กล้ามเนื้อหน้าท้องแยก หลายๆ คนคงไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และสงสัยว่าคืออาการแบบไหน เป็นอย่างไร ซึ่งกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกนั้นสามารถพบได้บ่อยหลังตั้งครรภ์ ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักกับภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก วิธีรักษา และวิธีเช็กง่ายๆ ด้วยตัวเองว่ามีปัญหากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกไหม
Key Takeaways
- กล้ามเนื้อหน้าท้องแยก (Diastasis Recti) คือภาวะที่กล้ามเนื้อหน้าท้องหลักแยกออกจากกัน ทำให้หน้าท้องยื่น หย่อนคล้อย และเสียความกระชับ
- กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกพบบ่อยในคุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งครรภ์หลายครั้ง อายุมาก ทารกตัวใหญ่ หรือมีพฤติกรรมออกกำลังกายผิดวิธี
- สาเหตุอื่น ๆ เช่น ความเครียดสะสม ลดน้ำหนักเร็วเกินไป หรือท่าทางผิด (poor posture) ก็เพิ่มความเสี่ยงได้เช่นกัน
- กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกสามารถตรวจด้วยตัวเองได้ โดยกดหน้าท้องระหว่างยกตัวขึ้น หากมีร่องกว้างเกิน 2 นิ้ว ถือว่าเข้าข่ายภาวะนี้
- ภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกนี้ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ปวดหลัง เสียสมดุล เสี่ยงกรดไหลย้อน และส่งผลต่อบุคลิกภาพ
- การรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกมีหลายทางเลือก เช่น การออกกำลังกายฟื้นฟู ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอด เครื่องกระตุ้นกล้ามเนื้อ ไปจนถึงเทคโนโลยีไม่ผ่าตัดอย่าง Morpheus8 หรือการผ่าตัดในเคสรุนแรง
- Morpheus8 ใช้พลังงาน RF ร่วมกับ microneedling ช่วยกระชับกล้ามเนื้อและผิวบริเวณหน้าท้อง โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้น
- ราคาการรักษาขึ้นกับวิธีที่เลือก โดย Morpheus8 มีราคาประมาณ 15,000–30,000 บาท
กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกคืออะไร
ภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก (Diastasis Recti) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนหลักเกิดการแยกออกจากกัน เนื่องจากเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ยึดกล้ามเนื้อทั้งสองข้างให้ติดกันสูญเสียความยืดหยุ่น ความแข็งแรง เมื่อกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกออกจากกันจึงทำให้เกิดอาการหน้าท้องหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ อาจส่งผลให้มีหน้าท้องยื่นออกมา โดยกล้ามเนื้อหน้าท้องที่สำคัญมีทั้งหมด 4 ส่วนหลักที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน และมีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหวและการทรงตัวของร่างกาย
Rectus Abdominis (กล้ามเนื้อหน้าท้องหลัก)
Rectus Abdominis หรือกล้ามเนื้อหน้าท้องหลัก เป็นกล้ามเนื้อที่สำคัญในการเคลื่อนไหวแบบงอตัวไปข้างหน้า หรือการย่อส่วนร่างกายเข้าหากัน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับลำตัวและช่วยในการรักษาสมดุลขณะเคลื่อนไหว
External Abdominal Oblique (กล้ามเนื้อหน้าท้องด้านนอก)
External Abdominal Oblique หรือกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านนอก เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ในตำแหน่งด้านข้างของลำตัว ทำหน้าที่ในการหมุนลำตัวไปทางซ้ายหรือขวา และยังมีบทบาทในการทำให้ลำตัวสามารถเคลื่อนไหวในทิศทางต่างๆ ได้อย่างอิสระ
Internal Abdominal Oblique (กล้ามเนื้อหน้าท้องด้านใน)
Internal Abdominal Oblique หรือกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านใน จะอยู่ลึกกว่ากล้ามเนื้อ External Abdominal Oblique และทำหน้าที่คล้ายกันในการหมุนลำตัวทั้งซ้ายและขวา ช่วยในการเสริมสมดุลให้กับลำตัวในขณะเคลื่อนไหว
Transverse Abdominis (กล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนใน)
Transverse Abdominis หรือกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนใน คือกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกที่สุดในกลุ่มกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำหน้าที่ในการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องเมื่อร่างกายทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความแข็งแรงหรือการทรงตัว เช่น การยกของหนักหรือการเคลื่อนไหวที่ต้องการสมดุล
สาเหตุกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกเกิดจากอะไร
ภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกจะส่งผลให้กล้ามเนื้อหน้าท้องขาดความกระชับ เกิดรอยแตกลาย และไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้ ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้
ภาวะหลังคลอด
ภาวะหลังคลอด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก เนื่องจากในระหว่างการตั้งครรภ์ มดลูกจะขยายตัวเพิ่มขนาดขึ้นเพื่อรองรับทารก ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องต้องยืดออกตามไปด้วย การขยายตัวนี้อาจทำให้เนื้อเยื่อที่ยึดกล้ามเนื้อหน้าท้องสูญเสียความยืดหยุ่น เมื่อคลอดแล้วกล้ามเนื้อหน้าท้องมักจะไม่สามารถหดกลับเข้าสู่สภาพเดิมได้ โดยเฉพาะในกรณีของการตั้งครรภ์หลายครั้ง หรือการตั้งครรภ์เมื่ออายุมากขึ้น เช่น หลังอายุ 35 ปี นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่มีทารกน้ำหนักตัวมากหรือการตั้งครรภ์แฝดก็มีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะนี้
ออกกำลังกายผิดวิธี
ออกกำลังกายผิดวิธี มีหลายอย่าง เช่น การยกน้ำหนักมากเกินไป หรือการทำท่าที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรือความเครียดต่อกล้ามเนื้อหน้าท้อง ส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อาจทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกได้
ความเครียด
ความเครียดทั้งทางจิตใจและร่างกายมีผลกระทบต่อการทำงานของเนื้อเยื่อ fascia ซึ่งมีหน้าที่รองรับยึดกล้ามเนื้อให้แน่นกระชับ หากความเครียดมีมากจะทำให้กล้ามเนื้อ fascia ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ จะส่งผลให้เกิดการขยายตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกได้
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
หากพักผ่อนไม่เพียงพอ สามารถทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากความเครียดหรือการบาดเจ็บได้ช้าลง เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถฟื้นตัวได้ดี ก็อาจนำไปสู่การแยกตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องได้
ภาวะหลังการลดน้ำหนัก
หากการลดน้ำหนักเกิดขึ้นเร็วเกินไปหรือไม่ถูกวิธี กล้ามเนื้อหน้าท้องอาจจะไม่สามารถฟื้นตัวหรือกระชับตัวได้ดี ทำให้มีหน้าท้องที่ยื่นออกมาแม้ว่าน้ำหนักจะลดลงแล้วก็ตาม
กระดูกสันหลังแอ่น
กระดูกสันหลังแอ่นหรือท่าทางการนั่ง ท่ายืนที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อหน้าท้องเกิดการยืดขยายหรือเคลื่อนไหวผิดรูป เมื่อมีการขยับหรือออกแรงในท่าที่ผิด กล้ามเนื้อหน้าท้องอาจไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้ ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกได้
คนที่มีหน้าท้องใหญ่มากในอดีต
แม้ในปัจจุบันจะสามารถลดน้ำหนักและไขมันส่วนเกินออกไปได้แล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก เนื่องจากกล้ามเนื้อที่เคยยืดขยายมาก่อนอาจไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์
วิธีเช็กว่าเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกไหม
สำหรับการเช็กว่าเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกสามารถเช็กได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ดังนี้
- นอนราบลงไปบนพื้น พร้อมกับงอเข่าทั้งสองข้าง และเท้าวางราบไปกับพื้น
- วางมือทั้งสองข้างชิดติดกันโดยให้ปลายนิ้วมืออยู่บริเวณตรงกลางหน้าท้องระหว่างลิ้นปี่และสะดือ
- ใช้ปลายนิ้วมือกดลงไปที่หน้าท้อง ค้างไว้ และให้มือขนานไปกับผิวหน้าท้อง
- จากนั้นให้ยกตัวขึ้นเหมือนทำท่าซิทอัพ แต่เกร็งตัวไว้ในท่าที่กำลังยกตัวขึ้น
- ขณะทำการยกตัวขึ้น ให้ใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่หน้าท้องบริเวณที่คุณวางมือไว้
ถ้ากล้ามเนื้อหน้าท้องปกติ เมื่อทำการเกร็งหน้าท้อง กล้ามเนื้อจะตึงและแข็งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากบริเวณที่มือกดจะไม่แข็งเหมือนปกติ แต่จะรู้สึกถึงร่องหรือช่องว่างที่ยุบลงไป และร่องนั้นอาจมีขนาดกว้างมากกว่า 2 นิ้ว แปลว่าเป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก
ปัญหาที่เกิดจากกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก
ภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกสามารถก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างที่มีผลกระทบทั้งร่างกาย โดยปัญหาที่สามารถพบได้มีดังนี้
- ปวดหลังและเอว เมื่อกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ จะทำให้เกิดการกระจายแรงที่ไม่สมดุลในบริเวณหลังและเอว จึงทำให้กระดูกสันหลังต้องรับภาระมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างและปวดเอว
- ความยากลำบากในการรักษาท่าทาง จะทำให้การยืนหรือนั่งในท่าทางที่ถูกต้องเป็นเรื่องยากขึ้น เพราะการทำงานของกล้ามเนื้อท้องที่ไม่สมบูรณ์จะส่งผลให้เกิดความเครียดที่กระดูกสันหลังและข้อต่อลดลง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นไปได้ยากขึ้น
- ความเสี่ยงในการเกิดภาวะที่เกี่ยวข้องกับช่องท้อง เช่น ภาวะกรดไหลย้อน หรือปัญหาการขับถ่าย เช่น ท้องผูก เนื่องจากกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่สามารถช่วยรองรับแรงดันจากภายในช่องท้องได้ดี
- ความเสี่ยงในการเกิดการบาดเจ็บ บาดเจ็บได้ง่ายขึ้นจากกิจกรรม เช่น การออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงดันในช่องท้อง หรือการยกของหนัก
- เสียบุคลิกภาพ (Poor posture) กล้ามเนื้อหน้าท้องไม่สามารถทำงานได้เต็มที่อาจทำให้เกิดท่าทางที่ไม่ดี เช่น การยืนโค้งหลังหรือเอียงไปข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้บุคลิกภาพดูไม่ดีและส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในตัวเอง
รักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกด้วย Morpheus8
การรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกและปัญหาหน้าท้องย้วยจากภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกด้วยเทคโนโลยี Morpheus8 เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยกระชับผิวหน้าท้องและฟื้นฟูสภาพผิวได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่ต้องผ่าตัด
ซึ่ง Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่าง Microneedling และ Radio frequency (RF) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังลึก โดยการใช้เข็มขนาดเล็กที่มีการปล่อยพลังงาน RF เข้าไปในชั้นผิวที่ต้องการรักษา ทำให้เกิดการฟื้นฟูและกระชับผิวหน้าและผิวกายให้กลับมามีความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แยกจะค่อยๆ กลับมาประสานกันเหมือนเดิม
เจาะลึก : Morpheus8 หน้าท้อง ฟื้นฟู และยกกระชับผิวหน้าท้องให้เรียบเนียน
วิธีรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยก
การรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยก มีหลายวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับปัญหาว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกมากน้อยแค่ไหน โดยมีวิธีรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องดังนี้
ออกกำลังกายและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
การออกกำลังกายและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เป็นวิธีการรักษาเบื้องต้นเน้นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลาง เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรงขึ้น และลดการแยกของกล้ามเนื้อ
ใช้เครื่องมือกระตุ้นกล้ามเนื้อ
วิธีรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกที่ใช้เครื่องมือกระตุ้นกล้ามเนื้อ เช่น การกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMS) หรือการกระตุ้นด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electrical Muscle Stimulation) สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการออกกำลังกายหนักเกินไป
ใช้ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอด
การใช้ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอด เหมาะสำหรับผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าท้องกลับมามีความกระชับมากขึ้น โดยผ้ารัดหน้าท้องจะช่วยรักษาท่าทางที่ถูกต้องและลดการขยายตัวของหน้าท้องในระยะหลังคลอด
การผ่าตัด
ในกรณีที่กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกออกมากหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมจนเกิดปัญหาด้านการเคลื่อนไหวและสุขภาพ การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งการผ่าตัดสำหรับการรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกมีหลายประเภท เช่น
- Abdominoplasty Abdominoplasty หรือ Tummy Tuck การผ่าตัดในลักษณะนี้จะพับและเย็บส่วนกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แยกออกจากกัน เพื่อให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และทำให้หน้าท้องกระชับขึ้น
- ผ่าตัดส่องกล้องการผ่าตัดส่องกล้อง เป็นการผ่าตัดด้วยการใช้เครื่องมือพิเศษที่มีขนาดเล็ก เพื่อลดขนาดของแผลและช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
รักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกราคาเท่าไร
สำหรับราคาการรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกจะมีราคาไม่เท่ากัน แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีรักษาที่ใช้ โดยอาจจะมีตั้งแต่ราคา 1,000 – 100,000 บาท ซึ่งราคารักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกด้วย Morpheus8 จะมีราคาประมาณ 15,000 – 30,000 บาท
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก
แม้ในบทความนี้เราจะอธิบายภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกไว้โดยละเอียดแล้ว แต่หลายคนที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้ อาจยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม เช่น “ภาวะนี้หายได้เองไหม?”, “ผู้ชายเป็นได้หรือเปล่า?” หรือ “ออกกำลังกายแบบไหนไม่ควรทำ?”
ในส่วนนี้ Vincent Clinic Aesthetic ได้รวบรวมคำถามยอดนิยมที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก พร้อมคำตอบจากมุมมองทางการแพทย์ เพื่อให้คุณเข้าใจอาการได้ลึกขึ้น และวางแผนการดูแลหรือฟื้นฟูได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
Q : กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกหายเองได้ไหม?
A : กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกสามารถฟื้นตัวเองได้ในบางราย โดยเฉพาะช่วงแรกหลังคลอด ประมาณ 6–12 สัปดาห์ หากมีการดูแลร่างกายและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม แต่หากเวลาผ่านไปแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือรอยแยกกว้างมาก การฟื้นตัวเองตามธรรมชาติอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้วิธีรักษาเพิ่มเติม
Q : ผู้ชายสามารถมีภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกได้หรือไม่?
A : ได้ค่ะ แม้จะพบได้น้อยกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะหลังคลอด แต่ผู้ชายที่มีภาวะหน้าท้องโตมาก เช่น เคยอ้วน, มีพฤติกรรมออกกำลังกายผิดท่า, ยกของหนักบ่อยๆ หรือมีแรงดันในช่องท้องสูงต่อเนื่อง ก็สามารถเกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน
Q : ออกกำลังกายแบบไหนไม่ควรทำ หากมีกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก?
A : ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่เพิ่มแรงดันในช่องท้องมากเกินไป เช่น ท่า Crunch หรือ Sit-up แบบเดิม, การยกน้ำหนักขนาดใหญ่โดยไม่กระชับแกนกลางลำตัว, ท่าที่ทำให้ท้องนูนออกกลางลำตัว และควรเปลี่ยนมาใช้ท่าที่เน้นการเกร็งแกนกลางลำตัว เช่น pelvic tilt, breathing exercises หรือ core stability แบบ low impact แทน
Q : กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกส่งผลต่อการตั้งครรภ์ครั้งถัดไปหรือไม่?
A : ใช่ค่ะ หากยังไม่ได้รับการรักษาหรือฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข็งแรง อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการเกิดภาวะแยกมากกว่าเดิมในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป และอาจมีอาการปวดหลังหรือหน้าท้องหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ จึงแนะนำให้ฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อให้ดีก่อนวางแผนมีบุตรอีกครั้ง
Q : การใช้ผ้ารัดหน้าท้องนานเกินไปมีผลเสียไหม?
A : แม้ผ้ารัดหน้าท้องจะช่วยพยุงกล้ามเนื้อและกระตุ้นการฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แต่การใช้นานเกินไปหรือพึ่งพามากเกินไปอาจทำให้กล้ามเนื้อแกนกลางขี้เกียจทำงาน จึงควรใช้ควบคู่กับการออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นจริง
Q : ภาวะกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกเกี่ยวข้องกับไส้เลื่อนหรือไม่?
A : แม้ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของไส้เลื่อน แต่หากมีแรงดันในช่องท้องสูงและผนังหน้าท้องอ่อนแรงจากการแยกของกล้ามเนื้อ อาจเพิ่มโอกาสเกิดไส้เลื่อนได้ ดังนั้นการรักษากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกก็มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าว
สรุป
กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกเป็นอาการที่กล้ามเนื้อหน้าท้องหลักแยกออกจากกันจนทำให้ท้องยื่นออกมาดูอ้วน และยังส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพหลายๆ อย่าง โดยส่วนมากจะพบภาวะนี้ได้จากคุณแม่หลังคลอด หรือคนที่เคยอ้วนมากๆ แต่ก็ยังมีวิธีรักษาได้หลายแบบ หากต้องการรักษาอาการกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกสามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic ได้ค่ะ