โบท็อก Bruxism โบท็อกลดการนอนกัดฟัน หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาสำหรับคนที่ชอบนอนกัดฟันบ่อยๆ จนเริ่มมีอาการปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อต่างๆ ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักกับโบท็อก Bruxism ว่าช่วยลดกัดฟันได้จริง และสามารถช่วยได้อย่างไร รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่ควรรู้ก่อนฉีดค่ะ
Key Takeaway
- โบท็อก Bruxism ช่วยลดการกัดฟันขณะนอนโดยการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เข้าไปที่กล้ามเนื้อกราม ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหดตัวและลดการทำงาน ช่วยลดแรงกัดฟันและอาการเจ็บกรามได้
- โบท็อก Bruxism เหมาะกับผู้ที่มีอาการนอนกัดฟันเรื้อรัง, กรามแข็งหรือตึงหลังตื่นนอน, ปวดขากรรไกรหรือขมับจากการเกร็งกล้ามเนื้อ และผู้ที่มีร่องรอยฟันสึกจากการกัดฟัน
- ข้อดีของการฉีดโบท็อกลดการกัดฟันนั้นจะช่วยลดอาการปวดกราม ป้องกันฟันสึก ปรับรูปหน้าให้เรียว และต้องไม่มีการพักฟื้น และเห็นผลใน 3-7 วัน
- ข้อเสียของโบท็อก Bruxism คือ ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน และอาจมีอาการเคี้ยวอาหารลำบากในช่วงแรก
- ข้อจำกัดของการฉีดโบท็อกลดกัดฟันตอนนอน คือ ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีโรคระบบประสาทกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่เคยแพ้โบท็อก
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดโบท็อก Bruxism เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยพิจารณาอาการและสภาพกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
โบท็อก Bruxism ช่วยลดนอนกัดฟันได้อย่างไร?
วิธีลดการนอนกัดฟันด้วยโบท็อกนั้นจะฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เข้าไปในกล้ามเนื้อกรามที่เรียกว่า Masseter ซึ่งมีหน้าที่ในการบดเคี้ยวอาหาร และเป็นกล้ามเนื้อที่ถูกใช้ตอนนอนกัดฟัน เมื่อโบท็อกถูกฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อนี้จะทำให้กล้ามเนื้อลดการทำงาน กล้ามเนื้อหดตัวทำให้การกัดฟันในช่วงกลางคืนที่กัดแรงมากๆ จะเบาลง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายต่อฟัน และข้อต่อขากรรไกร นอกจากนี้การฉีดโบท็อกลดการนอนกัดฟันยังสามารถใช้ร่วมกับการใส่เฝือกสบฟันที่เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันได้รับความเสียหายจากการนอนกัดฟัน ซึ่งจะช่วยเสริมผลการรักษาให้ดีขึ้น
โบท็อก Bruxism เหมาะกับใคร?
การรักษาอาการนอนกัดฟันด้วยโบท็อกจะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการกัดฟันได้ โดยคนที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกลดการกัดฟัน มีดังนี้
- ผู้ที่มีอาการนอนกัดฟันเรื้อรัง กัดฟันในระหว่างนอนหลับเป็นประจำ จนรู้สึกเจ็บกรามหรือตื่นมากลางดึก และมักมีอาการสะสมแม้จะใช้เฝือกสบฟันแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น
- ผู้ที่มีกรามแข็งหรือตึงหลังตื่นนอน รู้สึกกรามแน่น เคี้ยวอาหารลำบาก หรือเมื่ออ้าปากจะรู้สึกตึง โบท็อกสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดีขึ้น
- ผู้ที่ปวดขากรรไกรหรือขมับจากการเกร็งกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะช่วงเช้า มักเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบดเคี้ยวมากเกินไปโดยไม่รู้ตัวในช่วงกลางคืน
- ผู้ที่มีร่องรอยฟันสึกจากการกัดฟันตอนกลางคืน ฟันเริ่มมีรอยร้าวเล็กๆ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจเกิดจากแรงกัดฟันขณะนอนหลับ
- ผู้ที่มีอาการเสียวฟันเมื่อดื่มน้ำร้อนหรือน้ำเย็น ฟันไวต่ออุณหภูมิแม้ไม่มีฟันผุ อาจเกิดจากการสึกของผิวฟันจากแรงกัด
- ผู้ที่ปวดศีรษะบ่อยโดยเฉพาะตอนเช้า หากตื่นแล้วพบว่ามีอาการปวดศีรษะซ้ำๆ โดยไม่มีสาเหตุ อาจมาจากความตึงเครียดของกล้ามเนื้อกรามที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ
- ผู้ที่นอนหลับไม่สนิทและรู้สึกอ่อนเพลียในตอนกลางวัน เพราะการกัดฟันอาจรบกวนคุณภาพการนอน ทำให้หลับไม่ลึก และรู้สึกเหนื่อยหลังตื่น
- ผู้ที่ปวดเมื่อยขมับหรือต้นคอจากกล้ามเนื้อกรามตึง ความตึงของกล้ามเนื้อบดเคี้ยวสามารถส่งผลต่อกล้ามเนื้อรอบข้าง เช่น ขมับ หรือคอด้านข้าง ทำให้ปวดร้าวหรือเมื่อยล้า
ใครไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อก Bruxism?
แม้การฉีดโบท็อกจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดแรงเกร็งของกล้ามเนื้อกรามและบรรเทาอาการนอนกัดฟัน แต่ก็อาจไม่เหมาะกับคนบางคน เช่น
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอว่าปลอดภัยต่อทารก แพทย์จึงไม่แนะนำให้ฉีดในช่วงนี้
- ผู้ที่มีโรคระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โรคอย่าง Myasthenia Gravis หรือ ALS อาจทำให้ไวต่อโบท็อกมากเกินไป เสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงผิดปกติ
- ผู้ที่แพ้สารโบทูลินั่มท็อกซิน หากเคยมีประวัติแพ้อย่างรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หรือมีผื่นหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยง
ข้อดีของการฉีดโบท็อกลดนอนกัดฟัน
การฉีดโบท็อก Bruxism เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดอาการนอนกัดฟันอย่างตรงจุด โดยช่วยคลายการเกร็งของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกัดฟันขณะหลับ ซึ่งนอกจากจะลดอาการไม่พึงประสงค์แล้ว ยังส่งผลดีในหลายด้าน ดังนี้
- ลดอาการปวดกราม ตึงกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อกรามที่หดเกร็งจากการกัดฟันตลอดคืนจะทำให้รู้สึกเมื่อยหรือปวดบริเวณกราม ขมับ และท้ายทอย โบท็อกช่วยลดแรงเกร็ง ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย อาการปวดลดลง รวมถึงช่วยบรรเทาไมเกรนที่สัมพันธ์กับกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
- ไม่ต้องพึ่งเฝือกสบฟันตอนนอน สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกในการใส่เฝือกนอน โบท็อกเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ และช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่เป็นต้นเหตุของการกัดฟันโดยตรง
- รูปหน้าดูเรียวลงในรายที่กล้ามเนื้อกรามใหญ่ ในผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามหนาจากการใช้งานหนัก เช่น เคี้ยวของแข็งหรือกัดฟันเรื้อรัง การฉีดโบท็อกสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อเล็กลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ใบหน้าจะดูสมส่วนและเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยป้องกันฟันสึกและปัญหาในช่องปาก การกัดฟันรุนแรงอาจทำให้ฟันสึก แตก หรือมีรอยร้าวโดยไม่รู้ตัว โบท็อกจะช่วยลดแรงกัดขณะนอนหลับ จึงช่วยลดการสึกหรอของฟันและลดความเสี่ยงต่อปัญหาทางทันตกรรมในระยะยาว
- ลดภาระของข้อต่อขากรรไกร การกัดฟันอย่างต่อเนื่องทำให้ข้อต่อขากรรไกรทำงานหนักและอาจนำไปสู่อาการปวด อ้าปากติดขัด หรือมีเสียงดังขณะเคลื่อนไหว โบท็อกช่วยลดแรงกระทำต่อข้อต่อ ลดโอกาสเกิดอาการหรือบรรเทาปัญหาที่มีอยู่
- ส่งเสริมคุณภาพการนอน เมื่อลดแรงกัดและอาการเกร็งระหว่างนอน ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะพักผ่อนได้ดีขึ้น หลับสนิทขึ้น และรู้สึกสดชื่นในตอนเช้ามากกว่าเดิม
- ไม่ต้องพักฟื้นและเห็นผลไว หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น ผลของโบท็อกจะเริ่มเห็นภายใน 3 – 7 วัน และคงอยู่ประมาณ 3 – 6 เดือน
ข้อเสียและข้อจำกัดที่ควรรู้ของโบท็อกลดการกัดฟัน
แม้ว่าการฉีดโบท็อกลดการกัดฟันจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดอาการนอนกัดฟัน แต่ก็มีข้อเสีย และข้อจำกัดอยู่ เช่น
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร โบท็อกออกฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 3 – 6 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานตามปกติ
- เคี้ยวอาหารได้ลำบากในช่วงแรก บางคนอาจรู้สึกเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวได้ยาก โดยเฉพาะในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มปรับตัว
- ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุของปัญหา โบท็อกช่วยลดอาการกัดฟัน แต่ไม่สามารถรักษาสาเหตุหลัก เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือการสบฟันผิดปกติ จึงควรดูแลร่วมกับการรักษาอื่นๆ
- อาจไม่เหมาะกับบางคน ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหรือระบบประสาท รวมถึงผู้ที่เคยแพ้โบท็อก ควรหลีกเลี่ยงการฉีด และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเสมอ
- มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง เนื่องจากต้องฉีดซ้ำหากอยากให้ผลลัพธ์คงอยู่ จึงควรพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวก่อนเริ่มการรักษา
ผลข้างเคียงหลังฉีดโบท็อก Bruxism
การฉีดโบท็อกที่กล้ามเนื้อกรามเพื่อลดอาการนอนกัดฟันมีความปลอดภัยสูง แต่อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นอาการชั่วคราวและไม่รุนแรง หากทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เช่น
- ปวด บวม หรือมีรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด เป็นอาการปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายได้เองภายใน 2–3 วัน และไม่ส่งผลต่อผลลัพธ์
- กล้ามเนื้อกรามอ่อนแรงชั่วคราว กล้ามเนื้อกรามจะลดการทำงานลงตามเป้าหมายของการรักษา แต่บางรายอาจรู้สึกว่ากรามไม่มีแรงหรืออ่อนล้ากว่าปกติ จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อปรับตัว
- รู้สึกเคี้ยวอาหารได้ไม่เต็มแรงในช่วงแรก โดยเฉพาะอาหารที่เหนียวหรือแข็งอาจรู้สึกว่าการเคี้ยวไม่คล่องตัวเหมือนปกติในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด
- การยิ้ม การเคลื่อนไหวใบหน้าแปลกเล็กน้อยในช่วงแรก อาจรู้สึกว่ายิ้มไม่สุดหรือเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อใบหน้าแปลกไปเล็กน้อย จะดีขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มคุ้นชิน
- อาการอ่อนล้าหรือหนักหน้า รู้สึกว่าบริเวณกรามหรือใบหน้าหนักขึ้น หรือมีอาการเมื่อยกล้ามเนื้อขณะเคี้ยวหรือตอนพูดมาก ๆ ซึ่งมักหายได้เองภายในไม่กี่วัน
โบท็อก Bruxism กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน?
หลังฉีดโบท็อกจะเริ่มเห็นผลประมาณ 7 – 14 วัน กล้ามเนื้อกรามจะค่อยๆ ผ่อนคลาย แรงกัดลดลง อาการปวด หรือเกร็งเริ่มดีขึ้น โดยผลลัพธ์ของโบท็อกอยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกที่เลือกใช้ ขนาดกล้ามเนื้อ และการดูแลหลังฉีด
ก่อนฉีดโบท็อก Bruxism ควรรู้อะไรบ้าง?
ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกเพื่อรักษานอนกัดฟัน มีหลายสิ่งที่ควรเตรียมตัวและพิจารณาล่วงหน้า เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ดังนี้
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพ เช่น โรคประจำตัวที่มี หรือการใช้ยาประจำที่อาจส่งผลต่อการรักษา รวมถึงการใช้ยาเสริมวิตามินหรือสมุนไพรต่างๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพออาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อก ควรเตรียมตัวร่างกายให้พร้อมและหลีกเลี่ยงความเครียด
- งดวิตามินและอาหารเสริมบางชนิด ควรงดวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- งดยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ ควรงดใช้ยากลุ่ม NSAIDs เช่น Ibruprofen, Naproxen, หรือ Motrin รวมถึงยาแอสไพรินอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย
- งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ก่อนการฉีดโบท็อกลดนอนกัดฟันเนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดไหลออกง่ายและส่งผลต่อการหายของบาดแผล
ขั้นตอนการฉีดโบท็อก Bruxism
การฉีดโบท็อกเพื่อรักษานอนกัดฟัน (Bruxism) มีขั้นตอนที่ค่อนข้างรวดเร็วและปลอดภัย ดังนี้
- ปรึกษาแพทย์และประเมินอาการ แพทย์จะประเมินอาการนอนกัดฟันและตรวจสอบสภาพกล้ามเนื้อกรามเพื่อพิจารณาการฉีดโบท็อก
- วางแผนจำนวนยูนิตที่เหมาะสม แพทย์จะกำหนดปริมาณโบท็อกที่เหมาะสมตามความแข็งแรงกล้ามเนื้อ
- ฉีดโบท็อก ใช้เข็มขนาดเล็กฉีดโบท็อกเข้ากล้ามเนื้อกรามใช้เวลาประมาณ 10–15 นาที และมีการใช้น้ำแข็งหรือทายาชาช่วยลดความเจ็บ
- กลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีดโบท็อกลด Bruxism?
หลังจากการฉีดโบท็อกเพื่อลดอาการนอนกัดฟัน สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการนอนราบ หลังการฉีดโบท็อกควรหลีกเลี่ยงการนอนราบเป็นเวลา 3 – 4 ชั่วโมง เพื่อลดการไหลของโบท็อกจากตำแหน่งที่ฉีด และป้องกันไม่ให้ยาไปกระจายตัวในจุดที่ไม่ต้องการ
- งดนวดหรือกดทับบริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงการนวด กดทับ หรือถูบริเวณที่ฉีด เพื่อให้ยาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ และให้โบท็อกมีประสิทธิภาพ
- ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนเพียงพอ เพื่อที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูเร็วขึ้น และช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ขยับกล้ามเนื้อกรามทันทีหลังฉีด เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่งสลับข้างซ้ายและขวาเป็นเวลา 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้โบท็อกกระจายไปยังกล้ามเนื้อกรามอย่างทั่วถึง
- หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า หรือการเลเซอร์ในช่วง 1-2 สัปดาห์ หลังการฉีด เนื่องจากความร้อนอาจทำให้โบท็อกอยู่ได้ไม่นาน
- งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ในช่วง 1–2 สัปดาห์ หลังการฉีด เพราะอาจทำให้การหายตัวของบาดแผลช้าลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองและอาหารเผ็ดจัด เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรืออักเสบในบริเวณที่ฉีด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อก Bruxism (FAQ)
Q: โบท็อก Bruxism เหมาะกับคนที่นอนกัดฟันทุกประเภทหรือไม่?
A: เหมาะกับผู้ที่มีอาการนอนกัดฟันเรื้อรังหรือมีปัญหากรามตึง แต่ไม่เหมาะกับทุกประเภทของอาการ โดยเฉพาะผู้ที่มีสาเหตุจากปัจจัยทางจิตใจหรือการสบฟันผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษา
Q: หลังฉีดโบท็อกแก้นอนกัดฟัน จะหยุดใส่เฝือกสบฟันได้เลยไหม?
A: หลังฉีดโบท็อกแก้นอนกัดฟันสามารถหยุดใส่เฝือกสบฟันได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการก่อนหยุดการใช้งานเฝือก
Q: ฉีดโบท็อก Bruxism แล้วใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
A: การฉีดโบท็อกเพื่อรักษานอนกัดฟันอาจทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้ ถ้าใบหน้าใหญ่จากกล้ามเนื้อกราม
Q: โบท็อก Bruxism ช่วยลดเสียงนอนกัดฟันได้ไหม?
A: สามารถช่วยลดเสียงนอนกัดฟันได้ เพราะโบท็อกจะไปลดแรงกัดและการเกร็งของกล้ามเนื้อกราม
Q: ฉีดโบท็อกแก้นอนกัดฟันเจ็บไหม? ต้องใช้ยาชาหรือเปล่า?
A: อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา จะเป็นการประคบน้ำแข็งแทน
Q: ต้องฉีดโบท็อก Bruxism ซ้ำบ่อยแค่ไหน?
A: การฉีดโบท็อกเพื่อรักษานอนกัดฟันควรฉีดซ้ำทุก 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล
Q: โบท็อก Bruxism แตกต่างจากการฉีดโบท็อกลดกรามทั่วไปอย่างไร?
A: การฉีดโบท็อก Bruxism และโบท็อกลดกรามต่างฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อกรามเหมือนกัน แต่แตกต่างที่จุดประสงค์ โบท็อก Bruxism จะช่วยเรื่องการลดการกัดฟันตอนนอนไม่สนขนาดกราม ส่วนโบท็อกลดกรามจุดประสงค์คือการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามโดยตรง
สรุป
โบท็อก Bruxism สามารถลดการกัดฟันขณะนอนหลับได้ ด้วยการฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อกรามที่เป็นกล้ามเนื้อที่ใช้ในตอนกัดฟันให้กล้ามเนื้ออ่อนตัว ลดการทำงานของกล้ามเนื้อปัญหากัดฟันตอนนอนจะค่อยๆ ลดลง และไม่ต้องใส่เฝือกป้องกัน แต่เพื่อผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องควรฉีดเป็นประจำ หากใครที่มีปัญหานี้ หรือต้องการฉีดโบท็อกริ้วรอย โบท็อกในจุดอื่นๆ สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำค่ะ