
ฟิลเลอร์ ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเติมเต็มผิวพรรณและใบหน้าให้เต่งตึง เรียบเนียน ทั้งยังช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนได้อีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังทำได้ทันที (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องของใบหน้าและผิวพรรณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งฟิลเลอร์คืออะไร อันตรายไหม ฉีดแล้วมีโอกาสไหลหรือเปล่า หรือฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ไปทำความรู้จักกันได้เลย
ฟิลเลอร์ คืออะไร ฉีดแล้วช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ฉีดกี่ครั้งเห็นผล?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มประเภท HA (Hyaluronic Acid) หรือ ไฮยาลูรอนิก แอซิด ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ เพื่อนำมาฉีดทดแทนคอลลาเจนและ HA ที่เสื่อมสลายไป ทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ฟิลเลอร์มีโมเลกุลหลายขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ ทำให้สามารถใช้ในงานผิวหรือฉีดในชั้นผิวบาง หรือเลือกใช้โมเลกุลขนาดใหญ่ที่สามารถปรับรูปหน้า เช่น คาง กรอบหน้า เพื่อทำให้ใบหน้ามีมิติและได้สัดส่วนมากขึ้น
ฟิลเลอร์ คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าอย่างไร?
ฉีดฟิลเลอร์ ตำแหน่งไหนได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่สามารถช่วยตอบโจทย์ปัญหาของใบหน้าที่เสื่อมโทรม เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้กลับมาเต่งตึง และยังเป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ซึ่งมีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ นอกจากนั้นยังมีการผลิตออกมาหลายรุ่นทำให้มีโมเลกุลให้เลือกหลากหลาย จึงนิยมนำมาฉีดในหลายตำแหน่งของร่างกาย โดยมีจุดที่นิยมฉีดเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน ดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เมื่ออายุที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นนอกจากคอลลาเจนและอิลาสตินที่สลายไปแล้ว กระดูกบริเวณใต้ตาก็มีโอกาสที่จะทรุดตัวลงได้เช่นกัน ทำให้ใต้ตาเกิดอาการลึกโบ๋ ตาโหลขึ้นได้ ประกอบกับการพักผ่อนน้อย นอนดึก ก็ยิ่งทำให้เกิดปัญหาความหมองคล้ำตามมา สารเติมเต็มจึงสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างเห็นผลชัดเจน ใต้ตากระจ่าง ใบหน้าดูเด็กลง ไม่ดูอิดโรย เหมือนนอนหลับมาเต็มอิ่ม
- ฉีดฟิลเลอร์คาง สำหรับใครที่หน้าสั้น คางตัด อยากให้หน้ายาวขึ้น ฉีดคางด้วย HA Filler ก็สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น หน้ายาวดูมีวีเชพ คางสวยเป็นธรรมชาติใกล้เคียงการผ่าตัดเสริมคาง
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ปัญหาผิวประเภทร่องลึก ริ้วรอยต่าง ๆ ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ผิวดูหย่อนคล้อย เมื่อฉีดสารเติมเต็มเข้าไปแล้วร่องลึกเหล่านี้จะตื้นขึ้น ผิวอิ่มฟูเต่งตึง ใบหน้าดูเด็กลง
- ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก ช่วยเติมเต็มร่องลึกที่มุมปาก ซึ่งเกิดจากการสูญเสีย คอลลาเจนและอิลาสติน เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวบริเวณนั้นหย่อนคล้อยและดูแก่กว่าวัย การฉีดฟิลเลอร์จะช่วย ปรับรูปหน้า ให้ดูสมดุลขึ้นและทำให้ ร่องน้ำหมากตื้นขึ้น ใบหน้าดูสดใสขึ้นและอ่อนเยาว์กว่าเดิม ช่วยเพิ่มความมั่นใจและให้รอยยิ้มดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
- ฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยเติมเต็มพื้นที่บริเวณแก้มที่สูญเสียความกระชับจากการลดลงของ คอลลาเจนและไขมันใต้ผิว เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้แก้มดูแบนราบและใบหน้าดูโทรม การฉีดฟิลเลอร์จะช่วย ปรับรูปหน้า ให้ดูเต็มอิ่มขึ้นและช่วย ยกกระชับแก้ม ให้ดูเด่นและมีมิติ ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ และมีความสมดุลมากขึ้น
