คอลลาเจนเป็นตัวช่วยสำคัญของผิวที่ลดความหย่อนคล้อยให้ผิว ทำให้ผิวยังดูกระชับอยู่ ซึ่งหลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่าคอลลาเจนมีความสำคัญกับผิวมากแค่ไหน และละเลยการดูแลผิวทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมลงเรื่อยๆ ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักเกี่ยวกับคอลลาเจนแบบเจาะลึกว่าช่วยอะไรเรื่องผิวบ้าง คอลลาเจนชนิดไหนที่เกี่ยวกับผิวโดยตรง และเรื่องที่ควรรู้อื่นๆ ได้รวมมาให้แล้วค่ะ
Key Takeaways
- คอลลาเจนคือโปรตีนสำคัญในร่างกาย ช่วยเสริมความแข็งแรง ยืดหยุ่น และความเรียบเนียนให้กับผิว กระดูก ข้อต่อ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ
- คอลลาเจนที่เกี่ยวข้องกับผิวมี 2 ชนิดหลัก คือ Type I และ Type III โดยเฉพาะ Type I ที่พบมากที่สุดในผิวหนัง
- ประโยชน์ของคอลลาเจนต่อผิว ได้แก่ ลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่น ฟื้นฟูผิวเสีย เสริมความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- วิธีเพิ่มคอลลาเจนในร่างกาย มีทั้งแบบกิน ฉีด ทา และใช้เครื่องมือยกกระชับ เช่น HIFU, Ulthera, Thermage ซึ่งแต่ละแบบให้ผลต่างกันตามความลึกและความเร็ว
- การเลือกเสริมคอลลาเจนควรเหมาะสมกับวัยและสภาพผิวโดยเริ่มตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป และควรดูแลควบคู่กับการใช้ชีวิต เช่น พักผ่อนดี กินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงแสงแดด
- คอลลาเจนไม่ได้ทำให้ขาวโดยตรง แต่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน และดูสุขภาพดีขึ้น
- หัตถการกระตุ้นคอลลาเจน เช่น Sculptra, Juvelook, Radiesse สามารถฟื้นฟูผิวลึกถึงชั้นโครงสร้าง ให้ผลลัพธ์ยาวนานและเป็นธรรมชาติ
- การทานร่วมกับวิตามินซีช่วยให้คอลลาเจนดูดซึมดีขึ้น ควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอและในปริมาณที่เหมาะสม
คอลลาเจน คืออะไร?
คอลลาเจน คือโปรตีนสำคัญที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความเรียบเนียนให้กับผิว โดยเฉพาะในชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นจุดที่คอลลาเจนสะสมอยู่มากที่สุด ร่างกายจะสามารถสร้างคอลลาเจนได้เอง แต่ปริมาณการสร้างจะลดลงตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 25 ปีขึ้นไป ทำให้ผิวเริ่มแห้ง ผิวหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น และยังมีปัจจัยเร่งการทำลายคอลลาเจน เช่น แสงแดด มลภาวะ ความเครียด การนอนดึก การสูบบุหรี่ รวมถึงอาหารที่มีน้ำตาลสูง ล้วนส่งผลให้คอลลาเจนเสื่อมคุณภาพหรือถูกทำลายเร็วยิ่งขึ้น
โดยชนิดของคอลลาเจนมีด้วยกันมากถึง 5 ชนิด แต่ชนิดที่เกี่ยวข้องกับผิวโดยตรง ได้แก่
- Type I ช่วยให้ผิวแน่น กระชับ และยืดหยุ่น พบมากที่สุดในร่างกาย
- Type III ช่วยเสริมความนุ่มและความยืดหยุ่นของผิว พบร่วมกับ Type I ในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด
คอลลาเจนมีประโยชน์ต่อผิวและร่างกายอย่างไร?
