บทความ
e-Martrix คืออะไร นวัตกรรมเลเซอร์แก้ปัญหาผิว ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
แชร์ :

e-Martrix คืออะไร นวัตกรรมเลเซอร์แก้ปัญหาผิว ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

eMatrix เลเซอร์แก้ปัญหาผิว
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

eMatrix คือ นวัตกรรมเลเซอร์รูปแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก แต่อาจมีหลายคนที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อ ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามาไปรู้จักกับเทคโนโลยี eMatrix อย่างละเอียด ว่าทำงานอย่างไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

Key Takeaways

  • eMatrix คือ เลเซอร์พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Fractional RF) ที่ส่งพลังงานลงลึกถึงผิวชั้นในโดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก เหมาะกับการฟื้นฟูผิวแบบล้ำลึก
  • เลเซอร์ eMatrix ช่วยรักษาหลุมสิวลึกได้ดีเยี่ยม ทั้งแบบ Ice Pick, Box Scar และ Rolling Scar โดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับลึก
  • โปรแกรม eMatrix แก้ปัญหาผิวได้ครอบคลุม ทั้งรูขุมขนกว้าง ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย สีผิวไม่สม่ำเสมอ และควบคุมความมัน
  • eMatrix จะเห็นผลชัดเมื่อทำต่อเนื่อง 3–5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างแต่ละครั้งประมาณ 4 สัปดาห์
  • มีผลข้างเคียงน้อยและไม่ต้องพักฟื้นนาน เช่น หน้าแดง อุ่นผิว หรือมีสะเก็ดเล็กน้อยหลังทำ eMatrix
  • หัตถการ eMatrix เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหลายด้านหรือมีผิวแพ้ง่าย
  • หลังทำ eMatrix ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้สกินแคร์สูตรอ่อนโยนหลังทำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดโอกาสระคายเคือง
  • ราคา eMatrix อยู่ที่ 3,000 – 9,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ทำและประสบการณ์ของแพทย์

eMatrix คืออะไร

eMatrix คือ เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าอย่างล้ำลึก โดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency หรือ RF) ที่เป็นพลังงานวิทยุแบบ Bipolar RF (พลังคลื่นวิทยุสองขั้ว) ซึ่งมีการปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบ Fractional RF ที่เป็นการปล่อยพลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ ลักษณะคล้ายกับสามเหลี่ยมคว่ำ ลงได้ถึงชั้นผิวแท้อย่างแม่นยำ โดยไม่ทำลายผิวบริเวณอื่น ๆ และผิวชั้นนอก 

เมื่อผิวหนังโดนพลังงานคลื่นวิทยุจาก e-Matrix ผิวหนัง และเส้นใยคอลลาเจนจะเกิดหดตัว ทำให้ผิวกระชับ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีลาสตินในผิวมากขึ้นด้วย

เลเซอร์ eMatrix ช่วยเรื่องอะไร

เลเซอร์ eMatrix ช่วยเรื่องอะไร

eMatrix เป็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าอย่างครอบคลุม สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน โดยสามารถปรับสภาพผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้ดังนี้

  • เติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น หลุมสิว ตื้น ๆ ไม่รุนแรงแบบ Rolling Scar หลุมสิวลึกปานกลาง Box Scar หรือแบบลึกรุนแรงอย่าง Ice Pick Scar เพราะ eMatrix จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ส่งผลให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น และพื้นผิวหน้าดูเรียบเนียนสม่ำเสมอขึ้น
  • กระชับรูขุมขนให้เล็กลง ช่วยกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวเกิดการหดตัว จากนั้นสร้างขึ้นมาใหม่ คอลลาเจนที่เยอะขึ้นจะเข้าไปทำให้รูขุมขนกระชับอย่างเห็นได้ชัด ผิวหน้าดูละเอียดขึ้น และแต่งหน้าง่ายขึ้น
  • ลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิว ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือ ร่องลึกที่เกิดจากวัยหรือแสงแดดสามารถจางลงได้ เพราะพลังงานความร้อนจาก eMatrix จะเข้าไปกระตุ้นเส้นใยคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้ผิวดู ตึงกระชับ เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์
  • ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ช่วยเรื่องความผิดปกติของเม็ดสี เช่น จุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยดำจากสิว และผิวหมองคล้ำ พลังงานที่ปล่อยลงไปจะช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสว่าง กระจ่างใส เรียบเนียนสม่ำเสมอขึ้น
  • ควบคุมความมัน ลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ได้ จึงช่วยลดการเกิดสิวที่เกิดจากความมันบนใบหน้า สิวอักเสบ และ สิวอุดตัน จะลงน้อยลง สมดุลของผิวหน้าดีขึ้น 