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม ช่วยแก้ปัญหาบริเวณแก้มที่ดูยุบหรือหย่อนคล้อยจากการสูญเสีย ไขมันและคอลลาเจน เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้แก้มดูแบนราบและใบหน้าขาดมิติ การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มจะช่วย เติมเต็มและยกกระชับ ให้แก้มดูอิ่มฟูขึ้น ฟื้นฟูใบหน้าให้กลับมาดูสดใสและอ่อนเยาว์ ช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูสมดุลและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- ฟิลเลอร์กรอบหน้า ช่วยเติมเต็มและปรับรูปกรอบหน้าให้ดูเรียวและกระชับขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่เริ่มมีการหย่อนคล้อยหรือดูไม่ชัดเจนเมื่ออายุมากขึ้น การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปใน กรอบหน้าหรือข้างกราม จะช่วย ยกกระชับ และ ปรับสมดุลของใบหน้า ให้ดูมีมิติและคมชัดมากขึ้น ใบหน้าดูเรียวขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสมากขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใครที่อยากปรับทรงปากให้ได้รูปตามต้องการ หรือปากแห้ง เห็นร่องปากชัด ปากเหี่ยวมีริ้วรอย เมื่อฉีด HA จะช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่ม เต่งตึง ปรับทรงปากรับกับใบหน้า เพิ่มเสน่ห์น่าดึงดูด ปากน่าจุ๊บมากขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ บริเวณนี้คือตำแหน่งที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม หน้าแก่กว่าวัย เมื่อฉีดเติมเต็มขมับแล้วจะช่วยให้หน้าดูเต็มขึ้น สดใส ดูเด็กลง ทั้งยังช่วยปรับโหงวเฮ้งใบหน้าโดยรวมได้อีกด้วย
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ตำแหน่งนี้เป็นส่วนที่มีขนาดกว้างและเห็นได้ชัดเจน หากหากมีการเปลี่ยนแปลงใบหน้าโดยรวมก็จะเปลี่ยนตาม โดยเมื่อฉีดสารเติมเต็มเข้าไปบริเวณนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูละมุน หวานขึ้น หน้าไม่แบน ดูมีมิติ ช่วยปรับโหงวเฮ้งได้อีกด้วย
- ข้อควรระวัง การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมีความเสี่ยง เช่น การกระจายตัว, การอุดตันหลอดเลือด, หรือ การติดเชื้อ หากไม่ฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นการ เสริมซิลิโคนหน้าผาก เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและ ถาวร โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสลายตัวเหมือนฟิลเลอร์ อีกทั้งยังช่วยปรับรูปทรงหน้าผากได้ชัดเจนและเหมาะสมกับโครงหน้าได้อย่างยาวนาน
- ฉีดฟิลเลอร์จมูก ช่วยปรับรูปทรงจมูกให้ดูเรียวสวยและได้รูป โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ เสริมสันจมูก หรือ ปรับปลายจมูก ให้ดูสมส่วนขึ้น การฉีดฟิลเลอร์จมูกสามารถทำให้ รูจมูกดูเล็กลง และ ปรับสันจมูก ให้เรียบเนียนและโดดเด่นขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว
- ข้อควรระวัง การฉีดฟิลเลอร์จมูกไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ ต่างจากการเสริมซิลิโคนที่ให้ผลลัพธ์ถาวรและชัดเจนกว่า ฟิลเลอร์เหมาะกับการปรับทรงเล็กน้อย แต่มีความเสี่ยงต่อการกระจายตัว รูปทรงไม่สม่ำเสมอ และอาจอุดตันหลอดเลือดหากฉีดผิดวิธี การเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
- ฟิลเลอร์ถาวร (Permanent Filler) ฟิลเลอร์ประเภทนี้จะใช้สารเติมเต็ม ซิลิโคน หรือ พาราฟิน ซึ่งไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่เหมาะกับการฉีดในบริเวณใบหน้า เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงระยะยาว และไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงได้หากเกิดปัญหาหรือไม่พอใจ
- ฟิลเลอร์กึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) ฟิลเลอร์ประเภทนี้สามารถ สลายได้บางส่วน แต่ไม่สามารถสลายได้ทั้งหมด สารที่ใช้มักจะประกอบด้วย Calcium Hydroxyapatite, PLLA (Poly-L-lactic acid) หรือ Polyalkylimide โดยสามารถคงผลลัพธ์ได้ในระยะเวลานาน แต่ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้
- ฟิลเลอร์ชั่วคราว (Temporary Filler) ฟิลเลอร์ประเภทนี้ใช้สาร Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งสามารถ สลายได้ตามธรรมชาติ ภายในร่างกาย เป็นสารที่มีความปลอดภัยสูงและได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย.ไทย โดยไม่ตกค้างในร่างกาย หากไม่พอใจหรือต้องการเปลี่ยนแปลงสามารถฉีดยาสลายได้ ทำให้เป็นทางเลือกที่นิยมในการแก้ปัญหาผิวหน้าในระยะสั้น
ฟิลเลอร์มี 3 ประเภทหลัก ดังนี้
ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการ แก้ไขปัญหาผิวหน้า โดยการเติมเต็มหรือปรับรูปทรงต่างๆ ให้ใบหน้าดูสมดุลและอ่อนเยาว์ขึ้น และเราจะมาแนะนำ 3 ประเภทของฟิลเลอร์ และแต่ละแบบเป็นอย่างไร เพื่อช่วยให้คุณเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองได้อย่างเหมาะสมและตรงความต้องการ
ฟิลเลอร์ มีกี่ประเภทและกี่ชนิด?
ฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็ม มีกี่ชนิด สามารถแยกออกเป็นอะไรได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ ในทางการแพทย์ คือ สารเติมเต็มทุกชนิด ซึ่งแยกออกมาได้ดังนี้
- Hyaluronic Acid เป็นสารเติมเต็มที่ผลิตขึ้นเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติไม่เกิดการตกค้าง แพทย์ทั่วโลกนิยมใช้ เนื่องจาก HA สามารถสลายได้จึงเป็นสารเติมเต็มประเภทชั่วคราว
- ฉีดไขมัน เป็นการนำเอาไขมันของตัวเองนำมาผ่านกระบวนการทางการแพทย์แล้วนำกลับไปฉีดในตำแหน่งที่ต้องการ ถึงแม้จะไม่เกิดอาการแพ้หรือต่อต้าน แต่มีโอกาสที่ไขมันจะตายหรือสลายไปแบบไม่เท่ากัน ทำให้ผลลัพธ์ไม่สามารถควบคุมได้ ไขมันจึงเป็นสารเติมเต็มประเภทชั่วคราว
- Calcium hydroxylapatite เป็นสารเติมเต็มที่สลายตัวได้เพียงบางส่วน จึงถูกจัดไว้ในประเภทของสารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร หากฉีดในระยะยาวอาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ จึงไม่ค่อยนิยมนำมาใช้
- ซิลิโคนเหลว เป็นสารเติมเต็มที่ไม่นิยมใช้เพราะไม่สลาย ไม่ปลอดภัย ไม่ผ่าน อย. มีโอกาสทำให้เกิดซิลิโคนไหล ผิวหนังและใบหน้าผิดรูป ได้ ซิลิโคนเหลวถูกจัดไว่ในประเภทของสารเติมเต็มแบบถาวร
ฟิลเลอร์ แต่ละตำแหน่งใช้กี่ CC ?
การฉีดฟิลเลอร์ ในแต่ละจุดหรือตำแหน่งนั้นจะใช้ปริมาณไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความต้องการ ปัญหา ตำแหน่งที่ฉีด และความต้องการของคนไข้ที่แตกต่างกันออกไป โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหา วิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า เลือกโมเลกุลที่เหมาะสม กำหนดชั้นผิวที่จะฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด โดยในแต่ละตำแหน่งของใบหน้าใช้ปริมาณของสารเติมเต็มที่แตกต่างกัน ดังนี้
- บริเวณหน้าผาก เป็นส่วนที่ช่วยให้ใบหน้าได้สัดส่วน มีมิติ โดยเฉลี่ยมักจะฉีดอยู่ที่ปริมาณ 3 – 5 cc
- บริเวณขมับ หากบริเวณนี้ยุบลงจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ทำให้โหนกแก้มดูสูงขึ้นได้อีกด้วย โดยปริมาณที่ฉีดปกติจะอยู่ที่ 2 – 4 cc
- บริเวณแก้มส้ม ตำแหน่งนี้จะช่วยเพิ่มความละมุนหวานให้กับใบหน้า ช่วยให้ดูเด็กลง หน้าไม่แบน ดูมีมิติ ปกติจะใช้อยู่ที่ประมาณ 1 – 2 cc
- บริเวณแก้มตอบ ทำให้ใบหน้าโทรม ดูแก่กว่าวัย โหนกแก้มสูง โดยปริมาณที่ฉีดจะอยู่ที่ประมาณ 1 – 4 cc
- บริเวณใต้ตา เป็นตำแหน่งที่มักจะเกิดปัญหาความหมองคล้ำ ใต้ตาลึกโบ๋ ใบหน้าดูอิดโรย เหนื่อยล้า หน้าดูแก่กว่าวัย เพื่อแก้ปัญหาบริเวณนี้มักจะฉีดอยู่ที่ประมาณ 1 – 2 cc
- บริเวณร่องแก้ม หากเกิดปัญหาขึ้นจะทำให้แก้มดูห้อยย้อย หน้าดูมีอายุ โดยปกติจะฉีดอยู่ที่ประมาณ 1 – 3 cc
- บริเวณร่องน้ำหมาก ที่มุมปาก ซึ่งช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและมีมิติมากขึ้น โดยเฉลี่ยการฉีดฟิลเลอร์ในจุดนี้มักจะใช้ปริมาณ 3 – 5 cc
- บริเวณกรอบหน้า และขากรรไกร เพื่อช่วยให้รูปหน้าเรียวและกระชับมากขึ้น โดยเฉลี่ยการฉีดฟิลเลอร์ในจุดนี้มักจะใช้ปริมาณ 3 – 5 cc
- บริเวณปาก สามารถช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้ใบหน้า มีเสน่ห์น่ามอง ปรับทรงได้ตามต้องการ สามารถส่งผลให้ภาพรวมของใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน โดยปกติจะฉีดอยู่ที่ปริมาณ 1 – 2 cc
- บริเวณคาง ตำแหน่งนี้มีส่วนทำให้ใบหน้าได้สัดส่วน เพิ่มความเรียวยาวให้กับใบหน้า แก้ปัญหาทรงคางได้อย่างเห็นผล ปริมาณที่ใช้ฉีดอยู่ที่ประมาณ 1 – 2 cc
- บริเวณจมูก ฉีดเพื่อปรับรูปทรงให้ดูโดดเด่นและมีมิติ โดยเฉลี่ยการฉีดฟิลเลอร์ในจุดนี้มักจะใช้ปริมาณ 1 – 3 cc
ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?
ฟิลเลอร์แท้ หรือ HA Filler เป็นสารเติมเต็มที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจาก FDA ว่ามีความปลอดภัย นิยมใช้ในทางการแพทย์ทั่วโลก จึงสามารถใช้ฉีดเข้าร่างกายได้ไม่เป็นอันตราย สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติไม่เกิดการตกค้างในร่างกาย แต่ในกรณีที่ใช้ ฟิลเลอร์ปลอม ไม่มีมาตรฐานมีการปนเปื้อนไม่บริสุทธิ์เมื่อฉีดเข้าร่างกายอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ ใบหน้าเกิดผิดรูปขึ้นได้ ไม่สลายไป หากต้องการแก้ไขต้องใช้วิธีการขูดออกเท่านั้น
ฟิลเลอร์ มีข้อดีอย่างไร?
ฟิลเลอร์ แท้ มีข้อดีหลายอย่างที่ช่วยแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครอบคลุม
- ปรับโหงวเฮ้ง เปลี่ยนรูปหน้า เติมเต็มส่วนที่ขาดหายให้กลับมาอิ่มฟูเต็มขึ้น
- ปรับผิวเต่งตึงเรียบเนียน
- แก้ปัญหาร่องลึกต่าง ๆ ให้ตื้นขึ้น
- ช่วยให้ใบหน้าดูเด็กลง สดใส
- สลายไปได้เองไม่เกิดการตกค้าง สามารถฉีดสลายเพื่อแก้ไขได้ง่าย
- มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจาก อย.
- เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลังทำได้ทันที (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล)
- ฉีดเติมได้เรื่อย ๆ ไม่เป็นอันตราย
- แก้ปัญหาในจุดที่มีความละเอียดอ่อนได้ดี เช่น บริเวณใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาความลึกโบ๋ทำให้ผิวใต้ตาอิ่มฟูเต็มขึ้น หน้าสดใส ไม่หมองคล้ำ เป็นต้น
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องพักฟื้น กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ฟิลเลอร์ปลอม อันตรายไหม?
ฉีดฟิลเลอร์ปลอม อันตรายมาก มีโอกาสทำให้เกิดอาการอักเสบติดเชื้อ แข็งเป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล หรือ แพ้ฟิลเลอร์ ผิวหนังไม่เรียบเนียน ใบหน้าผิดรูปทรง เสี่ยงเกิดผิวหนังตายในกรณีที่เข้าเส้นเลือดอาจทำให้เกิดอาการตาบอดได้ วิธีแก้ไขต้องผ่าตัดเพื่อขูดออกเท่านั้น ฉีดสลายไม่ได้
ฟิลเลอร์แท้ แต่ละยี่ห้อสังเกตอย่างไร?
ฟิลเลอร์ ก่อนฉีดต้องตรวจสอบให้แน่ใจ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมา สามารถสังเกตได้ดังนี้
วิธีตรวจฟิลเลอร์ Juvederm
- ในกล่องต้องมีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทย
- ตรวจสอบจากเลข Lot. กับบริษัท Allergan Thailand (DSKH) ได้ที่เบอร์ 02-640-4999 ต่อ 1
- ตรวจสอบความถูกต้องของเลข Lot. ต้องตรงกันทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ สติกเกอร์, กล่อง, ซอง และหลอด
วิธีตรวจฟิลเลอร์ Restylane
- ตรวจสอบเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยที่มีมาให้ในกล่อง
- ตรวจสอบจากสติกเกอร์โมโนแกรมบนกล่อง เมื่อลอกสติกเกอร์ออกจะเห็นคำว่า VOID
- ตรวจสอบด้วยการสแกน QR Code บนกล่อง ด้วยแอปพลิเคชัน eZTracker : Safety in Each Scan หากเป็นของแท้จะปรากฏหน้าจอสีเขียว พร้อมข้อความแสดงว่าผลิตภัณฑ์นี้ถูกนำเข้าอย่างถูกต้องโดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย)
- ตรวจสอบเลข Lot. กับบริษัท Galderma ประเทศไทยได้ที่เบอร์ 02-023-1800 ต่อ 402
- ตรวจสอบเลข Lot. ต้องตรงกันทั้ง 3 จุด ได้แก่ สติกเกอร์, กล่อง และหลอด
วิธีตรวจฟิลเลอร์ Neuramis
- ต้องมีฉลากข้างกล่องที่ระบุเลข Lot การผลิต วันที่ผลิต และวันหมดอายุอย่างชัดเจน
- สแกน QR code ที่ข้างกล่องเพื่อตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องด้วยมือถือ เมื่อสแกน QR code แล้วจะปรากฏรายละเอียด เช่น รูปภาพ ชื่อผลิตภัณฑ์ วันผลิต วันหมดอายุ และบริษัทผู้ผลิต ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ต้องตรงกับข้อมูลที่ระบุเอาไว้บนกล่อง
- จะต้องมีฉลาก อย.ไทย กำกับเพื่อยืนยันว่าเป็นฟิลเลอร์แท้
ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี ? แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
ฟิลเลอร์ แต่ละยี่ห้อจะมีการแบ่งรุ่นคุณสมบัติแยกออกไปอีกหลายรุ่นด้วยกัน เพื่อให้แพทย์สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของแต่ละรายบุคคลมากที่สุด แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์โดยตรงเพื่อให้แพทย์ออกแบบการรักษาให้ตรงจุดที่ต้องการแก้ไข โดยมีรายละเอียดดังนี้
Restylane Filler เป็นสารเติมเต็มจากประเทศสวีเดน ที่มีคุณสมบัติเน้นในเรื่องของการพยุงผิวเอาไว้ มีความอิ่มน้ำจึงสามารถเก็บน้ำได้ดี ไม่เกิดการแตกตัวง่าย โดยแบ่งรุ่นออกมาได้ดังนี้
- Restylane Perlane Lyft รุ่นนี้มีความคงตังสูง เนื้อไม่ฟู ขึ้นรูปและอยู่ทรงได้ดี มีส่วนผสมของยาชา ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- Restylane Classic มีโมเลกุลใหญ่เหมาะกับการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย ร่องต่าง ๆ เช่น บริเวณร่องแก้ม เป็นต้น รุ่นนี้ไม่มียาชาผสมอยู่ โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- Restylane Vital Light มีเนื้อเจลที่โมเลกุลค่อนข้างเล็ก เหมาะสำหรับการฉีดในคนที่มีผิวบาง ฉีดในผิชั้นตื้น หรือบริเวณริมฝีปาก รุ่นนี้มียาชาผสมอยู่ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 6 – 12 เดือน
- Restylane Volyme เนื้อสัมผัสมีความนิ่ม ยืดหยุ่น มักใช้เติมเต็มในส่วนที่เนื้อขาดหาย มีการยุบตัว มีความลึก โดยมีส่วนผสมของยาชา ผลลัพธ์หลังทำสามารถอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- Restylane Defyne รุ่นนี้เนื้อสัมผัสค่อนข้างแข็ง มีความยืดหยุ่น สามารถอุ้มน้ำได้ดี เหมาะที่จะใช้แก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน มีส่วนผสมของยาชา
- Restylane Refyne เนื้อเจลมีความยืดหยุ่น เหมาะที่จะฉีดบริเวณที่ผิวบาง จัดการริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ หรือบริเวณที่ต้องการความละเอียด เช่น บริเวณรอบดวงตา เป็นต้น รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา และผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
Neuramis Filler นำเข้าจากประเทศเกาหลี มีโมเลกุลที่ค่อนข้างใหญ่ สามารถฉีดเพื่อปั้นทรงให้คงรูปได้ดี
- Neuramis Deep รุ่นนี้ไม่มีส่วนผสมของยาชา ตัวเนื้อเจลค่อนข้างหนืด มีความอิ่มฟู สามารถปั้นทรงหรือขึ้นรูปได้ง่าย สามารถนำไปฉีดเพื่อเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าได้
- Neuramis Deep Lidocaine เนื้อเจลมีความหนืด อิ่มฟู และมีส่วนผสมของยาชา สามารถขึ้นรูปได้ดีและช่วยบรรเทาความเจ็บได้อีกด้วย
- Neuramis Volume Lidocaine รุ่นนี้เนื้อเจลหนืดที่สุด คงตัวได้ดีมาก มีความยืดหยุ่น มีส่วนผสมของยาชา ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยหนัก ๆ ได้
- Filler Juvederm เป็นยี่ห้อที่นำเข้ามาจากอเมริกา มีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นสูง เนื้อสัมผัสสม่ำเสมอ เรียบเนียนและคงทนอยู่ได้นาน
Juvederm Ultra Plus รุ่นนี้เนื้อค่อนข้างนิ่ม มีความฟูมาก คงตัวสูง เหมาะกับการฉีดบริเวณขมับ ปาก คาง ร่องแก้ม รวมถึงร่องลึกต่าง ๆ ผลลัพธ์หลังทำสามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma มีเนื้อที่ค่อนข้างแข็ง ฟูระดับกลาง ยืดหยุ่นสูง เหมาะที่จะนำไปใช้ฉีดขมับ ใต้ตา ร่องแก้ม คาง และปาก หลังทำผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- Juvederm Volift รุ่นนี้มีเนื้อละเอียดค่อนข้างนิ่ม เหมาะที่จะฉีดผิวชั้นตื้นหรือคนผิวที่มีผิวบาง ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- Juvederm Volite มีเนื้อที่ค่อนข้างละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เหมาะฉีดบำรุงผิว หรือเก็บรายละเอียดของริ้วรอยเล็ก ๆ หลังทำผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 8 – 12 เดือน
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์
- แพทย์ประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคนไข้แต่ละคน
- แพทย์เลือกโมเลกุลและปริมาณที่เหมาะสม กำหนดตำแหน่งที่จะฉีด
- ทำความสะอาดผิว เช็ดเครื่องสำอาง ทายาชา ในตำแหน่งที่จะทำการฉีด
- แพทย์จะแกะกล่องผลิตภัณฑ์ต่อหน้า เพื่อยืนยันว่าเป็นของใหม่และเป็นของแท้สามารถตรวจสอบได้
- แพทย์จะเริ่มฉีดตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ และแนะนำวิธีการดูแลตัวเองให้คนไข้นำกลับไปใช้
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจเกิดอาการบางอย่างขึ้นได้ เช่น รอยแดงจากเข็มที่ฉีดเป็นจุดเล็ก ๆ ซึ่งจะหายไปได้เองประมาณ 2 – 3 วันหลังฉีด ทั้งยังอาจมีอาการบวมเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีดได้บ้างเล็กน้อยแต่จะหายไปได้เองภายใน 3 – 7 วัน
การดูแลตัวเองและข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์
- งดกด นวด บีบ คลึง หรือสัมผัสแรง ๆ ในบริเวณที่ทำการฉีดสารเติมเต็ม เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนผิดตำแหน่ง หรือทำให้เสียรูปทรงที่ต้องการ
- หากรู้สึกปวดในบริเวณที่ฉีดสามารถกินยาแก้ปวดช่วยบรรเทาได้
- ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เน้นอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศค่อนข้างเย็น เพราะฟิลเลอร์สามารถสลายไปได้ง่ายขึ้นหากโดยความร้อน
- งดทำกิจกรรมที่ออกแรงมาก ๆ ออกกำลังกายหนัก ตากแดด หรือเข้าซาวน่า อย่างน้อยในช่วง 2 – 3 วันแรกหลังทำ
- งดทำเลเซอร์ผิวในช่วง 1 เดือนหลังทำ
- ในช่วง 3 วันแรก หลีกเลี่ยงการขยับในบริเวณที่ฉีดสารเติมเต็มมากเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
- งดรับประทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล หรืออาหารที่สามารถส่งผลทำให้เกิดอาการบวม อักเสบมากขึ้น
- งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้อาการบวมหายช้า ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง
ฟิลเลอร์ หลังสลายไปแล้ว ผิวจะเหี่ยว หน้าแก่ลง?
ฉีดฟิลเลอร์ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มคอลลาเจนและอิลาสตินให้มากขึ้น เมื่อฟิลเลอร์สลายไปหมดจะไม่ทำให้สภาพผิวแย่ลง แต่ผิวจะยังคงดีอยู่ไม่กลับไปโทรมเหมือนก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ ฉีดสลายได้ไหม?
ฟิลเลอร์ เมื่อฉีดไปแล้วต้องการแก้ไขหรือเกิดปัญหาขึ้นสามารถ ฉีดสลายฟิลเลอร์ ด้วย เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปย่อยสลาย HA Filler โดยไม่ทำร้ายเซลล์ผิวรอบข้าง
เลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ?
ฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ควรศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนถูกต้อง ไม่ใช่จะฉีดกับใครก็ได้ เพราะอาจเจอเข้ากับฟิลเลอร์ปลอม หมอกระเป๋า หรือแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญงานฉีด ทำให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต แนะนำให้พิจารณาตามหัวข้อดังต่อไปนี้
- คลินิก มีความน่าเชื่อถือ ห้องทำหัตถการแบ่งเป็นสัดส่วน สะอาด ได้มาตรฐาน นอกจากนั้นต้องมีเลขที่ใบอนุญาตติดไว้ที่หน้าคลินิกอย่างชัดเจน เพื่อยืนยันว่าเป็นคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง
- แพทย์ ต้องมากด้วยประสบการณ์ด้านหัตถการสกิน จึงจะมีความเข้าใจถึงโครงสร้างชั้นผิว ประเมินปัญหาได้ถูกต้อง วางตำแหน่งของฟิลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ เลือกโมเลกุลและปริมาณที่จะใช้ได้อย่างเหมาะสม
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ มีการแกะกล่องใหม่ต่อหน้า สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ นำเข้าอย่างถูกต้อง
- มีรีวิวจากคนไข้จริง ช่วยให้เห็นผลลัพธ์หลังทำและฝีมือของแพทย์ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ฉีดฟิลเลอร์ ในแต่ละจุดใช้ปริมาณที่ไม่เท่ากัน นอกจากนั้นแพทย์ยังต้องประเมินจากปัญหาของคนไข้แต่ละคนที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ฟิลเลอร์ จึงมี ราคา จึงมีความแตกต่างกัน หากต้องการข้อมูลที่ครบถ้วนแนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินจากใบหน้าจริงและออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด
ฟิลเลอร์ แต่ละจุดราคาเท่าไหร่?
สรุป
ฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลังทำได้ทันที (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) โดยหากใครต้องการฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรกแต่ยังกังวลอยู่หรือใครที่อยากฉีดฟิลเลอร์เพิ่มเติมจากเดิม แนะนำให้เข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ของ Vincent Clinic ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีประสบการณ์สูง เพื่อให้แพทย์ช่วยออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด มั่นใจได้ว่าหลังทำผลลัพธ์จะออกมาดีและปลอดภัย
ฟิลเลอร์แตกต่างจากโบท็อกอย่างไร?
ฟิลเลอร์ เติมเต็มหรือเสริมวอลุ่มในบริเวณที่ขาด แต่ โบท็อก ลดการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้า
หลังฉีดฟิลเลอร์ต้องพักฟื้นไหม?
ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักและการสัมผัสความร้อนจัดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง?
บวม แดง หรือช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด (หายได้ใน 1-2 วัน) หากฉีดผิดตำแหน่ง อาจเกิดก้อนหรือการอุดตันของหลอดเลือด (พบได้น้อย)
ฟิลเลอร์สามารถฉีดซ้ำได้ไหม?
สามารถฉีดซ้ำได้เมื่อฟิลเลอร์เริ่มสลาย โดยแพทย์จะประเมินความเหมาะสมของปริมาณและตำแหน่งที่ต้องการเติมเต็ม
สามารถฉีดฟิลเลอร์พร้อมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
การฉีดฟิลเลอร์สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น การฉีดโบท็อก การร้อยไหม หรือการทำเลเซอร์ แต่การทำหัตถการเหล่านี้พร้อมกันต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบและปลอดภัยที่สุด เนื่องจากแต่ละหัตถการมีเป้าหมายและวิธีการทำที่แตกต่างกัน การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยเสริมประสิทธิภาพและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น หากฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอยในบริเวณหน้าผาก สามารถทำควบคู่กับฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มหรือใต้ตาเพื่อเติมเต็มวอลุ่มให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
ฟิลเลอร์ช่วยให้หน้าดูเด็กลงได้จริงไหม?
ได้ เพราะฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มวอลุ่มในบริเวณที่ขาด ทำให้หน้าดูอิ่มเอิบและอ่อนเยาว์ขึ้น
ฟิลเลอร์แตกต่างจากไขมันเติมหน้าอย่างไร?
ฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ชัดเจนทันที และไม่ต้องพักฟื้น ส่วนไขมันเติมหน้า: ใช้ไขมันจากร่างกาย แต่ต้องพักฟื้นนานกว่าและมีโอกาสที่ไขมันจะสลายบางส่วน
ฟิลเลอร์สามารถฉีดในคนอายุน้อยได้ไหม?
สามารถฉีดได้ในผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะคนที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น เติมริมฝีปาก ใต้ตา หรือแก้ม เพื่อเพิ่มความสมดุลและเสริมความมั่นใจ
ฟิลเลอร์ช่วยลดถุงใต้ตาได้หรือไม่?
ได้ ในกรณีที่ถุงใต้ตามีขนาดเล็กหรือเกิดจากการขาดวอลุ่มบริเวณใต้ตา แต่หากเป็นถุงใต้ตาขนาดใหญ่จากไขมันสะสม อาจต้องใช้วิธีการผ่าตัดร่วมด้วย
หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถแต่งหน้าได้หรือไม่?
ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการติดเชื้อ
ฟิลเลอร์สามารถฉีดลดขนาดจมูกได้ไหม
ไม่ได้ ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับการเพิ่มวอลุ่มหรือปรับรูปจมูกให้ดูโด่งขึ้น แต่ไม่สามารถลดขนาดหรือแก้ไขจมูกที่มีโครงสร้างใหญ่ได้ แนะนำให้ทำศัลยกรรมจมูกจะดีที่สุด
สามารถฉีดฟิลเลอร์ด้วยตัวเองได้หรือไม่?
ไม่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะการฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยความรู้ทางการแพทย์เกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าและหลอดเลือด หากฉีดผิดอาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น การอุดตันหลอดเลือด
ฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าบวมเกิดจากอะไร?
ไม่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะการฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยความรู้ทางการแพทย์เกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าและหลอดเลือด หากฉีดผิดอาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น การอุดตันหลอดเลือด
ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งได้หรือไม่?
ได้ เพราะฟิลเลอร์ชนิดที่มีกรดไฮยาลูรอนิกช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและสุขภาพดีขึ้น
ฟิลเลอร์มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของใบหน้าหรือไม่?
ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของใบหน้า เพราะฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ไม่กระทบต่อกล้ามเนื้อ
ต้องรอให้ฟิลเลอร์เดิมสลายหมดก่อนไหม ถึงจะฉีดเพิ่มได้ ?
คุณไม่จำเป็นต้องรอให้ฟิลเลอร์เดิมสลายหมดก่อนถึงจะฉีดเพิ่มได้ หากฟิลเลอร์เดิมยังคงอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่มีปัญหาผลข้างเคียง แพทย์สามารถประเมินและฉีดเพิ่มได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์เพิ่มเติมควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หลังฟิลเลอร์สลายหมดแล้ว เปลี่ยนยี่ห้อที่ฉีดได้ไหม ?
สามารถเปลี่ยนยี่ห้อฟิลเลอร์ได้หลังจากที่ฟิลเลอร์เดิมสลายหมดแล้ว เพราะฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid (HA)) ซึ่งเป็นสารที่สามารถสลายไปตามธรรมชาติและไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย