Botox
botox

โบท็อก คืออะไร อันตรายไหม ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ฉีดยี่ห้อไหนดี?

โบท็อก เป็นชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ที่ถูกสกัดออกมาจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ซึ่งถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์โดยเฉพาะด้านความงาม เนื่องจากมีการออกฤทธิ์กับระบบประสาทช่วยระงับการทำงานของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลงหรือแทบไม่ขยับเลย จึงสามารถช่วยแก้ปัญหากรามใหญ่ ปรับรูปหน้า ช่วยให้ผิวตึง ลดเลือนริ้วรอยให้จางลงได้ 

botox
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

โบท็อก มีกระบวนการทำงานอย่างไร?

โบท็อก เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายในตำแหน่งของกล้ามเนื้อ จะค่อย  ๆ ออกฤทธิ์และสลายไปได้เองตามระยะเวลาของแต่ละยี่ห้อที่ไม่เท่ากัน โดยเมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายจะมีการแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

  • ตัวยาส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ประสาท ในส่วนนี้หากมีความเข้มข้นมากแค่ไหนการออกฤทธิ์ก็จะคงอยู่ได้นานมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะเป็นการออกฤทธิ์ระงับการทำงานของระบบประสาทส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ฉีดโบเข้าไปเป็นอัมพาตหรือทำงานน้อยลงชั่วคราว
  • ตัวยาส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม ในส่วนนี้เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายไปแล้วจะหลุดออกจากตัวยาส่วนแรกและไหลไปตามกระแสเลือดและถูกร่างกายขับออกไปได้เอง โดยไม่ต้องส่งผลกระทบกับเซลล์อื่น ๆ ในร่างกาย

โบท็อก ช่วยเรื่องอะไร?

ฉีดโบท็อก สามารถช่วยได้หลายเรื่องและฉีดได้หลายตำแหน่ง โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การช่วยลดริ้วรอยและการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยขึ้น ลดเลือนริ้วรอย โดยหลังฉีดโบไปแล้วประมาณ 3 – 7 วัน กล้ามเนื้อจะเริ่มถูกระงับการทำงานให้น้อยลง ผิวบริเวณที่ฉีดจึงเริ่มเห็นความเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอย ตีนกา เส้นรอยพับต่าง ๆ เริ่มลดลง ช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลงตามไปด้วย ปรับรูปหน้า หลังฉีดจะเริ่มกล้ามเนื้อจะถูกระงับการทำงานทำให้มีขนาดที่เล็กลงเพราะไม่ได้ขยับ จึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของกรามที่เล็กลงและใบหน้าที่เรียวขึ้นภายใน 1 – 2 เดือน โดยแพทย์จะฉีดเก็บบริเวณกรอบหน้าซึ่งได้มีการออกแบบการรักษาให้เหมาะกับใบหน้าของแต่ละคนมากที่สุด ฟื้นฟูผิว การฉีดโบสามารถช่วยให้รูขุมขนหดเล็กลง และยังช่วยลดขนาดต่อมไขมันได้อีกด้วย ผิวจึงเรียบเนียนมากขึ้น

ฉีดโบท็อกซ์ อันตรายไหม สิ่งที่ควรรู้เพื่อการฉีดโบที่ปลอดภัย?

โบท็อก อันตรายไหม หลายคนคงมีความกังวลเรื่องของผลข้างเคียงหลังฉีด อย่างเช่น หน้าแข็ง ยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ หรืออาการดื้อโบ หากใช้โบท็อกซ์ที่เป็นของแท้ ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเทคนิคการฉีดโบ รวมถึงคลินิกที่ทำมีความน่าเชื่อถือได้มาตรฐาน จึงมั่นใจเรื่องของผลลัพธ์ที่ออกมาดี เป็นธรรมชาติ และมีความปลอดภัย ก่อนทำจึงต้องศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วน

โบท็อกปลอม อันตรายไหม?

โบท็อกปลอม หรือ โบหิ้ว มักจะมากับหมอกระเป๋า รวมไปถึงโบที่มีราคาถูกมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการปนเปื้อน หรือการเก็บรักษาไม่ถูกต้อง เพราะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย จึงทำให้ตัวยาเสื่อมประสิทธิภาพอาจทำให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรือฉีดแล้วหนังตาตก ปากเบี้ยว ใบหน้าผิดรูป รวมไปถึงทำให้เกิดอาการดื้อโบตามมาในอนาคตได้เช่นกัน

โบท็อก ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง? แต่ละจุดฉีดกี่ยูนิต?

ฉีดโบท็อก สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องการลดให้กล้ามเนื้อเล็กลงหรือต้องการให้ริ้วรอยบริเวณนั้นจางลง ซึ่งปริมาณยูนิตที่ใช้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและระดับปัญหา โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินเพื่อออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละคน โดยมีจุดที่นิยมฉีดโบดังนี้

โบท็อกหน้าผาก

โบท็อกหน้าผาก อีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมฉีดกันมาก โดยริ้วรอยบริเวณนี้เกิดการแสดงสีหน้าและอารมณ์บ่อย ๆ ริ้วรอยจึงเริ่มลึกขึ้น เมื่อฉีดโบแล้วจะช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลง ริ้วรอยจึงหายไป ผิวหน้าผากเรียบมากขึ้น โดยบริเวณนี้มักจะฉีดประมาณ 15 – 20 ยูนิต

โบท็อกหางตา

โบท็อกหางตา เป็นอีกจุดที่สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาและรอยตีนกาได้เป็นอย่างดี ซึ่งริ้วรอยใรส่วนนี้จะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย หน้าดูโทรม หากแก้ไขได้ใบหน้าจะดูสดใสมากขึ้น ดูอ่อนกว่าวัย ปริมาณการฉีดในตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ประมาณ 15 – 20 ยูนิต

โบท็อกระหว่างคิ้ว

โบท็อกระหว่างคิ้ว สามารถช่วยให้รอยยับจากการขมวดคิ้วลดลงได้ ผิวเรียบเนียนมากขึ้น โดยปริมาณที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 6 – 15 ยูนิต

โบท็อกลดกราม

โบท็อกลดกราม สามารถช่วยให้กรามดูเล็กลง ปรับกรอบหน้าให้เรียวสวยได้สัดส่วน โดยปริมาณที่ใช้จะอยู่ที่ประมาณ 25 – 30 ยูนิต 

โบท็อกลิฟกรอบหน้า

โบท็อกลิฟกรอบหน้า เป็นการฉีดโบเข้าไปที่บริเวณลำคอเพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการคลายตัว ผิวบริเวณใบหน้าจึงไม่ถูกดึงลง ผิวหน้าจึงดูยกกระชับขึ้น สามารถเห็นกรอบหน้าได้อย่างชัดเจน ปริมาณที่ฉีดอยู่ที่ประมาณ 30 – 50 ยูนิต

โบท็อกรักแร้

โบท็อกรักแร้ เป็นการฉีดเพื่อช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อน้อยลงและกลิ่นตัวลดลงได้อีกด้วย ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ประมาณ  50 – 100 ยูนิต

โบท็อกน่อง

โบท็อกน่อง เมื่อฉีดแล้วจะช่วยให้กล้ามเนื้อน่องมีขนาดที่เล็กลง ขาจึงดูเรียวสวยขึ้น น่องไม่ดูเป็นก้อนปูดออกมา บริเวณนี้ใช้ประมาณ 100 – 200 ยูนิต

ฉีดโบท็อก ยี่ห้อไหนดี? แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร?

โบท็อก แต่ละยี่ห้อนั้นมีความแตกต่างกันออกไปในเรื่องของเทคโนโลยีการผลิต คุณสมบัติ และการกระจายตัว จึงต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด

  • โบท็อกซ์ Allergan เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากประเทศอเมริกา ผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจาก อย. อเมริกา และ อย. ไทย ตัวยามีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้โอกาสการดื้อโบน้อยลง ออกฤทธิ์ได้อย่างแม่นยำ เหมาะกับคนที่ต้องการฉีดรักษาริ้วรอย ลดกราม ปรับหน้าเรียว 
  • โบท็อกซ์ Aestox เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากประเทศเกาหลี ได้รับการรับรองจากทั้ง อย. ไทย และ อย.เกาหลี มีคุณสมบัติในการออกฤทธิ์ที่เร็วและเห็นผลไว มีความบริสุทธิ์ของตัวยาถึง 99.5 เปอร์เซ็นต์ จึงช่วยลดโอกาสการดื้อโบให้น้อยลง
  • โบท็อกซ์ Xeomin เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมัน ผลิตด้วยเทคโนโลยี XTRACT Technology ช่วยกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็นออกไปทำให้ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีสิ่งเจือปน ทำให้ไม่เกิดการต่อต้านในร่างกายโอกาสดื้อโบต่ำ มีขนาดของโมเลกุลที่เล็กจึงกระจายตัวได้อย่างแม่นยำ มีความปลอดภัยสูง 
  • โบท็อกซ์ Dysport นำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ มีความบริสุทธิ์ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ มีความโดดเด่นในเรื่องของการกระจายตัวที่กว้าง ทำให้ตัวยาไม่กระจุกตัว เหมาะกับการฉีดลดเหงื่อ ลดกราม ยกกระชับผิว เห็นผลเร็ว เป็นธรรมชาติ 

ฉีดโบท็อก ดูแลตัวเองอย่างไรหลังทำ?

โบท็อก เมื่อฉีดไปแล้วควรดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและคงอยู่ได้นาน ไม่เกิดปัญหาตามมา

  • หลังฉีดโบควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที 1 – 2 ครั้ง เพื่อให้ตัวยากระจายตัวและดูดซึมได้ดีขึ้น
  • ไม่ควรนอนราบหรือก้มหน้าในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ งดออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกเยอะ
  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • งดนวด กด หรือสัมผัส บริเวณที่ฉีดโบ เพื่อป้องกันตัวยากระจายไปในจุดอื่นที่ไม่ต้องการ
  • งดทานอาหารรสจัด อาหารมักดอง รวมถึงงดแอลกอฮอล์ ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด
  • งดทำเลเซอร์หรือหัตถการที่ต้องใช้ความร้อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังฉีด

ฉีดโบท็อกลดริ้วรอย กี่วันเห็นผล?

ฉีดโบท็อก ลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ความตึงของผิวในช่วง 3 – 4 วันแรกหลังทำ และจะเห็นผลเต็มที่ใน 1 – 2 สัปดาห์ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความเร็วในการฟื้นตัวของกล้ามแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน

รีวิว โบท็อก

ฉีดโบท็อก แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง สามารถดูได้จากรีวิวคนไข้จริงของ Vincent Clinic ที่ได้รวบรวมส่วนหนึ่งมาไว้ให้ดูในบทความนี้แล้ว

โบท็อก ราคาเท่าไหร่?

ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณยูนิตของ โบท็อก ราคา จะไม่เท่ากันเนื่องจากอิงตามปริมาณที่ใช้ โดยต้องให้แพทย์ช่วยประเมินและวางแผนการรักษาให้เฉพาะรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป

สรุป

โบท็อก คืออีกหนึ่งทางเลือกในการลดเลือนริ้วรอย รอยยับ รอยพับ บนใบหน้าได้อย่างเห็นผล นอกจากนั้นยังสามารถช่วยลดกราม ลิฟกรอบหน้า รวมถึงลดเหงื่อ ลดน่อง ได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลโดยแพทย์มากประสบการณ์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หากใครที่อยากฉีดโบแต่ยังกังวลไม่แน่ใจว่าจะเลือกยี่ห้อไหน ตำแหน่งไหนต้องฉีดเท่าไหร่ แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ประสบการณ์สูงและเชี่ยวชาญเทคนิคการฉีดโบของ Vincent Clinic ได้เลย เพราะไม่ใช่เพียงแพทย์มากฝีมือเท่านั้น แต่ที่วินเซนต์คลินิกยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้ทุกรายการ เพื่อให้ทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยกลับไปเสมอ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ โบท็อกซ์ (Botox)
ฉีดโบท็อกเจ็บไหม?

โดยปกติ การฉีดโบท็อกจะมีความเจ็บเล็กน้อยเหมือนถูกเข็มจิ้ม และบางคลินิกจะใช้ยาชาหรือประคบเย็นเพื่อลดความเจ็บ

ผลของโบท็อกจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป หากต้องการรักษาผลลัพธ์ ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน

เมื่อหยุดฉีด ริ้วรอยหรือกล้ามเนื้อจะกลับมาเหมือนเดิม ไม่มีผลเสียถาวร แต่อาจรู้สึกว่าริ้วรอยเด่นขึ้นเนื่องจากเคยชินกับผิวที่เรียบเนียน

โบท็อกช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อ เช่น กรามหรือกล้ามเนื้อน่อง โดยการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและหดเล็กลง จึงช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง

โบท็อกและฟิลเลอร์สามารถใช้ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าได้ครบถ้วน เช่น ลดริ้วรอยด้วยโบท็อก และเติมเต็มร่องลึกด้วยฟิลเลอร์

พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงาม
Scroll to Top