Glycerol เป็นสารที่หลายๆ คนอาจคุ้นชื่อจากฉลากของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือแม้แต่ยาและเครื่องสำอางต่าง ๆ จึงอาจเกิดความสงสัยได้ว่าสารตัวนี้มีข้อดีอย่างไร ถึงนิยมนำมาใส่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพาไปทำความรู้จักกับ Glycerol ว่าคืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง และมีผลข้างเคียง ปลอดภัยต่อการใช้งานไหม
Key Takeaways
- Glycerol (กลีเซอรอล) คือสารให้ความชุ่มชื้นที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ดูดซับน้ำได้ดี ใช้ในสกินแคร์ เครื่องสำอาง ยา อาหาร และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์
- Glycerol และ Glycerin คือสารชนิดเดียวกัน แต่ Glycerol มีความบริสุทธิ์สูงกว่า มักใช้ในงานทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย
- คุณสมบัติเด่นของ Glycerol คือการกักเก็บความชุ่มชื้น ปรับสมดุลผิว ลดการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
- Glycerol พบได้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น เซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ ยาเหน็บ ยาสีฟัน เจลอัลตราซาวด์ รวมถึง Skinbooster/Filler หลายแบรนด์
- การใช้ Glycerol มีข้อควรระวัง โดยเฉพาะเมื่อใช้ในรูปแบบยา หรือใช้ร่วมกับกรดผลไม้แรง ๆ ในผู้ที่มีผิวบอบบาง ควรเลือกความเข้มข้นให้เหมาะสม
- ผลข้างเคียงของ Glycerol อาจเกิดได้ หากใช้ในปริมาณสูง หรือในยาเข้มข้น เช่น อาการทางเดินอาหาร แสบ คัน ระคายเคือง หรือแพ้รุนแรง (พบได้น้อยมาก)
- แบรนด์ฟิลเลอร์ยอดนิยมที่มี Glycerol ได้แก่ Belotero Revive, Saypha RICH, Restylane Vital, Juvederm Volite, Neauvia และ Ejal 40 ซึ่งมีจุดเด่นเฉพาะแต่ละรุ่นในการเติมน้ำ ฟื้นฟูผิว และลดริ้วรอย
- Glycerol เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแห้ง ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย หากเลือกสูตรที่เหมาะสมและได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
Glycerol คืออะไร
Glycerol (กลีเซอรอล) คือของเหลว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีความหนืดเล็กน้อย สามารถละลายน้ำ และแอลกอฮอล์ได้ดีแต่ไม่ละลายในไขมัน มีคุณสมบัติในการดูดความชื้นและให้ความชุ่มชื้น จึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น เครื่องสำอาง ยา อาหาร ยาสีฟัน จริงๆ แล้ว Glycerol สามารถพบได้จากธรรมชาติ เช่น การสกัดจากไขมันพืช หรือสัตว์ ส่วน Glycerol แบบสังเคราะห์ได้มาจากกระบวนการทางเคมี เช่น ปิโตรเลียม โพรพิลีน และคลอรีน โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย
Glycerol ต่างกับ Glycerin ไหม
คำว่า Glycerol และ Glycerin มักทำให้เกิดความสับสน เนื่องจากทั้งสองคำใช้เรียกสารชนิดเดียวกันในบริบทที่แตกต่างกัน แม้จะมีโครงสร้างทางเคมีเหมือนกัน แต่การใช้งานและระดับความบริสุทธิ์ของสารอาจเป็นจุดที่ทำให้เกิดความแตกต่าง Glycerol มักใช้ในทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ส่วน Glycerin เป็นชื่อที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ซึ่งอาจมีส่วนผสมอื่นปะปนอยู่ เช่น น้ำหรือสารเติมแต่งอื่นๆ จึงมีความบริสุทธิ์ที่ต่ำกว่า
Glycerin จะมีความบริสุทธิ์อยู่ในช่วงประมาณ 70-80% ซึ่งพอสำหรับการนำมาใช้งานในผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย หรือใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป ขณะที่ Glycerol บริสุทธิ์มากกว่า 80% มักจะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความแม่นยำ ความบริสุทธิ์สูง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับใบหน้า หรือการฉีดเข้าสู่ผิวค่ะ
Glycerol ช่วยเรื่องอะไร
Glycerol เป็นสารที่มีคุณสมบัติหลากหลาย และด้วยความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้น และรักษาความชุ่มชื้นได้ดี กลีเซอรอลจึงถูกนำมาใช้เป็นองค์ประกอบหลักในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยช่วยหลาย ๆ เรื่องดังนี้
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความแห้งกร้าน กลีเซอรอลมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นจากอากาศเข้าสู่ผิว พร้อมทั้งช่วยลดการสูญเสียน้ำ จึงทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้นาน ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตก ลอกเป็นขุย ลดอาการอักเสบของผิว สมานแผลให้หายไวขึ้น
ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ กลีเซอรอลช่วยเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ จึงลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ลดความหมองคล้ำของผิว และ ลดรอยสิว ทั้งรอยดำและรอยแดงได้
ปกป้องผิวจากมลภาวะ Glycerol ช่วยเสริมให้เกราะป้องกันผิวทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งเกราะป้องกันผิวทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และยังลดการระคายเคืองที่อาจเกิดจากฝุ่น ควัน หรือสารเคมีได้
Glycerol ใช้ในผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง?
Glycerol เป็นสารที่พบได้ในหลากหลายผลิตภัณฑ์ ไม่ได้จำกัดเฉพาะในกลุ่มสกินแคร์หรือเครื่องสำอางเท่านั้น เนื่องจากคุณสมบัติในการดูดความชื้น รักษาความชุ่มชื้น และความปลอดภัยสูง จึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้
- สกินแคร์ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ เซรั่ม โทนเนอร์ มาส์กหน้า โดย Glycerol จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น และลดการสูญเสียน้ำจากผิว
- ยารักษาโรค เช่น ยาเหน็บทวารหนัก ยาทาภายนอก ที่ใช้ Glycerol เป็นตัวหล่อลื่น หรือช่วยดูดซึมยาเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
- ยาสีฟัน ใช้เป็นตัวทำละลาย และช่วยให้เนื้อยามีความหนืดพอเหมาะ
- อาหาร Glycerol ในรูปแบบ Food Grade มักใช้เป็นสารให้ความหวานหรือความชื้น เช่น ในเยลลี่ หมากฝรั่ง
- เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เช่น เจลอัลตราซาวด์ เจลหล่อลื่น ใช้เป็นตัวนำพาความชื้นโดยไม่ระคายเคือง
ด้วยคุณสมบัติที่อ่อนโยนและหลากหลาย Glycerol จึงถือเป็นหนึ่งใน สารอเนกประสงค์ ที่พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลร่างกายและสุขภาพ
ข้อควรระวังในการใช้ Glycerol
แม้ Glycerol จะมีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับผิว แต่การใช้งานก็ยังมีข้อควรระวังบางประการที่ควรทราบ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ ผิวที่บอบบาง หรือร่วมกับสารบางชนิด
- หลีกเลี่ยงการใช้บริเวณผิวที่เป็นแผลเปิด หากผิวมีแผลหรือการอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการทาผลิตภัณฑ์ที่มี Glycerol เข้มข้น เพราะอาจทำให้รู้สึกแสบหรือระคายเคือง
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นเหมาะสม ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าและผิวบอบบางควรใช้ Glycerol ในระดับที่อ่อนโยน ไม่ควรใช้ในความเข้มข้นที่สูงเกินไป
- ระวังการใช้ร่วมกับกรดผลไม้แรง ๆ เช่น AHA, BHA หรือกรดวิตามิน C เข้มข้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้พร้อมกัน เพื่อป้องกันการระคายเคือง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
- ในรูปแบบยา ควรใช้ภายใต้คำแนะนำแพทย์ เช่น ยาเหน็บ ยาทาภายนอก หรือผลิตภัณฑ์ที่มี Glycerol ความเข้มข้นสูง ควรใช้ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ
การใช้งานอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ได้ประโยชน์สูงสุดจาก Glycerol โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออาการระคายเคืองที่ไม่จำเป็น
Glycerol มีผลข้างเคียงไหม
แม้ว่า Glycerol จะเป็นสารที่มีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัย และความอ่อนโยน มักนำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือเครื่องสำอาง แต่ถ้าเป็น Glycerol ในรูปแบบของยา และใช้มากในปริมาณที่สูงเกินความเหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดย Glycerol ในรูปแบบยาจะนำมาทำเป็นยา อย่างยาเหน็บเพื่อรักษาอาการท้องผูก หรือยาใช้ทาภายนอกที่มีความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น
- มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องอืด หรือรู้สึกคลื่นไส้
- มีอาการระคายเคืองในจุดที่ใช้ยา เช่น บริเวณทวารหนัก หรือผิวหนังที่สัมผัสกับยานั้น อาจมีความรู้สึกแสบ คัน หรือแดง
- มีอาการที่รุนแรง เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม ลิ้นบวม คอบวม ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงมาก ต้องรีบพบแพทย์ด่วนหากเกิดอาการนี้ขึ้นมา
ดังนั้นการใช้กลีเซอรอลในรูปแบบยาไม่ควรตัดสินใจใช้เอง ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หรือเภสัชกร โดยเฉพาะ เพราะหากมีโรคประจำตัว หรือใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น อาจเกิดอาการผิดปกติได้
ผลิตภัณฑ์ที่มี Glycerol ผสมอยู่
Glycerol เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูสภาพผิว จึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อความงามหลากหลายชนิด โดยเฉพาะในกลุ่ม ฟิลเลอร์งานผิว ที่เน้นการบำรุงผิวในระดับลึก เสริมความอิ่มน้ำ และลดเลือนริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ
- Belotero Revive Belotero Revive เป็นหนึ่งในรุ่นของฟิลเลอร์ Belotero ฟิลเลอร์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตด้วย CPM Technology (Cohesive Polydensified Matrix) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ช่วยให้ฟิลเลอร์มีเนื้อสัมผัสนิ่มละเอียด มีความยืดหยุ่นสูง สามารถกระจายตัวในผิวได้ดีไม่เป็นก้อนหลังฉีด โดยรุ่นนี้ถูกออกแบบ และพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์งานฟื้นฟูผิว ไม่ใช่แค่การเติมเต็มผิวแบบฟิลเลอร์ทั่วไป จุดเด่นอยู่ที่มีการรวมกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว ซึ่งมีความเข้มข้นอยู่ที่ 20 มก./มล. เข้ากับ Glycerol ที่ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้ดี ได้นานมากขึ้น ซึ่งมีความเข้มข้นอยู่ที่ 17.5 มก./มล. ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูลดลง ผิวดูฉ่ำวาว ผิวกระจกแบบสาวเกาหลี และยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้นด้วยความสามารถของ Glycerol ที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และลดความหมองคล้ำ หรือรอยแดงต่าง ๆ โดยผลลัพธ์หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือนค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : Belotero revive คืออะไร ช่วยผิวเรื่องอะไรบ้าง ต้องฉีดกี่ครั้ง
- Saypha RICH เป็นหนึ่งในรุ่นของฟิลเลอร์ Saypha ฟิลเลอร์ออสเตรีย ผลิตด้วย S.M.A.R.T Technology (Supreme Monophasic and Reticulated Technology) ซึ่งทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความเสถียรสูง ลดปริมาณสารตกค้างอย่าง BDDE และยังผลิตในโครงสร้าง 3D Matrix ทำให้เนื้อสัมผัสแน่นละเอียด และสามารถกระจายตัวได้ทั่วผิวอย่างเรียบเนียน และรุ่น RICH ถูกออกแบบมาเพื่อการบำรุงผิวโดยเฉพาะ เน้นการเติมน้ำให้ผิวอย่างล้ำลึก โดยมีการผสมผสานระหว่างกรดไฮยาลูรอน ที่มีความเข้มข้น 18 มก./มล. และ Glycerol ที่มีความเข้มข้น 20 มก./มล. หลังฉีดจะช่วยให้บริเวณที่แห้งกร้าน ดูเหนื่อยล้าให้กลับมาชุ่มชื้นและอ่อนนุ่มอีกครั้ง ผิวที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ เช่น รอบดวงตา มุมปาก หรือบริเวณคอ จะดูเรียบเนียนขึ้น และความรู้สึกแห้งตึงลดลงอย่างชัดเจน ลดโอกาสการระคายเคือง และเพิ่มความสามารถของผิวในการรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้ โดยผลลัพธ์หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือนค่ะ
- Restylane Vital Restylane Vital และ Restylane Vital Light คือผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Skin Booster จาก Galderma ประเทศสวีเดน ที่ออกแบบมาเพื่อเติมน้ำให้ผิวและฟื้นฟูสภาพผิวอย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือมีริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้า ลำคอ และมือ จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่การใช้กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ความเข้มข้นสูง พร้อมเสริมคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นด้วย Glycerol ในบางสูตร โดยเฉพาะรุ่นที่นำเข้าในเอเชีย แม้จะไม่ระบุ Glycerol เป็นสารหลักเหมือนบางแบรนด์ แต่ในสูตรที่เน้นการฟื้นฟูผิวแบบยาวนาน จะมีการใช้ Glycerol เสริมเพื่อช่วยให้ HA ทำงานได้ยาวขึ้น คงความชุ่มชื้นได้นาน และลดการระเหยน้ำออกจากผิวได้ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ หลังฉีด ผิวจะดูนุ่ม เด้ง ฉ่ำวาวขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์ของการฟื้นฟูผิวมักอยู่ได้นานประมาณ 6–9 เดือน และสามารถฉีดซ้ำได้โดยไม่มีสารตกค้างสะสม
- Juvederm Volite Juvederm Volite เป็น Skin Booster จาก Allergan ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับฟิลเลอร์ Juvederm ที่มีชื่อเสียง จุดเด่นของ Volite คือเน้นการบำรุงและเติมน้ำให้กับผิวในระดับลึก พร้อมฟื้นฟูความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนของผิวในระยะยาว โดยส่วนประกอบหลักคือกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ความเข้มข้น 12.5 มก./มล. และในบางรุ่นที่ใช้ในงานวิจัยหรือคลินิกเฉพาะทางในยุโรป จะมีการเติม Glycerol เข้าไปเพื่อเพิ่มการกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวลึกยิ่งขึ้น แม้ในเวอร์ชันที่นำเข้าในประเทศไทยจะไม่มีการระบุ Glycerol อย่างเด่นชัดในฉลาก แต่ Juvederm Volite ก็ทำงานคล้ายกับฟิลเลอร์ที่ผสม Glycerol ด้วยคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นยาวนานถึง 9 เดือน ช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น รูขุมขนกว้าง และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้า ลำคอ หรือหลังมือได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้านหรือขาดน้ำเรื้อรัง
อ่านเพิ่มเติม : Juvederm Volite คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง อยู่ได้นานไหม ราคาเท่าไร
- Neauvia Hydro Deluxe Neauvia Hydro Deluxe เป็น Skin Booster สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่โดดเด่นด้วยแนวคิดการบำรุงผิวแบบองค์รวม โดยใช้สารสำคัญที่ให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวในระยะยาว หนึ่งในสารสำคัญนั้นคือ Glycerol ซึ่งถูกผสมในสูตรร่วมกับกรดไฮยาลูรอนิค (HA) ความเข้มข้น 18 มก./มล. และสารเสริมอื่นอย่างแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ Glycerol ในสูตรจะช่วยเพิ่มการกักเก็บน้ำในผิวให้ลึกและยาวนานมากขึ้น เสริมความสามารถของ HA ในการให้ความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์คือผิวดูเรียบเนียน อิ่มน้ำ และมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ลดความหมองคล้ำและผิวแห้งกร้านได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา แก้ม หรือผิวที่ผ่านแดดมานาน อีกจุดเด่นของ Neauvia คือใช้สารตั้งต้นที่ได้จากพืช (Plant-based HA) และไม่มี BDDE จึงเป็นมิตรต่อผิวแพ้ง่าย มีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ Skin Booster ฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติ
- Ejal 40 Ejal 40 เป็น Bio-revitalizing Skin Booster สัญชาติอิตาลี ที่ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระดับลึก เน้นการเติมน้ำให้ผิว ลดริ้วรอย และปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ จุดเด่นของ Ejal 40 คือการใช้กรดไฮยาลูรอนิกโมเลกุลขนาดกลางที่มีความเข้มข้น 40 มก./2 มล. ร่วมกับสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Glycerol เพื่อช่วยเสริมการกักเก็บน้ำในผิวให้ยาวนานขึ้น Glycerol ใน Ejal 40 ทำหน้าที่เสมือนเกราะเคลือบผิว ช่วยลดการสูญเสียน้ำในชั้นผิว พร้อมทั้งกระตุ้นการทำงานของ fibroblast ซึ่งส่งผลให้ผิวผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้ดีขึ้น ผิวจึงแลดูเต่งตึง เรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้งขาดน้ำ หรือมีริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา มุมปาก และบริเวณคอ Ejal 40 มักถูกแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 2–3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 2–3 สัปดาห์ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6–8 เดือน และสามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น เมโสหน้าใส หรือ เลเซอร์หน้าใส
ตารางเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ Skinbooster/Filler ที่มี Glycerol ผสมอยู่
แม้ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นจะใช้ Glycerol เป็นสารหลักในการเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว แต่แต่ละแบรนด์ก็มีคุณสมบัติ จุดเด่น และความเข้มข้นของส่วนผสมที่แตกต่างกันไป ดังตารางเปรียบเทียบต่อไปนี้
แบรนด์ฟิลเลอร์ | ประเทศผลิต | HA (mg/ml) | Glycerol (mg/ml) | จุดเด่นด้านฟื้นฟูผิว | ระยะเวลาผลลัพธ์ |
Belotero Revive | สวิตเซอร์แลนด์ | 20 | 17.5 | ผิวฉ่ำวาว สไตล์เกาหลี ลดหมองคล้ำ กระจ่างใส ริ้วรอยตื้นดูจางลง | 6–9 เดือน |
Saypha RICH | ออสเตรีย | 18 | 20 | เติมน้ำลึกทั่วผิว ลดแห้งกร้านรอบตาและมุมปาก ผิวอิ่มนุ่ม | 4–6 เดือน |
Restylane Vital | สวีเดน | ไม่ระบุแน่ชัด (สูง) | บางสูตรมี | เติมน้ำฟื้นฟูผิวแบบลึก ใต้ตา คอ มือ ผิวฉ่ำสุขภาพดี | 6–9 เดือน |
Juvederm Volite | ฝรั่งเศส | 12.5 | บางสูตรในยุโรป | ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน เพิ่มความยืดหยุ่น ลดรูขุมขน | 6–9 เดือน |
Neauvia Hydro Deluxe | สวิตเซอร์แลนด์ | 18 | ใช้ร่วมสูตร | เพิ่มคอลลาเจน ลดหมองคล้ำ ฟื้นฟูผิวคล้ำแดด ผิวบอบบาง | 6–9 เดือน |
Ejal 40 | อิตาลี | 40 (ต่อ 2 ml) | ใช้ร่วมสูตร | ผิวเด้ง กระจ่างใส เติมน้ำรอบตา มุมปาก คอ ใช้ร่วมเมโส/เลเซอร์ได้ | 6–8 เดือน |
Glycerol แบบไหนเหมาะกับใคร? เปรียบเทียบฟิลเลอร์แต่ละแบรนด์
หากคุณกำลังมองหาฟิลเลอร์หรือสกินบูสเตอร์ที่มีส่วนผสมของ Glycerol เพื่อช่วยเติมน้ำให้ผิว ฟื้นฟูความชุ่มชื้น และลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า การเลือกแบรนด์ให้เหมาะกับสภาพผิวและเป้าหมายของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแม้จะใช้ Glycerol เหมือนกัน แต่ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ทั้งในด้านผลลัพธ์ เนื้อสัมผัส และความเหมาะสมกับปัญหาผิวเฉพาะจุด
ด้านล่างนี้คือการเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณเลือกได้ตรงจุดมากที่สุด
- Belotero Revive เหมาะกับผู้ที่อยากให้ผิวดูฉ่ำวาวแบบผิวกระจก ลดหมองคล้ำ เพิ่มความกระจ่างใส และเติมเต็มริ้วรอยตื้นทั่วใบหน้า เหมาะกับคนที่ต้องการความ “วาวใส” แบบสาวเกาหลี
- Saypha RICH เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน แพ้ง่าย ต้องการเติมน้ำให้ผิวอย่างล้ำลึกโดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา มุมปาก คอ ให้ผิวฟู ชุ่มชื้นขึ้นอย่างชัดเจน
- Restylane Vital เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นทั่วใบหน้าอย่างต่อเนื่อง เน้นผลลัพธ์ระยะยาว ผิวสุขภาพดี เหมาะกับการบำรุงผิวโดยไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
- Juvederm Volite เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างหรือผิวไม่เรียบ ต้องการบำรุงผิวลึกโดยไม่เน้นความเงาหรือฉ่ำผิวมากนัก ให้ผลลัพธ์เนียนละเอียด ดูธรรมชาติ
- Neauvia Hydro Deluxe เหมาะกับผิวบอบบาง ผิวคล้ำแดด หรือผู้ที่กังวลเรื่องคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ ใช้สารตั้งต้นจากพืช ไม่มี BDDE เหมาะกับผู้ที่เน้นความปลอดภัยและแพ้ง่าย
- Ejal 40 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวอย่างลึก เติมน้ำให้ผิวทั่วใบหน้าและลำคอ ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ดี ใช้ควบคู่กับ เมโสหน้าใส หรือ เลเซอร์ได้อย่างปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Glycerol (FAQ)
Q : สามารถใช้ Glycerol ทุกวันได้ไหม?
A : ได้ หากเป็นสูตรที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับผิว ไม่ว่าจะในครีมหรือเซรั่ม การใช้ประจำวันจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้ต่อเนื่อง แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้แบบเข้มข้นเองโดยไม่เจือจาง เพราะอาจทำให้ผิวแห้งลงได้ในระยะยาว
Q : Glycerol กับ Hyaluronic Acid ใช้คู่กันได้ไหม?
A : ใช้ร่วมกันได้ดีมาก เพราะ HA ให้ความชุ่มชื้นแบบดึงน้ำเข้าผิว ขณะที่ Glycerol ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้อยู่ในผิวได้นานขึ้น ทั้งคู่เสริมกันโดยไม่ระคายเคือง
Q : ถ้ามีสิว ผิวมัน ใช้ Glycerol จะทำให้แย่ลงไหม?
A : ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง เพราะ Glycerol ไม่อุดตันรูขุมขน และมีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลผิวได้ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกสูตรที่ไม่ผสมน้ำมันหรือซิลิโคน และเน้นสูตร non-comedogenic
Q : Glycerol ในฟิลเลอร์หรือ Skinbooster แตกต่างจากในครีมอย่างไร?
A : Glycerol ในฟิลเลอร์จะอยู่ในสูตรที่ควบคุมความเข้มข้นอย่างแม่นยำ ถูกฉีดเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นลึกและยาวนาน ต่างจากในครีมหรือเซรั่มที่ให้ผลเฉพาะชั้นผิวภายนอก
Q : หากผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบ Glycerol อย่างไร?
A : ลองแต้มผลิตภัณฑ์ที่มี Glycerol ลงที่หลังใบหูหรือข้อพับแขน ทิ้งไว้ 24 ชม. หากไม่มีผื่น แดง คัน แสดงว่าใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่ควรเลี่ยงสูตรที่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ร่วม
สรุป
Glycerol เป็นสารที่เด่นด้านการกักเก็บความชุ่มชื้นทำให้ผิวชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน และยังช่วยเสริมประสิทธิภาพผิวในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดริ้วรอยบนผิวให้จางลงได้ หรือเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ลดการเกิดสิว การอักเสบของผิว หากต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic ค่ะ