บทความ
เหนียง คืออะไร? เกิดจากอะไร? มีวิธีลดเหนียงอย่างไรให้เห็นผลลัพธ์
แชร์ :

เหนียง คืออะไร? เกิดจากอะไร? มีวิธีลดเหนียงอย่างไรให้เห็นผลลัพธ์

วิธีลดเหนียงที่ได้ผลเร็ว
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

หนียงเป็นจุดเล็กบริเวณใบหน้าที่มีผลไม่น้อยต่อความมั่นใจและภาพรวมของใบหน้า ทำให้หลายคนรู้สึกว่าหน้าดูกลม กรอบหน้าไม่ชัด หรือแต่งหน้าแล้วไม่ขึ้น ทั้งที่น้ำหนักก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่มักถูกมองข้ามก็คือ “เหนียง” ที่สะสมอยู่โดยไม่รู้ตัว

เหนียงไม่ได้เกิดจากความอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โครงสร้างคาง พันธุกรรม หรือแม้แต่การเสื่อมของกล้ามเนื้อเมื่ออายุมากขึ้น และแน่นอนว่าการลดเหนียงให้ได้ผล ไม่ใช่แค่เลือกหัตถการที่กำลังเป็นกระแส แต่ต้องเริ่มจากการรู้จักต้นตอของปัญหาให้ชัดเจนก่อน บทความนี้  Vincent Clinic Aesthetic จะพาคุณสำรวจทุกแง่มุมเกี่ยวกับเหนียง ตั้งแต่สาเหตุ วิธีแยกประเภทเหนียงด้วยตัวเอง ไปจนถึงทางเลือกในการรักษาที่ตรงจุด

Key Takeaways

  • เหนียง หรือที่เรียกว่า Double Chin คือการสะสมของไขมันบริเวณใต้คาง ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูไม่มีมิติ กรอบหน้าไม่ชัด แม้จะไม่ได้มีน้ำหนักเกินก็สามารถมีเหนียงได้ เพราะสาเหตุของเหนียงไม่ได้มาจากไขมันเพียงอย่างเดียว
  • เหนียงอาจเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานาน โครงสร้างใบหน้าที่มีคางสั้นหรือกรามเล็ก รวมถึงอายุที่มากขึ้นซึ่งทำให้ผิวและกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ Platysma และชั้น SMAS ซึ่งมีหน้าที่ยึดโครงสร้างของผิวหน้า
  • เหนียงสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ เหนียงที่เกิดจากไขมัน ซึ่งมักรู้สึกนิ่มและเป็นก้อนแน่นใต้คาง เหนียงที่เกิดจากผิวหนังหย่อนคล้อย จะมีลักษณะผิวไม่กระชับ และเหนียงที่เกิดจากกล้ามเนื้อหย่อนตัว ซึ่งจะเห็นเป็นลอนหรือแถบเส้นที่ยาวจากใต้คางลงไปบริเวณลำคอ
  • การลดเหนียงเริ่มได้จากการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเฉพาะส่วน แต่สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน หัตถการเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เช่น เมโสแฟต, CoolSculpting, หรือดูดไขมันเพื่อผลลัพธ์รวดเร็ว ในเคสไขมันเยอะ หากปัญหาเกิดจากผิวหย่อนหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจเลือกทำ HIFU, Ulthera, Thermage, Morpheus8, ร้อยไหม หรือฉีด Botox ส่วนกรณีผิวหย่อนมาก การผ่าตัดกระชับเหนียงมักให้ผลชัดที่สุด
  • หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วที่สุด การดูดไขมันเหนียงถือเป็นวิธีที่เห็นผลชัดทันทีหลังยุบบวม การร้อยไหมก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในวันเดียว ส่วนเมโสแฟตจะเริ่มเห็นผลภายใน 7–14 วันหลังฉีด
  • เพื่อป้องกันไม่ให้เหนียงกลับมาอีก ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง ลดการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการออกกำลังกายควบคุมน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ 
  • บางคนอาจไม่เห็นผลจากหัตถการทั่วไป เช่น ผู้ที่มีไขมันอยู่ชั้นลึกเกินกว่าจะสลายได้ด้วยเมโสแฟต ผู้ที่กล้ามเนื้อ Platysma หย่อนตัวมาก หรือผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยในระดับรุนแรง ซึ่งในกรณีเหล่านี้มักต้องใช้วิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจงหรือผ่าตัดร่วมด้วย

