แบนเนอร์ เมโสหน้าใส (MesoTheraphy) PC
แบนเนอร์ MesoTheraphy มือถือ

ฉีดเมโสหน้าใส ฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน อันตรายไหม ฉีดกี่ครั้งเห็นผล?

ฉีดเมโสหน้าใส ฟื้นฟูหน้าโทรม ผิวพัง จากมลภาวะที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดี ด้วยสารสกัดที่เข้มข้นพร้อมบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก เตรียมผิวให้กระจ่างใสพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งเมโสหน้าใสนั้นจะสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างไร อันตรายไหม ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล หรือหลังทำมีผลข้างเคียงอะไรไหม แนะนำให้ติดตามอ่านรายละเอียดจากบทความนี้ได้เลย

อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!
ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไร

ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร?

เมโสหน้าใส คือ การบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยการฉีดสารสกัดเข้มข้นที่มีประโยชน์หลายชนิด ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี โคเอนไซม์ คิวเท็น เป็นต้น เข้าสู่ผิวชั้นกลางหรือชั้นหนังแท้โดยตรงช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินให้เพิ่มขึ้น ผิวพรรณจึงได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่และเริ่มฟื้นฟูขึ้นเรื่อย ๆ จนผิวกลับมาเปล่งปลั่ง ยืดหยุ่น แข็งแรง สุขภาพดี ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการทาครีมหรือการใช้สารบำรุงผ่านการทาเหมือนวิธีดูแลผิวแบบทั่วไป

เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไร?

ฉีดเมโสหน้าใส (mesotherapy) เป็นหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในด้วยสารสกัดเข้มข้นที่มีประโยชน์ต่อผิว ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
  • ดูแลและฟื้นฟูผิวที่เกิดปัญหาจากผลกระทบของสารพิษ เช่น ภาวะผื่นแพ้ อาการสิว เป็นต้น
  • ช่วยปรับผิวกระจ่างใส ลดโอกาสการเกิดเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติให้น้อยลง
  • เติมความชุ่มชื้น ผิวสุขภาพดี มีความแข็งแรง
  • ช่วยลดฝ้า ลดกระ ช่วยแก้ปัญหารูขุมขนกว้างให้เล็กลง
  • ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้น ผิวมีความยืดหยุ่น
พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงาม

ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม

เมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่ไม่อันตราย เพราะสารสกัดที่ใช้ฉีดเข้าร่างกายนั้นผ่านการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจาก อย. มีการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย หากฉีดด้วยเมโสปลอม สั่งซื้อออนไลน์ หรือเมโสหิ้ว ต้องระวังให้ดีว่าจะเป็นของปลอม ซึ่งไม่ทราบส่วนประกอบที่ชัดเจนอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ผิวพัง อาการแพ้ ผิวอักเสบติดเชื้อ ตามมาในอนาคตได้

 

ฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใคร?

ฉีดเมโสหน้าใส เปรียบเหมือนการให้อาหารผิวเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมโทรมให้กลับมาแข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน ซึ่งสามารถทำได้ทุกคนที่อยากดูแลตัวเองเพราะมีหลายสูตรให้เลือกใช้เหมาะกับปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะกลุ่มคนต่อไปนี้
  • คนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ค่อยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อยากเห็นผลไวกว่าการทาครีม
  • คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม
  • คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร่งด่วน
โปรแกรม เมโสหน้าใส (mesotheraphy)

เมโสหน้าใส มีกี่สูตร?

เมโสหน้าใส นั้นมีด้วยกันหลายสูตร แต่ที่ Vincent Clinic มีสูตรเฉพาะที่คัดสรรมาอย่างพิเศษซึ่งครอบคลุมการแก้ปัญหาผิวและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สูตร Glow Elixir เป็นสูตรที่ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำให้แลดูจางลง ทั้งยังมีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้นอีกด้วย
  • สูตร Anti – Acne สูตรนี้เน้นเรื่องของการแก้ปัญหาสิวที่เกิดขึ้นบนผิว ไม่ว่าจะเป็น สิวอักเสบ สิวผด สิวเรื้อรัง เป็นต้น นอกจากนั้นยังช่วยเรื่องของผิวแห้งเสีย ลดรอยแดง รอยดำ ที่เกิดจากสิวให้จางลงได้อีกด้วย
  • สูตร Baby Face เน้นในเรื่องของการฟื้นฟูและซ่อมแซมที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรง รวมถึงช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เพิ่มขึ้น ผิวกระจ่างใส ผิวฟูอิ่มน้ำ ลดเลือนริ้วรอย
  • สูตร Anti – Allergy สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย คนที่เป็นสิว หรือผิวติดเสตียรอยด์ สูตรนี้จะช่วยกำจัดสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก
  • สูตร Flawless Fix เป็นสูตรสำหรับช่วยลดรอยดำรอยแดง ที่เกิดจากสิว ลดฝ่า กระ ผิวหน้าสว่างกระจ่างใสขึ้น
ฉีดเมโสหน้าใส มีกี่เทคนิค ต่างกันอย่างไร

ฉีดเมโสหน้าใส มีกี่เทคนิค? ต่างกันอย่างไร?

ฉีดเมโสหน้าใส มีเทคนิคการฉีดอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ก็คือ เทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด เป็นการใช้เข็มจิ้มจุดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า เป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นตื้น สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ แต่อาจทำให้เกิดรอยช้ำ รอยแดง ขึ้นได้ และอีกหนึ่งอย่างก็คือ เทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด เป็นการฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง แผลน้อย แทบไม่มีรอยช้ำ เจ็บน้อยกว่า โดยตัวยาจะถูกฝังไว้ใต้ชั้นผิวแล้วค่อย ๆ กระจายตัวออกมาทีละนิด จึงทำให้ออกฤทธิ์ได้นานมากขึ้น

เทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด

การใช้เทคนิคแบบสะกิด เป็นการใช้เข็มจิ้มจุดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า เป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นตื้น สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ แต่อาจทำให้เกิดรอยช้ำ รอยแดง ขึ้นได้  และการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด มีข้อดีอย่างไรบ้างเทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด มีข้อดีหลายข้อที่ช่วยให้ผิวหน้าดูสวยใสและสุขภาพดีขึ้น 
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยทำให้ผิวกระชับและเรียบเนียน ลดริ้วรอยและเส้นริ้ว
  • กระจ่างใสขึ้น การฉีดสารบำรุงเช่น วิตามินซี ช่วยให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใสขึ้น
  • ลดรอยแผลเป็นและจุดด่างดำ การกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ช่วยให้จุดด่างดำและรอยแผลเป็นจากสิวจางลง
  • ปรับสภาพผิว ผิวหน้าเนียนเรียบขึ้นและมีความสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยง
  • ฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็ว เทคนิคนี้ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าที่หมองคล้ำให้กลับมาสดใสได้เร็ว
  • ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เมื่อทำต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์ขึ้นในระยะยาว

เทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด

อีกเทคนิคที่นิยม เป็นการฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง แผลน้อย แทบไม่มีรอยช้ำ เจ็บน้อยกว่า โดยตัวยาจะถูกฝังไว้ใต้ชั้นผิวแล้วค่อย ๆ กระจายตัวออกมาทีละนิด จึงทำให้ออกฤทธิ์ได้นานมากขึ้น การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด มีข้อดีอย่างไรบ้าง? มีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้ผิวหน้าดูสดใส กระชับ และสุขภาพดีขึ้น โดยการฉีดสารบำรุงในจุดที่สำคัญบนใบหน้า
  • การกระตุ้นคอลลาเจนทั่วทั้งใบหน้า การฉีดในหลายจุดช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหน้า ทำให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับ
  • ช่วยลดริ้วรอย ด้วยการฉีดสารบำรุงในจุดต่างๆ จะช่วยลดเลือนริ้วรอยและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
  • กระจ่างใสและสดใสขึ้น สารที่ฉีดเข้าสู่ผิว เช่น วิตามินซี จะช่วยให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • ลดจุดด่างดำและรอยแผล การฉีดจะช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวและจุดด่างดำที่สะสมบนใบหน้า

เทคนิตฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด และเทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด ต่างกันอย่างไร

เทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด และ เทคนิคฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด ต่างกันในด้านการกระจายจุดฉีดและวิธีการกระตุ้นการฟื้นฟูผิว

เทคนิคฉีดหน้าใสแบบสะกิด

  • วิธีการ : ใช้เข็มสะกิดผิวในระดับตื้นๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการไหลเวียนเลือด รวมทั้งฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิว
  • จุดฉีด : เข็มจะสะกิดผิวในจุดที่จำเป็นทั่วใบหน้า
  • เหมาะกับ : คนที่มีผิวหมองคล้ำ, ริ้วรอยเล็กๆ, และจุดด่างดำ ต้องการฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสและเรียบเนียน

เทคนิคฉีดหน้าใสแบบ 16 จุด

  • วิธีการ : ฉีดสารบำรุง (เช่น วิตามินซี, ไฮยาลูรอนิกแอซิด) ลงใน 16 จุด ที่สำคัญบนใบหน้า เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและให้ผิวกระชับ
  • จุดฉีด : มีการเลือกจุดฉีดที่เจาะจง เช่น รอบดวงตา, แก้ม, คาง ฯลฯ
  • เหมาะกับ : คนที่มีริ้วรอย, จุดด่างดำ, หรือผิวหย่อนคล้อย ต้องการฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสและกระชับในเวลาที่รวดเร็ว

ความแตกต่างหลักของทั้งสองเทคนิคนี้

  • รูปแบบสะกิด : ใช้การสะกิดเข็มในหลายจุดทั่วใบหน้า ไม่จำกัดจำนวนจุดที่ชัดเจน
  • รูปแบบ 16 จุด : ใช้การฉีดใน 16 จุดที่เฉพาะเจาะจง เพื่อให้สารบำรุงได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละพื้นที่
    ทั้งสองเทคนิคเหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิว แต่เลือกใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและเป้าหมายการรักษาของแต่ละคนค่ะ

ฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใคร?

ฉีดเมโสหน้าใส เปรียบเหมือนการให้อาหารผิวเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมโทรมให้กลับมาแข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน ซึ่งสามารถทำได้ทุกคนที่อยากดูแลตัวเองเพราะมีหลายสูตรให้เลือกใช้เหมาะกับปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะกลุ่มคนต่อไปนี้
  • คนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ค่อยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อยากเห็นผลไวกว่าการทาครีม
  • คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม
  • คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร่งด่วน

แก้หน้ามัน รูขุมขนกว้าง เมโสหน้าใสได้ไหม?

เมโสหน้าใส สามารถช่วยลดความมันและกระชับรูขุมขนได้บ้าง เพราะการฉีดสารบำรุงช่วยปรับสมดุลผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ควรทำหลายครั้งและควรดูแลร่วมกับการรักษาผิวอื่น ๆ

รักษาฝ้าด้วยเมโสได้จริงไหม?

การรักษาฝ้าด้วยเมโสสามารถช่วยได้บางส่วน เพราะเมโสจะฉีดสารบำรุง เช่น วิตามินซี หรือสารที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสและลดเลือนฝ้าได้ แต่ผลลัพธ์อาจต้องทำหลายครั้งและขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้า การรักษาฝ้าควรทำควบคู่กับการดูแลผิวอย่างต่อเนื่องค่ะ

ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม?

ฉีดเมโสหน้าใส เป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นกลาง ใช้ตัวยาไม่มาก ใช้เวลาในการฉีดน้อย จึงใช้การประคบเย็นเข้าช่วยบรรเทาความเจ็บให้น้อยลง ระหว่างทำจึงอาจจะรู้สึกเจ็บได้บ้างในระดับที่สามารถทนได้ ขึ้นอยู่กับการรับรู้ความรู้สึกของแต่ละคนที่แตกต่างกัน

ฉีดเมโสหน้าใส กี่ครั้งเห็นผล

เมโสหน้าใส ต้องฉีดบ่อยไหม? ผลลัพธ์อยู่ได้นานกี่เดือน?

ฉีดเมโสหน้าใส สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ตั้งแต่ประมาณ 3 – 5 วันหลังทำ และจะเห็นผลเต็มที่ใน 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 เดือน หากใครที่ต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น สามารถฉีดสัปดาห์ละครั้งในช่วง 1 เดือนแรก และฉีดซ้ำทุก ๆ 2 – 3 สัปดาห์ต่อครั้ง นอกจากนั้นการดูแลตัวเองหลังทำก็ช่วยให้ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากขึ้นด้วย

ฉีดเมโสหน้าใส มีผลข้างเคียงอะไรไหม?

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการใช้สารสกัดเข้มข้นที่มีประโยชน์กับผิวพรรณ ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยแล้ว จึงมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ที่ดีไม่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมา แต่อาจจะรอยเข็มขนาดเล็กบนผิว ซึ่งจะหายไปได้เองในช่วง 1 – 3 วันหลังทำ รวมถึงอาจเกิดรอยตุ่มนูนที่เกิดจากตัวยายังซึมลงผิวไม่หมดซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยตุ่มเหล่านี้จะหายไปได้เองในเวลาไม่นานเมื่อตัวยาซึมลงผิวหมดแล้ว

 

ฉีดเมโสหน้าใส ต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง?

หลังฉีดเมโสหน้าใส ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี และไม่เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงตามมา ทั้งยังช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานมากขึ้นด้วย โดยมีขั้นตอนดูแลตัวเองดังนี้
  • ห้ามนวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดเมโส ควรปล่อยให้ตัวยาได้ซึมเข้าสู่ผิวและออกฤทธิ์จนหมดก่อน เพื่อไม่ให้ตัวยากระจายตัวผิดตำแหน่งจากที่แพทย์กำหนดไว้
  • งดทาครีมหรือใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ บริเวณที่เป็นรอยเข็ม ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังทำ
  • หากเกิดรอยแดง รอยช้ำ สามารถใช้วิธีประคบเย็นเข้าช่วยบรรเทาอาการได้
ฉีดเมโสหน้าใส มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

ฉีดเมโสหน้าใส แล้วเกิดผื่นแดงขึ้น คืออะไร?

หลังฉีดเมโสหน้าใส หากเกิดผื่นแดงบนผิว อาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ดังนี้
  • อาการอักเสบติดเชื้อ ทำให้เกิดอาการบวมแดง มาจากระหว่างฉีดไม่สะอาด โดยหากรีบรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อก็จะทำให้ปัญหานี้หมดไป ต้องระมัดระวังในการฉีดแต่ละครั้งให้ดี
  • อาการแพ้ตัวยา หลังฉีดจะเกิดอาการบวมแดงหรือผื่นแดงขึ้นทันที หากเป็นไม่มากจะหายไปได้เองใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นนานกว่านี้ต้องรีบพบแพทย์เพื่อรีบทำการรักษา
  • ผื่นจากโรคประจำตัว โดยอาการนี้จะเกิดขึ้นตามร่างกายอาจจะไม่ใช่ในจุดที่ฉีดเมโส ควรเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาวิธีการรักษาต่อไป
  • ผื่นแดงที่เกิดจากรอยเข็ม ซึ่งจะเกิดเป็นลักษณะรอยช้ำ หรือม่วงเขียว ซึ่งจะหายไปได้เองใน 2 – 3 วันหลังทำ โดยสามารถประคบเย็นช่วยในช่วง 48 ชั่วโมงแรก หรือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี?

การเลือกคลินิกฉีดเมโสหน้าใสควรพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ความน่าเชื่อถือของคลินิก, ประสบการณ์ของแพทย์, ความสะอาด และความปลอดภัยของสถานที่ รวมถึงรีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ นอกจากนี้คุณอาจลองถามหาคำแนะนำจากเพื่อนหรือครอบครัวที่เคยใช้บริการมาแล้ว หากคุณอยู่ในกรุงเทพฯ ก็จะมีคลินิกหลายแห่งที่มีบริการนี้ เช่น
  • คลินิกเสริมความงามต่างๆในห้าง เช่น บางสาขาของคลินิกที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ มีมาตรฐานสูง
  • คลินิกที่มีชื่อเสียงและรีวิวดี เช่น คลินิกศัลยกรรมความงามที่มีประสบการณ์ในด้านการทำทรีทเมนต์
  • คลินิกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นใจว่ามีมาตรฐานทางการแพทย์
คุณสามารถตรวจสอบรีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆ เพื่อความมั่นใจ และแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการทำเพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีค่ะ

เมโสหน้าใสราคาเท่าไหร่?

ราคาการฉีดเมโสหน้าใสขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คลินิกที่ใช้บริการ, ปริมาณสารที่ฉีด, และเทคนิคที่ใช้การ ฉีดเมโสหน้าใส ราคา โดยประมาณอยู่ที่ 1,500 – 10,000 บาท ต่อครั้งขึ้นอยู่กับสถานที่และสารที่ใช้

มีวิธีไหนที่ช่วยให้หน้าใสได้อีก นอกจากเมโสหน้าใส?

นอกจาก เมโสหน้าใส ยังมีหลายวิธีที่ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและสุขภาพดีได้ เช่น
  • เลเซอร์หน้าใส คือการใช้พลังงานเลเซอร์ยิงลงสู่ผิวชั้นใน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดจุดด่างดำ รอยสิว และความหมองคล้ำ ทำให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน และสุขภาพดี โดยเห็นผลเร็วและเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในเวลาอันสั้นค่ะ
  • โบท็อกหน้าใส คือการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซินในปริมาณต่ำเข้าผิวหน้า เพื่อช่วยลดความมัน, กระชับรูขุมขน, ลดริ้วรอยเล็กๆ และทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส เรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็วค่ะ
  • Skin Booster หน้าใส คือการฉีดสารบำรุงผิว เช่น ไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) เข้าสู่ชั้นผิวลึก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอยเล็กๆ และปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วนค่ะ
  • เลเซอร์หน้าใส ช่วยทำให้หน้ากระจ่างใสโดยการยิงพลังงานเลเซอร์ลงสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเม็ดสีที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ และผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้นค่ะ
  • HIFU ช่วยทำให้หน้าใสโดยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงลงลึกถึงชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ผิวจึงกระชับ เรียบเนียน และดูกระจ่างใสขึ้นจากการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติค่ะ
  • Rejuran ช่วยทำให้หน้าใสโดยการฉีดสาร Polynucleotide (PN) ที่สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนเข้าสู่ผิว ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน, ลดริ้วรอย และปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ สารเลือกวิธีการดูแลผิวควรขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดค่ะ

สรุป

ฉีดเมโสหน้าใส สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวพรรณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลไว เป็นการฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน ช่วยให้ผิวกระจ่างใส กระตุ้นคอลลาเจน ทั้งยังได้เรื่องของจุดด่างดำที่แลดูจางลงได้อีกด้วย  ทั้งยังไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากใครที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม แนะนำให้เข้ามาปรึกษาที่ Vincent Clinic เพราะมีทีมแพทย์มากประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้

พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงาม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ ฉีดเมโสหน้าใส
ฉีดเมโสหน้าใสต่างจากการทาครีมอย่างไร?

การฉีดเมโสหน้าใสช่วยให้สารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกและรวดเร็วกว่า เพราะเป็นการฉีดโดยตรง ต่างจากการทาครีมที่สารบำรุงต้องซึมผ่านชั้นผิว ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล

เมโสหน้าใสแบบทาอาจให้ผลจริงในแง่ของการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและดูสุขภาพดีขึ้น แต่ผลลัพธ์จะไม่ลึกซึ้งหรือรวดเร็วเท่าการฉีด เนื่องจากสารบำรุงในผลิตภัณฑ์แบบทามักถูกจำกัดในการซึมลึกลงไปในผิว อย่างไรก็ตาม หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและใช้เป็นประจำ ก็สามารถช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

โดยทั่วไปจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน แนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 4-6 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างทุก 1-2 สัปดาห์

เมโสหน้าใสช่วยลดรอยสิว จุดด่างดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยสารบำรุงในเมโสจะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและลดการอักเสบ แต่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ต้องใช้เวลาและขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน

การฉีดเมโสช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสีผิวตามธรรมชาติได้ ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและเรียบเนียนมากขึ้น

เมโสหน้าใสเป็นการเติมสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรงเพื่อฟื้นฟูผิวจากภายใน ส่วนเลเซอร์เป็นการกระตุ้นผิวชั้นนอกเพื่อแก้ปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว หรือกระ ซึ่งสามารถทำควบคู่กันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้

เมโสหน้าใสเป็นการเติมสารบำรุงเพื่อฟื้นฟูผิว ส่วนฟิลเลอร์ใช้เติมเต็มริ้วรอยหรือปรับรูปหน้า เช่น แก้ปัญหาร่องแก้มลึกหรือคางสั้น ทั้งสองอย่างมีวัตถุประสงค์ต่างกัน

สามารถทำร่วมกับทรีตเมนต์อื่น ๆ เช่น เลเซอร์หรือการทำทรีตเมนต์หน้า แต่ที่สำคัญควรปรึกษาแพทย์เพื่อจัดลำดับการรักษาที่เหมาะสมกับผิวหน้าของคุณ

โดยทั่วไปการฉีดเมโสหน้าใสใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและสูตรที่ใช้

ไม่แนะนำให้ฉีดเมโสหน้าใสที่บ้าน เนื่องจากต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์และการดูแลด้านความสะอาดอย่างเคร่งครัด การทำที่บ้านอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

การฉีดหน้าใสเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปที่ต้องการฟื้นฟูผิว ลดความหมองคล้ำ และเสริมความกระจ่างใส ทั้งนี้สามารถทำได้ในทุกช่วงวัยที่มีปัญหาผิว

Scroll to Top