บทความ
ฉีดโบท็อกแล้วตาตกเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไข รักษาอย่างไร อันตรายไหม
แชร์ :

ฉีดโบท็อกแล้วตาตกเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไข รักษาอย่างไร อันตรายไหม

ฉีดโบท็อกซ์แล้วตาตก
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ฉีดโบท็อกแล้วตาตก ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับใครที่ใส่ใจในภาพลักษณ์ เพราะแม้ตั้งใจให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แต่กลับรู้สึกว่าดวงตาดูเหนื่อยล้า ไม่สดใสอย่างที่หวังไว้ อาการแบบนี้อันตรายหรือไม่ ควรปล่อยไว้ให้หายเองหรือมีวิธีช่วยฟื้นฟูให้กลับมาดูดีได้เร็วขึ้น บทความนี้จะพาคุณมารู้การ แก้ไข และป้องกันปัญหาตาตกหลังฉีดโบท็อก เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวย มั่นใจ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนี้ขึ้น

สาเหตุการตาตกหลังฉีดโบท็อกซ์

ฉีดโบท็อกแล้วตาตกเกิดจากอะไร

หลายคนที่เลือกฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอยในบริเวณหน้าผาก โบท็อกซ์ตีนกาอาจพบกับผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์อย่าง “หนังตาตก” หรือ “ตาปรือ” โดยอาการนี้มักเกิดขึ้นเพราะตัวยาไปมีผลต่อกล้ามเนื้อที่ช่วยยกเปลือกตา เมื่อกล้ามเนื้อมัดนั้นอ่อนแรงลง เปลือกตาก็จะดูตกลง ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและขาดความสดใส ซึ่งสาเหตุสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายปัจจัยหลัก ดังนี้

  • ฉีดโบท็อกผิดตำแหน่ง การฉีดโบท็อกในจุดที่ไม่ถูกต้อง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตาตก โดยเฉพาะถ้าตัวยาแพร่ไปโดนกล้ามเนื้อที่ช่วยยกเปลือกตาอย่าง Levator palpebrae superioris กล้ามเนื้อมัดนี้มีหน้าที่ยกเปลือกตาบน หากได้รับผลจากโบท็อก ก็จะทำให้เปลือกตาดูหนัก ตาปรือ และอาจลืมตาได้ไม่เต็มที่
  • ใช้ปริมาณโบท็อกมากเกินไป แม้จะใช้โบท็อกแท้ แต่หากใช้ปริมาณยาเยอะเกินความจำเป็น หรือมีการผสมน้ำเกลือมากเกินไป อาจทำให้ตัวยาแพร่กระจายกว้างไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการส่งผล กระทบต่อกล้ามเนื้อรอบดวงตาโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้เกิดอาการหนังตาตกได้ และอาจทำให้ตาแข็งดูไม่ธรรมชาติจากการใช้เยอะเกินไปได้
  • เลือกใช้ยี่ห้อโบท็อกไม่เหมาะกับจุดที่ฉีด โบท็อกแต่ละยี่ห้อมีลักษณะการกระจายตัวยาแตกต่างกัน บางยี่ห้อกระจายกว้าง บางยี่ห้อเน้นเฉพาะจุด ถ้าแพทย์เลือกใช้ไม่เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการฉีด อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่แม่นยำ และเสี่ยงต่อการที่ตัวยาไปกระทบกล้ามเนื้อข้างเคียงได้
  • ใช้โบท็อกปลอม หรือโบท็อกที่ไม่ได้คุณภาพ การใช้โบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น โบท็อกหิ้ว โบท็อกปลอม หรือถูกเก็บรักษาในอุณหภูมิไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้ตัวยาเสื่อมคุณภาพ ไม่มีประสิทธิภาพ หรือกระจายตัวไม่แน่นอน ทำให้เกิดผลข้างเคียง รวมถึงหนังตาตกตามมา
  • แพทย์ไม่มีความชำนาญ โบท็อกเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความรู้เรื่องกายวิภาคใบหน้าอย่างแม่นยำ หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ อาจฉีดพลาดไปโดนกล้ามเนื้อที่ไม่ควรโดน หรือควบคุมทิศทางการกระจายของตัวยาไม่ได้อย่างแม่นยำ จนเกิดปัญหาตาตกได้ในที่สุด
  • การดูแลตัวเองหลังฉีดไม่ถูกต้อง หลังฉีดโบท็อกควรหลีกเลี่ยงการจับ หรือนวดบริเวณที่ฉีดในช่วง 4-6 ชั่วโมงแรก เพราะการนวดอาจทำให้ตัวยากระจายผิดทิศ ไปโดนกล้ามเนื้อรอบดวงตาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเพิ่มโอกาสให้เกิดอาการตาตกได้เช่นกัน
  • อาการชั่วคราวจากการเริ่มออกฤทธิ์ของยา ในบางกรณี อาการหนังตาหนักหรือเปลือกตาปรือหลังฉีดโบท็อกอาจไม่ได้เกิดจากการฉีดพลาด แต่อาจเป็นผลชั่วคราวจากการที่กล้ามเนื้อเริ่มตอบสนองกับยา ซึ่งมักจะหายไปภายใน 2-3 สัปดาห์ หากอาการไม่ดีขึ้นควรกลับไปพบแพทย์

หนังตาตกหลังจากฉีดโบท็อกอันตรายไหม

อาการหนังตาตกหลังฉีดโบท็อกไม่อันตราย และมักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้นถ้าใช้โบท็อกของแท้ 

โดยอาการนี้มักเกิดจากตัวยาไปออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยกเปลือกตาบน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ทำให้เปลือกตาตกหรือดูล้า แต่ไม่ต้องกังวล เพราะฤทธิ์ของโบท็อกจะค่อย ๆ จางลงตามเวลา โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน เปลือกตาจะค่อย ๆ กลับสู่สภาพปกติ แต่หากมีอาการตาตกหลังฉีดโบท็อกไม่คสรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมิน และหาวิธีแก้ไข เพราะโบท็อกยังอาจต่อกล้ามเนื้อมัดอื่นได้

ฉีดโบท็อกแล้วตาตกแก้ไขอย่างไร

ฉีดโบท็อกแล้วหนังตาตกแก้ไขอย่างไร

แม้ว่าอาการนี้จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่หากปล่อยไว้นาน อาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นหากเกิดอาการดังกล่าว ไม่ควรรอให้ดีขึ้นเองอย่างเดียว เพราะยังมีวิธีช่วยเร่งการฟื้นฟูได้หลายวิธี โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สามารถจัดการได้ทันก่อนที่ตัวยาจะจับกับกล้ามเนื้ออย่างสมบูรณ์ โดยเมื่อรู้ตัว่าฉีดโบท็อกแล้วตาตกควรแก่ไขดังนี้

1.รีบพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ หากพบว่ามีอาการตาตกจริง ไม่ใช่แค่บวมเข็ม ควรรีบให้แพทย์ตรวจประเมินซึ่งแพทย์จะวิเคราะห์ว่าอาการนั้นเกิดจากตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณยา หรือการกระจายของโบท็อกการรีบหาสาเหตุจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสมได้ทันเวลา

2.ใช้ความร้อนช่วยสลายโบท็อก ควรทำในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ฤทธิ์ของยาเบาลงก่อนที่โบท็อกจะจับกับกล้ามเนื้อแน่น เช่น

  • อบซาวน่า อบไอน้ำ – ช่วยให้ร่างกายขับความร้อนและกระตุ้นการสลายโบท็อก
  • ประคบร้อนเบา ๆ บริเวณใบหน้า – เป็นวิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ที่บ้าน (ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์)

3.ทำหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้ความร้อน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยเร่งการสลายโบท็อกและกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ดีขึ้น

  • Ultraformer MPT ยิงคลื่นเสียงลงลึกถึงชั้นผิว กระตุ้นการยกกระชับ
  • Ulthera SPT ใช้คลื่นอัลตราซาวด์เฉพาะจุด ช่วยยกกระชับใบหน้า
  • Thermage FLX ปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ RF เข้าไปลึกถึงคอลลาเจน
  • RF Treatment (Radio Frequency) ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและเพิ่มความกระชับรอบดวงตา

วิธีป้องกันการฉีดโบท็อกซ์แล้วตาตก

การฉีดโบท็อกถือเป็นหัตถการยอดนิยมในการปรับรูปหน้าและลดริ้วรอย แต่หากทำโดยไม่ระวัง อาจเกิดผลข้างเคียงอย่าง “หนังตาตก” ได้ ซึ่งแม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจไม่น้อย ดังนั้น การป้องกันตั้งแต่ต้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อน

1.เตรียมตัวก่อนฉีดอย่างรอบคอบ

  • ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ทำความเข้าใจว่าการฉีดโบท็อกทำงานอย่างไร, ความเสี่ยงมีอะไรบ้าง และควรรู้อาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเตรียมตัวอย่างถูกต้อง
  • เลือกโบท็อกแท้เท่านั้น ตรวจสอบชื่อยี่ห้อ ฉลากข้างกล่อง และเลขทะเบียน อย. แนะนำให้ขอให้แพทย์เปิดขวด–ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้า เพื่อมั่นใจว่าไม่ได้ใช้ยาปลอมหรือยาที่ผสมเจือจางเกินไป
  • แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่ ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า

2.เลือกคลินิกและแพทย์ที่ไว้วางใจได้

  • เลือกสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง คลินิกควรมีเลขใบอนุญาตประกอบกิจการ และมีการเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม รวมถึงเป็นโบท็อกของแท้
  • ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แพทย์ต้องเข้าใจโครงสร้างของกล้ามเนื้อใบหน้า มีความแม่นยำในการเลือกจุดฉีด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โบท็อกกระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ควบคุมการเปิดตา

3.เลือกยี่ห้อโบท็อกให้เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด

โบท็อกแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติในการกระจายตัวยาต่างกัน บางยี่ห้อกระจายกว้าง บางยี่ห้อกระจายแคบ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่ายี่ห้อไหนเหมาะสมกับจุดที่ต้องการฉีด เช่น ถ้าฉีดระหว่างคิ้วหรือหน้าผาก ซึ่งใกล้ดวงตา ควรเลือกโบท็อกที่กระจายแคบ เพื่อป้องกันผลกระทบกับกล้ามเนื้อรอบดวงตา

4.ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องหลังฉีดโบท็อก

  • งดนวด คลึง หรือจับบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ตัวยาเคลื่อนที่ไปยังกล้ามเนื้อข้างเคียง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่ใช้ยกเปลือกตา
  • หลีกเลี่ยงความร้อน 24-48 ชั่วโมงแรก ห้ามอบซาวน่า อบไอน้ำ หรืออยู่ในที่ร้อนจัด เพราะจะเร่งให้โบท็อกสลายเร็วเกินไป และตัวยาอาจกระจายไม่เป็นจุด
  • ขยับกล้ามเนื้อเบา ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยักคิ้ว ยิ้ม หรือขมวดคิ้ว เพื่อให้เซลล์ประสาทดูดซึมโบท็อกได้ดีขึ้นในตำแหน่งที่ต้องการ

สรุป

การฉีดโบท็อกแล้วตาตก หางตาตก เกิดจากการที่โบท็อกเข้าไปทำงานผิดกลามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแรงจนตาตก แต่ไม่อันตรายเพียงแต่ต้องหรอให้โบท็อกสลายถึงจะกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้นก่อนที่ฉีดโบท็อกทุกครั้งควรเลือกคลินิกที่มีความปลอดภัย ใช้โบท็อกแท้ แพทย์มีความเชี่ยวชาญ ถ้าต้องการฉีดโบท็อกแต่ไม่รู้จะฉีดที่ไหนดีสามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Skin ก่อนตัดสินใจได้ค่ะ

Scroll to Top