  • แต่อาจต้องใช้ หัตถการร่วม เช่น ฟิลเลอร์ หรือ ร้อยไหม เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์กว่า ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

สรุป ใครควรเริ่มทำ Thermage ใบหน้า?

ช่วงอายุ เหมาะสำหรับ
25–30 ปี ป้องกันผิวเสื่อม ชะลอริ้วรอย เริ่มดูแลก่อนมีปัญหา
30–40 ปี เริ่มมีริ้วรอย ผิวคลายตัว เห็นผลการยกกระชับชัด
40–55 ปี ความหย่อนคล้อยชัด เห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด
55 ปีขึ้นไป เหมาะกับการดูแลร่วมกับหัตถการอื่น ต้องประเมินเป็นรายบุคคล

การทำ Thermage ใบหน้า ไม่มีอายุที่เร็วเกินไปหรือสายเกินไป ขึ้นอยู่กับ สภาพผิว ความคาดหวัง และคำแนะนำจากแพทย์ เป็นสำคัญ หากเริ่มตั้งแต่เนิ่น ๆ ผลลัพธ์จะยิ่งชัดเจนและยาวนานมากขึ้น

การเตรียมตัวก่อนทำ Thermage ใบหน้า

ก่อนยกกระชับหน้า Thermage แนะนำให้เตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงทั้งระหว่างและหลังทำ โดยสามารถเตรียมตัวก่อนทำได้ดังนี้

  • หากมีโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา หรือยาที่รับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง
  • งดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม และยาที่ส่งผลกับการแข็งตัวของเลือด
  • หากเคยทำหัตถการอื่น ๆ มาก่อน เช่น ฉีดฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท็อก เป็นต้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ช่วยวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ 
  • งดแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ
  • ไม่ควรสครับผิว ขัดหน้า หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมซึ่งทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว เพื่อให้ผิวแข็งแรง ก่อนเข้ารับบริการ 

การดูแลหลังทำ Thermage ใบหน้า

การดูแลหลังทำ Thermage ใบหน้า

หลังทำ Thermage ใบหน้า แนะนำให้ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดผลข้างเคียงหลังทำให้น้อยลง ทั้งยังช่วยให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ไวขึ้น โดยสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้

  • ในช่วงแรกหลังทำควรงดขัด ถู สครับผิว เลเซอร์ หรือการทำสปาและทรีตเมนต์ผิว ประมาณ 2 สัปดาห์แรกหลังทำ 
  • ควรงดหัตถการที่เกี่ยวกับงานฉีดประมาณ 1 เดือนหลังทำ เช่น ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อก เป็นต้น
  • ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวันเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวมากขึ้น
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงมากขึ้น
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพราะจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว

Thermage ใบหน้า ควรทำบ่อยแค่ไหน? ทำซ้ำได้เมื่อไร?

สำหรับผู้ที่สนใจการยกกระชับผิวด้วย Thermage ใบหน้า หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “ควรทำบ่อยแค่ไหน?” หรือ “ทำซ้ำได้เมื่อไร?” เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และไม่ทำร้ายผิวในระยะยาว

คำแนะนำทั่วไป

  • Thermage เป็นหัตถการที่ ไม่จำเป็นต้องทำบ่อย เหมือนเลเซอร์ทั่วไป
  • การทำ Thermage 1 ครั้งสามารถ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนต่อเนื่องนานถึง 6–12 เดือน
  • แนะนำให้ ทำปีละ 1 ครั้ง หรือ ทุก 9–12 เดือน แล้วแต่สภาพผิว อายุ และเป้าหมายของแต่ละคน

ถ้าควรทำซ้ำ ควรเว้นระยะห่างอย่างไร?

  • กรณีทำครั้งแรก แพทย์อาจแนะนำให้ประเมินผลอีกครั้งในช่วง 6–9 เดือน เพื่อดูว่าควรทำซ้ำหรือไม่
  • หากต้องการ “บูสต์” ผลลัพธ์ เช่น มีงานสำคัญ หรือช่วงอายุเริ่มเปลี่ยนผิวมาก อาจทำ ทุก 6 เดือนครั้ง โดยอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

ทำบ่อยเกินไปมีผลเสียไหม?

  • Thermage ใช้พลังงาน RF ลงลึก แต่ไม่ได้ทำลายผิวโดยตรง จึง ไม่ก่อให้เกิดผลเสียระยะยาว หากทำในระยะเวลาที่เหมาะสม
  • อย่างไรก็ตาม การทำถี่เกินจำเป็น (เช่น ทุก 3–4 เดือน) โดยไม่มีข้อบ่งชี้ อาจ เปลืองงบประมาณ โดยไม่จำเป็น และผิวอาจรู้สึกไวขึ้นในบางราย

สรุปแนวทางเว้นระยะ Thermage ใบหน้า

ผู้ทำ Thermage

ความถี่แนะนำ

หมายเหตุ

อายุ 25–35 ปี ทุก 12 เดือน ผิวเริ่มเสื่อมลงเล็กน้อย
อายุ 35–45 ปี ทุก 9–12 เดือน ผิวเริ่มหย่อนคล้อย ริ้วรอยเพิ่ม
อายุ 45+ ปี ทุก 6–9 เดือน ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ ยกกระชับหน้า Thermage

การทำ Thermage ใบหน้า เป็นหัตถการที่มีการใช้คลื่นพลังงานปล่อยลงสู่ชั้นผิวเพื่อเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจน สลายไขมัน กระชับผิวจากภายใน จึงทำให้หลายคนอาจมีข้อสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับหัตถการนี้ ในบทความนี้จึงได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามที่พบบ่อยมาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

Q : ทำ Thermage ใบหน้า เจ็บไหม? ต้องใช้ยาชาหรือเปล่า?
A : รู้สึกอุ่น ๆ หรือร้อนจี๊ดบางจุด แต่ไม่เจ็บรุนแรง ส่วนใหญ่ใช้แค่ยาชาแบบทาก่อนทำ เครื่องรุ่นใหม่อย่าง Thermage FLX จะมีระบบสั่นและหัวปล่อยพลังงานที่แม่นยำ ช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น ระหว่างทำสามารถพูดคุยกับแพทย์ได้ตามปกติ

Q: ทำ Thermage ใบหน้ากี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?
A: หลังทำผิวหน้ากระชับไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นเหมือนการผ่าตัด ด้วย Thermage จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้หลังทำประมาณ 20% (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล) โดยจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นในอีกประมาณ 2 – 3 เดือนหลังทำ แนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 3 – 4 เดือนต่อครั้ง เพื่อย้ำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น

Q: Thermage ใบหน้าช่วยลดร่องแก้มได้ไหม?
A: เนื่องจากการยกกระชับหน้า Thermage เป็นการปล่อยพลังงานลงลึกได้ถึงชั้นไขมัน นอกจากจะช่วยสลายไขมันแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย ปัญหาร่องลึกต่าง ๆ จึงสามารถตื้นขึ้นได้บ้าง แต่หากมีร่องแก้มที่ลึกมากอาจจะต้องพึ่งพาหัตถการอื่น เช่น การฉีดสารเติมเต็ม เป็นต้น

Q: หลังทำ Thermage ใบหน้าสามารถแต่งหน้าได้เลยไหม?
 A: หลังทำสามารถแต่งหน้าได้ แต่ควรเว้นระยะให้ใบหน้าหายบวมแดงก่อนสักประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงหลังทำ

Q: อายุเท่าไหร่ควรเริ่มทำ Thermage ใบหน้า?
A: เหมาะกับคนที่เริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อย ต้องการลดเลือนริ้วรอยที่ใบหน้า รวมไปถึงคนที่มีไขมันสะสมหรือแก้มเยอะ โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีอายุมากขึ้นประมาณ 30 ปีขึ้นไป

Q: ผิวแพ้ง่ายสามารถทำ Thermage ใบหน้าได้ไหม?
A: ในคนที่มีผิวค่อนข้างเซนซิทีฟหรือผิวแพ้ง่าย สามารถทำ Thermage ใบหน้าได้ แต่อาจจะต้องให้แพทย์ช่วยประเมินและเลือกพลังงานที่เหมาะสมกับผิวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี ไม่เกิดผลข้างเคียง

สรุป

Thermage ใบหน้า ทางเลือกของคนที่ต้องการดูแลผิวพรรณและใบหน้าจากภายใน ด้วยการส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึก ผิวหน้าตึงกระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้หลังทำ ผิวเรียบเนียน กระตุ้นคอลลาเจน สลายไขมัน จึงทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน หากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลใบหน้าให้กระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถติดต่อทีมแพทย์ของ Vincent Clinic Aesthetic เพื่อรับการประเมินอย่างละเอียด และออกแบบแผนการรักษาที่ตรงจุดกับคุณที่สุด

Scroll to Top