บทความ
Hybrid Filler คืออะไร ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปไหม มีกี่ยี่ห้อให้ใช้
แชร์ :

Hybrid Filler คืออะไร ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปไหม มีกี่ยี่ห้อให้ใช้

Hybrid Fille
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

Hybrid Filler เป็นหัตถการดูแลผิวแบบใหม่ ซึ่งหลายคนอาจยังไม่เคยได้ยินมาก่อน บทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามาทำความรู้จักแบบละเอียดเจาะลึกว่า Hybrid Filler คืออะไร ดีกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไรรวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ควรรู้

Key Takeaways

  • Hybrid Filler คือฟิลเลอร์รุ่นใหม่ที่ผสานสาร 2 ชนิดในหลอดเดียว ได้แก่ Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ช่วยทั้งเติมเต็มผิวทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
  • ผลลัพธ์ของ Hybrid Filler เห็นได้ 2 ระยะ คือ เติมเต็มและยกกระชับทันทีหลังฉีด และฟื้นฟูผิวจากภายในใน 2-4 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาร่องลึก ผิวขาดมิติ หรือเริ่มหย่อนคล้อย และต้องการทั้งความอิ่มฟูและโครงสร้างผิวที่แข็งแรงขึ้นในระยะยาว
  • ยี่ห้อ Hybrid Filler ที่ได้รับการรับรองในไทย ได้แก่ HArmonyCa และ Neauvia ซึ่งมีรุ่นและส่วนผสมให้เลือกใช้ตามตำแหน่งและปัญหาผิว
  • Hybrid Filler ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่มีแต่ HA ตรงที่สามารถฟื้นฟูคอลลาเจนได้จริง และต่างจาก Collagen Biostimulator ที่ไม่มีการเติมเต็มทันที
  • ความรู้สึกขณะฉีดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที
  • ราคาของ Hybrid Filler อยู่ในช่วงประมาณ 14,000 – 30,000 บาทต่อหลอด ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณ จุดที่ฉีด และความเชี่ยวชาญของแพทย์
  • สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น HIFU, โบท็อกซ์ หรือเมโสแฟต แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนที่เหมาะสม
  • เหมาะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป และต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น โดยไม่ต้องฉีดบ่อยครั้งเหมือนเดิม

Hybrid Filler คืออะไร

Hybrid Filler คือฟิลเลอร์ชนิดพิเศษที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีส่วนผสมหลักถึง 2 ตัว ทำให้การ ฉีดฟิลเลอร์ ไฮบริดเพียงครั้งเดียวได้ผลลัพธ์ที่ดี ครอบคลุม สามารถเติมเต็มผิวไปพร้อมกับการกระตุ้นคอลลาเจนได้ โดย Hybrid Filler มีส่วนประกอบดังนี้

ส่วนประกอบหลักของ Hybrid Filler

Hybrid Filler ผสานทั้ง Hyaluronic Acid และ Calcium Hydroxyapatite ไว้ในหนึ่งเดียว ช่วยเติมเต็มผิวพร้อมฟื้นฟูอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของแต่ละส่วนประกอบได้ที่ด้านล่าง

  • Hyaluronic Acid (HA) 

HA เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ มีหน้าที่สำคัญในการกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิว สารชนิดนี้นิยมใช้เป็นส่วนประกอบหลักใน ฟิลเลอร์ทั่วไป เพราะมีคุณสมบัติในการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย และเพิ่มวอลุ่มให้กับผิวหน้า นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยสูงและเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อของร่างกาย

อ่านเพิ่มเติม : ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) คืออะไร อันตรายไหม ช่วยเรื่องอะไร มีผลข้างเคียงไหม?

  • Calcium Hydroxyapatite (CaHA)

CaHA เป็นสารที่มีลักษณะคล้ายแร่ธาตุที่พบได้ในกระดูกและฟันของมนุษย์ ถูกออกแบบให้อยู่ในรูปของอนุภาคทรงกลมขนาดเล็กมาก (Microspheres) เพื่อให้ร่างกายไม่ต่อต้านสารดังกล่าว CaHA ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีบทบาทในการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวแน่น กระชับ และดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป

อ่านเพิ่มเติม : Calcium Hydroxyapatite คืออะไร ดีไหม มีกี่ยี่ห้อ เลือกยี่ห้อไหนดี

Hybrid Filler ทำงานอย่างไร

หลังจากฉีด Hybrid Filler เข้าสู่ผิว HA จะเริ่มออกฤทธิ์ทันที ด้วยคุณสมบัติในการเติมเต็มและอุ้มน้ำ HA จะช่วยเพิ่มวอลุ่มให้ใบหน้าในบริเวณที่ขาดมิติ เช่น ฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม หรือขมับที่ตอบลง พร้อมทั้งช่วยให้ผิวดูเนียน อิ่มฟู และยกกระชับขึ้นทันที ช่วยทดแทนโครงสร้างผิวที่เสื่อมลงจากอายุที่เพิ่มขึ้น

จากนั้นเมื่อผ่านไปสักพักประมาณ 2 สัปดาห์ CaHA ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการฟื้นฟูผิว จะค่อย ๆ กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ในผิวให้เริ่มผลิตคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 รวมถึง อีลาสติน ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างผิว ทำให้ผิวแน่น กระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

Hybrid Filler ช่วยอะไรบ้าง

Hybrid Filler ช่วยอะไรบ้าง

Hybrid Filler ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทั้งด้านความงามและการฟื้นฟูผิวในขั้นตอนเดียว โดยรวมคุณสมบัติของ Hyaluronic Acid (HA) ที่เติมเต็มผิวทันที และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวและรูปหน้าได้หลากหลายมิติ ได้แก่

1. เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกทันที HA ใน Hybrid Filler จะช่วยเติมเต็มพื้นที่ที่เกิดร่องลึกหรือขาดวอลุ่ม เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับ หรือแก้มตอบ เมื่อฉีดแล้วจะเห็นผลทันทีว่าผิวดูเรียบเนียนขึ้น ร่องต่าง ๆ จางลงอย่างชัดเจน และรูปหน้าดูอิ่มฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิว อนุภาคของ CaHA จะค่อย ๆ กระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ผลิตคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมความแน่นและความยืดหยุ่นของผิว เมื่อเวลาผ่านไป ผิวจะดูยกกระชับ มีความแข็งแรงจากภายใน และลดปัญหาหย่อนคล้อยในระยะยาว

3. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูฉ่ำวาว อิ่มน้ำ HA มีคุณสมบัติเฉพาะตัวในการกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และมีประกายสุขภาพดีมากขึ้น ลดความแห้งกร้านที่มักเกิดจากอายุหรือสภาพแวดล้อม พร้อมฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง

4. ปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติและสมดุลมากขึ้น Hybrid Filler สามารถใช้ปรับวอลุ่มเฉพาะจุดเพื่อสร้างสมดุลบนใบหน้า เช่น เติมขมับให้เต็ม แก้มตอบให้ดูเนียน หรือสร้างกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เพียงแต่ “เต็ม” แต่ยังดู “ยก” และ “เฟิร์ม” ขึ้นในคราวเดียว

5. ช่วยดูแลผิวแบบครบวงจรในครั้งเดียว Hybrid Filler รวมคุณสมบัติของการเติมเต็มและการฟื้นฟูไว้ในขั้นตอนเดียว ทำให้ไม่จำเป็นต้องรับหัตถการแยกหลายครั้ง เช่น ฉีด HA ก่อน แล้วค่อยฉีด Biostimulator ในครั้งถัดไป ช่วยประหยัดเวลา งบประมาณ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดหลายรอบ

Hybrid Filler เหมาะกับใครบ้าง? ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งเติมเต็มและฟื้นฟูผิว

Hybrid Filler ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีความต้องการดูแลผิวทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการมากกว่าแค่การเติมเต็มผิวแบบทั่วไป หรือไม่ต้องการเข้ารับการฉีดหลายครั้งบ่อย ๆ ดังนี้

1. ผู้ที่มีปัญหาร่องลึก ผิวขาดมิติ หรือใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย

หากคุณสังเกตเห็นร่องลึกบริเวณร่องแก้ม ใต้ตา หรือแก้มตอบที่เริ่มชัดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น และรู้สึกว่าใบหน้าดูโทรมหรือขาดวอลุ่ม Hybrid Filler สามารถช่วยเติมเต็มและยกกระชับในจุดที่ต้องการได้ทันที พร้อมฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน

2. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานและไม่ต้องฉีดบ่อย Hybrid Filler อยู่ได้นานถึง 12–18 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่นและจุดที่ฉีด) และมีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนต่อเนื่องแม้หลังจากสารฟิลเลอร์เริ่มสลาย จึงเหมาะกับคนที่ไม่อยากเข้าคลินิกบ่อย หรือไม่ชอบการดูแลแบบต้องเติมซ้ำทุก 6 เดือน

3. คนวัย 30 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีสัญญาณผิวเสื่อม ช่วงอายุ 30+ มักเป็นจุดเริ่มต้นของการเสื่อมสภาพผิวจากทั้งแสงแดด มลภาวะ และอายุที่เพิ่มขึ้น Hybrid Filler ช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ดี เพราะไม่ได้แค่เติมเต็ม แต่ยัง เสริมโครงสร้างผิว ให้แน่นและยืดหยุ่นขึ้นในระยะยาว

4. ผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปมาแล้ว และอยากเปลี่ยนเป็นทางเลือกที่ฟื้นฟูมากกว่า หากคุณเคยฉีด HA Filler แบบทั่วไป แล้วรู้สึกว่าอยากได้อะไรที่ มากกว่าแค่เติมเต็ม เช่น ช่วยให้ผิวแข็งแรง ดูแน่นขึ้น Hybrid Filler จะตอบโจทย์กว่า โดยเฉพาะในแผนการฟื้นฟูผิวแบบยาวต่อเนื่อง

 ในบางกรณีสามารถฉีด Hybrid Filler ต่อจากตำแหน่งเดิมได้เลย แต่ควรให้แพทย์ประเมินก่อนว่าฟิลเลอร์เก่ามีการสลายหมดหรือยัง

ใครไม่เหมาะกับ Hybrid Filler? ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจฉีด

แม้ Hybrid Filler จะเหมาะกับคนส่วนใหญ่ แต่มีบางกรณีที่ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ด้วยความระมัดระวัง เช่น

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารฟิลเลอร์
  • คนที่เคยฉีดฟิลเลอร์ถาวร (ควรประเมินด้วยอัลตราซาวด์ก่อน)
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เฉพาะจุดเล็กมาก ๆ แบบละเอียด เช่น ริมฝีปาก (Hybrid Filler ยังไม่เหมาะใช้กับจุดที่ผิวบางมาก)

ถ้าคุณต้องการฟิลเลอร์ที่ช่วยทั้งเติมเต็ม + ฟื้นฟูผิวในครั้งเดียว และอยากได้ผลลัพธ์ที่ เห็นทันที + อยู่ได้นาน + ไม่ต้องฉีดบ่อย Hybrid Filler คือคำตอบที่ดีกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป

Hybrid Filler มียี่ห้ออะไรบ้าง

ในปัจจุบัน Hybrid Filler ที่ผ่านการรับรองว่าปลอดภัยจากอย.ไทยมีด้วยกันอยู่ 2 ยี่ห้อ ได้แก่ HArmonyCa และ Neauvia โดยทั้งสองตัวมีคุณสมบัติดังนี้

1.Hybrid Filler HArmonyCa  HArmonyCa เป็น Hybrid Filler จากประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนา และผลิตโดยบริษัท Allergan Aesthetics โดยมีส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid (HA) 70% กับ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) 30% ช่วยเติมเต็มริ้วรอย เพิ่มวอลุ่ม และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในชั้นผิว ปัจจุบันมีเพียงแค่รุ่นเดียว นำมาปรับรูปหน้าเติมเต็มได้หลายบริเวณ เช่น ฟิลเลอร์คาง ร่องแก้ม กรอบหน้า หลังฉีดผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน

2.Hybrid Filler Neauvia  Neauvia เป็น Hybrid Filler จากประเทศอิตาลีที่ในปัจจุบันมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 3 รุ่น คือ Stimulate, Hydro Deluxe, Intense แต่รุ่นที่มีส่วนผสมของ CaHA มีเพียงแค่ 2 รุ่น ดังนี้

  • Neauvia Stimulate มีส่วนผสมของ HA 26% และ CaHA 1% เหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน ฉีดได้ในผิวชั้นกลางถึงลึก อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
  • Neauvia Hydro Deluxe มีส่วนผสมของ HA 18% และ CaHA 0.01% เหมาะสำหรับฉีดในผิวชั้นตื้น เติมเต็มหลุมสิว กระชับรูขุมขน ใต้ตา อยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน

Hybrid Filler ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร

Hybrid Filler ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร

แม้จะใช้เพื่อเติมเต็มผิวและปรับรูปหน้าเหมือนกัน แต่ Hybrid Filler และ ฟิลเลอร์ทั่วไป มีการทำงานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน 

Hybrid Filler เป็นฟิลเลอร์รุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากฟิลเลอร์แบบดั้งเดิม โดยรวมคุณสมบัติของสารสองชนิดไว้ในหลอดเดียว ได้แก่ Hyaluronic Acid (HA) ที่ช่วยเติมเต็มและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน เสริมสร้างโครงสร้างผิว ลดเลือนริ้วรอย และเติมเต็ม

ส่วนฟิลเลอร์ที่มี Hyaluronic Acid (HA) เป็นส่วนผสมหลัก ช่วยเต็มผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และทำให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมาะกับการแก้ปัญหาร่องลึก ปรับสัดส่วนของใบหน้า หรือเพิ่มวอลุ่มในจุดที่ต้องการ ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเหมือนกับ Hybrid Filler

ตารางเปรียบเทียบ Hybrid Filler vs ฟิลเลอร์ทั่วไป ต่างกันอย่างไร?

คุณสมบัติ ฟิลเลอร์ทั่วไป Hybrid Filler
สารประกอบ Hyaluronic Acid (HA) HA + CaHA
ผลลัพธ์หลังทำ เห็นผลทันที เห็นผลทันที
กระตุ้นคอลลาเจน ไม่กระตุ้น กระตุ้นคอลลาเจน
อยู่ได้นาน 6-12 เดือน 12-18 เดือน
ผลลัพธ์ระยะยาว เติมเต็มอย่างเดียว เติมเต็ม + ฟื้นฟูโครงสร้างผิว
เหมาะกับใคร ต้องการแก้จุดเล็ก ร่องลึกชัด ต้องการเติมเต็ม + ดูแลผิวในระยะยาว

Hybrid Filler ต่างจาก Collagen Biostimulator อย่างไร

แม้ว่า Hybrid Filler และ Collagen Biostimulator จะถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิวและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างอยู่ที่ Hybrid Filler ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรวมการเติมเต็มผิว และการกระตุ้นคอลลาเจนเข้าไว้ด้วยกันในขั้นตอนเดียว สำหรับ Collagen Biostimulator เช่น Radiesse หรือ Sculptra ไม่มี HA อยู่ในสูตร จึงไม่ได้เน้นผลลัพธ์เรื่องการเติมเต็มในทันที แต่จะออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ เพื่อกระตุ้นผิวให้ฟื้นตัวจากภายใน

หลังฉีด Hybrid Filler อยู่ได้นานแค่ไหน

ผลลัพธ์หลังฉีด Hybrid Filler สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 18 เดือน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ยี่ห้อ ตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณที่ใช้ การตอบสนองของร่างกายแต่ละคนต่อการกระตุ้นคอลลาเจน และการดูแลหลังฉีด

Hybrid Filler ราคาเท่าไร

สำหรับราคาของ Hybrid Filler จะแตกต่างกันไปมีราคาไม่เท่าเนื่องจากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อที่เลือกใช้ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ และการตั้งราคาหรือโปรโมชั่นของคลินิกในตอน โดย Hybrid Filler ราคาประมาณ 14,000 – 30,000 บาท

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Hybrid Filler 

Q : Hybrid Filler ช่วยเรื่องรูขุมขนกว้างหรือหลุมสิวได้ไหม?

A : สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะรุ่นที่ฉีดในผิวชั้นตื้น เช่น Neauvia Hydro Deluxe ซึ่งช่วยฟื้นฟูผิว กระชับรูขุมขน และช่วยแก้ปัญหา หลุมสิว แบบตื้น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม หากต้องการผลชัดเจนในเรื่องรูขุมขน อาจต้องทำร่วมกับเลเซอร์หรือทรีตเมนต์เฉพาะทางควบคู่ด้วย

Q : Hybrid Filler เจ็บไหม? ต้องพักฟื้นหรือเปล่า?
A : ไม่เจ็บมาก เพราะมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ในฟิลเลอร์อยู่แล้ว ขณะฉีดอาจรู้สึกตึงหรือแสบเล็กน้อย หลังทำอาจมีรอยแดง บวมน้อย และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

Q : Hybrid Filler ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนฉีด?
A : ควรงดวิตามิน E, น้ำมันปลา, แอลกอฮอล์ และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 3–5 วันก่อนทำ นอนหลับให้เพียงพอ และล้างหน้าให้สะอาด หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันที่ฉีด

Q : หลังฉีด Hybrid Filler ควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง?
A : หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรงบริเวณที่ฉีดในช่วง 3–7 วันแรก ห้ามออกกำลังกายหนัก ซาวน่า อบไอน้ำใน 48 ชั่วโมงแรก และไม่ควรนอนคว่ำหรือนอนทับจุดที่ฉีดใน 1–2 คืนแรก

Q : Hybrid Filler ใช้กับบริเวณไหนไม่ได้บ้าง?
A : ไม่เหมาะกับจุดที่ผิวบางมาก เช่น ริมฝีปาก (ฉีดฟิลเลอร์ปาก) หรือบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง เพราะอาจเกิดผิวไม่เรียบหรือเป็นก้อน ควรใช้ HA Filler แบบเนื้อนิ่มเฉพาะจุดแทน

Q : หากเคยฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว เติม Hybrid Filler ได้ไหม?
A : ถ้าเคยฉีด HA Filler ที่สลายได้ แพทย์สามารถพิจารณาเติม Hybrid Filler ต่อได้ แต่ถ้าเคยฉีดฟิลเลอร์ถาวรหรือฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน ต้องตรวจสอบก่อน เพราะอาจมีความเสี่ยงจากสารเดิม

Q : Hybrid Filler ฉีดซ้ำได้ไหม? ทำซ้ำทุกกี่เดือน?
A : ได้ โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 12–18 เดือน หากต้องการเสริมเพิ่มเติม แพทย์อาจนัดประเมินทุก 6–12 เดือนตามการตอบสนองของผิว และไม่ควรฉีดถี่เกินโดยไม่จำเป็น

Q : Hybrid Filler ใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
A : ได้ เช่น HIFU, Thermage, เมโสแฟต, โบท็อกซ์ แต่ควรเว้นระยะ 1–2 สัปดาห์ระหว่างแต่ละหัตถการ เพื่อให้ผลลัพธ์ของแต่ละอย่างไม่รบกวนกัน และควรวางแผนโดยแพทย์

Q : Hybrid Filler มีผลข้างเคียงไหม?
A : ผลข้างเคียงมักเป็นเพียงรอยบวมแดงชั่วคราว แต่ถ้าฉีดในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้เทคนิคไม่เหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ผิวไม่เรียบ, ก้อนแข็ง หรืออักเสบได้ จึงควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์

Q : สามารถฉีด Hybrid Filler พร้อมกับฟิลเลอร์ประเภทอื่นได้ไหม?
A : ในบางกรณีสามารถทำได้ เช่น ใช้ Hybrid Filler เติมโครงสร้าง และใช้ HA Filler เนื้อนิ่มเก็บรายละเอียดจุดเล็ก แต่ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเนื้อเยื่อไม่สมดุล

สรุป

Hybrid Filler เป็นทางเลือกใหม่จากการที่มีส่วนประกอบหลักเป็นสารไฮยาลูรอนิก และ CaHA ทำให้หลังฉีดจะได้ผลลัพธ์ถึง 2 แบบที่ทำได้ทั้งการเติมเต็มผิวปรับรูปหน้าที่เห็นผลทันที และการฟื้นฟูผิว ปรับสภาพผิวในระยะยาว หากต้องการปรับรูปหน้า ดูแลสภาพผิวให้ดีขึ้นสามารถนัด และเข้ามาปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic

Scroll to Top