บทความ
PN กับ PDRN คืออะไร ต่างกันไหม ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวได้อย่างไร
แชร์ :

PN กับ PDRN คืออะไร ต่างกันไหม ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวได้อย่างไร

pn กับ pdrn คืออะไร
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

PN และ PDRN คือสารฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยมในการรักษาหลุมสิวและซ่อมแซมผิวที่เสียหาย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูเนื้อเยื่อใหม่ และทำให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ Vincent Clinic Aesthetic จะพาไปรู้จักว่า PN กับ PDRN ต่างกันอย่างไร และควรใช้ตัวไหนให้เหมาะกับผิวคุณ

Key Takeaways 

  • PN และ PDRN เป็นสารฟื้นฟูผิวที่สกัดจาก DNA ปลาแซลมอน ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ดูอ่อนเยาว์
  • PN มีโมเลกุลใหญ่และเข้มข้นกว่าส่วน PDRN ช่วยฟื้นฟูผิวลึก หลุมสิว รูขุมขนกว้าง และริ้วรอยลึก
  • เมื่อใช้ PN และ PDRN ร่วมกัน จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว หลุมสิวตื้น ผิวเรียบเนียนและแข็งแรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาจาก PDRN โดยใช้ PN ที่มีโมเลกุลใหญ่กว่า ช่วยฟื้นฟูผิวได้ลึกและอยู่ได้นานกว่า
  • หลังฉีด PDRN ควรดูแลผิวอย่างถูกวิธี เช่น งดล้างหน้า แต่งหน้า หรือทำหัตถการอื่นชั่วคราว เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่และลดการอักเสบของผิว

PN กับ PDRN คืออะไร

PN และ PDRN คือสารฟื้นฟูผิวที่อยู่ในกลุ่มของโมเลกุลดีเอ็นเอ (Nucleotide) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว ฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพ และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ใหม่ใต้ผิวหนัง โดยเมื่อฉีดเข้าแล้วจะทำงานโดยการไปกระตุ้น Adenosine ที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่อักเสบ และยับยั้งไม่ให้เกิดการอักเสบได้ง่ายๆ

PN กับ PDRN ต่างกันอย่างไร?

PN และ PDRN มีความต่างกันในระดับของโมเลกุล และความเข้มข้น ทำให้ผลของสารทั้งสองต่างกันเมื่อเข้าสู่ร่างกายด้วย ดังนี้ 

  • PN (Polynucleotide) สกัดมาจาก DNA ปลาแซลมอนที่โมเลกุลยาว และมีน้ำหนักโมเลกุลมากประมาณ 1,000 kDa ขึ้นไป หรือมีความเข้มข้นสูงกว่า PDRN ถึงประมาณ 8 เท่า และสเถียรกว่า มักใช้ทำเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์
  • PDRN (Polydeoxyribonucleotide) สกัดมาจากอสุจิปลาแซลมอนที่โมเลกุลสั้น และมีน้ำหนักโมเลกุลเพียงแค่ประมาณ 350 kDa หรือน้อยกว่านั้น มักใช้ทำเป็นยา

ฉีด pn หรือ pdrn ช่วยอะไร

ฉีด PN หรือ PDRN ช่วยอะไร

ถึงแม้ PN และ PDRN จะมีคุณสมบัติคล้ายกันในด้านการฟื้นฟูผิว แต่จุดเด่นของแต่ละตัวจะต่างกันเล็กน้อย ดังนี้

  • PN (Polynucleotide) ช่วยเรื่องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้มากกว่า ฟื้นฟูหลุมสิว รูขุมขนกว้าง และผิวไม่เรียบ ลดริ้วรอยลึก และยกกระชับผิวให้แน่นขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น
  • PDRN (Polydeoxyribonucleotide) ช่วยเรื่องการซ่อมแซม และลดอักเสบของผิว ฟื้นฟูผิวที่บาง แห้ง หรือระคายเคืองง่าย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเนื้อเยื่อใหม่

เมื่อใช้สารทั้งสองร่วมกันจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น หลุมสิว ตื้นขึ้น ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าใช้ตัวใดตัวหนึ่งเพียงอย่างเดียว

ผลลัพธ์หลังฉีด PDRN อยู่ได้นานแค่ไหน

หลังจากฉีด PDRN จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 2 – 3 วันหลังฉีด เห็นว่า ผิวชุ่มชื้น ขึ้น เรียบเนียน และสุขภาพดีขึ้นเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเข้ารับการฉีดต่อเนื่องประมาณ 3 – 4 ครั้ง เพื่อให้ผิวมีเวลาสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ระหว่าง PDRN กับ Rejuran ต่างกันไหม

Rejuran กับ PDRN ไม่ได้ต่างกันมากนัก เพราะ Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก PDRN อีกที โดยเปลี่ยนมาใช้สารที่เรียกว่า PN ซึ่งมีโมเลกุลใหญ่กว่าและมีความเข้มข้นสูงกว่าเดิม จึงช่วยให้ Rejuran สามารถฟื้นฟูผิวได้ลึกกว่า อยู่ได้นานกว่า และเห็นผลชัดกว่า PDRN ทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่อยากฟื้นฟูผิวแบบลึกถึงระดับเซลล์ ให้ผิวแข็งแรง เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้น

วิธีดูแลหลังฉีด pdrn

วิธีดูแลหลังฉีด PDRN

หลังจากฉีด PDRN หรืออสุจิแซลมอน ผิวจะอยู่ในช่วงฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนใหม่ การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และลดความเสี่ยงการระคายเคืองหรืออักเสบ วิธีดูแลหลังฉีด PDRN มีดังนี้

  • งดล้างหน้า ประมาณ 8 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อให้ตัวยาเซตตัวในผิวได้เต็มที่
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการอุดตันหรือการระคายเคือง
  • งดจับ กด หรือนวดหน้า บริเวณที่ฉีดใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อไม่ให้เกิดอาการบวมช้ำ
  • งดทำหัตถการอื่นๆ เช่น ฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือโบท็อกซ์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังฉีด
  • ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวไวขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง ของแสลง และอาหารเผ็ดจัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้เต็มที่และลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ผิวแห้งและฟื้นตัวช้าลง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ PN และ PDRN (FAQ)

Q : PN คือสารอะไร
A : PN หรือ Polynucleotide คือสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ซึ่งมีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ ทำให้สามารถเข้ากันได้ดีกับผิว มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพ และกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน ใหม่ใต้ผิว ส่งผลให้ผิวกระชับมากขึ้น

Q : PDRN คือสารอะไร
A : PDRN คือสารสกัดจากสเปิร์ม หรืออสุจิของปลาแซลมอน มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยลดรอยสิว จุดด่างดำ และช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น

Q : หัตถการไหนที่มีส่วนผสมของ PDRN บ้าง
A : หัตถการที่มีส่วนผสมของ PDRN มักอยู่ในกลุ่มการฟื้นฟูผิว เช่น Skin Booster, Rejuran, DNA Salmon โดยทั้งหมดมีจุดประสงค์เพื่อซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น

Q : PDRN กับ PN อันตรายไหม
A : PDRN และ PN เป็นสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนที่ผ่านการรับรองความปลอดภัย ใช้ทางการแพทย์มานาน ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงรุนแรง หากทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน

Q : PN กับ PDRN มีรูปแบบทาไหม
A : PN และ PDRN มีทั้งแบบ ครีมหรือเซรั่มทาผิว แต่จะให้ผลลัพธ์ไม่ลึกเท่าการฉีด เพราะตัวยาไม่สามารถซึมถึงชั้นหนังแท้ได้ เหมาะสำหรับใช้บำรุงต่อเนื่องหลังฉีด เพื่อช่วยคงผลลัพธ์และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

Q : หากมีโรคประจำตัวสามารถใช้ PN กับ PDRN ได้ไหม
A : สามารถใช้ได้ในบางกรณีค่ะ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับเลือด เพราะแพทย์จะต้องประเมินความเหมาะสมและปรับวิธีการรักษาให้ปลอดภัยที่สุด

Q : ระหว่าง PN กับ PDRN ควรเลือกตัวไหนดี
A : ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ค่ะ ถ้าผิวต้องการ ฟื้นฟู ลดอักเสบ บำรุงให้ชุ่มชื้น เหมาะกับ PDRN แต่ถ้าต้องการ ซ่อมแซมผิวลึก ลดหลุมสิว และกระตุ้นคอลลาเจนมากขึ้น ควรเลือก PN เพราะมีความเข้มข้นและอยู่ในผิวได้นานกว่า

สรุป

PN และ PDRN เป็นสารฟื้นฟูผิวที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรง เรียบเนียนยิ่งขึ้น อยากให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ฉีด Rejuran เพื่อฟื้นฟูผิวระดับเซลล์ กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่น กระชับ และเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic เพื่อเลือกแนวทางดูแลผิวให้เหมาะกับปัญหาผิวของคุณ 

Scroll to Top