ริมฝีปากใหญ่ เป็นลักษณะริมฝีปากที่หลายคนรู้สึกกังวล เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูแข็ง ขาดความอ่อนหวาน หรือไม่สมดุลกับจมูกและคาง หลายคนอาจไม่แน่ใจว่าปากของตัวเองใหญ่เกินไปจริงหรือไม่ และถ้าอยากให้ปากดูเล็กลง ต้องเลือกวิธีใดถึงจะปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด บทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic ได้รวบรวมทั้งวิธีสังเกตว่าปากหนาไหม แก้ไขปากหนาให้เล็กลง และคำแนะนำต่างๆ ค่ะช่วยคุณประเมินสาเหตุของปากใหญ่ พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขทั้งแบบศัลยกรรมและหัตถการ พร้อมคำแนะนำต่างๆ
Key Takeaway
- ริมฝีปากใหญ่ คือ ริมฝีปากที่มีความหนา กว้าง หรือเต็มเกินกว่าสัดส่วนของใบหน้า โดยอาจเกิดทั้งจากพันธุกรรม โครงสร้างใบหน้า หรือปัจจัยภายนอก เช่น ฟิลเลอร์สะสม พฤติกรรมซ้ำๆ
- วิธีสังเกตว่าปากใหญ่เกินไปหรือไม่ประเมินได้จากความกว้างของปากที่เลยแนวกึ่งกลางตาดำ ความหนาที่เด่นเกินไปเมื่อเทียบกับคางและจมูก หรือปากล่างห้อยลงจากแนวคาง
- ผลกระทบของริมฝีปากใหญ่ อาจทำให้ใบหน้าดูไม่ละมุน ขาดความสมดุล ดูดุหรือบึ้งโดยไม่ตั้งใจ และส่งผลต่อความมั่นใจ รวมถึงส่งผลต่อโหงวเฮ้งตามความเชื่อบางประการ
- ริมฝีปากใหญ่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับทุกคน หากสมดุลกับใบหน้า หรือชอบความหนา ก็สามารถเป็นจุดเด่นและเสริมบุคลิกได้ โดยเฉพาะในลุคที่ต้องการความอวบอิ่ม เช่น สายฝอ
- สามารถลดปากใหญ่ได้ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรม เพื่อลดขนาดหรือทำปากกระจับ เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลถาวร หรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปปากให้ดูสมส่วนได้
- ควรหลีกเลี่ยงการศัลยกรรมลดขนาดปาก หากยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ปากบวมจากฟิลเลอร์ หรือแพ้ยา เพราะอาจให้ผลลัพธ์ไม่แม่นยำ
- ก่อนตัดสินใจปรับรูปปากควรปรึกษาแพทย์ วิเคราะห์ร่วมกับภาพรวมใบหน้า และตั้งความคาดหวังที่เป็นจริง
- การดูแลหลังลดขนาดปากใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการขยับปากแรง งดอาหารร้อนและแข็ง ดื่มน้ำมาก นอนยกหัวสูง และรักษาความสะอาดบริเวณปากอย่างสม่ำเสมอ
ริมฝีปากใหญ่คือแบบไหน?
