บทความ
ฟิลเลอร์เกาหลีมียี่ห้อไหนบ้าง เลือกใช้ฉีดตัวไหนดี มีราคาเท่าไร
แชร์ :

ฟิลเลอร์เกาหลีมียี่ห้อไหนบ้าง เลือกใช้ฉีดตัวไหนดี มีราคาเท่าไร

ฟิลเลอร์เกาหลีมียี่ห้อไหนบ้าง
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ฟิลเลอร์เกาหลีในปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น และมีให้เลือกใช้หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งในบทความนี้ Vincent Clinic Skin จะพามาเจาะลึกเกี่ยวกับฟิลเลอร์เกาหลีโดยเฉพาะว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง แต่ละตัวต่างกันไหม ฉีดตัวไหนดี รวมถึงราคาของฟิลเลอร์เกาหลีด้วยค่ะ

ฟิลเลอร์เกาหลีดีไหม อันตรายไหม

ฟิลเลอร์เกาหลีเป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัย ไม่อันตราย นำมาฉีดได้อย่างไร้กังวลเนื่องจากหลายแบรนด์จากเกาหลีผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาของประเทศต่างๆ เช่น USFDA, CE KFDA รวมถึงอย.ไทย 

เนื่องจากฟิลเลอร์เกาหลีมีหลากหลายยี่ห้อจึงควรเลือกใช้ฟิลเลอร์เกาหลีที่ผ่านอย.ไทยแล้วเท่านั้น เพราะฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อที่มีการจำหน่ายในไทยผ่านการตรวจสอบ และรับรองแล้ว แต่ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์เกาหลีควรศึกษาข้อมูลของยี่ห้อที่เลือก รวมถึงตรวจสอบคลินิก และเลือกแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัยได้ผลลัพธ์ที่ดูสวยงามเป็นธรรมชาติหลังฉีด

หากแพทย์ไม่มีประสบการณ์หรือความชำนาญเพียงพอ อาจเกิดปัญหา เช่น ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน ผลลัพธ์ไม่ธรรมชาติ หรือในบางกรณีอาจทำให้เกิดฟิลเลอร์อุดตันในเส้นเลือด ซึ่งเสี่ยงต่อการทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายอย่างตาบอดได้

ฟิลเลอร์เกาหลีมีกี่ยี่ห้อ

ฟิลเลอร์เกาหลีมียี่ห้ออะไรบ้าง

ปัจจุบันฟิลเลอร์เกาหลีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพดี ราคาย่อมเยา และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของไทย รวมถึงมาตรฐานสากลต่างๆ จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย โดยฟิลเลอร์เกาหลีที่ผ่านการรับรองและมีจำหน่ายในไทยมีดังนี้

1.e.p.t.q ผลิตโดยบริษัท JETEMA นำเข้าในไทยโดยบริษัทเอสทีมา จำกัด ใช้เทคโนโลยี ZEEP และ 2CM ในกระบวนการผลิต ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดสูง เกลี่ยง่าย มีความยืดหยุ่นดี ช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีดดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า รวมถึงการยกกระชับผิวหน้า โดยมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • e.p.t.q. S100 เนื้อบางเบา เหมาะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น ริมฝีปาก หน้าผาก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน
  • e.p.t.q. S300 เนื้อหนืดปานกลาง เหมาะเติมร่องแก้ม ขมับ แก้มตอบ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ  8 – 10 เดือน
  • e.p.t.q. S500 เนื้อแน่น เหมาะสำหรับยกกระชับหน้า ฉีดคาง จมูก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 15 เดือน

2.Neuramis ผลิตโดยบริษัท Medytox นำเข้าในไทยโดยบริษัท เมดิเซเลส จำกัดที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี SHAPE Technology มีจุดเด่นที่เนื้อฟิลเลอร์ค่อนข้างแข็ง ช่วยให้การปั้นทรงทำได้ง่าย คงรูปได้นาน ไม่ไหลไปยังบริเวณอื่น นิยมฉีดบริเวณที่ต้องการความคมชัด เช่น ปรับคาง จมูก แก้มส้ม รวมถึงแก้ไขริ้วรอยร่องลึกต่างๆ โดยมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • Neuramis Deep เหมาะเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม แก้มตอบ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน
  • Neuramis Deep Lidocaine รุ่นเดียวกับ Deep แต่ผสมยาชา ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน
  • Neuramis Volume Lidocaine รุ่นที่เนื้อแข็งมาก เหมาะสำหรับปั้นทรงจมูก คาง ยกกระชับใบหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 24 เดือน

3.Volifil ผลิตด้วยเทคโนโลยี Highly Completed Cross-Linking เนื้อฟิลเลอร์มีความหนาแน่นสูง ขึ้นทรงง่าย คงตัวได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณร่องลึกและปรับรูปหน้าให้มีมิติ ดูมีวอลลุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ มีทั้งหมด 3 รุ่น คือ

  • Volifil Classic เนื้อนิ่มละเอียด เหมาะฉีดใต้ตา ร่องแก้ม ริมฝีปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 9 – 12 เดือน
  • Volifil Deep เนื้อหนืดปานกลาง เหมาะเติมปาก ฟิลเลอร์หน้าแก้ม ร่องแก้ม ขมับ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 14 เดือน
  • Volifil Sub-Q เนื้อแน่น เหมาะฉีดปรับโครงหน้า เสริมคาง จมูก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 14 เดือน

4.Neobelle ผลิตโดยบริษัท Suremed มีจุดเด่นผลิตจากสารสกัดจากพืช 100% ด้วยเทคโนโลยี Multi-Mix Cross-linking (MMCT) ช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดสูง อ่อนโยนต่อผิวหนัง ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูละมุน ไม่แข็งกระด้าง ปัจจุบันมี 1 รุ่นที่ผ่านอย.ไทย คือ

  • Neobelle Contour ใช้ได้หลายจุดบนใบหน้า เช่น ฟิลเลอร์คาง แก้ม ปาก ใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 8 – 12 เดือน

5.Flore นำเข้าในไทยโดยบริษัท บอน ซอง จำกัด ฟิลเลอร์นี้ที่ผลิตด้วย 2 เทคโนโลยีเฉพาะ ได้แก่ Highly Completed Cross-Linking และ Particle Plastic Process ช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์มีความหนาแน่นสูง ยืดหยุ่น ปั้นขึ้นทรงง่าย ไม่เคลื่อนที่ นิยมใช้ฉีดเติมเต็มบริเวณร่องแก้ม คาง ขมับ และกรอบหน้า ให้ผลลัพธ์เรียบเนียน กลืนไปกับผิวหน้าอย่างดี มีทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่

  • Flore Full Aqua-S รุ่นเนื้อบางเบา ฉีดเพิ่มความชุ่มชื้น ฟิลเลอร์งานผิว ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน
  • Flore Full S เนื้อหนืดปานกลาง ฉีดริ้วรอยชั้นตื้น ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน
  • Flore Full N เนื้อแน่นขึ้น เหมาะฉีดร่องลึก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 8 – 12 เดือน
  • Flore Full Max เนื้อแน่น เหมาะฉีดคาง จมูก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18  เดือน
  • Flore Full Max 1400 เนื้อแข็งที่สุด เหมาะฉีดปรับโครงหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 -18 เดือน

6.Hyafilia ผลิตโดยบริษัท CHA Bio Group นำเข้าไทยโยบริษัท Vitapharm Asia และใช้เทคโนโลยี ART Technology ทำให้ได้ฟิลเลอร์ที่มีความละเอียด ยืดหยุ่นดี ปั้นทรงง่าย ฉีดแล้วดูเนียนสวยเป็นธรรมชาติ มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • Hyafilia S เนื้อละเอียดมาก ฉีดใต้ตา ริ้วรอยเล็กๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน
  • Hyafilia M เนื้อหนืดปานกลาง เหมาะฉีดฟิลเลอร์ขมับ ร่องแก้ม ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 9 – 12 เดือน
  • Hyafilia V เนื้อหนืดที่สุด เหมาะฉีดกรอบหน้า คาง จมูก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน

7.Revolax ผลิตโดยบริษัท Across Co., Ltd. นำเข้าในไทยโดยบริษัท เอสเทค ฟาร์มา จำกัด ใช้เทคโนโลยี HEXALink Technology ในการผลิตช่วยให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง คงตัวดี ไม่ไหลง่าย เหมาะสำหรับการฉีดปรับรูปหน้าให้ได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและคงทน มีทั้งหมด 3 รุ่น คือ

