ไหมล็อคเป็นไหมละลายชนิดหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อการยกกระชับใบหน้าโดยเฉพาะ ซึ่งในปัจจุบันมีประเภทไหมออกมาหลายแบบ ทำให้เกิดความสับสนว่าดีไหม ต่างกันอย่างไร ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามาทำความรู้จักแบบเจาะลึกกับไหมล็อคกันค่ะ
Key Takeaways
- ไหมล็อคคือไหมละลายเส้นใหญ่ ที่มีเงี่ยงรอบเส้น 360 องศา ช่วยเกี่ยวและยึดเกาะชั้นผิวได้แน่น ยกผิวหย่อนคล้อยให้กระชับทันที และกระตุ้นคอลลาเจนใหม่
- ไหมล็อคสามารถใช้ได้หลายตำแหน่ง เช่น กรอบหน้า แก้ม จมูก มุมปาก และหน้าผาก ผลลัพธ์ช่วยให้ใบหน้าเรียวสดใส ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ข้อดีของไหมล็อคคือ ปลอดภัย ไม่ตกค้าง สลายได้เอง เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน
- ข้อเสียของไหมล็อคคือ อยู่ได้เพียงชั่วคราวประมาณ 8 เดือน ต้องทำซ้ำ และหากทำกับแพทย์ไม่ชำนาญอาจเสี่ยงผลข้างเคียง
- ไหมล็อคแตกต่างจากไหมก้างปลาทั่วไปตรงที่ แรงยกมากกว่า อยู่ได้นานกว่า แต่เส้นใหญ่ อาจบวมช้ำมากกว่า
- จำนวนเส้นไหมล็อคที่ใช้เฉลี่ย ข้างละ 3 – 10 เส้น ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิว
- ไหมล็อคราคาประมาณ 9,000 – 15,000 บาท ขึ้นกับจำนวนเส้นไหมที่ใช้และมาตรฐานคลินิก
ไหมล็อคคืออะไร ดีไหม
ไหมล็อค คือ ไหมที่ถูกออกแบบมาให้มีเงี่ยง 360 องศา เพื่อเพิ่มแรงยก และการเกาะเกี่ยวชั้นเนื้อเยื่อ เป็นไหมละลายชนิดเส้นใหญ่ที่มีเงี่ยงตลอดแนวเส้นไหม ในทางการแพทย์จัดอยู่ในกลุ่ม Barb Thread (ไหมก้างปลา) หรือชื่อเต็มว่า Bidirectional Barbed Thread และบางครั้งอาจมีเรียกว่า ไหมล็อค 8D ไหมล็อค 360 องศา จุดเด่นคือมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และทนทานกว่าไหมทั่วไป ทำให้เมื่อนำมา ร้อยไหม สามารถยึดเกาะกับผิวหนัง และชั้นเนื้อเยื่อได้แน่น ช่วยดึงยกผิวที่หย่อนคล้อยให้หน้าตึงยกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังทำ
ไหมล็อคนำมาใช้บริเวณไหนได้บ้าง
ไหมล็อคเป็นหัตถการที่สามารถทำได้หลายบริเวณ ไม่จำกัดแค่ใบหน้า โดยแพทย์จะเลือกตำแหน่งและจำนวนเส้นไหมตามปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งตำแหน่งยอดนิยมที่คนมักเลือกมีดังนี้
- ร้อยไหมหน้าผาก ร้อยไหมเพื่อลดร่องลึก และ ริ้วรอยหน้าผาก โดยเฉพาะ ซึ่งคอลลาเจนจะช่วยลดริ้วบริเวณนี้
- ร้อยไหมยกหางตา จะช่วยยกหนังตาหย่อนคล้อยที่บดบังการมองเห็น หรือปรับให้ตาดูเฉี่ยวมากขึ้นได้
- ร้อยไหมจมูก ใช้ร้อยไหมเพื่อยกปลายจมูกให้ดูโด่งและคมขึ้น เหมาะกับคนที่มีจมูกโด่งอยู่แล้ว แต่อยากให้สันชัดขึ้น
- ร้อยไหมยกแก้ม ช่วยยกแก้มห้อย แก้มย้อยขึ้นไป ปรับให้หน้าดูเรียว แก้มหายไป
- ร้อยไหมยกมุมปาก แก้ปัญหามุมปากตก ลดริ้วรอยเล็กๆ รอบปาก ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
- ร้อยไหมกรอบหน้า ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูเรียวชัด มีมิติ
- ร้อยไหมเหนียง มีปัญหาเหนียงหย่อนคล้อยสามารถใช้ไหมล็อคในการเก็บเหนียงให้กระชับขึ้นได้
ข้อดี และข้อเสียของไหมล็อค
การร้อยไหมล็อคก็เหมือนกับทุกหัตถการที่มักจะมีทั้งมีทั้งข้อดีและข้อเสียหลายอย่าง รวมถึงข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจดังนี้
ข้อดีของไหมล็อค
- ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยทันที ไหมล็อคถูกออกแบบให้มีเงี่ยงหรือปมที่ช่วยยึดเกาะผิว ทำให้สามารถดึงและล็อคผิวให้ยกขึ้นทันทีหลังทำ เห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องรอนาน
- ปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหา กรอบหน้าไม่ชัด คางสั้น หรือแก้มตก ไหมล็อคจะช่วยดึงผิวและไขมันบางส่วนขึ้น ทำให้รูปหน้าดูสมส่วนและเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เส้นไหมที่อยู่ใต้ผิวจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แน่นกระชับ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้นในระยะยาว
- ผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนาน แม้ไหมจะสลายไปตามธรรมชาติ แต่ คอลลาเจน ที่สร้างขึ้นจะคงอยู่ ส่งผลให้ผิวตึงกระชับต่อเนื่อง ผลลัพธ์โดยทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน
- ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ฟื้นตัวไว เป็นหัตถการที่ใช้แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ปรับแต่งได้ตามความต้องการ จำนวนเส้นไหมและตำแหน่งการร้อยสามารถปรับให้เหมาะกับปัญหาแต่ละคน เช่น ยกแก้ม ดึงหางตา หรือปรับกรอบหน้าให้ชัดเจน
- เหมาะกับหลายช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นคนวัย 20 – 30 ปีที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย ไปจนถึงวัย 40 – 50 ปีที่อยากยกกระชับโดยไม่ผ่าตัด ก็สามารถทำได้
ข้อเสียของไหมล็อค
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร แม้จะช่วยยกกระชับหน้าได้ชัดเจน แต่ไหมจะสลายไปตามธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 12 – 18 เดือน ต้องทำซ้ำหากอยากคงความตึงกระชับต่อเนื่อง
- อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บ หลังทำอาจเกิดอาการบวม แดง ช้ำ หรือรู้สึกตึงบริเวณที่ร้อยไหมได้ แต่โดยทั่วไปจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อใต้ผิว
- อาจเกิดความไม่สมดุล หากร้อยไหมไม่ถูกวิธี อาจทำให้ใบหน้าไม่สมมาตร เช่น ดึงด้านหนึ่งมากเกินไป ทำให้ใบหน้าเบี้ยว หรือ ร้อยไหมแล้วหน้าบุ๋ม
- ผิวบางอาจเห็นไหม ในบางกรณีโดยเฉพาะคนที่ผิวบางมาก อาจมองเห็นรอยไหม หรือตะปุ่มตะป่ำใต้ผิวได้
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องใช้ไหมหลายเส้นและทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ราคาการร้อยไหมล็อคจึงอาจสูงกว่าหัตถการกระชับผิวแบบอื่น
ไหมล็อคกับไหมก้างปลาต่างกันอย่างไร
ไหมล็อคและไหมก้างปลาเป็นไหมละลายที่ใช้สำหรับการยกกระชับหน้า ทั้งสองชนิดมีหลักการทำงานคล้ายกัน แต่แตกต่างกันที่ขนาดเส้นไหม รูปแบบของเงี่ยง และระยะเวลาการคงผล เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น มาดูความต่างของไหมทั้งสองแบบกันค่ะ
ประเภท | ลักษณะ | จุดเด่น | ระยะเวลาคงผล | ข้อควรระวัง |
ไหมล็อค (ไหมก้างปลา 360°) | เส้นใหญ่ มีเงี่ยงรอบเส้น 360 องศา | ยึดเกาะแน่น แรงยกมาก ยกกระชับได้ชัดเจน | อยู่ได้ประมาณ 8 – 12 เดือน ก่อนสลาย | อาจบวม ช้ำชัดกว่าเพราะเส้นใหญ่ |
ไหมก้างปลาทั่วไป | เส้นเล็กกว่า มีเงี่ยงทิศทางเดียวหรือสองทิศทาง | เหมาะกับการยกกระชับระดับเบาถึงปานกลาง ให้ผลลัพธ์ธรรมชาติ | อยู่ได้ประมาณ 6 – 8 เดือน ก่อนสลาย | แรงยกน้อยกว่าไหมล็อค เหมาะกับเคสหย่อนคล้อยไม่มาก |
ไหมล็อคต้องใช้กี่เส้น อยู่ได้นานไหม
จำนวนเส้นไหมล็อคที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามปัญหาและสภาพผิวของแต่ละคน โดยทั่วไปมักใช้ประมาณ ข้างละ 3 – 10 เส้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหย่อนคล้อย ความแน่นของผิว และขนาดของเนื้อแก้ม หากต้องการผลลัพธ์ที่ยกกระชับชัดเจนและอยู่ได้นานขึ้น อาจต้องใช้จำนวนเส้นมากขึ้น ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละเคส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุดค่ะ
ไหมล็อคราคาเท่าไร
ราคาของการร้อยไหมล็อคจะแตกต่างกันไปตาม จำนวนเส้นไหมที่ใช้ ชนิดไหมที่เลือก และประสบการณ์ของแพทย์ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ประมาณ 9,000 – 15,000 บาท หากใช้จำนวนเส้นเยอะขึ้นเพื่อต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นานขึ้น ราคาก็อาจสูงถึง 30,000-60,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเคสและมาตรฐานของคลินิกค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไหมล็อค (FAQ)
Q: ร้อยไหมล็อคอยู่ได้นานแค่ไหน?
A: ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 8 – 12 เดือน ก่อนเส้นไหมจะละลายไปตามธรรมชาติ แต่การสร้างคอลลาเจนใหม่จะช่วยให้ผิวกระชับต่อเนื่องแม้ไหมสลายแล้ว
Q: ร้อยไหมล็อคเจ็บไหม?
A: ระหว่างทำจะมีการทายาชา และฉีดยาชา จึงเจ็บเพียงเล็กน้อยระหว่างทำ อาจรู้สึกตึงๆ หลังทำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
Q: หลังร้อยไหมล็อคต้องพักฟื้นนานไหม?
A: หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า ออกกำลังกายหนัก หรือทำเลเซอร์ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกเพื่อให้ไหมยึดเกาะกับผิวได้ดีที่สุด
Q: ใครไม่ควรร้อยไหมล็อค?
A: ผู้ที่มี ผิวหย่อนคล้อย มากจนเกินไป หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่เกี่ยวกับระบบเลือดและการแข็งตัวของเลือด ควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำ
Q: ร้อยไหมล็อคแล้วผิวจะกลับมาหย่อนเหมือนเดิมไหม?
A: หลังไหมสลาย ผิวอาจเริ่มหย่อนคล้อยตามวัย แต่โดยรวมจะดีกว่าก่อนทำ เพราะมีการกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
Q: ร้อยไหมล็อคอันตรายไหม?
A: หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ไหมแท้ที่ผ่านอย. จะมีความปลอดภัยสูง อาจมีอาการบวมช้ำเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งหายได้ภายในไม่กี่วัน แต่ถ้าทำกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเสี่ยงติดเชื้อ หรือผิวเป็นคลื่นได้
Q: หลังร้อยไหมล็อคดูเป็นธรรมชาติไหม?
A: ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติ เพราะไหมช่วยดึงผิวให้กระชับขึ้น ไม่ทำให้แข็งหรือเกร็งเกินไป และผิวจะเรียบขึ้นเรื่อย ๆ จากการสร้างคอลลาเจนใหม่
Q: หลังร้อยไหมล็อคสามารถแต่งหน้าได้ไหม?
A: สามารถแต่งหน้าได้หลังทำ 24 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ควรหลีกเลี่ยงการกด นวด หรือถูผิวแรง ๆ บริเวณที่ร้อยไหม
Q: ไหมล็อคกับฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร?
A: ไหมล็อคช่วยยก และดึงผิวที่หย่อนคล้อย ส่วน ฟิลเลอร์ ใช้เติมเต็มร่องลึก เพิ่มวอลุ่มในบริเวณที่ขาด เช่น ใต้ตา คาง หรือริมฝีปาก ทั้งสองหัตถการทำงานต่างกันและสามารถทำร่วมกันได้เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น
สรุป
ไหมล็อคเป็นไหมละลายเส้นใหญ่ที่มีเงี่ยงรอบเส้น 360 องศา ช่วยยึดเกาะผิวได้แน่น และยกกระชับผิวหย่อนคล้อยให้เห็นผลทันที นิยมใช้กับกรอบหน้า แก้ม มุมปาก หน้าผาก และจมูก ผลลัพธ์อยู่ประมาณ 8 – 12 เดือน ก่อนเส้นไหมจะสลายไปตามธรรมชาติ ไม่ตกค้าง เห็นผลรวดเร็วและไม่ต้องพักฟื้น หากใครที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อยต้องการแก้ไข สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำปรึกษา และแนะนำวิธีแก้ไขอย่างตรงจุด