เลเซอร์ eMatrix เหมาะกับใคร

เครื่อง e-Matrix เป็นเครื่องเลเซอร์ที่สามารถแก้ได้หลายปัญหาผิว จึงเหมาะกับหลาย ๆ คน ซึ่งผู้ที่เหมาะกับการทำ eMatrix มีดังนี้

  • ผู้ที่มีหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิว
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบ
  • ผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยตื้น ๆ
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
  • ผู้ที่มีรอยแดง รอยดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • ผู้ที่มีผิวมันง่าย น้ำมันบนใบหน้าเยอะ
  • ผู้ที่มีปัญหาสิว สิวเกิดซ้ำ ๆ
  • ผู้ที่ไม่อยากพักฟื้นนานหลังทำ
  • ผู้ที่มีผิวคล้ำ หรือ ผิวแพ้ง่าย

ต้องทำ eMatrix กี่ครั้งเห็นผล?

สำหรับการทำ eMatrix ใน 1 ครั้งจะรู้สึกได้ว่าผิวกระชับขึ้น มีความเรียบเนียน และมีความกระจ่างใส แต่เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ของผิวอย่างเต็มที่ ควรทำอย่างน้อย 3 – 5 ครั้ง โดยห่างกันครั้งละ 1 เดือน แต่ถ้าหากมีปัญหาผิวอย่าง เช่น หลุมสิวระดับลึกเยอะอาจจะต้องทำมากกว่า 5 ครั้ง ซึ่งแพทย์จะเป็นคนประเมินผิวให้ก่อนทุกว่าต้องทำกี่ครั้งผิวถึงจะกลับมาเรียบเนียน แก้ไขปัญหาอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

e-matrix มีผลข้างเคียงหลังทำไหม?

eMatrix ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) แต่ก็มีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากทำ eMatrix ดังนี้

  • ผิวหน้าแดงหลังทำ ซึ่งอาการผิวแดงจะค่อย ๆ จางลงภายใน 1–3 วัน
  • รู้สึกร้อนเล็กน้อย หรือรู้สึกอุ่นที่ผิวจากการที่พลังงานความร้อนลงสู่ชั้นหนังแท้
  • มีอาการบวมเล็กน้อยโดยเฉพาะในบริเวณที่ทำการส่งคลื่นพลังงานไปเยอะ ๆ
  • อาจมีสะเก็ดแผลบางจุด หรือผิวลอกเล็กน้อย
  • อาจมีอาการคัน หรือรู้สึกตึงผิวในช่วง 1–2 วันแรก

วิธีดูแลหลังทำ eMatrix

วิธีดูแลหลังทำ eMatrix

เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์ ฟื้นฟูผิวจากปัญหาต่าง ๆ และปลอดภัยที่สุด การดูแลผิวหลังทำ eMatrix อย่างถูกวิธีคือสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีวิธีดูแลดังนี้

  • ควรประคบเย็น เพื่อลดอาการร้อนผิว และบวมแดง ควรประคอบเย็นในช่วง 24 ชั่วโมงหลังทำ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เนื่องจากผิวอ่อนแออยู่จึงควรเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่รุนแรง หรือทำให้ผิวอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนจัด เพราะความร้อนจะกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบ และเสี่ยงต่อการเกิดฝ้า กระ หรือ รอยดำ ควรทากันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันผิว
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ใน 2 – 3 วันแรกแนะนำให้งดการแต่งหน้า ควรปล่อยให้ผิวได้พักลดโอกาสอักเสบ 
  • ปล่อยสะเก็ดให้หลุดออกเองตามธรรมชาติ หากมีสะเก็ดเกิดขึ้นห้ามแกะ หรือเกา เพราะอาจทิ้งรอยดำหรือแผลเป็นไว้ในระยะยาว
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวโดยไม่ระคายเคือง เช่น เจลว่านหางจระเข้ หรือครีมบำรุงที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ 

เลเซอร์ e-Matrix ราคาเท่าไร?

ราคาของ e-Matrix จะขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำ และราคาของแต่ละคลินิกในตอนนั้น โดย e-Matrix ราคาประมาณ 3,000 – 9,000 บาทค่ะ

e-Matrix vs Pico Laser 

eMatrix และ Pico Laser ต่างเป็นนวัตกรรมที่ฟื้นฟูผิวคล้ายกัน แต่หลักการทำงาน พลังงานที่ใช้ และผลลัพธ์ที่ได้มีความแตกต่างอย่างชัดเจนดังนี้

eMatrix เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงาน คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Fractional RF เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) เน้นการฟื้นฟูผิว เช่น หลุมสิวลึก ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และรูขุมขนกว้าง พลังงานจะถูกปล่อยเข้าสู่ผิวอย่างแม่นยำ โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน และทำงานได้ดีกับหลุมสิวลึก เพราะสามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวที่ต้องการกระตุ้นผิวโดยตรง 

ส่วน Pico Laser ใช้พลังงานแสงเลเซอร์ในระดับ Picosecond ที่ยิงแสงด้วยความเร็วสูงระดับล้านล้านวินาที ซึ่ง Pico Laser จะเข้าไปทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติในผิวได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เหมาะสำหรับการรักษาความผิดปกติของเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ รอยดำ และ ลบรอยสัก อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ช่วยรักษาหลุมสิวตื้นให้เรียบเนียนขึ้น 

ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องหลุมสิว eMatrix จะรักษาได้ดีกว่าเพราะสามารถได้ถึงหลุมสิวระดับรุนแรง ส่วน Pico Laser จะเด่นด้านการลบรอยดำ รอยสิว แต่ก็สามารถช่วยลดหลุมสิวได้สำหรับหลุมสิวตื้น ๆ ค่ะ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ eMatrix

หลายคนที่สนใจนวัตกรรมเลเซอร์ eMatrix อาจยังมีข้อสงสัยว่าทำแล้วเจ็บไหม? ต้องดูแลอย่างไรหลังทำ? หรือเหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง? เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราได้รวบรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ eMatrix พร้อมคำตอบที่เข้าใจง่าย ครอบคลุมทุกแง่มุมที่ควรรู้ก่อนเข้ารับบริการจริง

Q : ทำ eMatrix แล้วล้างหน้าได้เมื่อไร?
A : หลังทำสามารถล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าได้ทันทีในวันถัดไป และควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน งดสครับหรือใช้โฟมแรง ๆ อย่างน้อย 3 วันแรก

Q : หลังทำ eMatrix ต้องเว้นเครื่องสำอางกี่วัน?
A : แนะนำให้เว้นการแต่งหน้าอย่างน้อย 2–3 วัน เพื่อให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่ และลดความเสี่ยงการอุดตันหรือระคายเคือง

Q : eMatrix เจ็บไหม? ต้องทายาชาก่อนหรือเปล่า?
A : มีความรู้สึกอุ่นหรือแสบเล็กน้อยขณะทำ แพทย์จะทายาชาก่อนทำ 30–45 นาทีเพื่อให้รู้สึกสบายที่สุด ระดับความรู้สึกเจ็บจะแตกต่างกันไปตามสภาพผิวแต่ละคน

Q : หน้าแดงหลังทำ eMatrix นานไหม?
A : อาการแดงจะอยู่ประมาณ 1–3 วัน ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้และสภาพผิว ถ้าผิวบอบบางหรือทำกับบริเวณที่บาง อาจแดงได้นานกว่า

Q : ทำ eMatrix ตอนเป็นสิวได้ไหม?
A : ไม่แนะนำให้ทำขณะมีสิวอักเสบจำนวนมาก เพราะอาจกระตุ้นให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น ควรให้สิวสงบก่อน หรือให้แพทย์ประเมินว่าเหมาะสมหรือไม่

Q : ผู้ชายสามารถทำ eMatrix ได้ไหม?
A : ได้ 100% โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง หลุมสิว หรือผิวไม่เรียบ ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ชาย เทคโนโลยีนี้เหมาะกับทุกเพศ

Q : หลังทำ eMatrix ออกแดดได้ไหม?
A : ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด 7 วันหลังทำ และทาครีมกันแดด SPF50+ ทุกวันอย่างเคร่งครัด เพราะผิวอาจไวต่อแสงช่วงพักฟื้น

Q : eMatrix ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
A : สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น เมโสหน้าใส, ฉีดวิตามิน, หรือ Rejuran แต่ควรเว้นช่วงระหว่างหัตถการตามคำแนะนำแพทย์ เพื่อป้องกันการระคายเคือง

Q : ต้องเว้นการทำ eMatrix หากเคยทำเลเซอร์อื่นมาก่อนกี่วัน?
A : ควรเว้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากเลเซอร์ชนิดอื่น เช่น Pico, IPL หรือ Fractional CO2 เพื่อให้ผิวฟื้นตัวก่อน

Q : eMatrix ทำได้บ่อยแค่ไหน?
A : ทำได้ทุก 4 สัปดาห์ต่อเนื่อง และสามารถเว้นช่วงได้หากไม่มีเวลาหรือมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ โดยผลลัพธ์จะยังคงอยู่ แต่อาจเสื่อมช้าหรือเร็วตามสภาพผิว

สรุป

eMatrix คือนวัตกรรมเลเซอร์ที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Fractional RF เพื่อฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาผิวอย่างล้ำลึก ช่วยเติมเต็มหลุมสิว กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ หากต้องการรักษาผิว ปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ โดยสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic ค่ะ

Scroll to Top