Exosome กับ Rejuran เป็นสองหัตถการด้านความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก คืนความอ่อนเยาว์ และซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ ทั้งสองวิธีต่างก็มีจุดเด่นและคุณสมบัติเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสารที่ใช้ กลไกการทำงาน หรือผลลัพธ์หลังการทำ แต่เพราะคุณสมบัติบางอย่างดูคล้ายกัน จึงมักมีคำถามตามมาว่า แบบไหนดีกว่า เลือกทำตัวไหนดี หรือสามารถทำร่วมกันได้หรือไม่
ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Exosome กับ Rejuran อย่างละเอียด พร้อมแนะนำว่าแต่ละแบบเหมาะกับใคร เห็นผลแบบไหน และควรตัดสินใจเลือกอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของคุณที่สุด
Key Takeaways
- Exosome และ Rejuran ต่างเป็นหัตถการฟื้นฟูผิวระดับลึกที่ปลอดภัยและได้รับความนิยม โดยมีจุดเด่นและกลไกการฟื้นฟูที่ต่างกัน
- Exosome ใช้เทคโนโลยีอนุภาคนาโนจากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ช่วยซ่อมแซมผิวระดับเซลล์ กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย ฝ้า กระ หลุมสิว และฟื้นฟูผิวแบบ Epigenetic
- Rejuran ใช้ Polynucleotide (PN) จาก DNA ปลาแซลมอน ฟื้นฟูผิวในระดับโครงสร้าง เพิ่มความชุ่มชื้น เสริมชั้นผิวให้แข็งแรง เหมาะกับผิวแห้ง แพ้ง่าย หรือหมองคล้ำ
- Exosome เหมาะกับผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป มีปัญหาริ้วรอย รอยสิว หลุมสิว หรือเคยทำเลเซอร์มาแล้วผิวบาง
- Rejuran เหมาะกับอายุ 25 ปีขึ้นไป ที่ผิวยังไม่เสื่อมมาก แต่อ่อนแอจากมลภาวะหรือเริ่มมีริ้วรอย
- ผิวแพ้ง่าย ควรเริ่มจาก Rejuran เพราะมีความอ่อนโยนกว่า ในขณะที่ Exosome บางสูตรอาจต้องใช้แบบเข้มข้นต่ำก่อน
- ทั้งสองสามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่น เช่น เลเซอร์, Botox, Skinbooster ได้ แต่ควรให้แพทย์เป็นผู้จัดลำดับและวางแผน
- สามารถฉีด Exosome และ Rejuran พร้อมกันได้ หากได้รับการประเมินจากแพทย์อย่างเหมาะสมในแต่ละตำแหน่งผิว
- ผลลัพธ์ของ Exosome อยู่ได้นานถึง 1 ปี (หากทำครบ 5 ครั้ง) ส่วน Rejuran อยู่ได้ 6–12 เดือน โดยควรทำอย่างน้อย 3–4 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ชัดเจน
Exosome vs Rejuran เหมือนกันไหม ต่างกันอย่างไร
Exosome และ Rejuran สามารถช่วยซ่อมแซมผิว ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกัน ดังนี้
Exosome คืออะไร เหมาะกับใคร?
Exosome คือเทคโนโลยีระดับนาโนที่ใช้ อนุภาคชีวโมเลกุลขนาดเล็กมาก ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell โดยในหนึ่งโดสจะประกอบไปด้วยสารสำคัญหลายร้อยชนิด เช่น Growth Factors, โปรตีน, miRNA และไขมันที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมเซลล์ผิว
สิ่งที่ทำให้ Exosome โดดเด่นคือความสามารถในการ ส่งผ่านสารสำคัญเข้าสู่ผิวในระดับลึก โดยสามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวให้ฟื้นฟูตัวเองจากภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน ลดการอักเสบของผิว และผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ นอกจากนี้ยังสามารถชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ในระดับยีน หรือที่เรียกว่า Epigenetic ได้ด้วย
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีปัญหาผิวจากสิวเรื้อรัง หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงจากภายใน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการผิวเนียนละเอียด ลดการแพ้และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ผิว
อ่านเพิ่มเติม : Exosome คืออะไร ดีไหม อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องฉีดกี่ซีซี ราคาเท่าไร
Rejuran คืออะไร เหมาะกับใคร?
Rejuran เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่เน้นการฟื้นฟูผิวด้วย สารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีความใกล้เคียงกับ DNA มนุษย์สูงมาก จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับผิวโดยไม่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ โดยสารสำคัญที่ใช้คือ Polynucleotide (PN) ที่ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
หลังฉีด Rejuran จะเข้าไปฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่อ่อนแอ ลดการอักเสบ เสริมความแข็งแรงของหลอดเลือดฝอยใต้ผิว และช่วยปรับสมดุลของผิวให้กลับมาดูสดใส ผิวชุ่มชื้น และสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย ผิวแห้ง หมองคล้ำ รวมถึงผู้ที่ต้องการให้ผิวฟื้นตัวจากความเสียหาย เช่น รอยสิว จุดด่างดำ และผิวที่อ่อนแอจากมลภาวะ
อ่านเพิ่มเติม : Rejuran ช่วยบูสต์ผิวฉ่ำวาว Glass Skin สวยดังใจ สไตล์สาวเกาหลี
Exosome และ Rejuran เหมาะกับอายุเท่าไหร่?
การเลือกใช้ Exosome หรือ Rejuran นอกจากจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไขแล้ว ยังขึ้นอยู่กับช่วงอายุด้วยเช่นกัน เพราะในแต่ละวัย ผิวจะมีความต้องการฟื้นฟูต่างกัน
- Rejuran เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีสัญญาณของผิวแห้ง หมองคล้ำ หรือเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ โดยเฉพาะคนที่ผิวไวต่อมลภาวะ ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน
- Exosome เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีริ้วรอยชัดเจน หรือเคยผ่านการทำหัตถการมาหลายครั้งจนผิวบาง ต้องการฟื้นฟูระดับลึกถึงเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อชะลอความเสื่อมของผิว
อย่างไรก็ตาม การประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกหัตถการให้เหมาะกับช่วงอายุและปัญหาผิวของแต่ละคน
ผิวแพ้ง่าย เลือก Exosome หรือ Rejuran ดีกว่า?
สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผิวไวต่อการอักเสบ การเลือกหัตถการที่เหมาะสมถือว่าสำคัญมาก เพราะอาจมีโอกาสเกิดอาการระคายเคืองหลังฉีดได้ง่ายกว่าผิวทั่วไป
- Rejuran เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าในกลุ่มผิวแพ้ง่าย เพราะมีสาร Polynucleotide ที่สกัดจาก DNA ปลาแซลมอนซึ่งมีความใกล้เคียงกับมนุษย์สูง และเป็นโมเลกุลที่อ่อนโยน มีรายงานรองรับเรื่องความเข้ากันได้ทางชีวภาพ จึงไม่กระตุ้นการแพ้ในระดับเซลล์
- Exosome แม้จะมีคุณสมบัติดีในการฟื้นฟูเซลล์และลดการอักเสบ แต่เพราะเป็นอนุภาคที่เข้มข้นและเทคโนโลยีที่ใช้แตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ บางสูตรอาจไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายโดยตรง ควรให้แพทย์ประเมินก่อนการเลือกใช้ และอาจเริ่มจากความเข้มข้นต่ำในครั้งแรก
หากคุณมีประวัติแพ้ง่ายหรือเคยระคายเคืองจากการทำหัตถการมาก่อน ควรแจ้งแพทย์อย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาและเลือกตัวยาให้ปลอดภัยที่สุด
Exosome และ Rejuran ใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
ทั้งสองหัตถการสามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ครับ โดยเฉพาะการรักษาที่เน้นผลลัพธ์เชิงลึกและฟื้นฟูผิวหลังทำเลเซอร์หรือหัตถการที่กระตุ้นการผลัดเซลล์
- Rejuran มักใช้หลังเลเซอร์, Meso, IPL หรือหัตถการที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น Fractional Laser หรือ RF microneedling เพื่อช่วยลดการอักเสบ เติมความชุ่มชื้น และเร่งการฟื้นตัวของผิว
- Exosome ใช้ร่วมกับหัตถการที่กระตุ้นคอลลาเจนหรือเซลล์ต้นกำเนิด เช่น Morpheus8, Ultraformer, HIFU หรือ PRP ได้ดี เพราะจะช่วยส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูจากภายในอย่างล้ำลึก
การใช้ร่วมกันต้องมีการจัดลำดับที่ถูกต้อง เช่น ควรทำเลเซอร์ก่อน แล้วตามด้วย Rejuran หรือ Exosome ในช่วงหลัง เพื่อเสริมผลลัพธ์และลดการระคายเคือง การวางแผนล่วงหน้าโดยแพทย์จะช่วยให้การทำหัตถการร่วมกันปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด
Exosome vs Rejuran เลือกทำตัวไหนดี
การเลือกว่าจะทำ Exosome หรือ Rejuran ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งปัญหาผิว รวมถึงผลลัพธ์ที่ต้องการหากมีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ ต้องการเพิ่มการชุ่มชื้นให้ผิว มีจุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง หรือมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ การทำ Rejuran จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ตรงจุดมากกว่า เพราะเน้นฟื้นฟูผิวในระดับโครงสร้าง เสริมความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยให้ผิวกลับมาดูสดใส
แต่ถ้ามีปัญหาริ้วรอยร่องลึกต่างๆ บนผิว เป็นสิว มีรอยแผลจากสิว หลุมสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ การฉีด Exosome จะเหมาะกว่า เนื่องจากสามารถฟื้นฟูได้ในระดับเซลล์ และช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของผิวอย่างล้ำลึก
ข้อควรระวังในการฉีด Exosome และ Rejuran
แม้ Exosome และ Rejuran จะถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยสูงและได้รับความนิยมทั่วโลก แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ควรพิจารณาก่อนเข้ารับการรักษา
- ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยที่รับรองความปลอดภัยในกลุ่มนี้อย่างเพียงพอ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน หรือแพ้สารชีวภาพบางชนิดควรปรึกษาแพทย์โดยละเอียดก่อน เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อการแพ้หรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์
- ห้ามใช้ร่วมกับตัวยาอื่นหรือวิตามินบางประเภทโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เช่น การทานวิตามิน C ความเข้มข้นสูงหรือกรดวิตามิน A ในช่วงก่อน-หลังฉีด อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
- หากมีผื่นแพ้ แผลเปิด หรือผิวอักเสบเฉียบพลัน ควรรักษาให้หายดีก่อนค่อยเข้ารับหัตถการ
การเตรียมตัวก่อนทำ และการดูแลหลังทำที่ถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดเป็นไปตามที่ต้องการมากที่สุด
ฉีด Exosome กับ Rejuran พร้อมกันได้ไหม
การฉีด Exosome และ Rejuran พร้อมกันสามารถทำได้ เพราะมีการทำงานในระดับที่ต่างกัน และช่วยเสริมกันทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีขึ้นได้ โดย Rejuran ซ่อมแซมผิวชั้นหนังแท้โดยตรง เน้นซ่อมแซมผิวในระดับโครงสร้าง ฟื้นฟูความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวจากสาร ส่วน Exosome จะทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์ ฟื้นฟูในระดับลึกถึงเซลล์ต้นกำเนิด ช่วยลดริ้วรอย เสริมการสร้างคอลลาเจน และชะลอความเสื่อมของผิว
แต่ก่อนที่จะฉีดร่วมกันควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินผิว วางแผนการฉีด และเลือกตำแหน่งการลงตัวยาให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพราะบางจุดอาจเหมาะกับ Rejuran มากกว่า หรือบางจุดควรเน้น Exosome เป็นพิเศษ และการตอบสนองของผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถึงแม้จะปลอดภัยสูง แต่อาจเกิดอาการข้างเคียง เช่น บวม แดง หรือระคายเคืองเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และมักหายได้เองภายใน 2 – 5 วัน แต่บางคนอาจเป็นหนักกว่านี้ได้หากมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย การฉีดพร้อมกัน 2 ตัว อาจไม่เหมาะสม
Exosome vs Rejuran ตัวไหนอยู่ได้นานกว่ากัน
หลังทำ Exosome ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี หากทำต่อเนื่องครบกำหนด 5 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 – 3 ควรฉีดห่างกัน 2 สัปดาห์ ครั้งที่ 4 ห่างจากครั้งที่ 3 ประมาณ 1 เดือน และครั้งที่ 5 ห่างจากครั้งที่ 4 ประมาณ 1 ปี แต่ถ้าฉีดไม่ครบจำนวนครั้ง ฉีดไปเพียงแค่ครั้งเดียวผลลัพธ์จะอยู่ได้แค่เพียง 1 เดือน
ส่วน Rejuran ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน แต่ถ้าทำเพียงแค่ครั้งเดียว ผลลัพธ์หลังฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 1 – 2 เดือน ดังนั้นจึงควรฉีด Rejuran อย่างน้อย 3 – 4 ครั้ง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้ยาวนาน โดยในแต่ละครั้งควรฉีดห่างกันประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ค่ะ
แต่ความคงทนของผลลัพธ์หลังฉีดนอกจากตัวยา และจำนวนครั้งที่ฉีดแล้ว ยังขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน และการดูแลหลังฉีดด้วย เช่น หลังฉีดควรหลักเลี่ยงการโดนแสงแดด ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นค่ะ
ราคา Exosome กับ Rejuran ต่างกันไหม
สำหรับราคาของ Exosome และ Rejuran จะมีความแตกต่างกัน เนื่องจากทั้งสองหัตถการมีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน รวมถึงความเข้มข้นของสาร เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต ปริมาณยาที่ใช้ อีกทั้งราคายังขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกด้วย
โดย Exosome ราคาประมาณ 9,000 – 30,000 บาทต่อ 5 CC ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือก ความเข้มข้นของตัวยา เทคโนโลยีที่ใช้ในการสกัด ส่วน Rejuran ราคาประมาณ 8,000 – 15,000 บาทต่อ 2 CC ขึ้นอยู่กับสูตรที่เลือก เช่น Rejuran Healer, Rejuran i หรือ Rejuran S
ถ้าเปรียบเทียบกันแล้วถึงราคาทั้งสองไม่ได้แตกต่างกันมาก เพราะถ้าฉีด Rejuran ในปริมาณเดียวกับ Exosome ก็จะมีราคาที่ใกล้เคียงกันค่ะ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) Exosome vs Rejuran
แม้ Exosome และ Rejuran จะเป็นหัตถการยอดนิยมที่มีข้อมูลหลากหลาย แต่ก็ยังมีคำถามบางอย่างที่หลายคนไม่กล้าถาม หรือยังไม่แน่ใจในการตัดสินใจ เราจึงรวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำอธิบายจากมุมมองทางคลินิก เพื่อให้คุณเข้าใจชัดเจนและเลือกสิ่งที่เหมาะกับผิวของตัวเองที่สุด
Q : Rejuran เหมาะกับผิวผู้ชายไหม?
A : Rejuran เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวผู้ชายที่มักขาดความชุ่มชื้นจากการโกนหนวดหรือเผชิญแสงแดดบ่อย โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีริ้วรอยหรือผิวหมองคล้ำก็สามารถเห็นผลได้ชัดเจน
Q : Exosome มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
A : Exosome ถือว่ามีความปลอดภัยสูง แต่บางคนอาจมีอาการบวม แดง หรือคันเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักหายได้เองภายใน 2–3 วัน หากมีอาการรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
Q : ฉีด Rejuran แล้วลงรองพื้นได้เมื่อไหร่?
A : แนะนำให้รออย่างน้อย 2–3 วันหลังฉีด เพื่อให้รอยเข็มและอาการบวมยุบก่อน จึงจะสามารถลงรองพื้นหรือแต่งหน้าได้อย่างปลอดภัย
Q : ฉีด Exosome ครั้งเดียวพอไหม?
A : การฉีดครั้งเดียวอาจเห็นผลแค่บางส่วน หากต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและคงอยู่นาน ควรทำต่อเนื่อง 3–5 ครั้งตามแพทย์แนะนำ
Q : Rejuran กับ Exosome อันไหนปลอดภัยกว่ากัน?
A : ทั้งสองหัตถการมีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม Rejuran จะอ่อนโยนกับผิวแพ้ง่ายมากกว่า ส่วน Exosome อาจเหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ลึกถึงระดับเซลล์
สรุป
Exosome และ Rejuran ต่างก็เป็นหัตถการฟื้นฟูผิวที่ให้ผลลัพธ์ดี แต่มีความต่างอยู่บ้าง ถ้าหากต้องการฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์และชะลอวัย Exosome จะเหมาะกว่า Rejuran ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว เพิ่มความยืดหยุ่น และปรับผิวให้เรียบเนียน ถ้าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกฉีดตัวไหน ปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นอย่างไรดี สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำอย่างละเอียดได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic