บทความ
ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาผิวหย่อนคล้อยอย่างไร
แชร์ :

ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาผิวหย่อนคล้อยอย่างไร

sagging-skin
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ผิวหย่อนคล้อย เป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญซึ่งเกิดได้จากหลายๆ ปัจจัย และเกิดได้หลายบริเวณทั้งใบหน้า และร่างกาย แต่ผิวหย่อนคล้อยสามารถรักษาให้ผิวกลับมาตึงกระชับ รวมถึงมีวิธีชะลอปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ โดยในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามาเจาะลึกเกี่ยวกับปัญหาผิวหย่อนคล้อย รวมทั้งบอกวิธีรักษา และวิธีป้องกันผิวหย่อนคล้อยค่ะ

Key Takeaways

  • ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ซึ่งเป็นผลจากอายุที่มากขึ้น พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น แสงแดด ความเครียด และการนอนหลับไม่เพียงพอ
  • บริเวณที่พบปัญหาผิวหย่อนคล้อยบ่อย ได้แก่ ใบหน้า ลำคอ กรอบหน้า และลำตัว โดยเฉพาะบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อยหรือรับแสงแดดมาก
  • วิธีรักษาผิวหย่อนคล้อยที่ได้ผล ได้แก่ การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหม และใช้เครื่องยกกระชับ เช่น HIFU, Ulthera, Thermage และ Morpheus8 โดยเลือกให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่ง
  • การดูแลผิวที่ดีสามารถชะลอปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ เช่น การทาครีมกันแดดเป็นประจำ รักษาความชุ่มชื้น พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว
  • ผิวหย่อนคล้อยไม่สามารถรักษาได้ถาวร แต่สามารถดูแลให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ได้ต่อเนื่อง ด้วยการรักษาอย่างสม่ำเสมอและการดูแลผิวอย่างเหมาะสม

ผิวหย่อนคล้อยคืออะไร?

ผิวหย่อนคล้อย คือ ภาวะที่ผิวหนังสูญเสียความกระชับและความยืดหยุ่น ทำให้เกิดรอยย่นหรือผิวที่ดูยืดยานไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ภาวะนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้น เนื่องจากการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังลดลงตามอายุ ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและความกระชับที่เคยมี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถเร่งให้ผิวหย่อนคล้อยได้ เช่น การสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงซึ่งทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือการขาดการดูแลผิวอย่างเหมาะสม รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลและการสูบบุหรี่ ก็เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้การเสื่อมสภาพของผิวเร่งขึ้น

บริเวณที่ผิวหย่อนคล้อยพบได้บ่อย

ผิวหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลายบริเวณของร่างกาย โดยมักจะเกิดในจุดที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย หรือบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับบ่อยๆ โดยมีบริเวณที่พบได้บ่อยดังนี้

ผิวหน้าหย่อนคล้อย

สาเหตุหลักของผิวหน้าหย่อนคล้อย มักเกิดจากการสัมผัสแสงแดดที่ทำลายเซลล์ผิว รวมทั้งการนอนหลับไม่เพียงพอที่ส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูผิวช้าลง และทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ ตามมา เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตารอยย่นหน้าผาก

ผิวคอหย่อนคล้อย

ผิวที่คอมีความบอบบางและเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าในบริเวณอื่น ๆ เมื่อผิวคอหย่อนคล้อยจะเกิดรอยพับ รอยย่นที่บริเวณคอ คอดูไม่กระชับซึ่งทำให้ดูมีอายุ

ผิวลำตัวหย่อนคล้อย

มักเกิดจากการที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว จนผิวร่างกายปรับตัวไม่ทัน หรือผิวสูญเสียคอลลาเจน ซึ่งจะพบได้บ่อยในบริเวณหน้าท้อง แขน ขา

สาเหตุหลักของผิวหย่อนคล้อย

สาเหตุหลักของผิวหย่อนคล้อย

ผิวหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่เกิดจากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ซึ่งมีผลกระทบต่อโครงสร้างของผิวและความยืดหยุ่น โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยมีดังนี้

อายุ

เมื่ออายุมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ จึงทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและหย่อนคล้อยได้ง่ายขึ้น

สูญเสียไขมันใต้ผิว

ไขมันใต้ผิวมีบทบาทสำคัญในการรองรับโครงสร้างของผิว แต่เมื่อไขมันในชั้นผิวลดลงจะส่งผลให้ผิวขาดการรองรับและเริ่มหย่อนคล้อย

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

การสัมผัสกับแสงแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว ทำให้การผลิตคอลลาเจนลดลงและทำลายความยืดหยุ่นของผิว เร่งให้ผิวหย่อนคล้อยได้เร็วขึ้น

แสงแดดและรังสี UV

เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดการหย่อนคล้อยเร็วขึ้น โดยรังสี UV จะทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวแห้งกร้านและดูไม่กระชับ

ความเครียด

ความเครียดที่มีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย ทำลายคอลลาเจนและลดการผลิตฮอร์โมนที่ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่าย

ฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในวัยหมดประจำเดือน ส่งผลให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย 

วิธีการรักษาผิวหย่อนคล้อยในแต่ละบริเวณ

การรักษาผิวหย่อนคล้อยสามารถทำได้วิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่หย่อนคล้อย โดยวิธีการรักษาผิวหย่อนคล้อยแต่ละบริเวณให้กลับมากระชับมีดังนี้

ร่องแก้มและใต้ตา

การรักษาปัญหาร่องแก้ม หรือร่องใต้ตาสามารถทำได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึก หรือเลือกใช้เครื่องยกกระชับ เช่น Thermage, HIFU, Ulthera ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวทำให้ร่องแก้ม และริ้วรอยใต้ตาตื้นขึ้นได้

ผิวหน้า

บริเวณนี้สามารถใช้ได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ในจุดที่สามารถยกกระชับหน้าได้ เช่น หน้าแก้ม ขมับ หรือการใช้เครื่องยกกระชับเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวทั่วใบหน้า นอกจากนี้ยังมีวิธีร้อยไหม และการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดการเกิดริ้วรอยเมื่อแสดงสีหน้าได้ 

ใต้คางและบริเวณกรอบหน้า

บริเวณนี้จะนิยมการใช้เครื่องยกกระชับผิว เช่น Ulthera, Thermage, Morpheus8 หรือ HIFU ให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน และการฉีดโบท็อกซ์ช่วงกรอบหน้า ลำคอก็สามารถช่วยยกกระชับผิวได้ รวมถึงการร้อยไหมช่วงกรอบหน้าจะช่วยยกกระชับกรอบหน้าให้เห็นชัดเจนมากขึ้น

ผิวลำตัว

ผิวบริเวณนี้ส่วนมากการใช้เครื่องยกกระชับผิวในการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย โดยเครื่องยกกระชับผิวลำตัวที่นิยมใช้กันจะมี Morpheus8 และ Volnewmer ที่สามารถกระชับผิวลำตัว และสลายไขมันได้พร้อมๆ กัน และยังมี Ultraformer, Ulthera ที่ยกกระชับผิวลำตัวกระตุ้นคอลลาเจนได้เหมือนกัน

สรุปหัตถการรักษาผิวหย่อนคล้อย

สรุปหัตถการที่ช่วยรักษาผิวหย่อนคล้อย มีทั้งแบบไม่ต้องผ่าตัดและใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ปลอดภัย เหมาะกับระดับความหย่อนคล้อยที่แตกต่างกัน ดังนี้

หัตถการ จุดเด่น เหมาะกับบริเวณ
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ยกกระชับด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ลงลึกถึงชั้น SMAS กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ใบหน้า กรอบหน้า ใต้คาง
Ulthera (Ultherapy) เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่แม่นยำ เห็นชั้นผิวแบบ real-time ขณะยิง ช่วยยกกระชับชั้นลึก ใบหน้า ลำคอ ใต้คาง
Thermage FLX ใช้คลื่นวิทยุ (RF) ทำให้ผิวแน่นกระชับทันที และฟื้นฟูคอลลาเจนระยะยาว ใบหน้า รอบดวงตา ลำตัว
Morpheus8 เทคโนโลยี RF microneedling ผสานเข็มขนาดเล็กกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิวลึก กรอบหน้า ใต้คาง ท้อง แขน ขา
ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา ทำให้ผิวดูตึงขึ้นทันที ใบหน้า โดยเฉพาะร่องลึก
ร้อยไหม (Thread Lift) ดึงผิวให้กระชับขึ้นทันที พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว กรอบหน้า แก้ม ลำคอ
ฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยและช่วยยกมุมใบหน้าเล็กน้อย หน้าผาก หางตา มุมปาก
Ultraformer เครื่องยกกระชับด้วยคลื่นอัลตราซาวด์แบบ HIFU ที่ยิงได้หลายชั้นผิว เหมาะกับทั้งใบหน้าและร่างกาย ใบหน้า คอ ใต้คาง หน้าท้อง แขน ขา
Volnewmer เทคโนโลยีคลื่น RF (Radio Frequency)  ช่วยยกกระชับและสลายไขมันพร้อมกัน เหมาะกับผิวหย่อนคล้อยและไขมันสะสม ท้อง แขน ขา ลำตัว กรอบหน้า

จากตารางข้างต้นจะเห็นว่าเทคโนโลยีและหัตถการยกกระชับผิวแต่ละแบบมีข้อดีเฉพาะตัว ทั้งเรื่องระดับความลึกที่รักษาได้ ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจน และระยะเวลาการฟื้นตัว ซึ่งเหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละคน เช่น HIFU และ Ulthera เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อย ฟิลเลอร์และร้อยไหมเหมาะกับการเติมเต็มจุดเฉพาะจุด ส่วน Morpheus8 และ Thermage เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูอย่างครอบคลุมและลึกถึงโครงสร้างผิว

ข้อควรรู้ : ในบางกรณีที่ผิวหย่อนคล้อยมาก และหัตถการไม่ผ่าตัดอาจให้ผลลัพธ์ไม่เพียงพอ ผู้ที่สนใจอาจพิจารณาการผ่าตัดดึงหน้า หรือดึงลำคอร่วมด้วย ซึ่งเป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ถาวรกว่า แต่ต้องอาศัยการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างรอบคอบ

คำแนะนำในการดูแลผิวเพื่อป้องกันผิวหย่อนคล้อย

คำแนะนำในการดูแลผิวเพื่อป้องกันผิวหย่อนคล้อย

เพื่อป้องกันปัญหาผิวหย่อนคล้อยควรเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ ควรรู้วิธีดูแลผิวและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อที่จะช่วยรักษาความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวให้นานขึ้น โดยมีวิธีดูแลผิวดังนี้

การใช้ครีมกันแดด

ควรทาครีมกันแดดทุกวัน เพราะรังสียูวีสามารถทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ขาดความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นก่อนวัย

รักษาความชุ่มชื้นของผิว

เลือกใช้ครีมบำรุงที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นมีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid หรือ Glycerin จะช่วยรักษาสมดุลน้ำในผิว เพราะผิวที่แห้งมักเกิดริ้วรอยและหย่อนคล้อยได้ง่าย

นอนหลับให้เพียงพอ

การนอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อคืนช่วยให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย

ออกกำลังกายเป็นประจำ

ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและส่งเสริมการผลิตคอลลาเจนในผิว

เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อผิว

อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินช่วยฟื้นฟูผิวและชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและมลภาวะ

หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว

การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปส่งผลเสียต่อผิวในระยะยาว สารพิษในบุหรี่สามารถทำลายเส้นใยคอลลาเจนและลดความยืดหยุ่นของผิว 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผิวหย่อนคล้อย

Q: ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร?

A: เกิดจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด และการดูแลผิวไม่เหมาะสม

Q: จะป้องกันผิวหย่อนคล้อยได้อย่างไร?

A: ดูแลผิวด้วยการทาครีมบำรุงที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ทาครีมกันแดด นอนหลับเพียงพอ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น สูบบุหรี่

Q: วิธีรักษาผิวหย่อนคล้อยมีอะไรบ้าง?

A: มีหลายวิธี เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์  Thermage, HIFU หรือร้อยไหม ขึ้นกับความรุนแรงและบริเวณผิวที่หย่อนคล้อย

Q: ผิวหย่อนคล้อยรักษาได้ถาวรไหม?

A: ไม่ถาวร เนื่องจากผิวมีการเสื่อมสภาพในทุกๆ วัน แต่สามารถชะลอและยกกระชับผิวให้หายหย่อนคล้อยได้วิธีการรักษาต่างๆ

Q: ควรเริ่มดูแลผิวหย่อนคล้อยเมื่อไหร่?

A: ควรเริ่มดูแลผิวตั้งแต่ช่วงแรก ๆ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและผิวหนังในระยะยาว หรือเมื่อครบ 25 ปี เพราะเป็น ช่วงที่คอลลาเจนในผิวลดลง

Q: ผิวหย่อนคล้อยต่างจากริ้วรอยอย่างไร?

A: ริ้วรอยคือเส้นหรือรอยบนผิวที่เกิดจากผิวแห้งเสีย ขาดความชุ่มชื้น ขาดความยืดหยุ่น ส่วนผิวหย่อนคล้อยคือการที่ผิวหนังเสียความกระชับและหย่อนยาน และเป็นต้นเหตุของริ้วรอย

Q: การใช้ครีมบำรุงสามารถแก้ผิวหย่อนคล้อยได้ไหม?

A: ครีมช่วยชะลอ และบำรุงผิวให้แข็งแรง แต่ไม่สามารถแก้ไขผิวหย่อนคล้อยรุนแรงได้ ต้องใช้หัตถการทางการแพทย์ร่วมด้วย

Q: การรักษาผิวหย่อนคล้อยใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

A: ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและสภาพผิวของแต่ละคน บางวิธีสามารถช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ภายใน 1 – 3 เดือน

Q: ใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงการรักษาผิวหย่อนคล้อยด้วยเลเซอร์หรือร้อยไหม?

A: ผู้ที่มีโรคผิวหนังรุนแรง ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา

Q: ควรทำซ้ำการรักษาผิวหย่อนคล้อยบ่อยแค่ไหน?

A: ขึ้นอยู่กับวิธีและสภาพผิว โดยแพทย์จะแนะนำตามความเหมาะสม ส่วนใหญ่ควรทำซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ดีเอาไว้

สรุป

ผิวหย่อนคล้อยเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลักคือผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ขาดคอลลาเจน แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถรักษาปัญหานี้ได้ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท็อกซ์ หรือเครื่องยกกระชับต่างๆ แต่ควรเลือกใช้ให้ถูกกับบริเวณผิวที่ต้องการรักษาเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน หากมีปัญหานี้ต้องการให้ผิวกลับมากระชับเหมือนเดิม สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์ให้คำแนะนำอย่างละเอียดค่ะ

Scroll to Top