Profhilo อีกหนึ่งหัตถการที่สามารถนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งยังเป็นตัวช่วยในการฟื้นฟูและดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับงานผิวค่อนข้างมาก ทำให้หลายคนไม่เข้าใจว่าหัตถการนี้คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง เหมาะกับใคร แตกต่างจากหัตถการงานฉีดผิวอื่น ๆ อย่างไรบ้าง สามารถฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ราคาเท่าไหร่ สามารถติดตามอ่านได้จากข้อมูลที่ Vincent Clinic Aesthetic ได้รวบรวมมาให้ในเนื้อหาต่อไปนี้
Key Takeaways
- Profhilo เป็นกลุ่มของ Collagen Biostimulator ที่ช่วยฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายในแบบ Bio-Remodeling
- ส่วนประกอบของ Profhilo คือ Hyaluronic Acid เข้มข้นสูงถึง 32 mg/ml มากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ซึ่งสามารถกระจายตัวได้ดีในทุกชั้นผิว
- Profhilo สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และเซลล์ไขมันใต้ผิว ให้เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวยืดหยุ่น แข็งแรง แลดูอ่อนเยาว์
- สำหรับ Profhilo สามารถนำไปฉีดได้หลายตำแหน่งในร่างกาย เช่น บริเวณใบหน้า ลำคอ เนินหน้าอก และหลังมือ
- Profhilo ผ่านการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจาก US FDA, CE Mark และ อย.ไทย จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย
Profhilo คืออะไร?
Profhilo (โพรไฟโล) คือ ไฮยาลูรอนิกแอซิดที่มีความเข้มข้นสูงถึง 32 mg/ml จัดอยู่ในกลุ่มของ Collagen Biostimulator ที่เน้นในเรื่องของการปรับโครงสร้างและช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในให้แข็งแรง (Bio-Remodeling) ผลิตด้วยเทคโนโลยี NAHYCO ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท IBSA Group จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจากทั้ง US FDA, CE Mark และ อย.ไทย
Profhilo ทำงานอย่างไร?
Profhilo สามารถกระจายตัวในทุกชั้นผิวได้ดี โดยจะเข้าไปกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวภายในให้กลับมาแข็งแรง โดยตัวยาจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ดังนี้ Keratinocytes (เซลล์หนังกำพร้า) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ดีขึ้น, Fibroblast กระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน และอีลาสติน และ Adipocyte ทำให้เซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวเพิ่มขึ้น ด้วยกระบวนการทั้งหมดที่กล่าวมานี้จึงทำให้โครงสร้างภายในของชั้นผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น ผิวยืดหยุ่นแข็งแรง กระจ่างใส หน้ามี Baby Fat และดูอ่อนเยาว์
ฉีด Profhilo ช่วยอะไร?
หากถามว่า Profhilo ดีไหม บอกได้เลยว่าหัตถการนี้เป็นหนึ่งในทางเลือกของการดูแลผิวที่ดีอีกหนึ่งตัว เพราะสามารถฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน จึงช่วยในเรื่องต่าง ๆ ได้หลากหลาย ดังนี้
- ช่วย กระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น
- เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวให้มากขึ้น ส่งผลทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง ริ้วรอยจางลง ผิวเรียบเนียน
- ปรับโครงสร้างผิว กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ส่งผลทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น
- เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูเต็มขึ้นด้วย HA ความเข้มข้นสูงมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป
- ช่วยเติมเต็ม หลุมสิว ให้ตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ ผิวเนียนละเอียด
- แก้ปัญหา ผิวหน้าโทรมหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ แลดูอ่อนเยาว์
- ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ต้นเหตุของใบหน้าที่แลดูแก่กว่าวัย
Profhilo เหมาะกับใครบ้าง?
การฉีด Profhilo สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้ในหลากหลายมิติ จึงทำให้สามารถนำไปใช้เพื่อฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่เหมาะกับกลุ่มคนที่มีปัญหาหรือมีความต้องการ ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ ผิวหน้าโทรม ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
- ผู้ที่มีปัญหา ผิวแห้ง ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและกักเก็บความชื้นให้อยู่ใต้ชั้นผิวได้นานขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาความเหี่ยวย่น มี ริ้วรอย เล็ก ๆ ซึ่งความรุนแรงของปัญหายังอยู่ในระดับเริ่มต้น
- ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างผิวจากภายในให้ผิวแน่น กระชับ เรียบเนียน อิ่มฟูมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว แก้ปัญหา หน้าหย่อนคล้อย ที่มีความรุนแรงไม่มาก
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหลุมสิว ปัญหา รูขุมขนกว้าง หรือปัญหาผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าแบบองค์รวม โดยไม่ทำให้โครงหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณตั้งแต่เนิ่น ๆ ชะลอการเสื่อมสภาพของผิวให้ช้าลง คงความอ่อนเยาว์
สามารถฉีด Profhilo บริเวณไหนได้บ้าง?
ตำแหน่งที่นิยมฉีด Profhilo สามารถทำได้หลายตำแหน่ง ทั้งใบหน้า ลำคอ และหน้าอก มือ โดยใช้เทคนิคการฉีดที่แตกต่างกัน ได้แก่
- เทคนิค BAP (Bio Aesthetic Points) ฉีด 5 จุดต่อใบหน้าหนึ่งข้าง โดยฉีดทั่วใบหน้าและบริเวณใต้ตา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวกระชับ ผิวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ
- เทคนิคฉีด 10 จุด ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ผิวคอเต่งตึง เรียบเนียนขึ้น
ในกรณีของคนที่ต้องการนำไปฉีดผิวในตำแหน่งอื่นนอกเหนือจากใบหน้าและลำคอก็สามารถทำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ฉีดบริเวณผิวเนินอก ฉีดผิวบริเวณหลังมือ หรือฉีดผิวในตำแหน่งอื่น ๆ ในร่างกาย
โปรแกรม Profhilo ต้องฉีดกี่ครั้ง?
จำนวนครั้งในการฉีด Profhilo จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหา สภาพผิว และความต้องการของแต่ละคนที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปจะฉีดประมาณ 2 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือน สำหรับคนที่มีปัยหาผิวค่อนข้างเยอะแพทย์อาจพิจารณาให้ฉีด 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนที่ตอบสนองต่อตัวยาไม่เหมือนกัน โดยปริมาณของโปรไฟโล 1 ไซริงค์จะอยู่ที่ 2 CC
ผลลัพธ์ Profhilo กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน?
หลังฉีด Profhilo จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 2 – 3 และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในช่วงประมาณ 1 เดือน หากฉีดครบจำนวนครั้งตามที่แพทย์วางแผนไว้ให้ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแลหลังทำ และปัจจัยส่วนตัวอื่น ๆ ซึ่งสามารถฉีดเติมได้ทุก ๆ 1 ปี หรือตามที่แพทย์แนะนำ จะสามารถช่วยคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น
Profhilo ต่างกับ Collagen Biostimulator ยี่ห้ออื่นอย่างไร?
นอกจาก Profhilo ที่ช่วยเรื่องดูแลผิวพรรณได้อย่างเห็นผล ยังมีกลุ่ม Skin Booster อื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการฟื้นฟูและดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกหลายตัว ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
Profhilo vs Juvelook
การฉีด Profhilo จะเน้นในเรื่องของการช่วยปรับโครงสร้างผิวจากภายใน (Bio-Remodeling) ด้วย Hyaluronic Acid ที่มีความเข้มข้นสูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถกระจายตัวได้ดีในทุกชั้นผิว แต่ Juvelook จะใช้ Poly-D,L-Lactic Acid (PDLLA) ผสมกับ Hyaluronic Acid ฉีดเข้าสู่ผิวชั้นตื้นเพื่อช่วยกระตุ้นกระบวนสร้างคอลลาเจนแบบต่อเนื่อง
Profhilo vs Sculptra
จุดเด่นของ Profhilo จะเป็นเรื่องของการฟื้นฟูผิวภายใน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส แต่ Sculptra จะเน้นในเรื่องของการยกกระชับ ปรับรูปหน้า และกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ด้วย Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ทำให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน อิ่มฟู แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอยลึกให้ตื้นขึ้น ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามระยะเวลา
Profhilo vs Radiesse
Profhilo เน้นงานฟื้นฟูผิว เติมความชุ่มชื้น แต่ไม่ทำให้โครงหน้าเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ Radiesse จะเน้นในเรื่องของการเติมเต็ม ปรับรูปหน้า กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ร่องลึกต่าง ๆ ตื้นขึ้น เพราะมีส่วนผสมของ Calcium Hydroxylapatite
Profhilo vs Gouri
Profhilo เป็นไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่มีความเข้มข้นสูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ที่เน้นฟื้นฟูและดูแลผิวในเชิงโครงสร้างภายใน ในส่วนของ Gouri เป็นกลุ่มของ Collagen Stimulator ที่จะเน้นเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู รูขุมขนเล็กลง ลดเลือนริ้วรอย โดยมีส่วนประกอบหลักเป็น Liquid PCL (Polycaprolactone) ซึ่งเป็นสารประกอบเดียวกับไหมละลายแต่อยู่ในรูปแบบของเหลว
Profhilo vs ฟิลเลอร์ทั่วไป
Profhilo ใช้นวัตกรรมในการผลิตที่ทำให้โมเลกุลสามารถกระจายตัวในชั้นผิวแต่ละชั้นได้ดี มีความเข้มข้นที่สูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เน้นในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน ปรับโครงสร้างและฟื้นฟูผิวจากภายใน โดยไม่ทำให้รูปทรงใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่การฉีดฟิลเลอร์ แบบทั่วไปจะเน้นในเรื่องของการเติมเต็มส่วนที่หายไป เพิ่มสัดส่วนของโครงหน้า ปรับรูปหน้าให้มีความสมดุลมากขึ้น
ฉีด Profhilo ราคาเท่าไร?
ราคาในการฉีด Profhilo จะขึ้นอยู่กับระดับปัญหา ปริมาณ จำนวนครั้ง ตำแหน่ง เทคนิค ความต้องการของคนไข้ ประสบการณ์ของแพทย์ และโปรโมชันในแต่ละคลินิก โดยราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 – 40,000 บาทต่อหนึ่งกล่อง (2 cc) แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรง จะช่วยให้ได้รับรายละเอียดและข้อมูลเฉพาะรายบุคคลที่ครบถ้วนถูกต้องมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Profhilo (FAQ)
Profhilo มีส่วนประกอบเป็น HA เข้มข้น และเห็นหัตถการฉีดผิวสวย ซึ่งมีความใกล้เคียงกับกลุ่มของ Skin Booster อื่น ๆ ทำให้หลายคนมีความสงสัยหรือเข้าใจผิดในหลายประเด็น ในเนื้อหาต่อไปนี้จึงได้รวบรวมเอาส่วนหนึ่งของคำถามที่พบบ่อยและคำตอบว่าไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
Q: การฉีด Profhilo เจ็บไหม?
A: การฉีด Profhilo จะมีการทายาชาก่อนทำ เพื่อช่วยให้ระหว่างฉีดไม่รู้สึกเจ็บ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ไปแล้วอาจมีอาการระบมหรือปวดได้บ้างเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ ซึ่งจะหายไปได้เองในระยะเวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับระบบการฟื้นฟูตัวเองของร่างกายแต่ละคนที่แตกต่างกัน
Q: หลังฉีด Profhilo ดูแลอย่างไรให้อยู่นาน?
A: เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีด Profhilo อยู่ได้นานยิ่งขึ้น แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังทำเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและลดโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้ตัวยาทำงานได้น้อยลง เช่น งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ ในช่วง 1 – 2 วันแรก งดนวด กด บีบ หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ฉีด งดเข้าซาวน่า อบไอน้ำ หรือทำกิจกรรมที่ต้องเจอความร้อนสูงในช่วงแรก งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อหรืออักเสบ หมั่นทาครีมบำรุงและมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรง สุขภาพดี ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานขึ้น
Q: Profhilo, Scultra กับ Radiesse ต่างกันอย่างไร?
A: Profhilo, Sculptra และ Radiesse ถึงแม้จะอยู่ในกลุ่มของ Skin Booster เหมือนกัน แต่มีคุณสมบัติและจุดเด่นที่ต่างกัน ในส่วนของ Profhilo เป็น Hyaluronic Acid เข้มข้นที่กระจายตัวในทุกชั้นผิวได้ดี สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ช่วยเติมความชุ่มชื้นและปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน กระตุ้นคอลลาเจน ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ ในส่วนของ Sculptra เป็น Poly-L-Lactic Acid ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ช่วยยกกระชับ ผิวเรียบเนียน ฟื้นฟูผิวจากภายในช่วยให้ผิวแน่นเฟิร์มอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับ Radiesse เป็น Calcium Hydroxylapatite ที่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป เพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า เห็นผลลัพธ์ยกกระชับได้หลังทำ พร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินในระยะยาว
Q: เลือกฉีด Profhilo ที่ไหนดีให้ปลอดภัย?
A: เพื่อให้การฉีด Profhilo ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัย ควรพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกัน ได้แก่ คลินิกมีความน่าเชื่อถือเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง แพทย์มีประสบการณ์ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้สามารถตรวจสอบได้ ห้องทำหัตถการสะอาดได้มาตรฐาน อุปกรณ์ผ่านการฆ่าเชื้อ มีรัวิวผลลัพธ์จากคนไข้จริงให้ดูเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
Q: ฉีด Profhilo อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอะไร?
A: สำหรับการฉีด Profhilo เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย เนื่องจากผ่านการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจากทั้ง US FDA, CE Mark และ อย. ไทย นอกจากนั้นยังเป็น HA ที่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่เกิดการตกค้างในร่างกาย โดยหลังทำอาจมีอาการระบมหรือเจ็บได้บ้างเล็กน้อยในตำแหน่งที่ฉีด และอาจมีรอยเข็มเป็นจุดแดงเล็ก ๆ ซึ่งจะหายไปได้เองในระยะเวลา 2 – 3 วัน ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของร่างกายแต่ละคน เพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์
สรุป
Profhilo คือ หัตถการฉีดผิวที่ใช้ Hyaluronic Acid ความเข้มข้นสูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้เพิ่มขึ้น เน้นการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิวจากภายในให้แข็งแรงขึ้น ผิวกระจ่างใสไม่โทรม ช่วยชะลอความเสื่อมของผิว แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น สามารถนำไปฉีดได้ทั้งบริเวณใบหน้า ลำคอ เนินอก หรือหลังมือได้อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการดูแลผิวพรรณและใบหน้าให้ดูดีขึ้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Aesthetic เพื่อรับการประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะรายบุคคล

