บทความ
หน้าตึงกระชับทำอย่างไร มีวิธีไหนบ้าง ยกกระชับผิวให้อ่อนเยาว์
แชร์ :

หน้าตึงกระชับทำอย่างไร มีวิธีไหนบ้าง ยกกระชับผิวให้อ่อนเยาว์

หน้าตึงกระชับ
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

หน้าตึงกระชับ ไม่หย่อนคล้อย เป็นสิ่งที่หลายๆ คนต้องการ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ผิวที่เคยตึงกระชับจะค่อยๆ สูญเสียความกระชับไป ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะมาแนะนำวิธีที่ทำให้ใบหน้ากลับมาตึงกระชับทั้งวิธีเร่งด่วน และวิธีที่ทำเองได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง รวมถึงสาเหตุที่ทำให้หน้าไม่กระชับด้วยค่ะ

Key Takeaways

  • หน้าตึงกระชับ หมายถึงผิวที่แน่น เรียบเนียน มีความยืดหยุ่นดี โครงหน้าไม่หย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีมิติ
  • สาเหตุที่ทำให้ผิวไม่กระชับ มีทั้งภายใน (อายุ ฮอร์โมน ความเครียด) และภายนอก (แสงแดด มลภาวะ พฤติกรรมการใช้ชีวิต)
  • วิธี ยกกระชับหน้าแบบเร่งด่วน ได้แก่ Hifu, Ulthera, Thermage, Volnewmer, Sculptra, Juvelook, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, ร้อยไหม และการผ่าตัดดึงหน้า โดยแต่ละวิธีมีข้อดี ระยะเวลาเห็นผล และความคงทนต่างกัน
  • ยังมี หน้าตึงกระชับด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การนวดหน้า โยคะใบหน้า การใช้ครีมบำรุง และการปรับพฤติกรรม เช่น นอนให้พอ ดื่มน้ำเพียงพอ ก็ช่วยชะลอการหย่อนคล้อยได้
  • การเลือกวิธีที่เหมาะสมควรพิจารณาจาก ระดับความหย่อนคล้อย สภาพผิว และงบประมาณ โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • สำหรับผู้ที่ต้องการหน้าตึงกระชับด้วยผลลัพธ์รวดเร็วและชัดเจน การทำหัตถการทางการแพทย์เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด
  • แม้วิธีธรรมชาติจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ทันที แต่เหมาะสำหรับ การดูแลระยะยาวควบคู่กับหัตถการ

หน้าตึงกระชับ คืออะไร ดีไหม

หน้าตึงกระชับ คือ สภาพผิวที่ยังมีความแน่น เรียบเนียน คงความยืดหยุ่นดี โครงหน้าดูชัด กรอบหน้าคม และไม่หย่อนคล้อย ซึ่งข้อดีของการที่หน้าตึงกระชับนอกจากจะทำให้แต่งหน้าได้ติดทนง่ายขึ้น ไม่ตกร่องลึกจากริ้วรอยต่างๆ แล้ว ยังเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้นได้ค่ะ

สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย

สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ

ผิวหน้าตึงกระชับแต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย กลายเป็นผิวหย่อนคล้อย หน้าไม่ตึงกระชับเหมือนเดิม เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายนอก และภายในดังนี้

  • การเสื่อมของผิว เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินได้น้อยลง ผิวจึงเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ซึ่งเป็นกระบวนการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามธรรมชาติ และมีการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการคงความชุ่มชื้น ความเต่งตึง ทำให้ผิวไม่กระชับหย่อนคล้อย
  • แสงแดด รังสียูวีจากแสงแดดทำลายชั้นคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างรุนแรง ทำให้ผิวอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว การออกแดดเป็นเวลานานโดยไม่ปกป้องผิว อาจทำให้เกิดความหมองคล้ำ ริ้วรอย และทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัยอย่างเห็นได้ชัด
  • ความเครียด ภาวะความเครียดเรื้อรังจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งมีผลทำลายกระบวนการผลิตคอลลาเจนและลดประสิทธิภาพของฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูผิว เมื่อความเครียดยังคงอยู่ต่อเนื่อง ผิวจึงดูทรุดโทรมและอ่อนล้าได้ง่าย
  • นอนหลับไม่เพียงพอ การพักผ่อนอย่างมีคุณภาพคือช่วงเวลาที่ผิวซ่อมแซมตัวเอง หากนอนไม่เพียงพอ ร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนได้น้อยลง กระทบต่อระบบซ่อมแซมเซลล์ ทำให้ผิวอ่อนแอ หมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าปกติ
  • สิ่งแวดล้อม ฝุ่น ควัน และมลภาวะในอากาศสามารถกระตุ้นให้อนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเข้าไปทำลายเซลล์ผิวและลดคุณภาพของคอลลาเจนในชั้นผิว เมื่อได้รับสะสมต่อเนื่อง ก็ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ หย่อนคล้อย และเกิดสิวจากการอุดตันของรูขุมขน
  • พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน กิจกรรมบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่ หรือพักผ่อนน้อย ส่งผลโดยตรงต่อระบบไหลเวียนโลหิตและการส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ผิว เช่น นิโคตินจะขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ทำให้เซลล์ขาดสารอาหารและออกซิเจน ผิวจึงดูหมองและไม่สดใส
  • ไขมันใต้ผิวหนังลดลง เมื่อไขมันในผิวลดลง จะทำให้โครงสร้างผิวที่เคยอวบอิ่มและกระชับเกิดการยุบตัวลง กลายเป็นผิวที่ดูหลวม ไม่กระชับ และทำให้รูปหน้าผิดรูปจากเดิม

วิธีทำให้หน้าตึงกระชับแบบเร่งด่วน

วิธีทำให้หน้าตึงกระชับแบบเร่งด่วน (ทางการแพทย์)

วิธีที่ทำให้หน้าตึงมีด้วยกันอยู่หลายวิธี แต่ถ้าอยากให้หน้าตึงกระชับแบบเร่งด่วนต้องใช้วิธีทางการแพทย์ หัตถการต่างๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้บางวิธีสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ บางวิธีก็อาจจะต้องรอประมาณ 1 – 2 สัปดาห์จึงจะเห็นผลชัดเจนขึ้นอยู่กับแต่ละวิธีไป โดยวิธีที่ทำให้หน้าตึงกระชับเร่งด่วนมีดังนี้

  • Hifu Hifu เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์พลังงานสูงยิงลงไปไดถึงชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวลึกเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า ช่วยให้ผิวเกิดการหดตัว กระชับ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับน้อยถึงปานกลาง เห็นผลค่อยเป็นค่อยไปภายใน 1–3 เดือน และคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน

อ่านเพิ่มเติม : HIFU ช่วยอะไร ควรใช้กี่ช็อตในการยกกระชับ HIFU ราคาเท่าไร

  • Ulthera Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำ เพราะมีจอแสดงผลเพื่อให้แพทย์เห็นระดับชั้นผิวขณะทำการรักษา หลังทำทันทีจะเห็นได้เล็กน้อยว่าผิวตึงกระชับขึ้น และเห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วง 2 – 3 เดือนหลังทำ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี

อ่านเพิ่มเติม : Ulthera คืออะไร ทำตำแหน่งไหน ช่วยเรื่องอะไร ทำกี่ครั้งเห็นผล?

  • Thermage Thermage เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบ Monopolar RF ส่งผ่านสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดไขมันสะสม และฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมใต้คาง แก้ม หรือกรอบหน้าไม่ชัด หลังทำผิวจะตึงกระชับขึ้นภายใน 2 – 3 เดือน และผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี

อ่านเพิ่มเติม : Thermage FLX คืออะไร ก่อนทำต้องรู้อะไรบ้าง ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?

  • Volnewmer Volnewmer เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่ปล่อยพลังงานลึกลงถึงชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวมีวอลลุ่ม กรอบหน้าชัด และมีระบบความเย็น ระบบสั่นที่ช่วยลดความเจ็บ ผลข้างเคียงขณะทำ สามารถทำได้ทั้งบนใบหน้า และร่างกาย เช่น ลดเหนียง ยกกระชับต้นแขน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลเต็มที่เมื่อครบ 3 เดือน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 – 8 เดือน

อ่านเพิ่มเติม : Volnewmer ยกกระชับ ปรับหน้าเรียว สลายไขมัน เพิ่มวอลลุ่มผิวเด้ง

  • Sculptra Sculptra คือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบหลักคือ PLLA ซึ่งหลังฉีดจะค่อย ๆ กระตุ้นร่างกายให้ผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติ ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ยกกระชับหน้าให้ตึงขึ้นได้ จะเห็นผลเต็มที่ใน 2 – 3 เดือนหลังฉีด และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 – 2 ปี แต่ต้องฉีดให้ครบ 3 ครั้ง ถ้าฉีดครั้งเดียวจะอยู่ได้นาน 2 – 3 เดือน

อ่านเพิ่มเติม : Sculptra ยกกระชับและฟื้นฟูผิว กี่ครั้งเห็นผล ดีกว่าวิธีอื่นไหม?

  • Juvelook Juvelook คือ Collagen Biostimulator ที่มีส่วนประกอบหลักถึง 2 ตัว คือ PLLA และกรดไฮยาลูโรนิก (HA) จึงช่วยกระตุ้นคอลาเจน พร้อมกับทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยจุดเล็ก เติมเต็มร่องลึกบางบริเวณได้ทันทีหลังฉีด ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี

อ่านเพิ่มเติม : Juvelook ช่วยเรื่องอะไร แตกต่างจากสกินบูสเตอร์ตัวอื่นอย่างไร?

  • โบท็อกซ์ โบท็อกซ์ คือสาร Botulinum Toxin A ที่ใช้ฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อบางจุดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอย และช่วยยกกระชับผิว เช่น ฉีดโบท็อกซ์บริเวณกรอบหน้า หน้าผาก หางตา หรือกล้ามเนื้อกราม ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น เห็นผลภายใน 5 – 14 วัน และผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 3 – 8 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์

อ่านเพิ่มเติม : โบท็อก คืออะไร อันตรายไหม ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ฉีดยี่ห้อไหนดี?

  • ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน (HA) ที่ฉีดเข้าไปในชั้นผิวเพื่อแก้ปัญหาร่องลึก หรือเติมวอลลุ่มบริเวณที่เกิดการยุบตัวทำให้ผิวกลับมาเต่งตึงกระชับขึ้นมากได้ เช่น ฉีดฟิลเลอร์หน้าแก้มจะช่วยให้หน้าแก้มเต็มอิ่ม ลดริ้วรอยร่องแก้ม มุมปากได้ โดยหลังฉีดสามารถเห็นผลลัพธ์ทันที และอยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และรุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด

อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ คืออะไร ฉีดแล้วช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ฉีดกี่ครั้งเห็นผล?

  • ร้อยไหม ร้อยไหมเป็นการใช้ไหมละลายทางการแพทย์ร้อยเข้าไปในชั้นผิว ซึ่งจะเป็นไหมที่มีเงี่ยงในการเกาะยึดผิว เมื่อดึงไหมผิวก็จะถูกยกตามแนวเส้นไหม ทำให้ผิวตึงกระชับมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนด้วย การร้อยไหมนั้นสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 – 24 เดือน

อ่านเพิ่มเติม : ร้อยไหม ดึงหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด อันตรายไหม ใช้กี่เส้นถึงเห็นผล?

  • ผ่าตัดดึงหน้า การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีช่วยยกกระชับได้ดี และเห็นผลลัพธ์ถาวร แต่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาที่ผิวหย่อนคล้อยรุนแรง หัตถการแบบอื่นไม่สามารถช่วยยกกระชับหน้าได้ ซึ่งการผ่าตัดดึงหน้าจะยกกระชับกล้ามเนื้อ ผิวหนัง และเนื้อเยื่อใต้ผิว พร้อมกับตัดผิวส่วนเกินออก แต่วิธีนี้ต้องพักฟื้นหลังทำ และต้องดูแลหลังฉีดอย่างเข้มงวด เพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้

วิธีทำให้หน้าตึงกระชับด้วยวิธีธรรมชาติ

แม้ว่าการยกกระชับใบหน้าด้วยหัตถการทางการแพทย์จะเป็นวิธีที่เห็นผลได้รวดเร็ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าให้ตึงกระชับด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่เจ็บตัว และปลอดภัยในระยะยาว ก็มีด้วยกันอยู่หลายวิธีดังนี้

  • นวดหน้า การนวดหน้าเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และระบบน้ำเหลืองใต้ผิวหนัง ช่วยนำสารอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงผิวอย่างทั่วถึง ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดี นอกจากนี้ยังช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย โดยใช้นิ้วมือกดเบาๆ ไปที่ผิวกดตามแนวต่อมน้ำเหลือง เช่น ร่องข้างจมูก กราม คาง และลำคอ จะช่วยระบายของเสียใต้ผิวหนังได้ดีขึ้น ลดอาการบวม และทำให้ผิวตึงกระชับขึ้น
  • โยคะใบหน้า โยคะใบหน้าเป็นการบริหารกล้ามเนื้อเฉพาะจุดบนใบหน้า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้เนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยลดความหย่อนคล้อยและทำให้ผิวดูแน่นขึ้น โดยท่าที่นิยม เช่น การออกเสียง A-E-I-O-U แบบเน้นปากกว้าง หรือการพองแก้มสลับซ้ายขวาค้างไว้ครั้งละ 5–10 วินาที เป็นท่าที่สามารถทำได้ง่ายทุกวัน และหากทำเป็นประจำจะช่วยให้ใบหน้าดูกระชับขึ้นอย่างชัดเจน
  • ครีมบำรุง ครีมบำรุงจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และกระตุ้นให้ผิวชั้นนอกแน่นขึ้น โดยเฉพาะครีมที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ วิตามินซี หรือกรดไฮยาลูโรนิก หากใช้อย่างต่อเนื่องจะเริ่มเห็นผลในด้านผิวที่เรียบเนียน ตึงกระชับขึ้น 
  • ปรับกิจวัตรประจำวัน นอนหลับให้เพียงพอ และการดื่มน้ำสะอาดวันละ 1.5–2 ลิตร หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เป็นพื้นฐานสำคัญของผิวสุขภาพดี เพราะช่วงเวลานอนหลับคือช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิว และน้ำคือองค์ประกอบสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นของผิว การละเลยสองเรื่องนี้อาจทำให้ใบหน้าดูโทรม เหี่ยวย่น และขาดความกระชับในอนาคตได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับหน้าตึงกระชับ

หากคุณกำลังสงสัยว่าแต่ละวิธีช่วยยกกระชับหน้าได้จริงไหม อยู่ได้นานแค่ไหน หรือควรเริ่มต้นจากหัตถการแบบใดดี? เรารวบรวมคำถามยอดฮิต พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญไว้ให้คุณแล้วในหัวข้อนี้ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและเลือกวิธีที่เหมาะกับผิวของคุณที่สุด

Q : หน้าตึงกระชับอยู่ได้นานแค่ไหน?
A : ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ เช่น Hifu หรือ Thermage อยู่ได้ประมาณ 6–12 เดือน, Ulthera อยู่ได้ 1 ปี ส่วน Sculptra และ Juvelook หากทำครบคอร์ส ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานถึง 1–2 ปี

Q : หน้ายกกระชับแบบไหนดีที่สุดในปีนี้?
A : ไม่มีวิธีใดดีที่สุดแบบตายตัว ต้องดูจากปัญหาและสภาพผิว เช่น Ulthera เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แม่นยำ, Thermage เหมาะกับไขมันสะสม, ส่วน Juvelook และ Sculptra เหมาะกับผิวบาง ขาดวอลลุ่ม

Q : ถ้ายังไม่หย่อนคล้อยมาก ควรเริ่มทำอะไร?
A : แนะนำให้เริ่มจากหัตถการเบา ๆ เช่น Hifu, Juvelook หรือโบท็อกซ์ ซึ่งจะช่วยชะลอการหย่อนคล้อยก่อนเกิดจริง และฟื้นฟูผิวได้อย่างปลอดภัย

Q : หน้าอ้วน กับหน้าไม่กระชับ ต่างกันอย่างไร?
A : หน้าอ้วนคือมีไขมันเยอะ แต่ผิวยังเต่งตึง ขณะที่หน้าไม่กระชับหมายถึงผิวหย่อนคล้อยหรือขาดความยืดหยุ่นแม้น้ำหนักปกติ การยกกระชับจะได้ผลก็ต่อเมื่อวิเคราะห์ปัญหาได้ถูกต้อง

Q : ทำ Hifu หรือ Thermage แล้ว ยังต้องฉีดฟิลเลอร์ไหม?
A : ได้ถ้าต้องการเติมวอลลุ่ม เพราะ Hifu และ Thermage ช่วยยกกระชับเท่านั้น แต่ไม่ได้เติมเต็มจุดยุบตัว ฟิลเลอร์จะช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและสมดุลมากขึ้น

สรุป

หน้าตึงกระชับสามารถทำได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นวิธีทางการแพทย์อย่างฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ใช้เครื่องยกกระชับ หรือวิธีที่ทำด้วยตัวเองอย่าง การนวดหน้า ออกกำลังกายใบหน้า ซึ่งแต่ละวิธีก็จะใช้ระยะเวลาในการเห็นผลไม่เท่ากัน หากใครที่ต้องการให้หน้าตึงกระชับเร่งด่วนสามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic ได้ค่ะ

Scroll to Top