ริมฝีปากใหญ่ คือ ลักษณะของริมฝีปากที่มีความหนา ความกว้าง หรือปริมาณเนื้อริมฝีปากมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสัดส่วนอื่นๆ บนใบหน้า เช่น จมูก คาง หรือความกว้างของดวงตา ริมฝีปากใหญ่จึงอาจทำให้รูปหน้าดูไม่สมดุล หรือกลายเป็นจุดเด่นที่ดึงสายตา ซึ่งลักษณะของริมฝีปากใหญ่มีหลายแบบดังนี้
- ริมฝีปากบนใหญ่ มีความหนาหรือเต็มเฉพาะบริเวณริมฝีปากบน ซึ่งอาจทำให้ปากดูเบี้ยว หรือลักษณะโดยรวมของปากดูไม่สมดุล โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากล่างมีขนาดปกติหรือบาง
- ริมฝีปากล่างใหญ่ ริมฝีปากล่างหนากว่าบนมากจนอาจทำให้ดูปากห้อย หรือริมฝีปากล่างยื่นล้ำออกมา ซึ่งอาจส่งผลให้การแสดงสีหน้าและบุคลิกภาพดูเศร้าหรือไม่มั่นใจ
- ริมฝีปากบนและล่างใหญ่ทั้งคู่ ริมฝีปากทั้งบนล่างมีความหนาและกว้างจนเด่นชัด เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของจมูกและคาง อาจทำให้โครงหน้าดูแน่นหรือไม่มีมิติ
โดยปากที่สมดุลนั้นสามารถดูได้จากสัดส่วนบนใบหน้าทั้งหมด ซึ่งมีวิเคราะห์ได้จากดังนี้
- ริมฝีปากบน ควรกว้างประมาณหนึ่งในสามของความกว้างใบหน้าทั้งหมด
- ริมฝีปากล่าง ควรกว้างกว่าริมฝีปากบนประมาณ 1.6 เท่า เพื่อความสมดุล
- ความสมมาตรของปาก ปากที่สมดุลจะมีรูปร่างเท่ากันทั้งสองข้าง ไม่มีเบี้ยวเอียง มุมปากสองฝั่งต้องยกเท่ากัน
- ตำแหน่งของริมฝีปาก ควรอยู่กึ่งกลางระหว่างปลายจมูกกับปลายคาง และต้องอยู่ในแนวเดียวกับลูกตาดำทั้งสองข้าง
- รูปทรงของปาก ปากที่ได้รูปมักมีหยักตรงกลางด้านบนเหมือนคันธนู (Cupid’s Bow) และมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างเป็นธรรมชาติ
- เส้นขอบปาก เส้นขอบปากที่ชัดเจนและเรียบเนียน สื่อถึงความได้รูปและความสมดุลของริมฝีปาก
- ความอิ่มของปาก ปากที่อวบอิ่มในระดับพอดีดูสุขภาพดีและน่ามอง แต่ถ้าหนาเกินไปก็จะดูหลุดจากสมดุลของใบหน้า
วิธีเช็กเบื้องต้นว่าริมฝีปากใหญ่ไหม
การเช็กว่าตนเองมีริมฝีปากใหญ่หรือไม่ สามารถสังเกตด้วยตาเปล่าและเปรียบเทียบกับสัดส่วนของใบหน้าก็สามารถประเมินได้ โดยสามารถเช็กได้โดยการส่องกระจก และสังเกตดังนี้
- ดูความกว้างของปาก ปากไม่ควรกว้างเกินแนวกึ่งกลางของตาดำทั้งสองข้าง หากเลยออกไปมาก อาจถือว่ากว้างเกินสัดส่วน
- เช็กความหนา ริมฝีปากบนควรบางกว่าล่างประมาณหนึ่งในสาม หากริมฝีปากหนามากจนดูอิ่มหรือยื่นล้น อาจจัดว่าเป็นปากใหญ่
- สังเกตจากด้านข้าง ถ้าริมฝีปากล่างยื่นหรือห้อยลงชัดเจนจากเส้นแนวคาง อาจบ่งบอกว่ามีความหนาเกินไป
- เปรียบเทียบกับจมูกและคาง ปากที่ดูเด่นเกินจมูก หรือคาง มักเป็นสัญญาณของปากที่ใหญ่เกินสมดุล
สาเหตุของริมฝีปากใหญ่ เกิดจากอะไรได้บ้าง?
ริมฝีปากใหญ่ หรือปากหนาเป็นลักษณะทางกายภาพที่อาจส่งผลต่อความมั่นใจของหลายคน ซึ่งสาเหตุของริมฝีปากใหญ่มีทั้งจากธรรมชาติและปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นภายหลัง การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้สามารถประเมินและเลือกแนวทางการดูแลหรือปรับรูปปากได้อย่างเหมาะสม
- พันธุกรรม หรือเชื้อชาติ หากพ่อแม่หรือญาติพี่น้องมีริมฝีปากหนาก็มีโอกาสที่จะมีริมฝีปากหนาตั้งแต่เกิด นอกจากนี้บางเชื้อชาติก็มีริมฝีปากอวบอิ่มหนาด้วยเหมือนกัน
- โครงสร้างกระดูกและฟัน หากมีฟันยื่น ฟันล่างคร่อม หรือขากรรไกรยื่น ริมฝีปากจะถูกดันออกด้านหน้า ทำให้ดูหนาหรือยื่นเกินไปแม้ว่าเนื้อปากจริงๆ จะไม่ได้หนามาก
- พฤติกรรมที่ทำซ้ำๆ ทำโดยไม่รู้ตัว เช่น การกัดริมฝีปากเป็นนิสัย การดูดปาก หรือการเลียปากบ่อยๆ สามารถกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง จนนำไปสู่การอักเสบเฉพาะที่และทำให้เนื้อเยื่อริมฝีปากหนาขึ้น
- ฟิลเลอร์สะสม ผู้ที่เคย ฉีดฟิลเลอร์ปาก หลังฉีดอาจมีริมฝีปากดูใหญ่ขึ้นกว่าที่ตั้งใจไว้ มีการฉีดซ้ำบ่อยโดยไม่สลายฟิลเลอร์เก่าออกก่อน หรือใช้สารที่ไม่ได้มาตรฐานจนเกิดการรวมตัวเป็นก้อนทำให้ปากผิดรูปได้
- ความผิดพลาดจากการศัลยกรรม การศัลยกรรมริมฝีปากอาจทำให้เกิดพังผืดใต้ผิวหนัง ซึ่งรั้งเนื้อปากจนผิดรูป บางครั้งทำให้ปากบิด ปากเบี้ยว หรือดูใหญ่ไม่เท่ากันได้
- อุบัติเหตุ และบาดแผล บางคนที่เคยประสบอุบัติเหตุบริเวณริมฝีปาก เช่น โดนกระแทก มีแผลฟกช้ำ หรือมีการเย็บแผลมาก่อน อาจเกิดพังผืดหรือการสมานแผลที่ผิดปกติ ส่งผลให้ริมฝีปากบางส่วนดูหนา
ริมฝีปากใหญ่แบบไหนที่ไม่ควรรีบศัลยกรรม
การแก้ไขริมฝีปากด้วยศัลยกรรมควรทำเมื่อโครงสร้างใบหน้าคงที่ และปัญหาเกิดจากสาเหตุถาวรเท่านั้น หากอยู่ในสถานการณ์ต่อไปนี้ ควรหลีกเลี่ยงหรือชะลอการทำหัตถการก่อน
- ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น โครงสร้างใบหน้ายังเปลี่ยนแปลงตามวัย การศัลยกรรมในช่วงนี้อาจให้ผลไม่ถาวร และมีโอกาสต้องแก้ไขซ้ำในอนาคต
- ริมฝีปากบวมจากฟิลเลอร์ ปากที่ดูใหญ่หลัง ฉีดฟิลเลอร์ อาจเกิดจากการบวมหรือปริมาณสารที่ยังไม่สลาย หากศัลยกรรมก่อนที่ฟิลเลอร์หมดฤทธิ์ อาจประเมินผิดพลาดเรื่องขนาดและรูปทรงจริงของริมฝีปาก
- บวมจากยา หรืออาการแพ้ มีการใช้สเตียรอยด์ เป็นภูมิแพ้ หรืออักเสบชั่วคราวสามารถทำให้ริมฝีปากบวมได้ โดยไม่ได้เกิดจากโครงสร้างแท้จริง ควรรอให้อาการหายก่อนตัดสินใจใดๆ
ปัญหาที่เกิดจากริมฝีปากใหญ่ ส่งผลอย่างไรกับใบหน้า?
ริมฝีปากที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้ใบหน้าดูแข็ง ไม่อ่อนหวาน สีหน้าดูเศร้าหรือบึ้งโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้ปากเด่นเกินกว่าส่วนอื่นของใบหน้าอย่างจมูกหรือคาง จนเสียความสมดุลโดยรวม อีกทั้งยังส่งผลต่อความมั่นใจในการยิ้มหรือพูดคุยกับผู้อื่น และตามศาสตร์โหงวเฮ้ง รูปปากที่หนา ห้อย หรือไม่ได้รูป ยังถูกมองว่าเป็นลักษณะที่ไม่ดี ซึ่งอาจสะท้อนถึงบุคลิกภาพที่ไม่มั่นคงหรือดึงดูดพลังลบในชีวิตอีกด้วย
ริมฝีปากใหญ่แก้ไขวิธีไหนได้บ้าง
ปัญหาริมฝีปากใหญ่สามารถปรับแก้ได้หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ลักษณะของรูปปาก และความต้องการของแต่ละคน โดยมีวิธีดังนี้
ศัลยกรรมลดขนาดริมฝีปาก
เป็นการผ่าตัดเพื่อลดความหนาหรือขนาดของริมฝีปาก โดยแพทย์จะตัดเนื้อปากออกจากด้านในริมฝีปาก แล้วเย็บให้เป็นทรงตามที่ออกแบบไว้ เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อปากหนามากหรือปากห้อยจากกรรมพันธุ์ ต้องการแก้ไขถาวรให้ปากเล็กลงและเข้ารูปมากขึ้น แต่วิธีนี้ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้น มีแผลผ่าตัด และต้องดูแลให้ดีเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือเกิดแผลเป็น
ทำปากกระจับ
เหมาะกับผู้ที่มีริมฝีปากบนหนา ไม่มีขอบกระจับที่ชัดเจน ทำให้ปากดูทื่อหรือดูดุ โดยแพทย์จะผ่าตัดแต่งขอบปากบนให้มีหยักกระจับคล้ายรูปคันธนู เพื่อให้รูปปากดูหวานและมีมิติมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นการผ่าตัดเช่นเดียวกับการลดขนาดริมฝีปาก แต่เน้นไปที่การตกแต่งทรงมากกว่าการลดขนาด ทำ ปากกระจับ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนบุคลิกภาพให้ดูอ่อนโยนพร้อมกับทำให้ปากเล็กลง
การฉีดฟิลเลอร์ปาก
วิธีนี้ไม่ได้ลดขนาดปากโดยตรง แต่สามารถปรับทรงริมฝีปากให้สมดุล เช่น เติมกระจับ ยกมุมปาก หรือจัดขอบให้ชัดขึ้น ช่วยให้รูปปากดูได้รูปมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่ปากใหญ่แต่ยังไม่อยากศัลยกรรม หรือมีปัญหาปากไม่เท่ากันเล็กน้อย ฟิลเลอร์ยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ปาก ลดร่องริมฝีปาก ปากเหี่ยวย่น และแก้ปัญหาปากแห้งได้ในคราวเดียวกัน แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ซึ่งมีข้อดีคือหากไม่พอใจสามารถฉีดสลายได้ ปรับแก้ไขได้
เปรียบเทียบศัลยกรรมริมฝีปาก VS ฉีดฟิลเลอร์
หัวข้อ | ศัลยกรรมริมฝีปาก | ฉีดฟิลเลอร์ปาก |
---|---|---|
จุดประสงค์หลัก | ลดขนาดริมฝีปาก ปรับทรงถาวร | ปรับรูปปากให้สมดุล เสริมมิติ เพิ่มความอิ่มฟู |
เหมาะกับใคร | ผู้ที่มีปากหนา ใหญ่ ไม่ได้รูป และต้องการผลถาวร | ผู้ที่ต้องการปรับทรงเล็กน้อย ไม่อยากผ่าตัด |
ผลลัพธ์ | ถาวร เห็นผลชัดเจน | อยู่ได้นาน 6–18 เดือน แล้วสลายไปเอง |
ระยะพักฟื้น | 7–14 วัน แผลหายเข้าที่ภายใน 1 เดือน | ไม่ต้องพักฟื้น อาจบวมชั่วคราว |
ความเจ็บ/ไม่สบาย | เจ็บและบวมในช่วงแรก ต้องดูแลแผล | เจ็บน้อยกว่าผ่าตัด บวมเล็กน้อย |
