ซิลิโคนในเครื่องสำอางเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงอยู่เสมอในกลุ่มผู้รักการดูแลผิว เพราะเป็นตัวช่วยให้ผิวเนียนเรียบ แต่งหน้าติดทนนาน แต่บางคนกังวลเรื่องการอุดตันรูขุมขนหรือกระตุ้นการเกิดสิว ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักว่าซิลิโคนในผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีผลต่อผิวจริงหรือไม่ เป็นอันตรายแค่ไหน และควรหลีกเลี่ยงหรือไม่ เพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนก่อนที่จะใช้ค่ะ
Key Takeaway
- ซิลิโคนในเครื่องสำอางมีหน้าที่ช่วยให้ผิวเรียบลื่น เมคอัพติดทน และควบคุมความมัน แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย
- ซิลิโคนไม่ใช่สารอันตราย แต่หากล้างออกไม่หมด อาจเสี่ยงสะสมและอุดตันรูขุมขน จึงควรใช้คลีนซิ่งหรือทำ Double Cleansing เป็นประจำ
- สามารถสังเกตส่วนผสมในฉลากได้จากคำลงท้าย เช่น “-cone” หรือ “-siloxane” ซึ่งมักเป็นชื่อของซิลิโคนในเครื่องสำอาง
- หลีกเลี่ยงซิลิโคนได้จากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตร Silicone-free หรือใช้ทางเลือกจากธรรมชาติ เช่น Squalane หรือเจลบำรุงที่ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
- ซิลิโคนในเมคอัพหรือสกินแคร์ควรพิจารณาตามสภาพผิว และดูแลผิวให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
ซิลิโคนคืออะไร?
ซิลิโคน (Silicone) คือ สารประกอบสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากซิลิกอน ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้ในธรรมชาติ เช่น ทรายหรือหิน เมื่อผ่านกระบวนการทางเคมีจะได้เป็นซิลิโคนที่มีคุณสมบัติพิเศษที่มีความยืดหยุ่น ทนความร้อน ทนต่อการสลายตัว และมีพื้นผิวที่ลื่นเรียบ
ซึ่งในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและการดูแลผิวซิลิโคนถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมานานหลายสิบปี โดยเฉพาะในกลุ่มสกินแคร์ เมคอัพ และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์ลื่น เกลี่ยง่าย ทาแล้วผิวรู้สึกเรียบเนียน นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยเบลอ รูขุมขนกว้าง ปรับผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นทันทีหลังใช้
ประเภทของซิลิโคนที่พบบ่อยในเครื่องสำอาง
ซิลิโคนมี 2 ประเภท คือ แบบระเหย และแบบไม่ระเหย ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างดังนี้
- ซิลิโคนระเหยได้ (Volatile Silicone) ซิลิโคนกลุ่มนี้จะระเหยออกจากผิวภายในไม่กี่นาทีหลังทา ทำให้รู้สึกเบาสบาย ไม่เหนียวเหนอะ ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์เกลี่ยง่ายและซึมเร็ว เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเนื้อสัมผัสบางเบา
- ซิลิโคนไม่ระเหย (Non-Volatile Silicone) ซิลิโคนกลุ่มนี้จะเคลือบผิวหรือเส้นผมไว้บาง ๆ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวดูเรียบและรู้สึกเนียนนุ่ม มักใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม
นอกจากประเภทแล้ว ซิลิโคนยังแบ่งเป็นชนิดต่างๆ ที่จะแตกต่างกันไป โดยชนิดซิลิโคนที่พบได้บ่อยๆ ในเครื่องสำอางมีดังนี้
- Dimethicone เป็นซิลิโคนชนิดไม่ระเหยที่พบได้บ่อยที่สุดในเครื่องสำอาง เช่น ครีมบำรุง ไพรเมอร์ และรองพื้น มีเนื้อสัมผัสลื่น ช่วยให้ผลิตภัณฑ์เกลี่ยง่าย ทาแล้วผิวดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังสร้างฟิล์มบาง ๆ บนผิวเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น โดยไม่ทำให้รู้สึกหนักหรือเหนียวเหนอะหนะ
- Cyclopentasiloxane เป็นซิลิโคนที่ระเหยได้ให้สัมผัสที่บางเบา ซึมไว และไม่ทิ้งความมันหรือความเหนียวไว้บนผิวหลังใช้ พบในผลิตภัณฑ์ เช่น สเปรย์บำรุงผม โลชั่น และเมคอัพบางสูตร โดยจะนำสารบำรุงลงสู่ผิวก่อนจะระเหยออกโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
- Amodimethicone เป็นซิลิโคนชนิดที่ไม่ระเหยออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเคลือบผิวหรือเส้นผม มักพบในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เช่น ครีมนวด และทรีตเมนต์ต่าง ๆ โดยมีคุณสมบัติเด่นคือสามารถจับกับจุดที่เสียหายของเส้นผมได้ดี ช่วยให้ผมนุ่มลื่น เงางาม และไม่ชี้ฟู ทั้งยังไม่ทำให้ผมลีบแบนเหมือนซิลิโคนบางชนิดที่เคลือบหนักเกินไป ถือเป็นซิลิโคนที่ให้การปกป้องแบบมีเป้าหมาย
ซิลิโคนในเมคอัพ vs สกินแคร์ ต่างกันอย่างไร?
ถึงแม้จะเป็นซิลิโคนเหมือนกัน การใช้งานในเมคอัพและสกินแคร์มีความแตกต่างกันทั้งในด้านวัตถุประสงค์ ประเภทที่เลือกใช้ และผลลัพธ์ที่ได้ ดังนี้
ซิลิโคนในเมคอัพ
ในผลิตภัณฑ์ประเภทเมคอัพ โดยเฉพาะไพรเมอร์ รองพื้น และบีบีครีม คุณสมบัติหลักของซิลิโคนในเมคอัพคือ การช่วยให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ ปิดรูขุมขนชั่วคราว และลดริ้วรอยตื้นๆ ได้ทันทีหลังใช้ ส่วนใหญ่มักประกอบด้วยชนิด Dimethicone หรือ Cyclopentasiloxane ซึ่งทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ลื่นและมีสัมผัสแบบซาติน พอทาลงบนผิวจะเกิดชั้นเคลือบบาง ๆ ที่ทำให้รองพื้นเกาะผิวได้ดีขึ้น และติดทนยาวนานขึ้นโดยไม่เป็นคราบหรือแห้งลอก นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมความมันบนผิวได้ในระดับหนึ่ง
ซิลิโคนในสกินแคร์
ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ซิลิโคนมักถูกใช้อย่างระมัดระวังมากกว่าเมคอัพ จุดประสงค์หลักของการใส่ซิลิโคนในครีมบำรุงหรือเซรั่ม คือเพื่อเพิ่มความรู้สึกที่ดีขณะใช้งาน เช่น ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ลื่น ซึมง่าย ไม่เหนียว และลดแรงเสียดสีระหว่างทาบนผิว โดยมักจะใช้ซิลิโคนชนิด Dimethicone ที่สามารถเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำจากผิวชั้นบน และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่จะไม่ซึมลึกลงไปเหมือนสารบำรุงอื่นๆ เน้นการเสริมประสิทธิผลิตภัณฑ์ที่ใช้ แต่ซิลิโคนบางตัวอาจทำให้สารบำรุงบางชนิดซึมผ่านผิวได้ยากขึ้นหากใช้ในปริมาณมากเกินไป
ข้อดีของซิลิโคนในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ซิลิโคนเป็นส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในหลายด้าน แม้จะไม่ได้ฟื้นฟูผิวในเชิงลึก แต่มีบทบาทสำคัญต่อสัมผัสและผลลัพธ์ทันทีหลังใช้ โดยมีข้อดีดังนี้
- ช่วยให้ผิวเรียบลื่น เพราะซิลิโคนทำให้เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ลื่นมือ และมอบสัมผัสเบาสบาย ไม่เหนียวเหนอะ
- เติมเต็มร่องผิวและรูขุมขน สามารถปรับผิวให้ดูเรียบเนียน ลดการปรากฏของริ้วรอยเล็ก ๆ และความไม่สม่ำเสมอชั่วคราว
- เคลือบผิวเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น จะทำหน้าที่เป็นชั้นบาง ๆ ที่ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว
- ช่วยให้รองพื้นติดผิวดีขึ้น ซิลิโคนสามารถทำหน้าที่คล้ายไพรเมอร์ ช่วยให้เมคอัพเกาะผิวได้สม่ำเสมอ และติดทนนานขึ้น แก้ปัญหา แต่งหน้าไม่ติด
ข้อจำกัดหรือข้อควรระวังในการใช้ซิลิโคน
แม้ซิลิโคนจะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและเนื้อผลิตภัณฑ์ลื่นใช้ง่าย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากใช้ต่อเนื่องหรือในผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย
- อาจอุดตันรูขุมขนในบางคน จึงทำให้ผิวไม่ระบายได้เต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อมีน้ำมันหรือสิ่งสกปรกสะสมร่วมด้วย จึงเสี่ยงเกิดสิวหรืออุดตันได้ในบางสภาพผิว
- ล้างออกยากหากไม่ใช้คลีนซิ่ง ซิลิโคนบางชนิดกันน้ำและเกาะผิวดี จึงควรใช้คลีนซิ่งแบบออยล์หรือบาล์มเพื่อล้างออกอย่างหมดจด ไม่ควรพึ่งแค่โฟมล้างหน้า
- เสี่ยงสะสมหากใช้ต่อเนื่องโดยไม่ดูแลผิวให้ดี การใช้ซิลิโคนต่อเนื่องโดยไม่ล้างให้สะอาด อาจทำให้ผิวหมองลง และลดประสิทธิภาพของสารบำรุงที่ต้องการซึมเข้าสู่ผิว
ซิลิโคนเหมาะกับใคร ใครควรเลี่ยง
ซิลิโคนอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวบางอย่าง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ซิลิโคน โดยแต่ละสภาพผิวเหมาะหรือไม่เหมาะกับซิลิโคนดังนี้
- ผิวแห้ง เหมาะกับการใช้ซิลิโคน เพราะช่วยเคลือบผิว กักเก็บความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียน้ำ และให้ผิวรู้สึกเรียบลื่นโดยไม่หนักหน้า
- ผิวมัน และเป็นสิวง่าย เพราะผิวมัน หรือคนที่มี หน้ามัน เกิดการอุดตันได้ง่าย ควรเลือกสูตรที่ระบุว่าซิลิโคนที่ Non-comedogenic และใช้ซิลิโคนที่ระเหยได้ เช่น Cyclopentasiloxane เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันหรือการสะสมของไขมันที่อาจทำให้เกิดสิว
- ผิวแพ้ง่าย หรือกำลังใช้ยารักษาสิว เป็นผิวที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะผิวอาจอ่อนแอและไวต่อการระคายเคือง ซิลิโคนบางชนิดอาจรบกวนการทำงานของยา หรือทำให้ ผิวแพ้ง่าย เกิดอาการแพ้ ควรทดลองในปริมาณน้อยหรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ซิลิโคนมีผลข้างเคียงไหม?
ซิลิโคนโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยต่อผิว แต่ในบางคนอาจเกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางหรืออยู่ระหว่างใช้ยารักษาสิว แม้จะไม่ใช่สารเคมีอันตรายอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่หากใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นและล้างหน้าไม่สะอาด อาจเกิดการอุดตันตามมาได้ ซึ่งควรแยกให้ออกว่าอาการแพ้จะแสดงออกทันที เช่น คัน แสบ หรือแดง ขณะที่การอุดตันจะค่อย ๆ สะสมจนกลายเป็นสิวอุดตัน ดังนั้นการเลือกสูตรที่เหมาะกับผิวและใส่ใจการทำความสะอาดจึงสำคัญที่สุดในการใช้ซิลิโคนอย่างปลอดภัย
ทางเลือกอื่นหากอยากเลี่ยงซิลิโคน
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคน ไม่ว่าจะเพราะกังวลเรื่องการอุดตัน ปัญหาสิว หรือเพียงต้องการส่วนผสมที่เบาสบายต่อผิว ปัจจุบันมีทางเลือกมากมายที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย เช่น
- สารให้สัมผัสลื่นจากธรรมชาติ เช่น สารอย่าง Squalane (จากพืช) หรือว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) สามารถให้ความรู้สึกนุ่มลื่นและชุ่มชื้นคล้ายซิลิโคน โดยไม่ทำให้ผิวอุดตัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งขาดน้ำ หรือแพ้ง่าย
- ผลิตภัณฑ์สูตร Non-silicone หรือ Clean Beauty เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีซิลิโคน เช่น Silicone-free, Non-comedogenic หรือ Clean Beauty ซึ่งมักใช้สารสกัดจากธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจรบกวนสมดุลผิวในระยะยาว
- เลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ที่บางเบาและซึมไว เช่น เจล เซรั่ม หรือโลชั่นน้ำ ที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็วโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะ เนื้อผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้จะช่วยให้ผิวรู้สึกสบาย ไม่หนักหน้า และลดโอกาสการอุดตันของรูขุมขน โดยเฉพาะในคนที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับซิลิโคนในเครื่องสำอาง (FAQ)
Q: ซิลิโคนในเครื่องสำอางล้างออกได้หมดจริงไหม?
A: ซิลิโคนในเครื่องสำอางสามารถล้างออกได้ หากใช้คลีนซิ่งหรือทำความสะอาดแบบ Double Cleansing อย่างถูกวิธี
Q: ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนทุกวันจะมีผลเสียระยะยาวไหม?
A: หากล้างหน้าไม่สะอาด การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนทุกวันอาจทำให้เกิดการสะสมและเสี่ยงต่อการอุดตันผิวในระยะยาว โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นสิวง่าย
Q: ผิวเป็นสิวสามารถใช้เมคอัพที่มีซิลิโคนได้ไหม?
A: ผิวเป็นสิวสามารถใช้เมคอัพที่มีซิลิโคนได้ หากเลือกสูตร Non-comedogenic และล้างออกให้สะอาดทุกวัน
Q: สกินแคร์แบบเจลหรือแบบครีมมีซิลิโคนมากกว่ากัน?
A: สกินแคร์แบบครีมมักมีซิลิโคนมากกว่าแบบเจล เพราะต้องการเนื้อสัมผัสที่ลื่นและเคลือบผิวยาวนาน
Q: มีวิธีดูไหมว่าเครื่องสำอางชนิดไหนมีซิลิโคน?
A: สามารถดูได้จากฉลากส่วนผสม หากมีคำลงท้ายว่า “-cone” หรือ “-siloxane” แสดงว่ามีซิลิโคนอยู่ในสูตร
Q: ซิลิโคนธรรมชาติ มีจริงไหม?
A: ซิลิโคนธรรมชาติไม่มีจริง เพราะซิลิโคนเป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตจากซิลิกอนในห้องปฏิบัติการ
Q: มีทางเลือกอื่นนอกจากซิลิโคนไหมถ้าอยากได้ผิวเนียน?
A: มี เช่น Squalane, Hyaluronic Acid หรือสารสกัดจากพืชที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียนโดยไม่อุดตัน
สรุป
ซิลิโคนในเครื่องสำอางเป็นสารที่พบได้บ่อย และยังพบได้ในสกินแคร์ เพราะซิลิโคนนั้นจะช่วยทำให้ผิวเรียบลื่น แต่งหน้าง่าย และลดการสูญเสียความชุ่มชื้น ถึงแม้จะไม่อันตราย แต่ในบางคนโดยเฉพาะคนที่มีผิวมัน หรือเป็นสิวง่าย อาจเสี่ยงต่อการอุดตันหากล้างหน้าไม่สะอาดหลังจากที่ใช้ซิลิโคน ก่อนเลือกใช้ซิลิโคนจึงต้องสังเกตผิวให้ดีว่าเหมาะหรือไม่ หากใครมีปัญหาผิวต่างๆ สามารถเข้ามาปรึกษา Vincent Clinic Aesthetic ได้ค่ะ