ไขมันจมูกบางคนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ถ้าบอกว่าคือจุดเหลือง หรือไขมันบนจมูกที่บางคนอาจสังเกตเห็นและเคยบีบออก แต่มีน้ำมันออกมาแทน หลายคนก็คงเริ่มคุ้นภาพมากขึ้น จุดเล็ก ๆ เหล่านี้ไม่ใช่สิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำอย่างที่เข้าใจ แต่คือ Sebaceous Filament ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักเกี่ยวกับไขมันจมูกแบบเจาะลึกทั้งสาเหตุ และวิธีกำจัดค่ะ
Key Takeaways
- ไขมันที่จมูกหรือ Sebaceous Filament เป็นเส้นใยไขมันที่ร่างกายผลิตตามธรรมชาติเพื่อรักษาความชุ่มชื้นผิว ไม่ใช่สิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด
- เส้นใยไขมันเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในคนที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือมีการผลิตน้ำมันผิวมากเกินไป
- ปัจจัยที่ทำให้ไขมันจมูกเห็นเด่นชัด ได้แก่ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง พันธุกรรม ความเครียด การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม,แสงแดด และการดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง
- การบีบหรือใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนไม่สามารถช่วยลดไขมันที่จมูกได้ แถมยังเสี่ยงทำให้รูขุมขนกว้างและผิวระคายเคืองมากขึ้น
- ควรดูแลผิวด้วยการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์อ่อนโยน ใช้สกินแคร์ที่ช่วยละลายไขมันในรูขุมขน และเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- ในกรณีที่ไขมันจมูกชัดเจนมาก สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม เช่น ยาทาเฉพาะจุด เลเซอร์ หรือการฉีดสารบำรุงผิว
- ไขมันที่จมูกไม่สามารถกำจัดให้หายถาวรได้ แต่สามารถควบคุมให้เห็นได้น้อยลงด้วยการดูแลผิวอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
- การป้องกันไขมันจมูกที่ดีที่สุดคือการล้างหน้าอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงเกินไป ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ และปกป้องผิวจากแสงแดดทุกวัน
ไขมันที่จมูก (Sebaceous Filament) คืออะไร?
ไขมันที่จมูก (Sebaceous Filament) คือ เส้นใยไขมันที่เกิดจากร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับบริเวณจมูก คอยรักษาไม่ให้จมูกแห้งลอก สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติของผิวหนังซึ่งนอกจากจะเกิดไขมันที่จมูกแล้วยังเกิดในบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานมาก เช่น คาง หน้าผาก และข้างแก้ม แต่บางครั้งอาจมีไขมันผลิตมากเกินไปจนทำให้จมูกมันได้
ซึ่งไขมันที่จมูกประกอบไปด้วยไขมันผสมกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เมื่อสะสมในรูขุมขนจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ สีขาวหรือสีเหลือง และสามารถถูกดันออกจากผิวได้คล้ายกับเส้นใยบางเมื่อลองสังเกตจะเห็นได้ชัดเพราะเส้นใยไขมันอาจเปลี่ยนไปเป็นสีเทาได้เนื่องจากทำปฏิกิริยากับอากาศจนเปลี่ยนสี หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้รูขุมขนกว้าง รวมถึงเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวในอนาคตได้ด้วย
ไขมันที่จมูก vs สิวเสี้ยน ต่างกันอย่างไร?
ไขมันที่จมูกและสิวเสี้ยนอาจดูคล้ายกันเมื่อมองด้วยตาเปล่า แต่จริงๆ แล้วมีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ไขมันที่จมูกนั้นจะเกิดจากเส้นใยไขมันที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อส่งน้ำมันจากต่อมไขมันไปที่ผิวชั้นนอก ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็กๆ สีเหลืองขุ่น หรือสีเทา
ส่วนสิวเสี้ยนจะเป็นกลุ่มขนที่กระจุกกันอุดตันอยู่ในรูขุมขนคล้ายกับสิวอุดตันหัวดำ มักพบในบริเวณจมูก หน้าผาก และคาง เกิดจากความผิดปกติของรูขุมขนที่ไม่สามารถผลัดขนให้หลุดออกไปได้จนขนรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ในบางคนเมื่อลองสัมผัสจะพบได้ว่ารู้สึกถึงขนแหลมๆ ระหว่าง ไขมันที่จมูก และสิวเสี้ยนจึงแตกต่างกัน และมีวิธีแก้ไขที่ไม่เหมือนกัน
สาเหตุที่ทำให้ไขมันที่จมูกเห็นชัด
ในบางคนสามารถมองเห็นไขมันที่จมูกได้ชัดเจนกว่า ซึ่งเกิดได้จากหลายๆ ปัจจัยทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก เช่น
- ผิวมันหรือรูขุมขนกว้าง มีการผลิตน้ำมันในชั้นผิวมากกว่าปกติโดยเฉพาะบริเวณจมูก ซึ่งจะทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น และทำให้เห็นเส้นใยไขมันชัดขึ้น
- อายุ ช่วงวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ตอนต้นมักพบปัญหาไขมันที่จมูกได้ชัดเจนกว่าวัยอื่น เนื่องจากเป็นช่วงที่ฮอร์โมนกำลังทำงานได้ไม่คงที่ จึงมีการผลิตน้ำมัน และเส้นใยไขมันเยอะขึ้น
- ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ระดับฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น เมื่อฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มขึ้นจะทำให้ไขมันที่จมูกมีปริมาณมากกว่าปกติ และเห็นได้ชัดขึ้น
- พันธุกรรม ลักษณะผิวและการทำงานของต่อมไขมันสามารถถ่ายทอดผ่านกรรมพันธุ์ได้ หากสมาชิกในครอบครัวมีแนวโน้มรูขุมขนกว้างหรือผิวมัน ผู้ที่มีพันธุกรรมลักษณะเดียวกันก็มักพบว่าไขมันที่จมูกของตนเองมองเห็นได้เด่นชัดเช่นกัน
- การดูแลผิว ทำความสะอาดผิวหน้าไม่ดี หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน อาจทำให้ไขมันและสิ่งสกปรกสะสมอยู่ในผิว เมื่อรูขุมขนไม่สามารถขับน้ำมันออกได้ ไขมันจึงอุดตันในรูขุมขนจนเห็นไขมันที่จมูกชัดมากขึ้น
- แสงแดดและมลภาวะ แสงแดดสามารถทำให้ผิวแห้งเสียจนกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเยอะขึ้น และฝุ่นละออง ควัน รวมถึงมลพิษในอากาศก็เป็นอีกตัวกระตุ้นที่ทำให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น
- ความเครียด เมื่อเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะเร่งการผลิตไขมันในผิวหนัง ซึ่งหากเครียดบ่อยๆ อาจทำให้รูขุมขนเห็นชัด และเห็นไขมันที่จมูก
- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ อาหารไขมันสูง น้ำตาลสูงบ่อยๆ อาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้นจนน้ำมันผิวระบายไม่ทันอุดตันรูขุมขน จนรูขุมขนกว้างขึ้นเห็นไขมันในรูขุมขนชัด
วิธีดูแลไขมันที่จมูกอย่างถูกวิธี
ไขมันที่จมูกไม่ใช่สิว ดังนั้นวิธีรักษาจะแตกต่างกับการรักษาสิว ควรดูแลให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดอาการระคายเคือง รูขุมขนกว้างขึ้น หรือเกิดสิวขึ้นมา โดยมีวิธีการดูแลไขมันที่จมูกดังนี้
ทำความสะอาดผิวอย่างถูกต้อง
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว เพื่อช่วยขจัดความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่สะสมในรูขุมขน แต่ไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้าแห้งหลังล้าง เพราะจะกระตุ้นการผลิตน้ำมันเพิ่ม
ใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยลดความมันและดูแลรูขุมขน
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), กรดแมนเดลิก (Mandelic Acid), หรือทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil) มีคุณสมบัติในการละลายไขมันที่อุดตันภายในรูขุมขน ลดความมัน และช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
หลีกเลี่ยงการบีบหรือใช้วิธีรุนแรง
การกด บีบ หรือใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด อีกทั้งยังอาจทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นเรื่อย
รักษาสมดุลของความชุ่มชื้นผิว
แม้จะมีปัญหาผิวมัน แต่ก็ไม่ควรละเลยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ เลือกใช้สูตรที่ไม่มีน้ำมัน (oil-free) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) เพื่อคงความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มความมันส่วนเกิน การดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอจะช่วยลดการผลิตน้ำมันที่มากเกินความจำเป็น
ปรับพฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิต
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรือผ่านการแปรรูปมาก เพราะอาหารเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันเพิ่ม และพักผ่อนให้เพียงพอ
การผลัดเซลล์ผิว
การผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีกรดอ่อน เช่น AHA หรือ BHA จะช่วยลดการสะสมของเซลล์ผิวเก่า ลดการอุดตันของรูขุมขน และทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้นโดยไม่ทำร้ายผิว
รักษาไขมันที่จมูกโดยแพทย์ได้อย่างไร?
การรักษาไขมันที่จมูกโดยแพทย์ผิวหนังเป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากกว่า เนื่องจากแพทย์สามารถวินิจฉัยถึงสาเหตุ และแนะนำตัวยา หรือหัตถการอื่นๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยวิธีรักษาไขมันที่จมูกโดยทางการแพทย์มีดังนี้
ใช้ยาทาเฉพาะจุด
จะเป็นตัวยาที่ช่วยควบคุมการผลิตไขมัน น้ำมันในผิว และช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน เช่น
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยละลายไขมันในรูขุมขน ลดการสะสมของไขมันที่จมูก และผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกอย่างอ่อนโยน
- เรตินอยด์ (Retinoids) ส่งเสริมการผลัดเซลล์ ลดการอุดตัน และช่วยให้ผิวเรียบเนียน
- เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และลดการอักเสบร่วมกับควบคุมความมัน
การใช้ยากลุ่มนี้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการระคายเคือง หรือการใช้เกินความจำเป็น
การทำเลเซอร์เพื่อลดไขมันและกระชับรูขุมขน
เลเซอร์ลดการทำงานของต่อมไขมันและส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน ทำให้รูขุมขนกระชับและผิวดูเรียบเนียนขึ้น โดยเลเซอร์ที่แพทย์เลือกใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวเฉพาะของแต่ละคน เช่น
- Carbon Peel เป็นเลเซอร์ที่จะช่วยดูดซับไขมันสะสมในรูขุมขน พร้อมกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
- IPL (Intense Pulsed Light) ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันทำให้หน้ามันน้อยลง ลดไขมันอุดตันในรูขุมขน
- Pico Laser เป็นเลเซอร์ความเร็วสูงในระดับหนึ่งในล้านล้านวินาที สามารถกระชับรูขุมขนให้เล็กทำให้ไขมันสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันได้ยากขึ้น
การฉีดสารบำรุงกระตุ้นการฟื้นฟูผิว
อีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลผิวมันหรือรูขุมขนกว้างคือการใช้สารบำรุงเข้มข้นฉีดเข้าสู่ชั้นผิว ซึ่งจะช่วยลดไขมันสะสมและส่งเสริมการสร้างผิวใหม่ ได้แก่
- เมโสหน้าใส ช่วยลดความมันบนใบหน้า ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น และฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง
- Juvelook ช่วยลดไขมันส่วนเกิน กระชับรูขุมขน และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้างร่วมกับผิวมัน
- Rejuran ใช้สารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดความมัน และซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย
บีบไขมันที่จมูกได้ไหม?
ไม่ควรบีบไขมันที่จมูกด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้รูขุมขนกว้างกว่าเดิม ผิวระคายเคืองบวมแดงได้ และยังกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และเกิดอาการอักเสบเป็นสิวได้ค่ะ
ไขมันที่จมูกหายถาวรได้ไหม?
ไขมันที่จมูกไม่สามารถกำจัดให้หายถาวรได้ เพราะเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของผิวในการผลิตน้ำมันเพื่อรักษาความชุ่มชื้น แต่สามารถควบคุมไม่ให้ไขมันเหล่านี้สะสมจนเห็นชัดได้ด้วยการดูแลผิวหน้าให้ถูกวิธีจะช่วยให้ผิวจมูกเรียบเนียน และลดการมองเห็นของไขมันที่จมูกได้
ป้องกันไม่ให้ Sebaceous Filament กลับมาเยอะอีก
ถึงแม้จะไม่สามารถกำจัดไขมันจมูกให้หายไปอย่างถาวรได้ แต่สามารถควบคุมไม่ให้กลับมาสะสมมากจนเห็นชัดอีกได้ ด้วยการดูแลผิวอย่างเหมาะสมและปรับพฤติกรรมที่มีผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน โดยมีวิธีป้องกันดังนี้
- ล้างหน้าให้สะอาด เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกิน แต่ไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ล้างแล้วรู้สึกหน้าแห้ง เพราะจะทำให้น้ำมันในผิวกลับมาผลิตมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงเกินไป อาจทำให้ผิวบอบบาง ระคายเคือง และเกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ผิวแห้งเกินไปจนกระตุ้นการสร้างน้ำมันให้ผิวชุ่มชื้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพิ่มความมัน เลือกใช้สกินแคร์ที่ระบุว่า oil-free หรือ non-comedogenic ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน และเข้าไปอุดตันในรูขุมขน
- บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ เพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่หายไป ลดการผลิตน้ำมัน เส้นใยไขมันบนผิวจมูก
- ทาครีมกันแดดทุกวัน แสงแดดเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวระคายเคืองและแห้งโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น จึงควรทาครีมกันแดด และคอยหลบแดด
หรือจมูกคุณหนาเพราะ “ไขมันจมูก”?
หากปลายจมูกของคุณดูหนา บวม หรือเสริมจมูกแล้วทรงยังไม่ชัด อาจไม่ได้เกิดจากปัญหาผิวชั้นบน แต่เกิดจากไขมันจมูก ซึ่งเป็นไขมันสะสมใต้ชั้นผิวลึก ส่งผลให้จมูกดูอูมและไม่คมชัด การดูแลด้วยสกินแคร์ทั่วไปอาจไม่เพียงพอ หากต้องการลดไขมันส่วนนี้อย่างได้ผล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกรักษาให้เหมาะสม
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับไขมันที่จมูก
ต่อไปนี้คือคำถามที่คนมักสงสัยเกี่ยวกับไขมันที่จมูก พร้อมคำตอบจากข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และใช้งานได้จริง
Q: ไขมันที่จมูกคือสิวเสี้ยนหรือไม่?
A: ไม่ใช่ เป็นเส้นใยไขมันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
Q: ควรบีบออกไหม?
A: ไม่ควรบีบ เพราะจะกระตุ้นให้รูขุมขนกว้างขึ้น และเกิดการอักเสบได้
Q: ไขมันที่จมูกหายได้ไหม?
A: ไม่สามารถหายถาวร แต่สามารถลดปริมาณ และควบคุมให้ไม่เห็นชัดได้
Q: ทำไมบางคนมีมากกว่าคนอื่น?
A: ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม รวมถึงสภาพผิวของแต่ละคน เช่น ผิวหน้ามัน รูขุมขนกว้าง จะมีไขมันจมูกเยอะกว่าคนอื่น
Q: ถ้าใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน จะช่วยลดไขมันที่จมูกได้ไหม?
A: ไม่สามารถช่วยได้ เพราะไขมันจมูกไม่ใช่สิวเสี้ยน
Q: ใช้กรด BHA หรือ AHA ช่วยเรื่องไขมันที่จมูกได้จริงไหม?
A: ได้ เพราะสามารถทำความสะอาดรูขุมขน ทำให้สิ่งสกปรกที่อยู่ในรูขุมขนหลุดออก
สรุป
ไขมันจมูกเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อย และหลายคนไม่ทันสังเกตจนเป็นเยอะ มองเห็นได้ชัด ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการที่ผิวบริเวณจมูกแห้ง หรือมีการผลิตน้ำมันมากเกินไป จนมีปริมาณเส้นใยไขมันเยอะขึ้นจนทำให้เห็นชัด แต่ถึงมีลักษณะคล้ายสิวแต่ไม่ใช่ ทำให้หลายๆ คนรักษาผิดวิธีและไม่หายสักที ซึ่งไขมันจมูกสามารถรักษาได้ด้วยตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ หรือสามารถรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ที่เห็นผลลัพธ์กว่าได้ หากมีปัญหาไขมันที่จมูกเยอะต้องการรักษาสามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic ซึ่งจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์ให้คำแนะนำวิธีการรักษากับคนไข้อย่างตรงจุดค่ะ