ความเสี่ยง | อาจเกิดแผลติดเชื้อ ปากเบี้ยว แผลเป็น | อาจบวมช้ำ หรือฉีดผิดชั้นอาจผิดรูปชั่วคราว |
วิธีแก้ไข | แก้ไขยาก ต้องผ่าตัดใหม่ | แก้ได้ง่าย ฉีดสลายฟิลเลอร์ ได้หากไม่พอใจ |
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ | สูงกว่าในครั้งแรก แต่ไม่ต้องทำซ้ำ | ราคาย่อมเยากว่า แต่ต้องเติมเป็นระยะ |
การเห็นผลหลังทำ | เห็นผลเมื่อแผลหาย ประมาณ 2–4 สัปดาห์ | เห็นผลทันทีหลังฉีด เข้าที่ใน 1–2 สัปดาห์ |
ริมฝีปากใหญ่ก็สวยได้ถ้าสมดุลกับใบหน้า
ริมฝีปากหนาไม่ใช่ข้อเสียเสมอไป หากเข้ากับโครงหน้าโดยรวม ก็สามารถเป็นจุดเด่นที่เสริมเสน่ห์ได้ โดยเฉพาะในลุคแบบสายฝอ ที่เน้นความอวบอิ่มและคมชัดของรูปปาก สิ่งสำคัญคือความสมดุล เพราะแม้ปากจะใหญ่ แต่ถ้าเข้ากับสัดส่วนของจมูก คาง และกรอบหน้า ก็จะดูมีมิติ และน่าดึงดูด การปรับรูปปากจึงควรพิจารณาจากภาพรวมไม่ใช่เพียงแค่ขนาดปากอย่างเดียว
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจปรับขนาดหรือรูปทรงริมฝีปาก
การตัดสินใจแก้ไขริมฝีปาก ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาด แต่งทรง หรือเติมฟิลเลอร์ เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งเวลา ความเข้าใจ และการพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ใช่เพียงเพราะรู้สึกว่าปากใหญ่เกินไป หรืออยากให้ได้รูปตามเทรนด์เท่านั้น เพราะผลลัพธ์ที่ได้จะส่งผลต่อบุคลิกภาพและภาพรวมของใบหน้าอย่างถาวรหรือระยะยาว ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำหัตถการใดๆ กับริมฝีปาก ควรคำนึงถึงประเด็นสำคัญต่อไปนี้
ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอย่างละเอียด
การพูดคุยกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เป็นสิ่งแรกที่ควรทำ เพื่อให้เข้าใจว่ารูปปากของตนเองเหมาะจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ และควรใช้วิธีใด ระหว่างการผ่าตัดแบบถาวร หรือการปรับรูปด้วยวิธีชั่วคราว เช่น การฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งในแต่ละเคสจะมีปัจจัยที่ต่างกัน เช่น ความหนาของเนื้อปากเดิม สภาพผิว เส้นเลือด และลักษณะของกล้ามเนื้อรอบปาก แพทย์จะช่วยประเมินความเป็นไปได้และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมแนะนำทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
พิจารณารูปหน้าโดยรวม ไม่ใช่เฉพาะปาก
ความสวยงามของริมฝีปากไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาด หรือ รูปทรงปากสวยๆ เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสมดุลของใบหน้าทั้งหมด เช่น จมูก คาง โหนกแก้ม และสัดส่วนของหน้าผาก การปรับทรงปากให้บางลงหรือคมขึ้นอาจไม่จำเป็น หากปากที่มีอยู่เดิมสอดรับกับรูปหน้าอยู่แล้ว การพยายามเปลี่ยนปากเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงองค์ประกอบอื่น อาจทำให้ใบหน้าดูไม่กลมกลืน หรือเสียจุดเด่นบางอย่างไปโดยไม่รู้ตัว
เข้าใจผลลัพธ์ที่เป็นจริงและไม่คาดหวังเกินไป
ก่อนทำการปรับรูปปากไม่ว่าจะเป็นวิธีใด ควรเข้าใจว่าผลลัพธ์ไม่ได้เปลี่ยนทุกอย่างได้ดั่งใจ และอาจมีข้อจำกัด เช่น ริมฝีปากที่เคยหนามากอาจไม่สามารถทำให้บางลงแบบสุดขั้วได้โดยไม่เสียความสมดุล หรือหากเคยผ่านการฉีดสารมาก่อน บางกรณีอาจต้องแก้ไขหลายขั้นตอน ผลลัพธ์ของหัตถการไม่ควรอิงจากภาพดาราหรือบุคคลอื่นเป็นหลัก แต่ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของโครงหน้าและสภาพผิวของตนเอง
การดูแลหลังทำศัลยกรรมหรือหัตถการริมฝีปากแก้ปากใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อลดขนาดหรือปรับรูปริมฝีปาก หรือการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับทรงปากให้สมดุลและได้รูป การดูแลหลังทำถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อผลลัพธ์โดยตรง หากดูแลไม่ถูกวิธี อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อักเสบ บวมผิดปกติ หรือรูปปากเบี้ยวไม่เข้าที่ได้ โดยมีวิธีดูแลดังนี้
- หลีกเลี่ยงการขยับปากมากเกินจำเป็น ในช่วงแรก เช่น การอ้าปากกว้าง หัวเราะแรง หรือพูดต่อเนื่องนานๆ เพราะอาจกระทบต่อแผลศัลยกรรม หรือทำให้ ฟิลเลอร์ไหล เคลื่อนที่ไปจุดอื่น
- งดอาหารร้อนจัด เผ็ดจัด และของแข็ง เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองต่อแผล รวมถึงป้องกันไม่ให้เนื้อปากต้องขยับมาก ควรเลือกอาหารอ่อน อุณหภูมิห้อง หรือเย็นในช่วง 5 – 7 วันแรก
- ประคบเย็นเพื่อลดบวม ใน 72 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นอาจเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด โดยควรประคบบริเวณข้างแก้ม ไม่วางลงบนริมฝีปากโดยตรง
- ดื่มน้ำมากๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ลิ้นเลียปาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงรักษาความชุ่มชื้นของผิวริมฝีปาก
- นอนหมอนสูง หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง หรือนอนคว่ำเพื่อลดอาการบวมและไม่ให้ริมฝีปากถูกกดทับ
- งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และของหมักดอง อย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อแทรกซ้อน
- งดออกกำลังกายหนัก ยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด ในช่วง 1 สัปดาห์แรก เพื่อให้แผลหรือเนื้อเยื่อที่ฟิลเลอร์ฉีดเข้าไปได้ฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำความสะอาดใบหน้าอย่างระมัดระวัง โดยใช้สำลีชุบน้ำเกลือหรือน้ำเปล่าเช็ดเบา ๆ หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำหรืออับชื้นในช่วงแรก และงดแต่งหน้าบริเวณรอบปากประมาณ 7 วัน
- เช็ดทำความสะอาดด้านในปาก สำหรับผู้ที่ศัลยกรรมปากควรใช้คอตตอนบัตชุบน้ำเกลือเพื่อป้องกันเศษอาหารตกค้าง และลดความเสี่ยงของแผลอักเสบ
- ควรงดกด นวด หรือสัมผัสแรงๆ หากฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรสัมผัสบริเวณปากใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนหรือกระจายผิดตำแหน่ง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับริมฝีปากใหญ่
Q: ถ้ารู้สึกว่าปากใหญ่ แต่คนอื่นไม่เห็นว่าใหญ่ ควรทำไหม?
A: หากคุณรู้สึกว่าปากใหญ่แต่คนรอบข้างมองว่าไม่ใหญ่ อาจยังไม่จำเป็นต้องทำทันที ควรประเมินจากความสมดุลของใบหน้าและความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลัก และปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเพื่อความปลอดภัย
Q: ปากใหญ่เพราะฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป จะแก้ยังไง?
A: หากปากใหญ่จากการฉีดฟิลเลอร์มาเกินไป สามารถแก้ได้โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ แล้วให้แพทย์ประเมินใหม่หากต้องการฉีดปรับรูปปากอีกครั้ง
Q: ปากล่างใหญ่กว่าปากบน ทำยังไงให้สมดุลขึ้น?
A: หากปากล่างใหญ่กว่าปากบนสามารถปรับสมดุลได้ด้วยการลดเนื้อปากล่างด้วยศัลยกรรม หรือฉีดฟิลเลอร์เพิ่มที่ปากบนเพื่อให้ได้สัดส่วนที่สมดุลกันมากขึ้น
Q: ทำไมบางคนศัลยกรรมปากแล้วปากยังดูใหญ่?
A: บางคนศัลยกรรมปากแล้วปากยังดูใหญ่ เพราะตัดเนื้อไม่เพียงพอ ปรับทรงไม่เหมาะกับใบหน้า หรือยังมีบวมหลังผ่าตัดที่ยังไม่ยุบเต็มที่
Q: อายุเท่าไหร่ถึงเริ่มทำศัลยกรรมปากได้?
A: โดยทั่วไปควรอายุ 18 ปีขึ้นไป ร่างกายเจริญเต็มที่ก่อนจึงเหมาะสำหรับการทำศัลยกรรมปาก
Q: หลังทำศัลยกรรมริมฝีปากสามารถยิ้ม พูด หรือกินอาหารได้ตามปกติไหม?
A: หลังทำศัลยกรรมริมฝีปากสามารถยิ้ม พูด และกินอาหารได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการขยับปากมากในช่วง 1–2 สัปดาห์แรกเพื่อให้แผลหายดี
Q: ถ้าไม่อยากผ่าตัด มีวิธีไหนที่ช่วยให้ปากดูเล็กลงได้บ้าง?
A: หากไม่อยากผ่าตัด สามารถฉีดฟิลเลอร์ปรับทรงปากให้สมดุล หรือใช้ลิปสีอ่อนและทาเฉพาะด้านใน เพื่อลดความเด่นของริมฝีปากให้ดูเล็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
Q: ศัลยกรรมลดขนาดริมฝีปากมีผลข้างเคียงไหม?
A: ศัลยกรรมลดขนาดริมฝีปากอาจมีผลข้างเคียง เช่น บวมช้ำ แผลติดเชื้อ ปากไม่สมดุล หรือเกิดแผลเป็นถาวร หากดูแลไม่เหมาะสมหรือแพทย์ไม่มีความชำนาญ
สรุป
วิธีในการแก้ไขปากหนาเหมาะที่สุดจะเป็นการศัลยกรรมผ่าตัดปาก เพราะสามารถตัดเนื้อปากที่หนาออกไปแต่วิธีนี้ต้องพักฟื้น และดูแลให้ดี แต่ถ้ายังไม่มั่นใจสามารถใช้ฟิลเลอร์ในการปรับรูปทรงแทนได้ ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยให้เนื้อปากน้อยลง แต่ฟิลเลอร์ปรับทรงปากให้หวานละมุนขึ้นได้ หากใครที่ต้องการแก้ไขปากหนา ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกวิธีไหนสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำค่ะ