วิธีดูแลผิวขาดน้ำ คืออีกหนึ่งวิธีดูแลผิวพรรณของคนที่กำลังเผชิญปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ ซึ่งเป็นต้นตอของผิวพรรณเสื่อมโทรมและปัญหาผิวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น แต่งหน้าไม่ติดทนนาน ผิวแห้งลอกเป็นขุย เกิดอาการแสบคัน ผิวแห้งแตกมีเลือดซึมออกมา เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหากวนใจที่ใครหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น หากใครที่มีความสงสัยว่าอาการผิวแห้งขาดน้ำนี้เกิดขึ้นจากอะไร สามารถป้องกันได้ไหม มีวิธีรักษาได้อย่างไรบ้าง การดูแลและฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วนทำได้ด้วยวิธีไหน สามารถติดตามอ่านได้จากบทความนี้
ผิวขาดน้ำ คืออะไร?
ผิวขาดน้ำ หรือ Dehydrated Skin คือ ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจากการที่น้ำใต้ผิวมีไม่เพียงพอ เกิดขึ้นกับได้กับทุกคน ทุกสภาพผิว เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าเป็นเรื่องของ มลภาวะ สภาพอากาศ รวมถึงอาหารที่รับประทาน เป็นต้น
ผิวขาดน้ำ มีลักษณะอย่างไร?
ผิวขาดน้ำ เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในผิวของคนไทย ซึ่งผิวจะไม่ได้แห้งตลอดเวลาเหมือนผิวแห้งแบบอื่น แต่จะเป็นลักษณะของผิวมันที่สลับลักษณะผิวแห้ง ผิวขาดความสมดุล เก็บความชื้นได้ยาก ใช้ระยะเวลาการฟื้นฟูผิวที่นาน ต้องใช้วิธีการดูแลที่ละเอียดมากกว่า
ผิวแห้ง มีกี่ประเภท?
ผิวแห้งนั้นมีด้วยกันหลายประเภท ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป การรักษาและฟื้นฟูก็แตกต่างกันออกไปด้วย ประเภทของผิวแห้งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
- ผิวขาดน้ำ คือลักษณะผิวที่สูญเสียน้ำหรือความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ น้ำที่เข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวมีไม่เพียงพอ จึงทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวมากขึ้นกว่าปกติเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้คงอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมผิวแห้งจึงมีอาการของผิวมันเกิดขึ้นได้
- ผิวแห้ง ลักษณะของผิวที่แห้งกร้าน เมื่อสัมผัสจะรู้สึกสาก ผิวไม่นุ่ม ไม่เรียบเนียน สาเหตุมาจากต่อมไขมันใต้ชั้นผิวทำงานผิดปกติ คือผลิตน้ำมันเพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวไม่เพียงพอ เกิดเป็นปัญหาผิวลอกเป็นขุย แห้งกร้าน ผิวแตก หากปล่อยไว้ไม่รักษาหรือดูแลอย่างเหมาะสมจะทำให้เกิดอาการผิวอักเสบได้
- ผิวมันขาดน้ำ เป็นลักษณะของผิวมันที่น้ำหรือความชุ่มชื้นใต้ผิวมีไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวได้ จึงทำให้น้ำมันถูกผลิตออกมามากเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนเกิดอาการอักเสบขึ้นได้ง่าย เสี่ยงต่อการเป็นสิวอุดตัน
สาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ มีอะไรบ้าง?
ผิวขาดน้ำ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยหลักได้ 4 ปัจจัย ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- ปัจจัยจากการผลัดเซลล์ผิวเร็วเกินไป ได้แก่ สครับผิวบ่อยเกินไปหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซึ่งส่งผลให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวเร็วเกินไป ร่างกายจึงสร้างน้ำมันเพื่อออกมาหล่อเลี้ยงผิวไม่ทัน กลายเป็นปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ
- ปัจจัยจากน้ำอุ่น ด้วยคุณสมบัติของน้ำอุ่นที่สามารถชำระคราบสกปรกได้ดีแล้วยังสามารถล้างน้ำมันที่เคลือบผิวให้หลุดได้อีกด้วย หากอาบน้ำหรือล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น จึงทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวหยาบ ผิวแห้งกร้าน ผิวลอก แตกเป็นขุยได้มากกว่าปกติ
- ปัจจัยจากสภาพอากาศ หากอุณหภูมิของอากาศลดลงจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำที่มากกว่าปกติ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในห้องแอร์เป็นประจำจะสังเกตได้ว่าผิวจะแห้งง่ายกว่าปกติ หากไม่ดูแลอย่างถูกต้องจะทำให้เกิดปัญหาผิวอักเสบ มีเลือดซึมออกมาได้
- ปัจจัยจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ผิวหยาบ แห้งกร้าน ขาดน้ำ จากสาเหตุของการใช้ชีวิตประจำวันได้เช่นกัน เช่น การโดนแดดจัดเป็นประจำ ผิวเผชิญมลภาวะและฝุ่นละออง ผิวชั้นนอกจึงไม่สามารถเก็บกักน้ำเอาไว้ในผิวได้
ผิวขาดน้ำ สังเกตอย่างไร?
ผิวขาดน้ำ สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองเพื่อยืนยันว่าผิวกำลังมีปัญหาอยู่หรือไม่ แนะนำให้สังเกตผิวตัวเองดังนี้
- ผิวแห้งแต่กลับมีลักษณะผิวมันในช่วงระหว่างวัน เพราะผิวที่ขาดความชุ่มชื้นมากจึงต้องผลิตน้ำมันออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงผิวมากกว่าปกติ
- ผิวมีความแห้งกร้าน ผิวลอกเป็นขุยขาว ๆ เกิดริ้วรอย ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส ผิวไม่อิ่มฟู
- เมื่อสัมผัสผิวจะรู้สึกไม่เรียบเนียน ผิวไม่นุ่มลื่น
- เกิดอาการคัน ผิวแดง ระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ
ผลเสียเมื่อผิวขาดน้ำ มีอะไรบ้าง? ทำไมต้องดูแล?
ผิวขาดน้ำ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบกับเรื่องของผิวแห้งกร้านเท่านั้น แต่สามารถทำให้เกิดปัญหาผิวเสื่อมโทรมต่าง ๆ ตามมาได้อีกหลายอย่าง หากไม่ดูแลรักษาก่อนลุกลามจะส่งผลทำให้ผิวเสื่อมโทรมและฟื้นฟูได้ยาก ต้องใช้วิธีรักษาที่ซับซ้อน หรือใช้ระยะเวลาในการรักษาที่นานกว่าปกติ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณหากไม่ดูแลมีดังนี้
- ผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย
- ผิวแตก มีเลือดซึม ระคายเคือง แสบผิว
- ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม
- เกิดริ้วรอยได้ง่าย ผิวไม่เรียบเนียน
- กระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายในกรณีที่มีอาการผิวแห้งสลับผิวมัน
- แต่งหน้าไม่ติดทน เครื่องสำอางหลุดง่าย
วิธีดูแลผิวขาดน้ำ ทำอย่างไรได้บ้าง?
เมื่อผิวขาดน้ำต้องรีบดูแลให้เร็ว เพื่อให้กระบวนฟื้นฟูผิวกลับมาชุ่มชื้นทำได้เต็มประสิทธิภาพและเห็นผลเร็ว ช่วยปรับสมดุลระหว่างน้ำและน้ำมันใต้ชั้นผิว ลดการเกิดปัญหาผิวตามมา โดยมีวิธีดูแลดังนี้
- ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน ไม่มีสารเคมีรุนแรง
- ทามอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ เพื่อช่วยคงความชุ่มชื้นในผิวให้คงอยู่ได้นานขึ้น โดยเฉพาะหลังล้างหน้าควรทาทันที เพราะหากรอให้หน้าแห้งก็เท่ากับว่าน้ำในผิวถูกดึงออกไปจนแห้งด้วยเช่นกัน
- ล้างหน้าไม่เกินวันละ 2 ครั้ง หากล้างหน้าบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไปได้มากกว่าปกติ
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวัน เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น
- พักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุล เพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวได้อย่างเต็มที่
- หากใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดผิวหน้าควรใช้ชนิดที่ช่วยปกป้องหรือคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว
วิธีดูแลผิวขาดน้ำ แบบไหนดีที่สุด?
ผิวขาดน้ำ หากดูแลไม่เพียงพอหรือทำไม่สม่ำเสมอจะทำให้ผิวไม่ได้รับการแก้ไขที่เหมาะสม ปัญหาก็จะไม่หายไป การดูแลด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หากต้องการกู้ผิวเสียให้กลับมาสดใสแบบเร่งด่วน สามารถเลือกทำหัตถการด้านความงามเพิ่มเติมเพื่อช่วยบูสต์ผิวให้กลับมาสุขภาพดีเห็นผลได้ไวมากขึ้น ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ฉีดเมโสหน้าใส เทคนิคดูแลผิวอย่างล้ำลึกด้วยสารสกัดและวิตามินเข้มข้นที่มีประโยชน์ต่อผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวจากภายใน ผิวแข็งแรงสุขภาพดี ใบหน้ากระจ่างใส
- ฉีด Rejuran สารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนที่อยู่ในทะเลธรรมชาติ มีความบริสุทธิ์และมีความเข้มข้นสูง ลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส กระชับรูขุมขน ผิวแข็งแรง ฉ่ำวาวไม่แห้งกร้าน ฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวให้แข็งแรงจากภายในได้อย่างล้ำลึก
- ฉีด Juvelook สามารถเข้าไปช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว เพิ่มความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย ผิวกระจ่างใส ช่วยเติมน้ำให้ผิวฉ่ำวาว อิ่มฟู มีความชุ่มชื้นมากขึ้น กระชับรูขุมขน ผิวเรียบเนียน
- ดริปวิตามินผิว ช่วยเติมวิตามินที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายผ่านกระแสเลือดจึงสามารถดึงไปใช้งานได้ทันทีและเต็มประสิทธิภาพ มีหลากหลายสูตรให้เลือกตามความเหมาะสม เป็นการบำรุงผิวให้แข็งแรงสุขภาพดีมากขึ้น
ดูแลผิวขาดน้ำ ควรเลือกทำที่ไหนดี?
ดูแลผิวขาดน้ำ ควรศึกษารายละเอียดให้เยอะ ๆ และเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง สะอาด แบ่งห้องทำหัตถการเป็นสัดส่วน แพทย์ต้องมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จึงจะสามารถเข้าใจถึงโครงสร้างผิวเลือกวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับชั้นผิวที่เกิดปัญหาได้อย่างตรงจุด รวมถึงผลิตภัณฑ์และเครื่องมือที่ใช้ต้องเป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้ทุกรายการ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
สรุป
วิธีดูแลผิวขาดน้ำ มีด้วยกันหลากหลายวิธีสามารถเลือกทำได้ตามต้องการเพื่อช่วยบรรเทาอาการหรือฟื้นฟูผิวที่เกิดปัญหาให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดี หากรู้ตัวว่าผิวมีอาการขาดน้ำควรรีบดุแลตั้งแต่เนิ่น ๆ หากปล่อยทิ้งไว้หรือดูแลไม่ถูกวิธีจะทำให้ผิวเกิดปัญหาร้ายแรงจนรักษาได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้งลอก ผิวแดงแสบ คัน มีเลือดซึมออกมา เกิดปัญหาผิวอักเสบระคายเคืองอย่างรุนแรง เป็นต้น ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาผิวในอนาคตไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยก่อนวัย ผิวเหี่ยวย่น ผิวโทรมหมองคล้ำ ดูแก่กว่าวัย หรือแม้แต่ผิวมันต้นต่อของปัญหาสิวได้อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการฟื้นฟูผิวพรรณให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดี เติมน้ำให้ผิวฉ่ำวาวเหมือนสาวเกาหลี สามารถเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ของ Vincent Clinic ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีประสบการณ์สูงในการดูแลผิวพรรณ เพื่อให้แพทย์ช่วยเลือกวิธีดูแลผิวและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด