ผิวหย่อนคล้อย เป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญซึ่งเกิดได้จากหลายๆ ปัจจัย และเกิดได้หลายบริเวณทั้งใบหน้า และร่างกาย แต่ผิวหย่อนคล้อยสามารถรักษาให้ผิวกลับมาตึงกระชับ รวมถึงมีวิธีชะลอปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ โดยในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามาเจาะลึกเกี่ยวกับปัญหาผิวหย่อนคล้อย รวมทั้งบอกวิธีรักษา และวิธีป้องกันผิวหย่อนคล้อยค่ะ
Key Takeaways
- ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ซึ่งเป็นผลจากอายุที่มากขึ้น พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น แสงแดด ความเครียด และการนอนหลับไม่เพียงพอ
- บริเวณที่พบปัญหาผิวหย่อนคล้อยบ่อย ได้แก่ ใบหน้า ลำคอ กรอบหน้า และลำตัว โดยเฉพาะบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อยหรือรับแสงแดดมาก
- วิธีรักษาผิวหย่อนคล้อยที่ได้ผล ได้แก่ การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหม และใช้เครื่องยกกระชับ เช่น HIFU, Ulthera, Thermage และ Morpheus8 โดยเลือกให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่ง
- การดูแลผิวที่ดีสามารถชะลอปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ เช่น การทาครีมกันแดดเป็นประจำ รักษาความชุ่มชื้น พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว
- ผิวหย่อนคล้อยไม่สามารถรักษาได้ถาวร แต่สามารถดูแลให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ได้ต่อเนื่อง ด้วยการรักษาอย่างสม่ำเสมอและการดูแลผิวอย่างเหมาะสม
ผิวหย่อนคล้อยคืออะไร?
ผิวหย่อนคล้อย คือ ภาวะที่ผิวหนังสูญเสียความกระชับและความยืดหยุ่น ทำให้เกิดรอยย่นหรือผิวที่ดูยืดยานไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ภาวะนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้น เนื่องจากการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังลดลงตามอายุ ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและความกระชับที่เคยมี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถเร่งให้ผิวหย่อนคล้อยได้ เช่น การสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงซึ่งทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือการขาดการดูแลผิวอย่างเหมาะสม รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลและการสูบบุหรี่ ก็เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้การเสื่อมสภาพของผิวเร่งขึ้น
บริเวณที่ผิวหย่อนคล้อยพบได้บ่อย
ผิวหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลายบริเวณของร่างกาย โดยมักจะเกิดในจุดที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย หรือบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับบ่อยๆ โดยมีบริเวณที่พบได้บ่อยดังนี้
ผิวหน้าหย่อนคล้อย
สาเหตุหลักของผิวหน้าหย่อนคล้อย มักเกิดจากการสัมผัสแสงแดดที่ทำลายเซลล์ผิว รวมทั้งการนอนหลับไม่เพียงพอที่ส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูผิวช้าลง และทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ ตามมา เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตารอยย่นหน้าผาก
ผิวคอหย่อนคล้อย
ผิวที่คอมีความบอบบางและเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าในบริเวณอื่น ๆ เมื่อผิวคอหย่อนคล้อยจะเกิดรอยพับ รอยย่นที่บริเวณคอ คอดูไม่กระชับซึ่งทำให้ดูมีอายุ
ผิวลำตัวหย่อนคล้อย
มักเกิดจากการที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว จนผิวร่างกายปรับตัวไม่ทัน หรือผิวสูญเสียคอลลาเจน ซึ่งจะพบได้บ่อยในบริเวณหน้าท้อง แขน ขา
สาเหตุหลักของผิวหย่อนคล้อย
ผิวหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่เกิดจากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ซึ่งมีผลกระทบต่อโครงสร้างของผิวและความยืดหยุ่น โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยมีดังนี้
อายุ
เมื่ออายุมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ จึงทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและหย่อนคล้อยได้ง่ายขึ้น
สูญเสียไขมันใต้ผิว
ไขมันใต้ผิวมีบทบาทสำคัญในการรองรับโครงสร้างของผิว แต่เมื่อไขมันในชั้นผิวลดลงจะส่งผลให้ผิวขาดการรองรับและเริ่มหย่อนคล้อย
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การสัมผัสกับแสงแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว ทำให้การผลิตคอลลาเจนลดลงและทำลายความยืดหยุ่นของผิว เร่งให้ผิวหย่อนคล้อยได้เร็วขึ้น
แสงแดดและรังสี UV
เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดการหย่อนคล้อยเร็วขึ้น โดยรังสี UV จะทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวแห้งกร้านและดูไม่กระชับ
ความเครียด
ความเครียดที่มีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย ทำลายคอลลาเจนและลดการผลิตฮอร์โมนที่ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในวัยหมดประจำเดือน ส่งผลให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย
วิธีการรักษาผิวหย่อนคล้อยในแต่ละบริเวณ
การรักษาผิวหย่อนคล้อยสามารถทำได้วิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่หย่อนคล้อย โดยวิธีการรักษาผิวหย่อนคล้อยแต่ละบริเวณให้กลับมากระชับมีดังนี้
ร่องแก้มและใต้ตา
การรักษาปัญหาร่องแก้ม หรือร่องใต้ตาสามารถทำได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึก หรือเลือกใช้เครื่องยกกระชับ เช่น Thermage, HIFU, Ulthera ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวทำให้ร่องแก้ม และริ้วรอยใต้ตาตื้นขึ้นได้
ผิวหน้า
บริเวณนี้สามารถใช้ได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ในจุดที่สามารถยกกระชับหน้าได้ เช่น หน้าแก้ม ขมับ หรือการใช้เครื่องยกกระชับเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวทั่วใบหน้า นอกจากนี้ยังมีวิธีร้อยไหม และการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดการเกิดริ้วรอยเมื่อแสดงสีหน้าได้
ใต้คางและบริเวณกรอบหน้า
บริเวณนี้จะนิยมการใช้เครื่องยกกระชับผิว เช่น Ulthera, Thermage, Morpheus8 หรือ HIFU ให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน และการฉีดโบท็อกซ์ช่วงกรอบหน้า ลำคอก็สามารถช่วยยกกระชับผิวได้ รวมถึงการร้อยไหมช่วงกรอบหน้าจะช่วยยกกระชับกรอบหน้าให้เห็นชัดเจนมากขึ้น
ผิวลำตัว
ผิวบริเวณนี้ส่วนมากการใช้เครื่องยกกระชับผิวในการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย โดยเครื่องยกกระชับผิวลำตัวที่นิยมใช้กันจะมี Morpheus8 และ Volnewmer ที่สามารถกระชับผิวลำตัว และสลายไขมันได้พร้อมๆ กัน และยังมี Ultraformer, Ulthera ที่ยกกระชับผิวลำตัวกระตุ้นคอลลาเจนได้เหมือนกัน
สรุปหัตถการรักษาผิวหย่อนคล้อย
สรุปหัตถการที่ช่วยรักษาผิวหย่อนคล้อย มีทั้งแบบไม่ต้องผ่าตัดและใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ปลอดภัย เหมาะกับระดับความหย่อนคล้อยที่แตกต่างกัน ดังนี้
หัตถการ | จุดเด่น | เหมาะกับบริเวณ |
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) | ยกกระชับด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ลงลึกถึงชั้น SMAS กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน | ใบหน้า กรอบหน้า ใต้คาง |
Ulthera (Ultherapy) | เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่แม่นยำ เห็นชั้นผิวแบบ real-time ขณะยิง ช่วยยกกระชับชั้นลึก | ใบหน้า ลำคอ ใต้คาง |
Thermage FLX | ใช้คลื่นวิทยุ (RF) ทำให้ผิวแน่นกระชับทันที และฟื้นฟูคอลลาเจนระยะยาว | ใบหน้า รอบดวงตา ลำตัว |
Morpheus8 | เทคโนโลยี RF microneedling ผสานเข็มขนาดเล็กกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิวลึก | กรอบหน้า ใต้คาง ท้อง แขน ขา |
ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) | เติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา ทำให้ผิวดูตึงขึ้นทันที | ใบหน้า โดยเฉพาะร่องลึก |
ร้อยไหม (Thread Lift) | ดึงผิวให้กระชับขึ้นทันที พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว | กรอบหน้า แก้ม ลำคอ |
ฉีดโบท็อกซ์ (Botox) | ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยและช่วยยกมุมใบหน้าเล็กน้อย | หน้าผาก หางตา มุมปาก |
Ultraformer | เครื่องยกกระชับด้วยคลื่นอัลตราซาวด์แบบ HIFU ที่ยิงได้หลายชั้นผิว เหมาะกับทั้งใบหน้าและร่างกาย | ใบหน้า คอ ใต้คาง หน้าท้อง แขน ขา |
Volnewmer | เทคโนโลยีคลื่น RF (Radio Frequency) ช่วยยกกระชับและสลายไขมันพร้อมกัน เหมาะกับผิวหย่อนคล้อยและไขมันสะสม | ท้อง แขน ขา ลำตัว กรอบหน้า |
จากตารางข้างต้นจะเห็นว่าเทคโนโลยีและหัตถการยกกระชับผิวแต่ละแบบมีข้อดีเฉพาะตัว ทั้งเรื่องระดับความลึกที่รักษาได้ ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจน และระยะเวลาการฟื้นตัว ซึ่งเหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละคน เช่น HIFU และ Ulthera เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อย ฟิลเลอร์และร้อยไหมเหมาะกับการเติมเต็มจุดเฉพาะจุด ส่วน Morpheus8 และ Thermage เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูอย่างครอบคลุมและลึกถึงโครงสร้างผิว
ข้อควรรู้ : ในบางกรณีที่ผิวหย่อนคล้อยมาก และหัตถการไม่ผ่าตัดอาจให้ผลลัพธ์ไม่เพียงพอ ผู้ที่สนใจอาจพิจารณาการผ่าตัดดึงหน้า หรือดึงลำคอร่วมด้วย ซึ่งเป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ถาวรกว่า แต่ต้องอาศัยการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างรอบคอบ
คำแนะนำในการดูแลผิวเพื่อป้องกันผิวหย่อนคล้อย
เพื่อป้องกันปัญหาผิวหย่อนคล้อยควรเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ ควรรู้วิธีดูแลผิวและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อที่จะช่วยรักษาความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวให้นานขึ้น โดยมีวิธีดูแลผิวดังนี้
การใช้ครีมกันแดด
ควรทาครีมกันแดดทุกวัน เพราะรังสียูวีสามารถทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ขาดความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นก่อนวัย
รักษาความชุ่มชื้นของผิว
เลือกใช้ครีมบำรุงที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นมีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid หรือ Glycerin จะช่วยรักษาสมดุลน้ำในผิว เพราะผิวที่แห้งมักเกิดริ้วรอยและหย่อนคล้อยได้ง่าย
นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อคืนช่วยให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย
ออกกำลังกายเป็นประจำ
ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและส่งเสริมการผลิตคอลลาเจนในผิว
เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อผิว
อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินช่วยฟื้นฟูผิวและชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและมลภาวะ
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว
การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปส่งผลเสียต่อผิวในระยะยาว สารพิษในบุหรี่สามารถทำลายเส้นใยคอลลาเจนและลดความยืดหยุ่นของผิว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผิวหย่อนคล้อย
Q: ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร?
A: เกิดจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด และการดูแลผิวไม่เหมาะสม
Q: จะป้องกันผิวหย่อนคล้อยได้อย่างไร?
A: ดูแลผิวด้วยการทาครีมบำรุงที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ทาครีมกันแดด นอนหลับเพียงพอ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น สูบบุหรี่
Q: วิธีรักษาผิวหย่อนคล้อยมีอะไรบ้าง?
A: มีหลายวิธี เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ Thermage, HIFU หรือร้อยไหม ขึ้นกับความรุนแรงและบริเวณผิวที่หย่อนคล้อย
Q: ผิวหย่อนคล้อยรักษาได้ถาวรไหม?
A: ไม่ถาวร เนื่องจากผิวมีการเสื่อมสภาพในทุกๆ วัน แต่สามารถชะลอและยกกระชับผิวให้หายหย่อนคล้อยได้วิธีการรักษาต่างๆ
Q: ควรเริ่มดูแลผิวหย่อนคล้อยเมื่อไหร่?
A: ควรเริ่มดูแลผิวตั้งแต่ช่วงแรก ๆ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและผิวหนังในระยะยาว หรือเมื่อครบ 25 ปี เพราะเป็น ช่วงที่คอลลาเจนในผิวลดลง
Q: ผิวหย่อนคล้อยต่างจากริ้วรอยอย่างไร?
A: ริ้วรอยคือเส้นหรือรอยบนผิวที่เกิดจากผิวแห้งเสีย ขาดความชุ่มชื้น ขาดความยืดหยุ่น ส่วนผิวหย่อนคล้อยคือการที่ผิวหนังเสียความกระชับและหย่อนยาน และเป็นต้นเหตุของริ้วรอย
Q: การใช้ครีมบำรุงสามารถแก้ผิวหย่อนคล้อยได้ไหม?
A: ครีมช่วยชะลอ และบำรุงผิวให้แข็งแรง แต่ไม่สามารถแก้ไขผิวหย่อนคล้อยรุนแรงได้ ต้องใช้หัตถการทางการแพทย์ร่วมด้วย
Q: การรักษาผิวหย่อนคล้อยใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
A: ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและสภาพผิวของแต่ละคน บางวิธีสามารถช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ภายใน 1 – 3 เดือน
Q: ใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงการรักษาผิวหย่อนคล้อยด้วยเลเซอร์หรือร้อยไหม?
A: ผู้ที่มีโรคผิวหนังรุนแรง ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา
Q: ควรทำซ้ำการรักษาผิวหย่อนคล้อยบ่อยแค่ไหน?
A: ขึ้นอยู่กับวิธีและสภาพผิว โดยแพทย์จะแนะนำตามความเหมาะสม ส่วนใหญ่ควรทำซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ดีเอาไว้
สรุป
ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลักคือผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ขาดคอลลาเจน แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถรักษาปัญหานี้ได้ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท็อกซ์ หรือเครื่องยกกระชับต่างๆ แต่ควรเลือกใช้ให้ถูกกับบริเวณผิวที่ต้องการรักษาเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน หากมีปัญหานี้ต้องการให้ผิวกลับมากระชับเหมือนเดิม สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์ให้คำแนะนำอย่างละเอียดค่ะ