ปากเบี้ยว ปากไม่เท่ากันเกิดขึ้นได้จากหลายๆ ปัจจัย ซึ่งบางคนอาจมีปากเบี้ยวไม่รู้ตัว แต่เมื่อลองสังเกตขณะพูด หรือยิ้มเห็นว่าปากเบี้ยว ทำให้รู้สึกกังวลไม่มั่นใจขึ้นมา ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักกับปัญหานี้แบบเจาะลึกทั้งสาเหตุ และการแก้ไขที่เหมาะสม และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับปากเบี้ยวค่ะ
Key Takeaway
- ปากเบี้ยวหรือปากไม่เท่ากันสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิต เส้นประสาทอ่อนแรง กล้ามเนื้อไม่สมดุล หรือแม้แต่การฉีดสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน
- อาการสามารถสังเกตได้จากรูปปากขณะยิ้ม พูด หรือแสดงสีหน้า หากมุมปากไม่อยู่ในระดับเดียวกัน หรือริมฝีปากสองข้างไม่สมดุล อาจเป็นสัญญาณของภาวะปากเบี้ยว
- การรักษาปากเบี้ยวมีทั้งแบบไม่ผ่าตัด เช่น ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม หรือกายภาพบำบัด และแบบผ่าตัด ขึ้นอยู่กับต้นเหตุและความรุนแรง
- ปากเบี้ยวที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตอาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่หากมีผลต่อการพูด ยิ้ม หรือบุคลิกภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินวิธีที่เหมาะสม
- การรักษาปากเบี้ยวมีข้อควรระวัง เช่น อาการบวม กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุล หรือผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรในบางวิธี จึงควรเลือกทำกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาปากเบี้ยวแตกต่างกันตามวิธี เริ่มตั้งแต่หลักพันสำหรับการฉีด ไปจนถึงหลักแสนสำหรับการผ่าตัดแก้ไขถาวร
- หากไม่แน่ใจว่าควรแก้ไขปากเบี้ยวด้วยวิธีใด ควรปรึกษาคลินิกหรือแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินอาการอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจรักษา
ปากเบี้ยวคืออะไร?
อาการปากเบี้ยว คือ การที่ลักษณะของริมฝีปากไม่สมมาตรกัน ไม่ว่าจะเป็นในแนวตั้ง แนวนอน หรือสัดส่วนของริมฝีปากทั้งสองด้าน รวมถึงมุมปากที่อาจไม่อยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งอาจเห็นได้ชัดเมื่อยิ้ม พูด หรือแสดงสีหน้า
ลักษณะของภาวะปากเบี้ยว
คนที่มีปากเบี้ยวจะมีลักษณะผิดปกติในบริเวณปาก เช่น ริมฝีปากด้านหนึ่งมีความหนาหรือบางไม่เท่ากับอีกด้านหนึ่ง หรือมุมปากทั้งสองข้างอยู่ในตำแหน่งไม่เท่ากัน เช่น มุมปากด้านหนึ่งตกลง ขณะที่อีกด้านยกขึ้น นอกจากนี้เส้นขอบของปากอาจมีลักษณะเอียงหรือโค้งไม่สม่ำเสมอ ทำให้เวลาขยับปาก เช่น ตอนพูดหรือยิ้ม จะเห็นความไม่เท่ากันของรูปปากอย่างชัดเจน
สาเหตุของปากเบี้ยว
ปากเบี้ยวหรือริมฝีปากไม่เท่ากันสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งตั้งแต่กำเนิด พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลัง โดยมีรายละเอียดสาเหตุหลักดังนี้
- พันธุกรรมและโครงสร้างตั้งแต่กำเนิด บางคนมีรูปปากที่ไม่สมดุลมาแต่แรกเริ่ม จากโครงสร้างกระดูกใบหน้า หรือได้รับการถ่ายทอดลักษณะนี้จากคนในครอบครัว
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต การเคี้ยวข้างเดียว นอนตะแคงด้านเดิมเป็นประจำ หรือการสูบบุหรี่ ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าใช้งานไม่เท่ากันจนเกิดความไม่สมดุลของปากได้
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทใบหน้า หากมีโรคอย่างหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หรือภาวะหลอดเลือดสมอง รวมถึงความเครียดสะสม อาจทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง ส่งผลให้ปากขยับไม่เท่ากันหรือเบี้ยว
- ผลจากการจัดฟันหรือโครงสร้างฟันผิดปกติ ถ้ามีฟันยื่น ฟันซ้อน หรือขากรรไกรไม่สมดุลสามารถดันเนื้อปากให้ผิดรูป และแม้แต่การจัดฟันเอง หากไม่สมดุลก็อาจเปลี่ยนรูปปากได้
- อายุและความหย่อนคล้อยของผิว เมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อและผิวรอบริมฝีปากเริ่มหย่อน เนื้อปากบางลง มุมปากตก ทำให้รูปปากดูไม่เท่ากันมากขึ้น
- อุบัติเหตุและการศัลยกรรมผิดพลาด บาดเจ็บบริเวณใบหน้าหรือริมฝีปาก รวมถึงการฉีดฟิลเลอร์ หรือผ่าตัดที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้ปากเสียรูป เบี้ยว หรือไม่สมดุลได้ถาวร
วิธีสังเกตว่าปากเบี้ยว
การตรวจสอบว่าปากเบี้ยวหรือไม่ สามารถสังเกตผ่านกระจกได้โดยดูว่ามุมปากทั้งสองข้างยกเท่ากันไหม เส้นขอบปากมีความสมดุลหรือเปล่า และเมื่อยิ้มหรือพูด รอยยิ้มมีความสมดุลทั้งสองข้างหรือไม่ หากรู้สึกว่าออกเสียงยากหรือพูดไม่ชัดกว่าปกติอาจมีอาการปากเบี้ยวได้
ปากเบี้ยวควรแก้ไขไหม?
การแก้ไขอาการปากเบี้ยวจำเป็นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและผลกระทบที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของแต่ละคน หากอาการไม่รุนแรง ไม่มีผลต่อการพูด การรับประทานอาหาร หรือบุคลิกภาพโดยรวม ก็อาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ในกรณีที่ปากเบี้ยวชัดเจนจนส่งผลต่อการออกเสียงทำให้พูดไม่ชัด หรือส่งผลต่อความมั่นใจในการเข้าสังคม การทำงาน หรือการแสดงออกทางสีหน้า ก็อาจควรที่จะแก้ไขเพื่อฟื้นฟูความมั่นใจ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้ภาพลักษณ์หรือการสื่อสารเป็นหลัก แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำควรพบแพทย์เพื่อประเมินเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด
ปากเบี้ยวแบบไหนต้องผ่าตัด?
การผ่าตัดแก้ไขปากเบี้ยวจะเป็นปัญหาจากโครงสร้างลึก เช่น กระดูกใบหน้า หรือขากรรไกรที่บิดเบี้ยวผิดแนว กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่ทำงานไม่สมดุล เส้นประสาทเสียหายถาวรจากอุบัติเหตุ หรือโรคบางชนิดที่ไม่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีไม่ผ่าตัด หรือกายภาพบำบัด หรือสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวรการผ่าตัดเป็นทางเลือกในการปรับโครงสร้างหรือยกกล้ามเนื้อเพื่อปรับให้รูปปากกลับมาสมดุลใกล้เคียงปกติมากที่สุด
วิธีแก้ไขปากเบี้ยว
การรักษาปากเบี้ยวมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรงของอาการ และผลกระทบต่อการใช้ชีวิต โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นสองแนวทางหลัก ได้แก่ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด และการผ่าตัดแก้ไขเพื่อผลลัพธ์ถาวร ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้
แก้ปากเบี้ยวโดยไม่ต้องผ่าตัด
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง กล้ามเนื้อใบหน้าไม่สมดุลเล็กน้อย หรือเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ยิ้มแล้วปากเอียง เคี้ยวข้างเดียว หรือเกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวในวัยที่มากขึ้น
- ฉีดโบท็อกซ์มุมปาก จะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลง คลายกล้ามเนื้อใบหน้าไม่สมดุล วิธีนี้ช่วยยกมุมปากให้เท่ากันได้เล็กน้อย เห็นผลชั่วคราว ต้องฉีดซ้ำเป็นระยะ และควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ปากเสียรูปหรือพูดไม่ชัด
- แต่งหน้าเขียนขอบปาก เป็นการพลางรูปปากชั่วคราว ด้วยการใช้ลิปไลเนอร์และลิปสติกในการปรับเส้นขอบและรูปทรงให้ดูเท่ากัน วิธีนี้แม้ไม่ใช่การรักษา แต่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปลักษณ์ชั่วคราวโดยไม่ต้องทำหัตถการ
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการเติมเต็มบริเวณริมฝีปากที่มีปัญหาเพื่อให้ดูสมมาตรขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หลังฉีดเห็นผลทันที อยู่ได้นาน 6–18 เดือน และเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด
- ร้อยไหมยกมุมปาก เป็นการสอดไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวในบริเวณใกล้มุมปาก เพื่อช่วยยกผิวบริเวณที่หย่อนลงมาและทำให้มุมปากตกได้เล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบริเวณแก้มและข้างมุมปากเริ่มหย่อน แต่ไม่ใช่วิธีหลักในการแก้ไขปากไม่เท่ากันโดยตรง
แก้ปากเบี้ยวด้วยการผ่าตัด
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง ปากเบี้ยวจากโครงสร้างผิดปกติ เช่น กระดูกใบหน้าเบี้ยว กล้ามเนื้อเสียหาย หรือผ่านหัตถการอื่นแล้วไม่ได้ผล โดยมีวิธีดังนี้
- ผ่าตัดยกมุมปาก กรณีที่มุมปากตกหรือคว่ำอย่างเห็นได้ชัด ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเพื่อยกมุมปากให้ได้ระดับสมดุลมากขึ้น วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร และสามารถเลือกเทคนิคซ่อนแผลได้เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
- ผ่าตัดปากกระจับ เป็นการปรับรูปทรงริมฝีปากใหม่ให้เป็นทรงปากกระจับ เหมาะกับกรณีที่ปากไม่สมดุลอย่างชัดเจนทั้งด้านบนและล่าง เทคนิคนี้ช่วยลดขนาดริมฝีปาก ปรับเส้นขอบให้ชัดเจน และสร้างสมมาตรให้กับรูปปากได้ในระยะยาว
- ผ่าตัดขากรรไกร และกระดูกใบหน้า ถ้ามีคางเบี้ยว ขากรรไกรเบี้ยวตั้งแต่กำเนิด หรือได้รับอุบัติเหตุ การผ่าตัดกระดูกจะช่วยปรับแนวใบหน้าและรูปปากจากภายใน ซึ่งถือเป็นการแก้ไขที่ตรงจุดมากที่สุดในกรณีที่ปัญหาอยู่ระดับโครงสร้าง
การฝึกกล้ามเนื้อ กายภาพบำบัดสำหรับปากเบี้ยว
สำหรับผู้ที่มีอาการปากเบี้ยวซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเส้นประสาทใบหน้าทำงานไม่สมดุล การฝึกกล้ามเนื้อร่วมกับการกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อบริเวณริมฝีปากได้ โดยมีท่าฝึกกล้ามเนื้อ ดังนี้
- ฝึกยิ้มแบบควบคุมมุมปาก ยิ้มช้าๆ ขณะมองกระจก โดยตั้งใจให้มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นในระดับเท่ากัน หากพบว่าข้างใดอ่อนแรง สามารถใช้นิ้วช่วยดันมุมปากข้างนั้นให้เท่ากับอีกข้าง ค้างไว้ 5 วินาที แล้วผ่อนกลับ ทำซ้ำ 10–15 ครั้ง
- เป่าลมเก็บลมในกระพุ้งแก้มสลับข้าง สูดลมเข้าแล้วเก็บไว้ในกระพุ้งแก้มด้านหนึ่ง ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที จากนั้นสลับไปอีกข้าง ทำซ้ำวันละ 10–15 รอบ ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อรอบปากทำงานทั้งสองด้านอย่างสมดุล
ใครที่เหมาะกับการแก้ปากเบี้ยว?
- ผู้ที่มีอาการปากเบี้ยวชัดเจน ปากเบี้ยวจนส่งผลต่อการพูด ยิ้ม หรือเคี้ยวอาหาร
- ผู้ที่ทำงานด้านภาพลักษณ์ เช่น ดารา พิธีกร บุคลากรสายบริการ ที่ต้องใช้สีหน้าในการสื่อสาร
- ผู้ที่ขาดความมั่นใจ ปากเบี้ยวจนรู้สึกไม่กล้ายิ้ม ไม่กล้าพูด หรือหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
- ผู้ที่เคยรักษาแล้วไม่ได้ผล เช่น ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือกายภาพแล้วไม่ดีขึ้น
- ผู้ที่มีผลจากอุบัติเหตุหรือศัลยกรรมผิดพลาด รูปปากผิดรูปจากบาดแผลหรือการผ่าตัด
- ผู้ที่มีโครงสร้างผิดปกติถาวร เช่น กระดูกขากรรไกรเบี้ยว หรือกล้ามเนื้อ-เส้นประสาทใบหน้าทำงานไม่สมดุล
ใครไม่เหมาะกับการแก้ปากเบี้ยว?
- อยู่ในระยะอักเสบหรือฟื้นตัว เช่น กำลังรักษาอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หรือภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรรอให้ร่างกายฟื้นก่อนเริ่มรักษา
- ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน หากยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเกิดจากกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือโครงกระดูก ควรหลีกเลี่ยงการรักษาเฉพาะจุด
- มีโรคประจำตัวที่ต้องระวัง เช่น โรคหัวใจ โรคเลือด ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือใช้ยาที่อาจกระทบกับการฉีดหรือผ่าตัด
- ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรเลี่ยงการฉีดสารเติมเต็มหรือการผ่าตัดที่อาจส่งผลต่อทารก
- มีแผลหรือการติดเชื้อที่ใบหน้า การทำหัตถการอาจทำให้แผลหายช้า ติดเชื้อเพิ่ม หรือเกิดพังผืด
- มีความคาดหวังเกินจริง หากหวังผลลัพธ์แบบเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้า ควรประเมินความเป็นจริงก่อนตัดสินใจ
- มีปัญหาด้านสุขภาพจิตที่ยังไม่เสถียร เช่น ความวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์อย่างรุนแรง อาจต้องปรึกษาจิตแพทย์ก่อน
ข้อดี – ข้อเสียของการแก้ปากเบี้ยว
การแก้ไขปัญหาปากเบี้ยวไม่ว่าจะด้วยวิธีผ่าตัดหรือหัตถการแบบไม่ผ่าตัด ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง ซึ่งผู้ที่สนใจควรพิจารณาอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจ โดยมีดังนี้
ข้อดีของการแก้ปากเบี้ยว
- ปรับรูปหน้าให้สมดุล การแก้ไขสามารถช่วยให้ใบหน้าดูสมมาตรมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อยิ้มหรือพูด ทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิต รูปปากที่สมส่วนช่วยให้พูด ยิ้ม และแสดงสีหน้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้ภาพลักษณ์หรือการสื่อสารเป็นหลัก
- บางวิธีไม่ต้องพักฟื้น การแก้ไขด้วยโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ช่วยลดความเบี้ยวได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลเร็ว ไม่ต้องหยุดงานหรือใช้เวลาฟื้นตัวนาน
- ปรับแต่งได้หลากหลาย ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเลือกเทคนิคหรือรูปทรงปากที่ต้องการให้เหมาะกับโครงหน้า เช่น การยกมุมปาก ปรับความอวบอิ่ม หรือแก้สมดุลด้านซ้าย-ขวา
ข้อเสียของการแก้ปากเบี้ยว
- ผลลัพธ์ไม่ถาวรในบางกรณี หากใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ ผลลัพธ์จะอยู่ได้เพียงชั่วคราว ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงรูปทรงเดิม และอาจเปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
- เสี่ยงต่อการแก้ไม่ตรงจุด หากวิเคราะห์สาเหตุผิด เช่น รักษาด้วยโบท็อกซ์ทั้งที่ต้นเหตุคือโครงกระดูกเบี้ยว อาจทำให้ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง หรือยิ่งเสียสมดุลมากขึ้น
- มีโอกาสแก้เกินหรือน้อยเกินไป โดยเฉพาะในกรณีฉีดสารเติมเต็ม หากประเมินปริมาณไม่แม่นยำ อาจทำให้ริมฝีปากข้างหนึ่งดูบวมเกินหรือยังไม่สมดุล ต้องกลับมาแก้ซ้ำ
- ต้องอาศัยฝีมือแพทย์เฉพาะทาง การปรับรูปปากให้สมดุลต้องใช้เทคนิคเฉพาะด้าน ความแม่นยำในการประเมินสัดส่วนใบหน้า และประสบการณ์ในการแก้ไขรูปทรงที่ไม่สมมาตร หากเลือกแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจเกิดผลข้างเคียงหรือแก้ไขยากในภายหลัง
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังแก้ไขปากเบี้ยว
แม้ว่าการแก้ปัญหาปากเบี้ยวด้วยวิธีทางการแพทย์จะช่วยปรับรูปปากให้สมดุลและเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การรักษาโดยใช้หัตถการ หรือการผ่าตัดศัลยกรรม อาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น
- อาการบวมและช้ำ พบได้บ่อยหลังฉีดหรือผ่าตัด มักหายเองในไม่กี่วัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือสัมผัสบริเวณที่รักษา
- กล้ามเนื้อทำงานผิดจังหวะ อาจรู้สึกปากขยับไม่สมดุล พูดหรือยิ้มแล้วฝืนในช่วงแรก โดยเฉพาะหลังฉีดโบท็อกซ์
- ความรู้สึกแปลกขณะพูดหรือยิ้ม ผู้ทำอาจรู้สึกไม่คุ้นกับรูปปากใหม่ ซึ่งมักจะดีขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อปรับตัว
- ความเสี่ยงจากการฉีดผิดจุด หากประเมินผิดพลาด อาจทำให้ปากเสียรูป ข้างหนึ่งดูบวม หรือสมดุลผิดเพี้ยน ต้องแก้ไขเพิ่มเติม
- ภาวะแพ้หรือการติดเชื้อ อาจเกิดจากการใช้สารหรืออุปกรณ์ที่ไม่ปลอดภัย ควรเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
แก้ปากเบี้ยวราคาเท่าไร
ราคาของการแก้ไขปากเบี้ยวจะขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกใช้ ความเชี่ยวชาญแพทย์ และการตั้งราคาของแต่ละคลินิก โดยจะมีราคาแก้ไขปากเบี้ยวประมาณ 1,000 – 100,000 บาท หากเลือกวิธีอย่างหัตถการจะไม่แพงมาก แต่ถ้าเป็นการศัลยกรรมแก้ปากเบี้ยวจะค่อนข้างแพงค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปากเบี้ยว (FAQ)
Q: ปากเบี้ยวตั้งแต่เกิดจะรักษาได้ไหม?
A: สามารถรักษาได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง โดยอาจใช้วิธีทางกายภาพ หัตถการ หรือศัลยกรรม เพื่อปรับรูปปากให้สมดุลมากขึ้น
Q: ปากเบี้ยวจากอุบัติเหตุสามารถกลับมาเป็นปกติได้ไหม?
A: ปากเบี้ยวจากอุบัติเหตุสามารถกลับมาเป็นปกติได้ หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว โดยขึ้นอยู่กับความเสียหายของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือกระดูกที่ได้รับผลกระทบ
Q: การฉีดโบท็อกซ์แก้ปากเบี้ยวต้องทำซ้ำบ่อยแค่ไหน?
A: ต้องทำซ้ำทุก 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ การตอบสนองของกล้ามเนื้อในแต่ละบุคคล และการดูแลหลังฉีด
Q: ปากเบี้ยวที่เกิดจากเส้นประสาทอ่อนแรงต้องรักษาแบบไหน?
A: ปากเบี้ยวที่เกิดจากเส้นประสาทอ่อนแรงควรรักษาด้วยการกายภาพบำบัด ฝึกกล้ามเนื้อใบหน้า และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
Q: การแก้ปากเบี้ยวต้องใช้เวลาพักฟื้นนานไหม?
A: ระยะเวลาพักฟื้นขึ้นอยู่กับวิธีรักษา เช่น การฉีดโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ไม่ต้องพักฟื้น แต่ผ่าตัดอาจใช้เวลาประมาณ 1–2 สัปดาห์
Q: ปากเบี้ยวเล็กน้อย ควรแก้ไขหรือปล่อยไว้ดี?
A: หากปากเบี้ยวเล็กน้อยและไม่กระทบการใช้ชีวิตหรือความมั่นใจ อาจไม่จำเป็นต้องแก้ไข แต่หากรู้สึกกังวลหรือมีผลต่อบุคลิกภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินทางเลือกในการรักษา
สรุป
ปากเบี้ยวเกิดจากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นจากพันธุกรรม ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่อายุมากขึ้นก็ทำให้ปากไม่เท่ากันได้ โดยสามารถแก้ไขได้ทั้งวิธีผ่าตัดศัลยกรรม หรือหัตถการ แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการควรเลือกวิธีที่เหมาะกับสาเหตุที่เป็น ถ้าใครมีปัญหานี้แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขด้วยวิธีไหน สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic ที่จะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำค่ะ