Ceramide เป็นสารสำคัญตามธรรมชาติที่อยู่ในชั้นไขมันของผิว ทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันผิวจากการสูญเสียน้ำและมลภาวะภายนอก เมื่อผิวมีเซราไมด์เพียงพอจะช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดี ในทางกลับกัน หากขาดเซราไมด์ ผิวจะอ่อนแอ แห้งลอก และระคายเคืองได้ง่าย Vincent Clinic Aesthetic จะพาไปทำความเข้าใจว่า Ceramide คืออะไร และทำไมถึงเป็นส่วนประกอบสำคัญของการมีสุขภาพผิวที่ดี
Key Takeaways
- Ceramide คือไขมันตามธรรมชาติในชั้นผิว ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และลดการสูญเสียน้ำ
- เมื่อผิวมีเซราไมด์เพียงพอ จะช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น เรียบเนียน และดูสุขภาพดี แต่หากผิวขาดเซราไมด์ จะทำให้ผิวแห้ง ลอก ระคายเคือง และอ่อนแอต่อมลภาวะ
- เซราไมด์มีหลายชนิดแต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกัน ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์หลายแบรนด์มักใส่เซราไมด์หลายชนิดผสมกันเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการดูแลผิวให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น เช่น เสริมความชุ่มชื่น ลดการอักเสบของผิว เป็นต้น
- Ceramide มีทั้งแบบทาภายนอก เช่น ภายในครีม โลชั่น เซรั่ม และ แบบรับประทาน เช่น ในอาหารเสริมจากพืช
- Niacinamide และ Ceramide แตกต่างกันแต่สามารถใช้ร่วมกันได้ Niacinamide ช่วยปรับสีผิวที่คล้ำให้สม่ำเสมอ ส่วน Ceramide ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Ceramide เป็นประจำ ช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้นและดูสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว
Ceramide คืออะไร
Ceramide คือไขมันที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิว ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันที่คอยกักเก็บน้ำเอาไว้ในผิวไม่ให้ระเหยออกไปง่ายๆ ส่งผลให้ ผิวหน้าชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ผิวดูนุ่มและแข็งแรง และปกป้องผิวจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน และสิ่งที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองต่างๆ
นอกจากการปกป้องผิวแล้วนั้นเซราไมด์ยังช่วยทั้ง ซ่อมแซมและเสริมสร้างผิวที่อ่อนแอ ให้กลับมาแข็งแรง บรรเทาการอักเสบได้ดี จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้ผิวมีสุขภาพดี เซราไมด์จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือสำหรับฟื้นฟูผิว เมื่อผิวมีเซราไมด์ที่เพียงพอ ผิวก็จะฟื้นตัวได้ไวขึ้นและดูแข็งแรง
Ceramide ช่วยเรื่องอะไร
Ceramide เป็นสารสำคัญที่ช่วยดูแลผิวให้แข็งแรงขึ้นจากภายใน โดยสามารถช่วยบำรุงผิว รักษาปัญหาผิวได้ดังนี้
- เติมความชุ่มชื้น ช่วยกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม อิ่มฟู ลดโอกาสเกิด ริ้วรอย ก่อนวัย
- สร้างเกราะป้องกันผิว ป้องกันผิวจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน และสารระคายเคืองที่เป็นอันตราย
- ฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว ช่วยให้ผิวที่แห้งเสียหรือแพ้ง่ายกลับมาแข็งแรงขึ้น
- ลดการอักเสบของผิว บรรเทาอาการผิวอักเสบ สิว ผื่นแดง รวมถึงช่วยดูแลปัญหาผิวบางอย่าง เช่น ผิวแห้งเรื้อรัง หรือโรคผิวหนังบางชนิด
Ceramide มีกี่ชนิด กี่แบบ
Ceramide มีหลายชนิดและหลายแบบ ซึ่งแต่ละชนิดก็มีบทบาทแตกต่างกันไปดังนี้
- Ceramide 1 (Ceramide EOS) ช่วยยึดเกาะและเชื่อมต่อเซลล์ผิวให้แน่นหนา ทำให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรง ลดการสูญเสียน้ำจากผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มี ผิวแห้ง หรือผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดและมลภาวะ
- Ceramide 2 (Ceramide NS หรือ NG) ช่วยคงความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวนุ่มลื่นและยืดหยุ่นมากขึ้น มักเป็นเซราไมด์ที่พบมากในผิวตามธรรมชาติ เหมาะกับผิวที่แห้งลอกง่าย
- Ceramide 3 (Ceramide NP) ช่วยฟื้นฟูผิว ลดการระคายเคือง และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือแพ้ง่าย เพราะช่วยให้ผิวกลับมาสมดุลและแข็งแรงขึ้น
- Ceramide 6-II (Ceramide AP) มีคุณสมบัติช่วย ผลัดเซลล์ผิว อย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาความชุ่มชื้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำหรือขาดความเรียบเนียน
- Ceramide 9 (Ceramide EOP) ทำหน้าที่เสริมโครงสร้างผิว และไขมันในชั้นผิว ช่วยให้เกราะป้องกันผิวมีความสมดุล ลดการสูญเสียน้ำ และปกป้องผิวจากมลภาวะ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งเสียจากการใช้สารเคมี
- Phytosphingosine เป็นสารตั้งต้นในการสร้างเซราไมด์ตามธรรมชาติในผิว ช่วยลดการอักเสบ ควบคุมเชื้อแบคทีเรีย และฟื้นฟูสมดุลของผิว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวหรือผิวแพ้ง่าย
- Sphingosine คล้ายกับ Phytosphingosine แต่จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ในผิวได้โดยตรง เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น และช่วยลดการสูญเสียน้ำ เหมาะกับผิวที่แห้งหรือถูกทำร้ายจากมลภาวะ
ซึ่งเซราไมด์มีทั้งแบบทาที่ผสมในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และแบบกิน ซึ่งให้ประโยชน์ต่อผิวแตกต่างกันไป ดังนี้
- เซราไมด์แบบกิน มาในรูปแบบอาหารเสริมหรือแคปซูล สกัดจากพืช เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี หรือมันฝรั่ง ช่วยเสริมการสร้างเกราะป้องกันผิวจากภายใน รักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิวทั้งร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่ผิวแห้ง หรือมีปัญหา ผิวแพ้ง่าย
- เซราไมด์แบบทา อยู่ในสกินแคร์ เช่น ครีม โลชั่น เซรั่ม ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวเฉพาะจุด ช่วยกักเก็บน้ำและลดการสูญเสียน้ำในผิว ช่วยบรรเทาผิวแห้ง แดง ระคายเคือง ทำให้ผิวกลับมาเนียนนุ่ม เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งหรือผิวบอบบาง
ระหว่าง Niacinamide กับ Ceramide ต่างกันอย่างไร
ทั้ง Niacinamide และ Ceramide เป็นส่วนผสมยอดนิยมในสกินแคร์เหมือนกัน แต่ทั้งสองมีความต่างกันที่บทบาทในการบำรุงผิวดังนี้
- Niacinamide เป็นวิตามินบี 3 รูปแบบหนึ่งที่สามารถช่วยลดรอยดำ รอยสิว และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินให้ผิวมันน้อยลง มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวหรือแพ้ง่าย
- Ceramide เป็นไขมันชนิดลิปิด ที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว กักเก็บความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียน้ำ ช่วยให้ผิวแข็งแรง ไม่แห้งกร้าน ไม่แพ้ง่าย ฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่อ่อนแอหรือถูกทำร้ายจากมลภาวะ
และเมื่อใช้คู่กันผิวจะแข็งแรงขึ้น ชุ่มชื้นยาวนานขึ้น และระคายเคืองน้อยลง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง แพ้ง่าย หรือผิวที่กำลังอักเสบจากการใช้สารผลัดเซลล์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ceramide (FAQ)
Q : เซราไมด์ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง
A : สามารถใช้ Ceramide ร่วมกับสารได้ทุกชนิด เนื่องจากเป็นสารที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มความชุ่มชื้นจึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ หากใช้ร่วมกับสารผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินอล จะทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ไม่บอบบาง
Q : ใครเหมาะกับ Ceramide
A : Ceramide เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหา ผิวแห้งขาดน้ำ ผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือมีอาการระคายเคืองง่าย นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย หรือผู้ใหญ่ที่ปริมาณเซราไมด์ในผิวลดลงตามวัย เพราะจะช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ให้ผิวกลับมาแข็งแรง ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
Q : ควรใช้เซราไมด์ใน Skincare Routine อย่างไร
A : เซราไมด์เหมาะกับการใช้ในขั้นตอนบำรุงผิวช่วงท้ายๆ ของสกินแคร์รูทีน เพื่อช่วยล็อกความชุ่มชื้นและฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว โดยทั่วไปควรใช้หลังจากลงเซรั่มหรือเอสเซนส์แล้ว แล้วปิดท้ายด้วยครีม หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์เป็นประจำ ทั้งเช้า และเย็นจะช่วยให้ผิวเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน แข็งแรงขึ้น และลดโอกาสการระคายเคืองได้ดี
Q : ถ้าใช้เรตินอลควรทา Ceramide อย่างไร
A : แนะนำเป็น มอยส์เจอไรเซอร์ ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ และควรทาเซราไมด์ก่อน จึงค่อยใช้เรตินอลตามหลัง เพื่อเสริมให้ผิวแข็งแรง ลดปัญหาผิวแห้ง ผิวลอกจากการใช้เรตินอล
Q : เซราไมด์ควรใช้ตอนกลางวัน หรือตอนกลางคืน
A : เซราไมด์สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน กลางวันช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและรักษาความชุ่มชื้น ส่วนกลางคืนช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่อ่อนล้าระหว่างนอนหลับ หากอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรใช้ต่อเนื่องทั้งเช้าและก่อนนอนค่ะ
Q : Ceramide ช่วยลดสิวได้ไหม
A : Ceramide ไม่ได้ช่วยฆ่าเชื้อหรือลดสิวโดยตรง แต่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียน้ำ และลดการอักเสบ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เมื่อผิวไม่แห้งหรือระคายเคืองง่าย ก็ช่วยให้สิวอักเสบสงบลงและลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำได้
Q : Ceramide Complex คืออะไร?
A : Ceramide Complex คือ เซราไมด์ที่รวมหลายๆ ชนิดเข้าด้วยกัน ไม่ได้มีเซราไมด์เพียงชนิดเดียว จึงทำให้ผิวชุ่มชื้น เป็นส่วนผสมที่บำรุงผิวขั้นสุด
สรุป
Ceramide เป็นไขมันตามธรรมชาติที่อยู่ในชั้นผิว ทำหน้าที่สำคัญในการกักเก็บความชุ่มชื้น สร้างเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะ และช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ ทั้งยังช่วยซ่อมแซม และฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอ ลดการอักเสบและอาการระคายเคือง จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง หรือผิวบอบบาง หากใครที่ต้องการผิวชุ่มชื้นเกราะป้องกันผิวแข็งแรง สามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic ที่มีโปรแกรมทรีทเม้นท์หน้า พร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน ให้มีผิวที่ชุ่มชื่น อิ่มน้ำ และกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