  • Revolax Fine เนื้อนิ่ม บางเบา เหมาะฉีดใต้ตา รอยตื้น ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 9 – 12 เดือน
  • Revolax Deep เนื้อหนืดปานกลาง เหมาะเติมร่องแก้ม ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน
  • Revolax Sub-Q เนื้อแน่น เหมาะฉีดคาง จมูก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน

8.Yvoire ผลิตโดย LG Chem นำเข้าไทยโดยบริษัท LG Chem Thailand ใช้เทคโนโลยี HICE Cross-link Technology ในการผลิต จึงมีเนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่นสูง คงตัวได้ดี ฉีดง่าย และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ นิยมฉีดปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึกต่างๆ มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • Yvoire Classic Plus ฉีดใต้ตา ร่องตื้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 – 9 เดือน
  • Yvoire Volume Plus เติมร่องแก้ม ขมับ ฟิลเลอร์ปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน
  • Yvoire Contour ฉีดกรอบหน้า คาง จมูก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน

เลือกใช้ฟิลเลอร์เกาหลีตัวไหนดี

การเลือกใช้ฟิลเลอร์เกาหลีไม่ได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งว่าดีที่สุด แต่ควรเลือกจากตำแหน่งที่ต้องการเติมเต็ม และลักษณะผลลัพธ์ที่อยากได้ เพราะแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและเนื้อฟิลเลอร์แตกต่างกัน เช่น อยากฉีดใต้ตา หรือบริเวณที่มีผิวบาง ควรใช้ฟิลเลอร์ที่เนื้อละเอียด มีความยืดหยุ่นสูง จะช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าต้องการฉีดบริเวณที่ต้องการปั้นทรงชัดเจน เช่น คาง จมูก หรือกรอบหน้า ควรใช้ฟิลเลอร์ที่เนื้อแน่น คงตัวดี ปั้นทรงง่าย เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยชัดตามต้องการ

ฟิลเลอร์เกาหลีต่างจากฟิลเลอร์ประเทศอื่นอย่างไร

ฟิลเลอร์เกาหลีต่างจากฟิลเลอร์ประเทศอื่นอย่างไร

ฟิลเลอร์เกาหลีมีจุดเด่นสำคัญคือราคาถูกกว่าฟิลเลอร์อเมริกา หรือยุโรป ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเนื้อฟิลเลอร์เกาหลีจะมีความอ่อนนุ่ม ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนเอเชียที่นิยมรูปหน้าแบบละมุน ในขณะที่ฟิลเลอร์ยุโรปหรืออเมริกาจะมีเนื้อแน่น แข็งแรงกว่า เมื่อฉีดแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดดเด่นกว่า และสามารถคงผลลัพธ์ได้นานกว่าในขณะที่ฟิลเลอร์เกาหลีจะมีระยะเวลาสั้น แต่ด้านความปลอดภัยถือว่าใกล้เคียงกันเพราะผ่านมาตรฐานรับรองระดับสากลเช่นกัน

ฟิลเลอร์เกาหลีราคาเท่าไร

ฟิลเลอร์เกาหลีในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อและหลายรุ่นให้เลือกใช้ ซึ่งราคาแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันไปเนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีเนื้อฟิลเลอร์ และจุดเด่นไม่เหมือนกัน โดยปกติแล้วฟิลเลอร์เกาหลีราคาประมาณ 3,500 – 9,000 บาท/CC 

สรุป

ฟิลเลอร์เกาหลีในปัจจุบันที่ได้รับการรับรองจากอย.ไทย และฉีดได้อย่างปลอดภัยมีให้เลือกใช้ด้วยกันถึง 8 ยี่ห้อ โดยแต่ละยี่ห้อก็จะใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกัน มีให้เลือกใช้หลายรุ่นเหมาะกับปัญหาที่มี ซึ่งฟิลเลอร์จะมีราคาที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ง่าย หากอยากฉีดฟิลเลอร์แต่ไม่รู้จะฉีดยี่ห้อไหนดี สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Skin โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะแนะนำฟิลเลอร์ที่เหมาะกับปัญหาที่มีให้ค่ะ

Scroll to Top