HIFU หนึ่งในเครื่องยกกระชับผิวที่คนให้ความนิยม เพราะสามารถยกกระชับผิวได้ง่าย และทำได้หลายตำแหน่ง แต่ก่อนที่จะเลือกทำ ไฮฟู่ ต้องตัดสินใจให้ดีว่าเหมาะใหม่ โดยในบทความนี้จะมาแนะนำว่า HIFU ช่วยอะไร มีข้อเสียไหม และข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ก่อนทำค่ะ
HIFU คืออะไร
HIFU (ไฮฟู่) คือเครื่องยกกระชับผิวที่สามารถยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด และมีชื่อย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound โดยเครื่อง Hifu จะใช้พลังงาน Ultrasound ในการส่งคลื่นลงไปในชั้นผิวต่างๆ จากนั้นชั้นผิวที่โดนความร้อนจากพลังงานก็จะค่อยๆ ถูกยกกระชับขึ้น ลดความหย่อนคล้อยได้
HIFU ดีไหม
การยิงพลังงานของ HIFU มีให้เลือกใช้ถึง 3 หัว โดยในแต่ละหัวก็ใช้แตกต่างกันในชั้นผิว ซึ่งไฮฟู่สามารถยิงลงลึกได้ถึง 3 ชั้นผิวดังนี้
- ผิวชั้นบน (Upper Dermis) เป็นผิวชั้นหนังแท้ส่วนบนมีคอลลาเจน และอีลาสตินอยู่เยอะ จะใช้หัวความลึก 1.5 – 2.0 mm เมื่อยิง HIFU ลงไปในชั้นนี้จะช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอยตื้นๆ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
- ผิวชั้นกลาง (Lower Dermis) เป็นผิวชั้นหนังแท้ส่วนล่าง มีคอลลาเจน และไขมันอยู่ในชั้นนี้ จะใช้หัวความลึก 3 mm เมื่อยิงหลังงานไฮฟู่ชั้นนี้จะยกกระชับผิว ลดไขมันในผิวให้ลดน้อยลง
- ผิวชั้นเนื้อเยื่อหุ้นกล้ามเนื้อ (SMAS) เป็นชั้นผิวหนังที่มักใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า จะใช้หัวความลึก 4.5 mm จะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และกล้ามเนื้อ
เครื่อง HIFU นั้นมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นต่างกันออกไปเช่น
- Ulthera SPT เครื่องยกกระชับที่มีจอสามารถมองเห็นชั้นผิวระหว่างทำได้ และส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำ ทำให้การยกกระชับผิวมีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการทำลึกเกินไปหรือผิดจุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำและปลอดภัย
- Ultraformer III เครื่องยกกระชับจากประเทศเกาหลีที่มีความแม่นยำสูง สามารถส่งพลังงาน MFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) ลงสู่ผิวได้คงที่และสม่ำเสมอ ช่วยยกกระชับ ลดริ้วรอย และฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับทั่วหน้าโดยใช้เทคโนโลยี HIFU
- Ultraformer MPT รุ่นใหม่จาก Ultraformer ที่พัฒนาให้สามารถส่งพลังงานลงสู่ผิวได้ละเอียดขึ้นและมีการปรับพลังงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระตุ้นคอลลาเจนได้ลึกขึ้นและเห็นผลชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังลดความรู้สึกเจ็บขณะทำ โดยมีความสามารถในการยกกระชับที่ดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใส
เครื่อง HIFU ช่วยอะไร
Hifu จะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ขาดคอลลาเจน ที่พบได้บ่อยเมื่ออายุมากให้ผิวกระชับขึ้น ซึ่งนอกจากยกกระชับผิวแล้ว เครื่อง HIFU ยังสามารถช่วยเรื่องอื่นๆ ได้ เช่น
- ลดริ้วรอยบนใบหน้า หรือลำคอให้น้อยลงได้
- แก้ปัญหาตาตก คิ้วตก ช่วยดึงให้ตายกขึ้น
- ช่วยสลายไขมันในชั้นผิวได้เล็กน้อย
- ช่วยยกกระชับผิวในบริเวณร่างกายให้กระชับขึ้น
HIFU เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องตื้นๆ เล็กน้อย
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับกรอบหน้า ให้กรอบหน้าคมชัด
- ผู้ที่ต้องการลดแก้ม ลดเหนียง
- ผู้ต้องการยกกระชับผิว โดยไม่ต้องผ่าตัด
ข้อดี – ข้อเสียของ HIFU
เครื่อง HIFU มีทั้งข้อดี และข้อเสียดังนี้
ข้อดี HIFU
- สามารถยกกระชับผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว
- ลดริ้วรอย ร่องตื้นได้
- ช่วยชะลอความหย่อนคล้อยในอนาคตได้
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
ข้อเสีย HIFU
- อาจมีอาการบวมแดงหลังทำ
- ยังไม่เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
- อาจผิวไหม้ได้ ถ้าไม่ได้ทำกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
ทำ HIFU บริเวณไหนได้บ้าง
สำหรับ HIFU สามารถนำมายกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้หลายบริเวณดังนี้
- รอบดวงตา ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา และยกกระชับให้ดวงตาไม่หย่อนคล้อย
- แก้ม ช่วยยกกระชับแก้มหย่อนคล้อยที่ทำให้มีร่องแก้ม ร่องน้ำมาก หรือมุมปากตก เมื่อยกแก้มขึ้นปัญหาพวกนี้ก็จะลดน้อยลง
- เหนียง ลดความหย่อนคล้อยของเหนียงได้ ช่วยยกกระชับเหนียง และบริเวณลำคอ
- ร่างกายบริเวณอื่นๆ แขน ขา หน้าท้อง ก็สามารถใช้ HIFU ในการกระชับสัดส่วน ยกกระชับได้เหมือนกัน
HIFU ใช้กี่ไลน์
การทำ HIFU จะไม่เรียกเป็นช็อตจะเรียกเป็นไลน์แทน ซึ่งจำนวนที่ต้องใช้ก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับบริเวณ และความหย่อนคล้อย โดยมีจำนวนประมาณดังนี้
- ทำ HIFU รอบดวงตา ประมาณ 100 ไลน์
- ทำ HIFU แก้ม ประมาณ 100 ไลน์
- ทำ HIFU เหนียง ประมาณ 100 ไลน์
- ทำ HIFU แก้ม และเหนียง ประมาณ 300 ไลน์
- ทำ HIFU ทั่วหน้า ประมาณ 500 – 700 ไลน์
- ทำ HIFU ต้นแขน ประมาณ 500 – 700 ไลน์
- ทำ HIFU ต้นขา ประมาณ 1000 ไลน์
แต่จำนวนไลน์ที่บอกไปเป็นเพียงแค่จำนวนประมาณเท่านั้น หากมีความหย่อนคล้อยน้อยอาจจะใช้จำนวนไลน์น้อยกว่านี้ หรือถ้าหย่อนคล้อยมากอาจจะต้องใช้จำนวนไลน์มากกว่านี้ ซึ่งปกติแล้วก่อนที่จะทำ HIFU หมอจะประเมินให้ก่อนว่าควรใช้จำนวนไลน์เท่าไร
ไฮฟู่เจ็บไหม
การทำ HIFU จะรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง เพราะพลังงานจะลงไปสู่ถึงผิวชั้นลึก ผิวชั้น SMAS โดยมีความร้อน 60 – 70 องศา ความร้อนจะไม่ทำให้ผิวไหม้ แต่จะทำให้รู้สึกตึงๆ หรือเจ็บจี๊ดๆ ระหว่างทำ ก่อนทำ HIFU จึงจะมีการแปะยาชาให้ก่อนทำเพื่อลดความเจ็บระหว่างทำ
HIFU ทําได้บ่อยแค่ไหน
การทำ HIFU ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไปอย่างเช่นทำทุกเดือน ควรเว้นอย่างน้อยประมาณ 3 เดือนแล้วค่อยกลับไปทำซ้ำ เพราะเครื่อง Hifu เป็นเครื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผล ไม่ได้เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ผิวจะค่อยๆ ยกกระชับ ดังนั้นควรรอให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ก่อนจึงค่อยตัดสินใจว่าจะทำซ้ำไหมค่ะ
หลังทำ HIFU กี่วันเห็นผล
หลังจากที่ทำ Hifu จะยังไม่เห็นผลทันที หลังทำทันทีจะเห็นผลลัพธ์เพียงแค่ 20% แต่หลังทำอาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยซึ่งอาการบวมแดงจะค่อยๆ เองมักมีอาการบวมไม่นาน และผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเมื่อครบ 1 – 2 เดือนหลังจากทำ
ผลลัพธ์ HIFU อยู่ได้กี่เดือน
ผลลัพธ์ของ HIFU สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคนด้วย แนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุก 6 เดือน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น และคงสภาพผิวที่ดีเอาไว้
หลังทํา HIFU ห้ามทําอะไรบ้าง
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังทำ HIFU ออกมาดี และไม่มีผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามนี้
- ไม่ควรจับ นวด หรือถูใบหน้าแรง ๆ หลังทำทันทีเพราะอาจทำให้ใบหน้าอักเสบได้
- ควรเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์สทำให้คอลลาเจนในผิวลดน้อยลงได้
- ควรทากันแดดทุกวัน และเลี่ยงการโดนแดดจัด เพื่อให้คอลลาเจนในชั้นผิวสร้างได้อย่างเต็มที่
ทำ HIFU ราคาเท่าไร
เครื่อง HIFU จะมีราคาที่เปลี่ยนไปไม่เท่ากัน โดยขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ จำนวนไลน์ที่ใช้ และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกในตอนนั้นนั้น ซึ่งราคา HIFU ประมาณ 3,000 – 30,000 บาท และก่อนทำควรเลือกให้ดีว่าเป็นเครื่อง HIFU ของแท้เพื่อความปลอดภัย
สรุป
HIFU เป็นเครื่องยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับได้ โดยคลื่นพลังงานอง HIFU สามารถลงลึกได้ถึงผิวชั้นลึก และชั้นเดียวกับชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้าจึงช่วยยกกระชับผิวได้ดี และสามารถทำได้หลายบริเวณไม่ว่าจะเป็น ทั่วใบหน้า ลำคอ และร่างกายค่ะ