เหนียง คืออะไร? ทำไมหลายคนถึงมีแม้ไม่อ้วน

เหนียง (Double Chin) คือ ไขมันใต้คาง หรือลำคอส่วนบนที่มีการสะสมของไขมัน และเมื่อเกิดการสะสมมากขึ้นผิวบริเวณดังกล่าวจะหย่อนคล้อยลงจนเห็นเป็นก้อนนิ่มๆ ที่ห้อยอยู่ใต้คาง ซึ่งเหนียงนั้นเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะผอม หรืออ้วน แม้เหนียงจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็ทำให้หลายๆ คนที่มีปัญหาเหนียงรู้สึกไม่มั่นใจจากการที่ใบหน้าดูกลม ดูอ้วน หน้าไม่เรียว รู้สึกแต่งหน้าได้ยากขึ้น และนอกจาก Double Chin แล้ว บางครั้งในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Turkey Neck เพื่อสื่อถึงลักษณะของผิวใต้คางที่หย่อนและย้อยเหมือนคอของไก่งวงค่ะ

เหนียงเกิดจากอะไร? รวมสาเหตุที่ไม่ใช่แค่ความอ้วน

เหนียงไม่ใช่สิ่งที่พบเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกินเท่านั้น คนที่มีรูปร่างผอมก็สามารถมีเหนียงได้เช่นกัน เพราะเบื้องหลังของการเกิดเหนียงมีมากกว่าการสะสมของไขมัน ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดเหนียง ดังนี้

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

การก้มหน้าใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือหรือโน้ตบุ๊กเป็นเวลานาน การก้มคอซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำคอและใต้คางอ่อนแรงลง ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนี้ยืด และเกิดการพับตัวในลักษณะของเหนียง และการรับประทานอาหารที่มีไขมันเยอะๆ ไม่ออกกำลังกาย สามารถทำให้เกิดเหนียงได้หากไขมันไปสะสมใต้คาง

พันธุกรรมและโครงสร้างใบหน้า

บางคนมีโครงสร้างใบหน้าที่เอื้อต่อการเกิดเหนียง เช่น คางสั้น กรามเล็ก หรือแนวกระดูกคางที่เชื่อมชิดกับลำคอมากเกินไป ทำให้เมื่อมองจากด้านข้างแล้วดูไม่มีกรอบหน้า และทำให้เนื้อใต้คางดูย้อยแม้จะมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ

อายุที่เพิ่มขึ้น และความเสื่อมของผิว

เมื่ออายุเพิ่มขึ้นร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ผิวจึงสูญเสียความกระชับและความยืดหยุ่น ทำให้บริเวณลำคอ และใต้คางเกิดผิวหย่อนคล้อยลงตามแรงโน้มถ่วง ทำให้ผิวพับคล้ายเหนียงได้

กล้ามเนื้อคอและชั้น SMAS ที่อ่อนแรง

ใต้ชั้นผิวหนังของเรามีกล้ามเนื้อสำคัญที่ชื่อว่า Platysma และกล้ามเนื้อที่เรียกว่า SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ที่คอยพยุงโครงสร้างของใบหน้าและลำคอ เมื่อกล้ามเนื้อเสื่อมจะทำให้เกิดอาการคลายตัวส่งผลให้ผิวหนังที่อยู่เหนือกล้ามเนื้อเกิดการย้อยตามลงมาเกิดเป็นเหนียงได้

วิธีเช็กว่าเหนียงของคุณเป็นแบบไหน

เหนียงไม่ได้มีลักษณะเหมือนกันหมดบางคนอาจมีเพราะไขมันสะสม บางคนเกิดจากผิวหนังหย่อนคล้อย หรืออาจเกิดจากกล้ามเนื้อที่คลายตัว ซึ่งแต่ละแบบมีวิธีดูแลที่แตกต่างกัน การเข้าใจลักษณะเหนียงที่มีจะช่วยให้ลดเหนียงได้อย่างตรงจุด โดยสามารถเช็กเหนียงด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ดังนี้

  • เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วใช้มือสัมผัสใต้คาง
  • สังเกตและคลำดูว่าเนื้อบริเวณนั้นแน่น นิ่ม หย่อน หรือเป็นชั้น

ซึ่งหลังจากสัมผัสแล้วเหนียงแต่ละแบบจะมีความรู้สึกต่างกันดังนี้

เหนียงมีกี่แบบ

เหนียงจากไขมันล้วน

เมื่อจับใต้คางจะรู้สึกถึงก้อนนิ่ม ๆ แน่น ๆ คล้ายไขมัน ผิวยังมีความตึงไม่ย้วยมาก และเมื่อก้มหน้าจะเห็นเป็นชั้นไขมันชัดเจน ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันจากการทานอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลสูง และไม่ออกกำลังกาย

เหนียงจากผิวหนังหย่อนคล้อย

เมื่อจับใต้คางจะรู้สึกถึงผิวที่หย่อน นิ่ม ไม่แน่นเหมือนไขมัน อาจเห็นผิวพับหรือรอยย่นเล็ก ๆ ได้โดยเฉพาะเวลาหันข้าง ซึ่งเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง 

เหนียงจากกล้ามเนื้อคลายตัว

เมื่อจับใต้คางจะรู้สึกเป็นลอนๆ ที่ยื่นลงมาจากลำคอ จับแล้วไม่แน่น ไม่ได้รู้สึกเหมือนไขมัน แต่ดูคล้ายเส้นหรือแถบกล้ามเนื้อที่นูนออกมา โดยเฉพาะเวลาขยับหรือเกร็งคอ ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อ Platysma ที่อยู่ใต้คางอ่อนแรงหรือแยกตัว ทำให้เห็นเป็นเส้นหรือร่องยาวลงมาจากคางไปยังลำคอ

วิธีลดเหนียงมีอะไรบ้าง? เลือกให้ตรงกับสาเหตุ

เหนียง หรือไขมันที่สะสมใต้คาง เป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้ใบหน้าแลดูไม่ชัดเจน ขาดกรอบหน้า และมักสร้างความกังวลใจให้หลายคน แม้จะมีรูปร่างปกติแต่ก็ยังพบว่ามีเหนียงได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไขมันเฉพาะจุด ผิวหนังหย่อน หรือกล้ามเนื้อคลายตัว ซึ่งแต่ละกรณีต้องอาศัยแนวทางการแก้ไขที่แตกต่างกัน ซึ่งวิธีลดเหนียงมีดังนี้

การดูแลตัวเองเบื้องต้น

สำหรับผู้ที่มีเหนียงระดับเริ่มต้นยังไม่มีไขมันสะสมมาก หรือหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมอาจช่วยลดปัญหาเหนียงได้โดยไม่ต้องพึ่งหัตถการ เช่น

  • ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรือผ่านกระบวนการแปรรูปมากเกินไป เช่น ของทอด น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว ควรเน้นโปรตีนดีจากปลา เต้าหู้ ไข่ ผักผลไม้สด และดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและลดการสะสมไขมันใต้คาง
  • ออกกำลังกายใบหน้าและลำคอ ท่าบริหารอย่างการเงยหน้าทำปากจู๋ แลบลิ้น หรือยืดคางสามารถกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณลำคอให้กระชับขึ้นได้ หากทำอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่ง ก็อาจช่วยลดการสะสมไขมันทั่วร่างกายรวมถึงเหนียงได้
  • นอนให้ถูกท่า การนอนคอพับ หรือใช้หมอนสูงเกินไปอาจเร่งให้ผิวบริเวณลำคอหย่อนเร็วขึ้น ควรใช้หมอนที่พยุงต้นคอได้พอดี และหลีกเลี่ยงการนอนกดคางลงกับอก เพื่อป้องกันการพับของผิวที่เป็นสาเหตุของเหนียง

หัตถการทางการแพทย์ (กรณีมีเหนียงไขมัน)

สำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณใต้คางจนเห็นเป็นชั้น การรักษาจะเน้นไปที่การกำจัดไขมันเฉพาะจุด พร้อมกระตุ้นให้ผิวกระชับขึ้นในบางกรณี เช่น

  • เมโสแฟต (Meso Fat) เป็นการฉีดสารธรรมชาติ เช่น L-carnitine หรือ Artichoke extract ที่ช่วยให้ไขมันแตกตัวและขับออกจากร่างกายผ่านระบบเผาผลาญ เหมาะกับผู้ที่มีไขมันเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • CoolSculpting ใช้เทคโนโลยีความเย็นลงไปทำลายเซลล์ไขมันเฉพาะจุด โดยเซลล์ที่ตายจะถูกกำจัดออกจากร่างกายภายใน 4 – 12 สัปดาห์ เหมาะกับผู้ที่มีไขมันระดับปานกลาง ไม่ต้องการฉีดหรือผ่าตัด
  • ดูดไขมันเหนียง (Submental Liposuction) เป็นการผ่าตัดขนาดเล็กที่ใช้เครื่องดูดไขมันเฉพาะจุด เห็นผลชัดเจนหลังทำ เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมมา ต้องการกำจัดเหนียงให้ลดลงชัดเจน โดยจะมีการกระชับผิวชั้นในด้วยเพื่อไม่ให้ผิวหย่อนหลังดูดไขมัน

หัตถการสำหรับผิวหย่อน / กล้ามเนื้อคลาย

กรณีที่เหนียงเกิดจากผิวหนังหย่อนคล้อย กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเกิดร่วมกับไขมันเพียงเล็กน้อย การฟื้นฟูสภาพผิวและชั้นกล้ามเนื้อจึงเป็นแนวทางที่ตรงจุดกว่า โดยมีวิธีดังนี้

  • Ultraformer III ส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ศัลยแพทย์ใช้ผ่าตัดดึงหน้า พลังงานจะกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อและสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวยกกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • Thermage FLX ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงส่งพลังงานลงสู่ชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนจากอายุหรือหลังลดน้ำหนัก 
  • Ulthera SPT สามารถลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือหย่อนคล้อย ผิวเกิดการหดตัวกระชับขึ้นหลังทำ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย
  • Morpheus8 ผสานคลื่นวิทยุ RF กับเข็มเล็ก ๆ ที่ส่งพลังงานได้ลึกถึงชั้นไขมันและผิวหนังชั้นลึก ช่วยลดไขมันใต้คาง พร้อมกระชับผิวในเวลาเดียวกัน เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบางส่วนและผิวไม่เรียบหรือหย่อนเล็กน้อย เห็นผลใน 4–6 สัปดาห์
  • Botox Nefertiti Lift ฉีดโบท็อกซ์เข้าไปยังกล้ามเนื้อ Platysma ที่ลำคอเพื่อลดแรงดึงของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้แนวกรอบหน้าดูยกขึ้น เหนียงดูน้อยลง เหมาะกับคนที่มีเหนียงจากกล้ามเนื้อคลายตัว ไม่มีไขมันสะสมมาก และต้องการผลลัพธ์เร็วใน 1–2 สัปดาห์ โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ร้อยไหมเหนียง เป็นการใช้ไหมละลายที่มีเงี่ยงร้อยเข้าใต้ผิวบริเวณเหนียง เพื่อยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด มีผิวหย่อนในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการเห็นผลทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ผ่าตัดกระชับเหนียง จะทำการกรีดเล็ก ๆ ใต้คางหรือหลังหู แล้วดูดไขมันออก เย็บกระชับกล้ามเนื้อ Platysma และตัดผิวหนังส่วนเกิน เห็นผลชัดเจนหลังทำ เหนียงหายไปทันที ใบหน้าเรียว กรอบหน้าชัด เหมาะกับผู้ที่มีผิวเหนียงหย่อนมาก

วิธีลดเหนียงเร่งด่วน

วิธีใดที่ลดเหนียงได้ผลเร็ว? และแต่ละวิธีเห็นผลแค่ไหน

การลดเหนียงให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องอาศัยทั้งการประเมินสาเหตุและการเลือกวิธีที่เหมาะสมกับระดับปัญหา รวมถึงพิจารณาความเร็วในการเห็นผล และระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

  • เมโสแฟต เป็นหนึ่งในวิธีที่เริ่มเห็นผลได้ค่อนข้างเร็ว โดยหลังฉีดประมาณ 7–14 วัน ไขมันใต้คางจะค่อย ๆ สลายไปตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหนียงเล็กน้อยจากการสะสมไขมันเฉพาะจุด ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนร่วมด้วย แม้เห็นผลไว แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ไม่นานนัก หากไม่ควบคุมอาหารหรือพฤติกรรม อาจกลับมาใหม่ได้ และจำเป็นต้องฉีดซ้ำเป็นคอร์สเพื่อให้ได้ผลชัดเจน
  • เครื่องยกกระชับผิว เช่น HIFU, Ultraformer III, Thermage FLX, Ulthera SPT หรือ Morpheus8 จะไม่ให้ผลรวดเร็วเท่าการผ่าตัดหรือร้อยไหม เพราะเป็นกระบวนการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่และหดตัวลงทีละน้อย โดยเริ่มเห็นผลบางส่วนหลังทำ 2–4 สัปดาห์ และเห็นผลชัดในช่วง 1–3 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหนียงจากความหย่อนคล้อย ไม่เน้นการลดไขมัน แต่ช่วยให้กรอบหน้าคมขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นกับเครื่องที่ใช้
  • ดูดไขมันเหนียง เป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนที่สุดในเวลาอันรวดเร็ว หลังการดูดไขมันจะมีอาการบวมอยู่ระยะหนึ่ง แต่เมื่ออาการบวมลดลงภายใน 1–3 สัปดาห์ ก็จะเห็นกรอบหน้าชัดขึ้นอย่างถาวร เหมาะกับผู้ที่มีไขมันใต้คางจำนวนมาก และต้องการเปลี่ยนรูปหน้าแบบชัดเจน โดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อย แต่ต้องอาศัยการผ่าตัดเล็กและพักฟื้นช่วงสั้น ๆ
  • ร้อยไหม เป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วทันทีหลังทำ เห็นความยกกระชับของผิวและกรอบหน้าได้ตั้งแต่วันแรกที่ไหมยกผิวขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับเบาถึงปานกลาง แต่ไม่มีไขมันสะสมมากนัก อย่างไรก็ตาม การร้อยไหมจำเป็นต้องได้รับการประเมินจากแพทย์อย่างแม่นยำก่อนทำ เพราะหากสภาพผิวหย่อนเกินไป หรือมีไขมันสะสมมาก การร้อยไหมอาจไม่เห็นผลชัดเจน และผลลัพธ์มักอยู่ได้ราว 6–12 เดือน

ตารางเปรียบเทียบวิธีลดเหนียงยอดนิยม

เพื่อให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น ตารางนี้รวบรวมข้อมูลสำคัญของแต่ละวิธีไว้ให้เห็นชัดในแวบเดียว

วิธี ระยะเวลาเห็นผล ผลลัพธ์อยู่ได้นาน เหมาะกับเหนียงแบบไหน ราคาประมาณ (บาท)
เมโสแฟต ภายใน 7–14 วัน 1–3 เดือน (ต้องทำซ้ำ) เหนียงจากไขมัน 1,500 – 4,000
เครื่องยกกระชับผิว เริ่มเห็นใน 2–4 สัปดาห์ชัดใน 1–3 เดือน 6–18 เดือน (ขึ้นอยู่กับเครื่องที่ใช้) เหนียงจากผิวหย่อนคล้อย หรือกล้ามเนื้อคลาย 9,000 – 45,000  (ขึ้นกับเครื่องและช็อต)
ดูดไขมันเหนียง เห็นชัดทันทีหลังหายบวม (1–3 สัปดาห์) ถาวร เหนียงจากไขมันจำนวนมาก 25,000 – 60,000 
ร้อยไหม เห็นผลทันทีหลังทำ 6–12 เดือน เหนียงจากผิวหย่อน 8,000 – 30,000(ขึ้นกับชนิดไหม)

เหนียงหายแล้วจะกลับมาอีกไหม?

การลดเหนียงสามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริงจากทั้งหัตถการทางการแพทย์ และการดูแลตัวเอง แต่ถ้ากลับมาทำพฤติกรรมเหมือนเดิม ไม่คอยดูผิวเหนียง กินเยอะเหมือนเดิมเหนียงสามารถกลับมาอีกได้ ดังนั้นควรดูแล และป้องกันไม่เหนียงกลับมาดังนี้

  • หลีกเลี่ยงอาหารหวานหรือไขมันสูง เช่น ขนม น้ำอัดลม น้ำชง หรืออาหารมัน ๆ เพราะจะเพิ่มโอกาสสะสมไขมันใหม่บริเวณใบหน้าและใต้คาง
  • ลดการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากส่งผลต่อระบบเผาผลาญ ทำให้เกิดการบวมน้ำ และเร่งการสะสมไขมัน
  • หลีกเลี่ยงการก้มหน้าติดต่อกันนานๆ โดยเฉพาะการเล่นมือถือหรือทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อคออ่อนแรง และเร่งการคลายตัวของผิว
  • ไม่ควรนอนดึกเป็นประจำ เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลให้ร่างกายฟื้นฟูคอลลาเจนได้ไม่เต็มที่
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการคาร์ดิโอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง หรือว่ายน้ำ จะช่วยเผาผลาญไขมันโดยรวมของร่างกาย รวมถึงบริเวณใบหน้า
  • ควบคุมน้ำหนัก ตัวให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงหลังลดเหนียงใหม่ ๆ ควรหลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็วในช่วง 1–2 เดือนแรกหลังทำ
  • ดูแลผิวด้วยครีมบำรุง หรือทรีตเมนต์บำรุงผิวบริเวณลำคอ เพื่อคงความกระชับ และชะลอการหย่อนคล้อย
  • ทำหัตถการบางประเภท เช่น HIFU หรือ Ulthera เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวมีความกระชับอยู่

เหนียงประเภทไหนที่อาจไม่ตอบสนองต่อหัตถการทั่วไป?

แม้ในปัจจุบันจะมีหัตถการมากมายสำหรับลดเหนียง ทั้งเมโสแฟต, HIFU, ร้อยไหม หรือดูดไขมัน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะตอบสนองต่อวิธีเหล่านี้ได้ดีเหมือนกันทุกกรณี เพราะลักษณะของเหนียงมีความหลากหลาย ทั้งในแง่ของตำแหน่งไขมัน ความลึกของชั้นไขมัน ลักษณะของกล้ามเนื้อ หรือภาวะความหย่อนคล้อยของผิวหนัง หากเลือกวิธีที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาก็จะไม่เห็นผลหลังทำ เช่น

มีไขมันเหนียงเยอะ และอยู่ใกล้ชั้นกล้ามเนื้อ

ในบางกรณีไขมันใต้คางไม่ได้อยู่ในชั้นตื้น แต่อยู่ใกล้กับกล้ามเนื้อชั้นลึก เช่น กล้ามเนื้อ Platysma หรือชั้น SMAS ทำให้การฉีดสลายไขมันอย่างเมโสแฟตมักไม่ได้ผล หรือลดไขมันไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากยาไม่สามารถเข้าถึงชั้นไขมันเป้าหมายได้โดยตรง ควรเลือกวิธีดูดไขมันเหนียง เพราะสามารถกำจัดไขมันลึกได้โดยตรง เห็นผลรวดเร็ว และไม่ต้องทำซ้ำหลายครั้ง

กล้ามเนื้อ Platysma หย่อนตัวมาก

กล้ามเนื้อ Platysma เป็นกล้ามเนื้อบางแผ่นที่พาดจากลำคอขึ้นมาถึงใบหน้าส่วนล่าง หากกล้ามเนื้อนี้หย่อน อาจทำให้เกิดลอนของเหนียงเป็นเส้นหรือแถบชัดเจน การใช้เครื่องยกกระชับ หรือร้อยไหมเพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถยกกระชับกล้ามเนื้อชั้นลึกได้เต็มที่ ควรทำหัตถการร่วมกัน เช่นร้อยไหมร่วมกับการใช้เครื่องยกกระชับ หรือถ้าหย่อนคล้อยรุนแรงอาจต้องผ่าตัด

ผิวหนังหย่อนคล้อยระดับรุนแรง

ผิวหนังบริเวณใต้คางและลำคอหย่อนลงจนย้อยออกจากกรอบหน้า ทำให้ดูเหมือนมีเหนียง ซึ่งมักพบในผู้ที่มีอายุมาก ผิวบาง หรือเคยลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจนผิวไม่สามารถกระชับกลับได้ทัน การใช้เครื่องยกกระชับอาจไม่เห็นผลเนื่องจากผิวไม่เหลือความยืดหยุ่นแล้ว ต้องทำการผ่าตัดยกกระชับผิวเท่านั้นถึงจะเห็นผล

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับเหนียง

ยังมีอีกหลายข้อสงสัยที่คนมักมีเกี่ยวกับการลดเหนียง เราได้รวบรวมไว้ให้ที่นี่แบบกระชับและเข้าใจง่าย

Q : คนผอมสามารถมีเหนียงได้หรือไม่?
A : ได้ เพราะสาเหตุไม่ได้มาจากไขมันเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากคางสั้น ผิวหย่อน หรือกล้ามเนื้อคลายตัว รวมถึงพฤติกรรมอย่างการก้มหน้าเล่นมือถือบ่อยๆ

Q : เมโสแฟตสามารถช่วยลดเหนียงได้จริงไหม?
A : ได้ หากเหนียงเกิดจากไขมันสะสมชั้นตื้น หลังทำจะเริ่มเห็นผลใน 7–14 วัน แต่ต้องทำซ้ำหลายครั้ง ไม่เหมาะกับเหนียงจากผิวหย่อนหรือกล้ามเนื้อคลายตัว

Q : HIFU กับเมโสแฟตต่างกันอย่างไร?
A : HIFU เหมาะกับคนที่มีเหนียงจากผิวหย่อนคล้อย ส่วนเมโสแฟตเหมาะกับเหนียงจากไขมันสะสม และสามารถทำร่วมกันได้หากมีปัญหาเหนียงจากไขมัน และความหย่อนคล้อย

Q : หากเหนียงเกิดจากกล้ามเนื้อคางหย่อน จะใช้วิธีอะไรดีที่สุด?
A : หากเหนียงเกิดจากกล้ามเนื้อคางหย่อน ควรรักษาด้วย HIFU หรือ Ulthera SPT ร่วมกับร้อยไหม และในรายที่หย่อนมากอาจต้องผ่าตัดกระชับกล้ามเนื้อใต้คาง

Q : ดูดไขมันเหนียงเจ็บไหม? และต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?
A : มีอาการเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากก่อนทำมีการฉีดยาชาลดความเจ็บหลังทำ พักฟื้นประมาณ 3–7 วัน และควรใส่ผ้ารัดหน้าช่วยให้กระชับเร็วขึ้น

Q : เหนียงหายแล้ว จะกลับมาอีกได้หรือไม่?
A : กลับมาได้ หากไม่ดูแลตัวเองต่อหลังทำ เช่น กินหวานบ่อย นอนดึก หรือก้มหน้าใช้มือถือเป็นประจำ ควรควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักให้คงที่เพื่อไม่ให้เหนียงกลับมา

Q : มีอายุเท่าไรถึงควรเริ่มรักษาเหนียง?
A : ไม่มีอายุกำหนดไว้ สามารรักษาได้ทันทีหากรู้สึกว่าเหนียงเป็นปัญหา ต้องการยกกระชับผิว หรือสลายไขมันเหนียง

Q : วิธีใดที่เห็นผลเร็วที่สุด?
A : ดูดไขมันเห็นผลรวดเร็ว และอยู่ได้ค่อนข้างนาน

สรุป

เหนียงสามารถเกิดได้จากหลายๆ ปัจจัยทั้งจากการสะสมของไขมันบริเวณเหนียงเยอะ ผิวเหนียงหย่อนคล้อย กล้ามเนื้อไม่กระชับเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งถ้ารู้ปัญหาที่ทำให้เกิดเหนียงก็จะสามารถเลือกรักษาเหนียงได้อย่างตรงจุด ทำให้เหนียงหรือคางสองขั้นหายไป หากมีเหนียงเยอะ ต้องการลดเหนียงแต่ไม่รู้ว่าวิธีไหนเหมาะ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic ค่ะ

Scroll to Top