คอลลาเจนเป็นโปรตีนโครงสร้างหลักในร่างกายที่สามารถส่งผลต่อร่างกายได้หลายๆ อย่าง และมีประโยชน์ให้กับผิว และร่างกายดังนี้
เสริมความกระชับ ยืดหยุ่น และเรียบเนียนให้ผิว
เมื่อมีคอลลาเจนในระดับที่เหมาะสม ผิวจะดูตึงกระชับ ไม่หย่อนคล้อย มีความยืดหยุ่น และดูเรียบเนียน นุ่ม ชุ่มชื้น ผิวพรรณจะดูเปล่งปลั่งสดใส ดูฟูจากภายใน ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทั้งยังช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว ทำให้ผิวไม่แห้งกร้านและไม่ลอกเป็นขุย
กระตุ้นการผลัดเซลล์ ฟื้นฟูผิวเสีย
คอลลาเจนสามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวหนังที่สึกหรอ เช่น แผลถลอก ผิวไหม้จากแสงแดด หรือผิวที่อ่อนล้าจากมลภาวะ รวมถึงช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนที่เสื่อมสภาพ ช่วยผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส และลดรอยแผลเป็นจาก สิว หรือการอักเสบได้ดีขึ้น
เสริมความแข็งแรงให้กระดูก ข้อต่อ และเส้นเอ็น
คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูกอ่อน ข้อต่อ และเส้นเอ็น ช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้อย่างลื่นไหล ลดแรงเสียดทาน และป้องกันการสึกกร่อนของกระดูกอ่อน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อโรคข้อเสื่อม การได้รับคอลลาเจนอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดอาการปวดข้อต่อ และช่วยชะลอการเสื่อมของโครงสร้างร่างกายได้
ช่วยให้เส้นผม เล็บ และฟันแข็งแรงขึ้น
การที่เล็บเปราะ หักง่าย หรือผมแห้งขาดหลุดร่วง อาจเกี่ยวกับระดับคอลลาเจนที่ไม่สมดุลในร่างกาย เพราะคอลลาเจนมีส่วนช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานของเล็บและรากผม ช่วยให้เล็บหนา แข็งแรง และเจริญเติบโตได้ดีขึ้น และยังช่วยให้เส้นผมดูมีน้ำหนัก มีความยืดหยุ่น ไม่เปราะบางหรือชี้ฟูง่าย เสริมความแข็งแรงให้กับฟันอีกด้วย
เสริมสุขภาพระบบทางเดินอาหารและหลอดเลือด
ในลำไส้และผนังหลอดเลือดก็มีคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบ ซึ่งจะช่วยให้เยื่อบุทางเดินอาหารทำงานได้ดี ลดปัญหาการอักเสบหรือเยื่อบุรั่ว ระบบย่อยอาหารทำงานได้สมดุลขึ้น ช่วยให้โครงสร้างผนังหลอดเลือดแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการฉีกขาดหรือการเกิดเส้นเลือดโป่งพอง
วิธีเพิ่มคอลลาเจนในร่างกายมีอะไรบ้าง?
คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวแห้ง หย่อนคล้อย และเกิด ริ้วรอย ได้ง่าย การเสริมคอลลาเจนจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยชะลอวัย และฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหลายวิธีให้เลือกตามความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
คอลลาเจนแบบกิน
คอลลาเจนชนิดกิน เช่น Collagen Peptide หรือ Hydrolyzed Collagen เป็นรูปแบบที่ผ่านการย่อยให้โมเลกุลเล็กลงเพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี การรับประทานต่อเนื่องจะช่วยเสริมความยืดหยุ่นให้ผิว ลดความแห้งกร้าน ฟื้นฟูเล็บ ผม และข้อต่อ เห็นผลชัดเมื่อทานควบคู่กับวิตามินซี และรับประทานเป็นประจำสม่ำเสมอ
คอลลาเจนแบบฉีด
การฉีดคอลลาเจน หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน เช่น Sculptra, Juvelook, ELLANSÉ, HArmonyCa, Radiesse, ProFHIL เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่จากภายใน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและลึกถึงระดับโครงสร้างผิว ช่วยให้ผิวแน่น เต่งตึง และดูสุขภาพดี ผลลัพธ์อยู่ได้นานและเห็นผลชัดเจนในระยะเวลาไม่นาน
คอลลาเจนแบบทา
คอลลาเจนในรูปแบบสกินแคร์มักไม่สามารถซึมลึกถึงชั้นหนังแท้ได้ แต่การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น วิตามินซี เรตินอล เปปไทด์ หรือไนอะซินาไมด์ จะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดเลือนริ้วรอยบางจุด เพิ่มความชุ่มชื้น และทำให้ผิวแลดูเรียบเนียนมากขึ้นเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
กระตุ้นคอลลาเจนด้วยเครื่องยกกระชับ
การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น HIFU, Ulthera หรือ Thermage เป็นอีกทางเลือกในการกระตุ้นคอลลาเจนโดยไม่ต้องฉีด ช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นผิว ลดความหย่อนคล้อย และยกกระชับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดขึ้นใน 1–3 เดือน และเหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวโดยไม่ต้องใช้สารเติมเต็ม
คอลลาเจนแบบไหนเห็นผลจริง?
แต่ละวิธีในการเพิ่มคอลลาเจนในร่างกายมีความแตกต่างกัน โดยจะขอเปรียบเทียบให้ดูเป็นตารางดังนี้
วิธีเพิ่มคอลลาเจน | ลักษณะการทำงาน | จุดเด่น | เหมาะกับใคร | ระยะเวลาที่เห็นผล |
---|---|---|---|---|
คอลลาเจนแบบกิน | รับประทานคอลลาเจนเปปไทด์หรือไฮโดรไลซ์ เพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย | สะดวก ทำเองได้ ดูแลได้ทั้งผิว ผม เล็บ และข้อต่อ | ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพผิวระยะยาว | 6–12 สัปดาห์ขึ้นไป |
คอลลาเจนแบบฉีด | ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนเข้าสู่ชั้นผิว เช่น Sculptra, Juvelook | เห็นผลไว ฟื้นฟูลึกถึงโครงสร้างผิว อยู่ได้นาน | ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว | 2–4 สัปดาห์ เห็นผลต่อเนื่อง |
คอลลาเจนแบบทา | ใช้สกินแคร์ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นบน | ใช้ง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความกระจ่างใส | ผู้ที่เริ่มดูแลผิวหรือมีปัญหาเล็กน้อย | 4–8 สัปดาห์ขึ้นไป |
เครื่องยกกระชับกระตุ้นคอลลาเจน | ใช้พลังงานคลื่นเสียงหรือคลื่นความร้อนกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน | ไม่ต้องฉีด ไม่มีแผล ช่วยกระชับและฟื้นฟูความยืดหยุ่นผิว | ผู้ที่กลัวเข็ม แต่อยากผิวแน่น ยกกระชับ | 1–3 เดือน เริ่มเห็นผล |
ข้อดีของการเสริมคอลลาเจน
- ช่วยให้ผิวแข็งแรงจากภายใน เสริมโครงสร้างผิวให้แน่นฟู ยืดหยุ่นดีขึ้น ลดโอกาสเกิดผิวแห้ง ลอก หรือไวต่อแสงแดด
- ลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ คอลลาเจนช่วยเติมเต็มความหย่อนคล้อย ทำให้ริ้วรอยตื้นดูจางลงโดยไม่ต้องพึ่งสารเติมเต็มทันที
- บำรุงข้อต่อ เล็บ และเส้นผม ส่งเสริมสุขภาพข้อต่อให้เคลื่อนไหวดีขึ้น เล็บแข็งแรงไม่เปราะง่าย และลดผมขาดหลุดร่วง
- บางชนิดให้ผลลัพธ์ยาวนาน คอลลาเจนแบบฉีดบางกลุ่ม เช่น Sculptra หรือ Juvelook กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้นานหลายเดือนถึงปี
- ฟื้นฟูผิวและร่างกาย ไม่เพียงแต่เรื่องผิว คอลลาเจนยังมีบทบาทในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เพิ่มความชุ่มชื้น และเสริมภูมิคุ้มกัน
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของการเสริมคอลลาเจน
- คอลลาเจนบางชนิดดูดซึมได้ยาก เพราะถ้าคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ หรือไม่ได้ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ อาจดูดซึมได้ไม่ดี ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง
- แบบกินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การรับประทานคอลลาเจนอย่างเดียวไม่สามารถฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึก ๆ ได้ ควรใช้ร่วมกับวิธีดูแลผิวอื่น
- ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็น คอลลาเจนบางแบบ เช่น แบบกิน และทามักต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1–3 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผลอย่างชัดเจน
- ควรเลือกให้เหมาะกับอายุและสภาพผิว วัยและปัญหาผิวที่แตกต่างกันควรได้รับการดูแลที่เหมาะสม เช่น ริ้วรอยลึกควรเลือกหัตถการที่กระตุ้นได้ตรงจุดมากกว่าแค่การบำรุงผิวภายนอก
คอลลาเจนเหมาะกับใคร?
การเสริมคอลลาเจนมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นแบบรับประทาน ทา หรือฉีด ซึ่งการเพิ่มคอลลาเจนในแต่ละแบบ ก็ต่างเหมาะ และไม่เหมาะกับแต่ละคน เช่น
คอลลาเจนเหมาะกับใคร
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็กๆ เพราะคอลลาเจนช่วยเติมเต็มผิวให้ดูเนียนขึ้น ชะลอการเกิดร่องลึก และลดความหย่อนคล้อยในระยะเริ่มต้น
- คนผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือดูโทรมง่าย เพราะคอลลาเจนจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มฟู และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นคนที่ไม่อยากพึ่งสารเติมเต็มหรือการแต่งหน้า แต่ต้องการให้ผิวดูแข็งแรง อ่อนเยาว์จากภายใน
- วัย 25 ปีขึ้นไปที่เริ่มสูญเสียคอลลาเจน ต้องการเริ่มดูแลก่อนที่จะเกิดริ้วรอย และผิวเริ่มหรือใช้ชีวิตกลางแจ้ง พักผ่อนน้อย
กลุ่มที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้คอลลาเจน
- ผู้ที่มีประวัติแพ้โปรตีนหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น แพ้ปลาทะเล แพ้ไข่ แพ้นม ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบของคอลลาเจนในบางสูตร
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แม้คอลลาเจนโดยทั่วไปจะปลอดภัย แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดกับทารก
- ผู้ที่ต้องการฉีดหัตถการกลุ่ม Biostimulator เพราะการกระตุ้นคอลลาเจนลึกแบบนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และต้องประเมินโครงสร้างผิวก่อนเสมอ
เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับคอลลาเจนที่ควรรู้
คอลลาเจนเป็นสารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการดูแลผิว และสุขภาพ แต่ก็ยังมีเรื่องความเข้าใจผิดหลายอย่างเกี่ยวคอลลาเจน เช่น
กินคอลลาเจนแล้วช่วยให้ขาวขึ้น
คอลลาเจนมีไม่ใช่สารที่มีคุณสมบัติเพื่อการเปลี่ยนสีผิวโดยตรง แต่สามารถทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้ เพราะเมื่อคอลลาเจนเพิ่มขึ้นจะช่วยปรับผิวเสียให้แข็งแรง คืนสีผิวเดิม และชุ่มชื้น เรียบเนียนมากขึ้น หากต้องการปรับให้ผิวขาวต้องใช้สารต้านเม็ดสี เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน หรืออาร์บูตินควบคู่
การฉีดคอลลาเจนอันตราย
การฉีดคอลลาเจน หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) เช่น Sculptra, Juvelook หรือ Radiesse ไม่อันตรายหากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรทางการแพทย์ แต่ผู้ที่มีโรคประจำตัว แพ้ง่าย หรืออยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด
คอลลาเจนจากปลาดีกว่าคอลลาเจนแบบอื่น
คอลลาเจนจากปลาทะเลลึกมักถูกมองว่าดูดซึมได้ดีกว่าเนื่องจากมีโมเลกุลขนาดเล็ก ซึ่งสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเร็ว แต่คอลลาเจนชนิดอื่น เช่น ที่ได้จากวัว หมู หรือจากพืชก็มีคุณสมบัติที่ดีเพียงอาจมีโมเลกุลใหญ่กว่าจึงใช้เวลาย่อยสลายนานขึ้น ปกติแล้วคุณภาพของคอลลาเจนขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต ความบริสุทธิ์ และการไฮโดรไลซ์มากกว่าต้นทางที่มาของวัตถุดิบ
ยิ่งกินคอลลาเจนเยอะยิ่งเห็นผลเร็ว
ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้เพียงปริมาณหนึ่งในแต่ละวัน การรับประทานในปริมาณมากเกินไปไม่ได้ทำให้เห็นผลเร็วขึ้น แต่กลับอาจทำให้เสียเงินโดยไม่จำเป็น และอาจทำให้เกิดปัญหากับระบบย่อยอาหารด้วย สิ่งสำคัญคือการรับประทานอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสม
หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี
เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกายจะชะลอลง ส่งผลให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอย ปัจจุบันวงการแพทย์มีเทคนิคและเทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้ เช่น
Sculptra
Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวลึก PLLA จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายปล่อยเซลล์ชนิดหนึ่งที่ส่งสัญญาณผลิตคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา โดยสามารถเพิ่มคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้มากถึง 66.5% ปรับให้โครงสร้างผิวแน่น กระชับ ผิวยืดหยุ่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
Ulthera
Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบเจาะจง (Focused Ultrasound) ส่งผ่านพลังงานลงลึกไปถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่เป็นเป้าหมายของการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานที่ถูกส่งลงไปจะทำให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัวทันที และในระยะยาวยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่จากเซลล์ผิวได้ด้วย หลังทำสามารถสังเกตได้ถึงการยกกระชับของผิวเล็กน้อย และจะค่อยๆ เห็นชัดใน 3 เดือน
Thermage
Thermage เป็นหัตถการที่ใช้คลื่นวิทยุชนิด Monopolar RF ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงไปยังชั้นลึกของผิวหนังเพื่อสร้างความร้อนที่ช่วยให้คอลลาเจนเก่าหดตัวทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว รวมถึงช่วยยกกระชับได้ทั้งผิวหน้า ผิวกาย สลายไขมันในผิวให้น้อยลง
Juvelook
Juvelook เป็นสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจนที่รวมเอาสารสองชนิด คือ PDLLA (Poly D,L-Lactic Acid) และ Non – Crosslink Hyaluronic Acid (HA) ไว้ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน ทำให้สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อม ๆ กับการเติมเต็มผิวให้ชุ่มชื้น อิ่มฟู และเนียนใส ผลลัพธ์จะพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยสามารถคงอยู่ได้ราว 12 – 15 เดือน
Rejuran
Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ฉีดที่มีส่วนประกอบของ Polynucleotide (PN) เข้มข้น ซึ่งสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน โดยมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้าย เสริมเกราะป้องกันผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเร่งการซ่อมแซมเซลล์ผิวให้กลับมาแข็งแรงขึ้น
Radiesse
Radiesse เป็นสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ได้ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว CaHA จะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างที่ช่วยรองรับผิวและกระตุ้นการสร้างเส้นใยใต้ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง ผิวจะแน่นเต่งตึงขึ้น และมีวอลลุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
Ultracol
Ultracol เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สาร Polydioxanone (PDO) ซึ่งมีคุณสมบัติเดียวกับการร้อยไหม แต่อยู่ในรูปแบบของสารละลายที่ฉีดเข้าไปในผิว สาร PDO จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นรอบบริเวณที่ฉีดได้อย่างทั่วถึง ซึ่งการฉีด Ultracol 1 ขวด ให้ผลเทียบเท่ากับการร้อยไหม PDO จำนวนกว่า 1,400 เส้น
Gouri
Gouri เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มี Polycaprolactone (PCL) ในรูปแบบที่ละลายได้ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ได้ทั่วบริเวณที่ฉีดอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ผิวตึง ยืดหยุ่น และมีความกระจ่างใสขึ้น
Exosome
Exosome อุดมไปด้วยสารสำคัญกว่า 1,000 ชนิด เช่น Growth Factors, Peptides, Amino Acids, Coenzymes, Hyaluronic Acid และโปรตีนอีกหลากหลายชนิด ซึ่งจะกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้มากขึ้น
มาเด้คอลลาเจน
Made Collagen มีส่วนผสมของแร่ธาตุ วิตามิน และสารอาหารผิวที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก ลดการอักเสบของผิว ช่วยในการดีท็อกซ์ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยทางอ้อม ทำให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคอลลาเจน (FAQ)
Q: อายุเท่าไหร่ควรเริ่มดูแลเรื่องคอลลาเจน?
A: ควรเริ่มดูแลเรื่องคอลลาเจนตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงอย่างต่อเนื่อง
Q: คอลลาเจนชนิดผง ชนิดเม็ด และชนิดน้ำ ต่างกันอย่างไร?
A: คอลลาเจนชนิดผงดูดซึมง่าย ชนิดเม็ดพกสะดวกแต่ดูดซึมช้ากว่า ส่วนชนิดน้ำดูดซึมเร็วที่สุดแต่มักมีราคาสูงและเก็บรักษายาก
Q: การทานคอลลาเจนช่วยให้ผิวขาวขึ้นจริงไหม?
A: การทานคอลลาเจนไม่ได้ทำให้ผิวขาวขึ้นโดยตรง แต่ช่วยให้ผิวดูใส สุขภาพดี และสม่ำเสมอขึ้น
Q: หากหยุดทานคอลลาเจน จะเกิดอะไรขึ้น?
A: หากหยุดทานคอลลาเจน ร่างกายจะค่อย ๆ กลับสู่กระบวนการเสื่อมตามวัย ผิวอาจแห้ง หย่อนคล้อย และริ้วรอยเห็นชัดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเฉพาะหากไม่มีการดูแลอื่นร่วมด้วย
Q: ทานคอลลาเจนพร้อมวิตามินซีช่วยให้เห็นผลดีขึ้นจริงไหม?
A: ใช่ การทานคอลลาเจนร่วมกับวิตามินซีช่วยให้ร่างกายดูดซึมและนำคอลลาเจนไปใช้ได้ดีขึ้น ส่งผลให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและเร็วขึ้น
Q: ทานคอลลาเจนแล้วสิวขึ้น เกิดจากอะไร?
A: การทานคอลลาเจนแล้วสิวขึ้นอาจเกิดจากร่างกายได้รับโปรตีนมากเกินไป แพ้สารเจือปนในผลิตภัณฑ์ หรือระบบขับถ่ายทำงานไม่สมดุล
Q: การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เช่น Sculptra ต่างจากการทานอย่างไร?
A: การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เช่น Sculptra จะส่งสารลงลึกถึงชั้นผิวโดยตรง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเฉพาะจุด เห็นผลชัดและยาวนาน ขณะที่การทานคอลลาเจนส่งผลทั่วร่างกาย แต่ดูดซึมได้น้อยและต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
สรุป
คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมากเพราะเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว เส้นผม รวมถึงระบบภายในของร่างกายหลายๆ อย่าง โดยในปัจจุบันคอลลาเจนมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งแบบกิน แบบฉีด แบบทา ซึ่งส่วนใหญ่จะแตกต่างตรงที่ความเร็วในการเห็นผลลัพธ์ หากต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว เพราะกังวลเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย สามารถเข้ามาปรึกษา Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำค่ะ