บทความ
โบท็อกแท้เช็กอย่างไร ทำไมไม่ควรฉีดโบท็อกปลอม อันตรายอย่างไรหากฉีด
แชร์ :

โบท็อกแท้เช็กอย่างไร ทำไมไม่ควรฉีดโบท็อกปลอม อันตรายอย่างไรหากฉีด

โบท็อกแท้เช็กอย่างไร
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

โบท็อกแท้เป็นโบท็อกที่มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อการนำมาฉีด แต่ในปัจจุบันโบท็อกเป็นหัตถการยอดนิยมจึงมักมีของปลอมออกมาปะปนอยู่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก่อนฉีดควรที่จะตรวจสอบโบท็อกให้ละเอียดก่อนว่าเป็นโบท็อกแท้ โดยในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้ว่าโบท็อกปลอมอันตรายอย่างไร ทำไมไม่ควรฉีดโบท็อกหิ้ว รวมถึงวิธีเช็กโบท็อกก่อนฉีดค่ะ

Key Takeaway

  • โบท็อกปลอมอาจมีสารปนเปื้อน ไม่มีตัวยาออกฤทธิ์จริง หรือเสื่อมสภาพจากการขนส่ง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดื้อยา และใบหน้าเสียรูป
  • โบท็อกแท้ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ 2–8 องศาเซลเซียส หากไม่ได้ควบคุมความเย็นระหว่างขนส่ง ยาจะเสื่อมและไม่มีฤทธิ์ทันที
  • หากฉีดโบท็อกปลอมซ้ำหรือในปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันจนดื้อยา ซึ่งไม่สามารถรักษาได้ในระยะสั้น
  • การเช็กโบท็อกแท้ควรดูฉลากภาษาไทย เลข อย. วันหมดอายุ เลขล็อต และ QR Code ที่สามารถสแกนตรวจสอบได้
  • โบท็อกแท้ทุกขวดต้องมาจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น และควรให้แพทย์แกะกล่องผสมยาให้ดูต่อหน้า
  • อย่าเลือกฉีดจากราคาเพียงอย่างเดียว เพราะโบท็อกปลอมมักจะราคาถูก และฉีดโดยผู้ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ
  • ก่อนฉีดโบท็อกเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง ดำเนินการโดยแพทย์ที่ตรวจสอบได้ และเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างโปร่งใส

โบท็อกปลอมคืออะไร? ทำไมต้องระวัง?

โบท็อกปลอม คือ โบท็อก ที่ไม่ได้มาตรฐานไม่ได้รับการรับรองจาก อย. หรือมีการลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย อาจเป็นยี่ห้อที่ไม่คุ้นชื่อ ผลิตจากแหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือแม้แต่โบท็อกแบรนด์ดังที่ถูกหิ้วเข้ามาโดยไม่มีการควบคุมคุณภาพระหว่างการขนส่ง ซึ่งอาจเป็นของหมดอายุ เก็บรักษาผิดวิธีจนเสื่อมสภาพจากอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ทำให้ตัวยาไม่มีประสิทธิภาพหรือเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ หรือบางครั้งอาจพบว่าไม่มีสารสำคัญอย่าง Botulinum Toxin A อยู่ในตัวยาเลย หรือมีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย ซึ่งเมื่อฉีดไปแล้วอาจส่งผลต่อความปลอดภัย และสุขภาพของผู้ที่ฉีดได้ 

วิธีดูโบท็อกแท้ ต้องเช็กอะไรบ้าง?

ก่อนเข้าฉีดโบท็อกควรตรวจสอบความถูกต้องของตัวยาอย่างรอบด้าน เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าได้รับยาแท้ ไม่ใช่ของปลอมที่อาจเสื่อมคุณภาพหรือเป็นอันตราย การสังเกตและตรวจเช็กโบท็อกแท้สามารถทำได้จากหลายจุดสำคัญ ดังนี้

ฉลากภาษาไทยและการรับรองจาก อย.

โบท็อกที่ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องมีฉลากภาษาไทยติดอยู่บนกล่องอย่างชัดเจน ระบุชื่อผลิตภัณฑ์ ยี่ห้อ ประเทศผู้ผลิต และชื่อบริษัทผู้นำเข้าที่ได้รับอนุญาตจาก อย. โดยต้องมีเลขทะเบียนที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่ควรมีร่องรอยการแก้ไข ขูดลบ หรือสติ๊กเกอร์ปิดทับซ้อนกัน รวมถึงข้อความต้องพิมพ์อย่างเรียบร้อย ไม่เบี้ยว หรือจางผิดปกติ

ตรวจสอบวันผลิต วันหมดอายุ และหมายเลขล็อต (Lot Number)

กล่องโบท็อกที่ได้มาตรฐานจะพิมพ์ข้อมูลวันผลิต วันหมดอายุ และหมายเลขล็อตไว้อย่างชัดเจนในตำแหน่งที่มองเห็นง่าย ข้อมูลเหล่านี้ต้องตรงกันทั้งบนกล่องและขวดยา หากพบว่าหมายเลขไม่ตรงกัน หรือมีรอยขูด ลบ หรือติดสติ๊กเกอร์ทับ ควรตั้งข้อสงสัยทันที

ลักษณะของบรรจุภัณฑ์ต้องตรงกับของแท้

โบท็อกของแท้จากบริษัทผู้ผลิตจะมีบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ฝาขวดที่มีรูปแบบเฉพาะตัว กล่องต้องไม่มีรอยบุบ ซีลพลาสติกต้องแน่นหนา และสีของกล่องไม่ควรผิดเพี้ยน บางยี่ห้ออาจมีการติด hologram หรือบรรจุกล่องพร้อมวัสดุกันกระแทกด้านใน การสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้สามารถช่วยแยกแยะระหว่างของแท้และของเลียนแบบได้

ตรวจสอบ QR Code หรือ Serial Number

โบท็อกหลายยี่ห้อในปัจจุบัน เช่น Nobota หรือ Aestox มี QR Code หรือ Serial Number ที่สามารถสแกนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องผ่านแอปพลิเคชันของบริษัทผู้นำเข้า หรือเว็บไซต์ที่ระบุไว้ในฉลาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยยืนยันว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้อง

แพทย์ควรแกะกล่องและผสมตัวยาต่อหน้า

เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการสลับขวด ผู้รับบริการสามารถขอให้แพทย์แกะกล่อง เปิดขวด และผสมตัวยาให้ดูต่อหน้าได้ โบท็อกแท้จะต้องมาในรูปแบบผงเข้มข้นที่เกาะอยู่ก้นขวด และต้องผสมน้ำเกลือก่อนฉีด หากพบว่าเปิดขวดแล้วไม่ผสม หรือตัวยาดูผิดปกติ ควรหยุดการรักษาทันที พร้อมทั้งสามารถขอกล่องและขวดยากลับไปตรวจสอบ หรือลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานโดยการถ่ายรูป Lot Number

ตรวจสอบปริมาณยูนิตให้ตรงกับข้อมูลของผู้ผลิต

โบท็อกแต่ละยี่ห้อมีขนาดบรรจุที่ชัดเจน เช่น Allergan จะมีเพียงขนาด  50 ยูนิต และ100 ยูนิตเท่านั้นหากมีการโฆษณาฉีดในปริมาณที่น้อยเกินกว่านั้น เช่น 20 หรือ 120 ยูนิต โดยที่ลูกค้าไม่ได้เห็นการเปิดขวด และผสมยา อาจมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้ใช้ยาแท้เต็มขนาดหรือถูกแบ่งขวดมาโดยไม่ได้มาตรฐาน

เลือกคลินิกที่ได้รับอนุญาต และให้บริการโดยแพทย์จริง

โบท็อกแท้จากตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะจัดจำหน่ายเฉพาะให้กับแพทย์หรือโรงพยาบาลเท่านั้น หากฉีดกับหมอกระเป๋า หรือบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ มีโอกาสสูงมากที่ตัวยาจะเป็นของปลอม หรือของหิ้วซึ่งไม่มีการควบคุมคุณภาพอย่างถูกต้อง ดังนั้น ผู้รับบริการควรตรวจสอบรายชื่อแพทย์จากเว็บไซต์แพทยสภา เพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลากรทางการแพทย์จริง

โบท็อกแท้แต่ละยี่ห้อมีลักษณะอย่างไร?

  • Allergan โบท็อกจากประเทศอเมริกา กล่องสีขาวม่วง มีสติกเกอร์ซีลปิดแน่น ฝาขวดสีเงิน มีโฮโลแกรมคำว่า Allergan เอกสารกำกับภาษาไทย พร้อมเลข อย. และ QR Code จาก Meditop เลขล็อตบนกล่องต้องตรงกับขวดยา
  • Nabota โบท็อกจากประเทศเกาหลี กล่องดำทอง มีคำว่า Montana และโลโก้ Daewoong ฝาขวดเงิน พร้อมโฮโลแกรม “DW” มี QR Code สแกนแล้วหน้าจอขึ้นสีเขียว พร้อมข้อมูลตรงกับกล่องและขวด
  • Xeomin โบท็อกจากประเทศเยอรมัน กล่องขาวฟ้า ฝาขวดสีน้ำเงินเข้ม ขวดยามีผงผลึกสีขาว ไม่มีโปรตีนเจือปน มี QR Code ตรวจสอบได้ เลขล็อตต้องตรงกันทั้งกล่องและขวด
  • Aestox โบท็อกจากประเทศเกาหลี กล่องขาวแดง มีโฮโลแกรมด้านหน้า ฝาอะลูมิเนียม ขวดยามีตัวยาเกาะที่ก้น ต้องผสมน้ำเกลือก่อนใช้ มี QR Code และเอกสารภาษาไทย เลขล็อตตรงกัน
  • Dysport โบท็อกจากประเทศอังกฤษ กล่องเปิดจากด้านหน้าเท่านั้น มีเอกสารภาษาไทย เลข อย. และเลขล็อตที่ตรงกับขวดยา

ทำไมโบท็อกปลอมราคาถูก

โบท็อกปลอมสามารถตั้งราคาถูกกว่าปกติได้หลายเท่า เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตต่ำ ไม่ผ่านการควบคุมคุณภาพ บางกรณีอาจเป็นของเลียนแบบ ของหมดอายุ หรือไม่มี Botulinum Toxin จริง หรือบางครั้งตอนผสมกับน้ำเกลือมีการใส่น้ำเกลือเจือจางเกินมาตรฐาน เพื่อใช้กับหลายๆ คนจากขวดเดียว และบางครั้งผู้ที่ฉีดให้ไม่ใช้แพทย์จึงราคาถูก

โบท็อกแท้แพงกว่าเพราะอะไร

โบท็อกแท้แพงกว่าเพราะอะไร?

ส่วนที่โบท็อกแท้ราคาสูงกว่าโบท็อกปลอม เพราะใช้สารออกฤทธิ์ที่ผ่านการควบคุมความบริสุทธิ์สูง และผลิตด้วยมาตรฐานระดับสากล ขนส่งภายใต้การควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ มีภาษีนำเข้า และค่าขนส่งแบบแช่เย็นซึ่งเพิ่มราคาของต้นทุน นอกจากนี้ยังรวมค่าบริการจากแพทย์ผู้มีใบประกอบวิชาชีพ อุปกรณ์ที่ปลอดเชื้อ และการติดตามผลหลังการฉีดอย่างปลอดภัย พร้อมระบบรับประกันผลลัพธ์ ทำให้โบท็อกแท้จึงมีราคาที่สูงกว่าโบปลอมเยอะ

ฉีดโบท็อกแท้อันตรายไหม?

การฉีดโบท็อกแท้มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสาร Botulinum Toxin เป็นสารที่ในตอนแรกนำมาใช้รักษาอาการป่วยต่างๆ อย่างอาการตากระตุก โดยอาจผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังฉีด คือ อาการบวม ช้ำเล็กน้อยซึ่งหายได้เองในไม่กี่วัน ซึ่งควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะถ้าฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์สามารถกิดผลข้างเคียงที่ผิดปกติได้ เช่น หากฉีดผิดตำแหน่ง หรือฉีดปริมาณมากเกินไปจนทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว หนังตาตก หรือใบหน้าผิดสมดุล และเพื่อความปลอดภัย หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคระบบประสาท หรือผู้ที่แพ้สารในตัวยาควรหลีกเลี่ยง 

โบท็อกปลอมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

การใช้โบท็อกปลอมสามารถส่งผลกระทบได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยอาการที่เกิดขึ้นได้หลังฉีดโบท็อกปลอมมีดังนี้

  • โบท็อกปลอมอาจทำให้เกิดอาการปวด บวม ช้ำ หรือแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลจากสารที่ไม่ได้มาตรฐานหรืออุปกรณ์ที่ไม่ปลอดเชื้อ
  • สารที่ไม่มีความบริสุทธิ์ในโบท็อกปลอมอาจตกค้างใต้ผิวหนัง และก่อให้เกิดปัญหาเรื้อรัง เช่น อาการอักเสบ หรือดื้อยาโบท็อก
  • มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ เนื่องจากกระบวนการผลิตและการจัดเก็บไม่สะอาด หรือไม่มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม
  • อาจเกิดอาการแพ้จากสารปนเปื้อนหรือวัตถุดิบที่ไม่มีความบริสุทธิ์ ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าร่างกายจะตอบสนองอย่างไร
  • ใบหน้าอาจเสียสมดุล เช่น ฉีดโบท็อกแล้วตาตก คิ้วตก ยิ้มเบี้ยว หรือปากเอียง เพราะตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อมัดที่ไม่ได้ตั้งใจ
  • ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกอาจไม่ชัดเจน เช่น หน้าไม่ตึง กรามไม่ยุบ หรือยาหมดฤทธิ์เร็วกว่าปกติ
  • โบท็อกปลอมสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อตัวยา จนนำไปสู่ภาวะดื้อโบท็อก ซึ่งทำให้ฉีดครั้งต่อไปไม่ได้ผล
  • เมื่อเกิดภาวะดื้อโบท็อกการรักษาจะเป็นไปได้ยาก และต้องรอให้ภูมิต้านทานลดลงเอง ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายปี บางรายอาจดื้อโบท็อกถาวร
  • ผู้ที่ดื้อโบท็อกจะไม่เห็นผลจากการฉีดแม้เปลี่ยนยี่ห้อ แต่ถ้าโบท็อกมีความบริสุทธิ์ที่สูงมากอาจช่วยได้ แต่ถ้าช่วยไม่ได้ต้องหยุดการฉีดโบท็อกไปอย่างไม่มีกำหนด
  • มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงเกินปกติ หรืออาการชาในบางส่วนของร่างกาย

ถ้าเผลอฉีดโบท็อกปลอมเข้าไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น?

หากฉีดโบท็อกปลอมอาการผิดปกติอาจเริ่มภายใน 1 – 3 วัน เช่น บวม ตึงไม่เป็นธรรมชาติ ใบหน้าเบี้ยว หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากตัวยาที่กระจายผิดตำแหน่ง อาจมีอาการอักเสบ ติดเชื้อ หรือแพ้สารปนเปื้อนในยา ซึ่งอาจจะยังไม่แสดงอาการทันทีหากใช้โบท็อกปลอมซ้ำบ่อย ร่างกายอาจสร้างภูมิต้านทานจนดื้อยา ทำให้การฉีดครั้งต่อๆ ไปไม่ได้ผล แม้ใช้โบท็อกแท้ก็อาจไม่เห็นผลอีกนานหลายปี
และโบท็อกปลอมยังเสี่ยงต่อการตกค้างใต้ผิว ทำให้เกิดการสะสมของสารแปลกปลอม ใบหน้าผิดรูป หนังตาตก ปากเบี้ยว หรือดื้อโบท็อกได้ในระยะยาว หากพบว่าฉีดโบท็อกปลอมไปควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อทำการรักษา ไม่ให้เกิดความเสี่ยงในอนาคต

วิธีหลีกเลี่ยงโดนฉีดโบท็อกปลอม

วิธีหลีกเลี่ยงการโดนฉีดโบท็อกปลอม

การฉีดโบท็อกให้ปลอดภัยและได้ผลจริง ไม่เพียงแค่พิจารณาจากยี่ห้อของโบท็อกเท่านั้น แต่ควรใส่ใจทุกๆ รายละเอียด โดยมีวิธีดังนี้

  • ควรเลือกคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง มีป้ายชื่อสถานพยาบาลชัดเจน และผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สาธารณสุขหรือกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพทย์เป็นผู้ให้บริการจริง ไม่ใช่หมอกระเป๋าหรือบุคคลที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ โดยสามารถค้นหาชื่อ-นามสกุลของแพทย์ได้จากเว็บไซต์ของแพทยสภา
  • เลือกคลินิกที่เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส พร้อมให้ผู้รับบริการตรวจสอบยาโบท็อกก่อนฉีดได้ เช่น การแสดงกล่องยา เลขล็อต วันหมดอายุ หรือให้แพทย์แกะกล่องและผสมตัวยาให้ดูต่อหน้า
  • อย่าตัดสินใจจากราคาถูกเพียงอย่างเดียว เพราะโบท็อกของแท้จากตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้องมักมีต้นทุนใกล้เคียงกัน หากพบว่าคลินิกเสนอราคาต่ำผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่ากำลังใช้ยาหิ้วหรือของปลอม
  • หลังฉีดควรขอกล่องหรือขวดยากลับบ้าน หรือถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน เพื่อสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้หากเกิดปัญหา
  • หลีกเลี่ยงบริการนอกสถานพยาบาล เช่น การฉีดตามบ้าน คอนโด หรือสถานที่ที่ไม่ใช่คลินิก เพราะไม่มีการควบคุมด้านความสะอาด และมักเกี่ยวข้องกับยาที่ไม่ได้มาตรฐาน

โบท็อกแท้ที่ผ่านการนำเข้าโดยถูกต้องจะจัดจำหน่ายเฉพาะให้กับแพทย์หรือโรงพยาบาลเท่านั้น หากเป็นผู้ให้บริการที่ไม่ใช่แพทย์มีโอกาสสูงที่จะเป็นโบท็อกปลอม หรือโบท็อกหิ้ว ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและมาตรฐานโดยรวม มากกว่าการเลือกจากโปรโมชั่นหรือราคาที่ดึงดูดใจเพียงอย่างเดียว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อกแท้ (FAQ)

Q: ถ้าคลินิกไม่ยอมให้ดูขวดโบท็อกถือว่าน่าสงสัยไหม?
A: น่าสงสัย เพราะโบท็อกแท้สามารถตรวจสอบได้ ถ้าคลินิกไม่ยอมให้ดูไม่ควรฉีด เพราะอาจเป็นของปลอมได้

Q: สแกน QR Code แล้วขึ้นว่า “ไม่พบข้อมูล” แปลว่าเป็นของปลอมหรือเปล่า?
A: อาจมีโอกาสเป็นของปลอมได้ แต่บางครั้งอาจเกิดระบบขัดข้องได้ จึงควรดูรายละเอียดอย่างอื่นประกอบด้วย

Q: โบท็อกที่ไม่มีฉลากภาษาไทยแต่ดูใหม่และซีลแน่น ยังถือว่าใช้ได้ไหม?
A: ถ้าเป็นโบท็อกแท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้อง ต้องมีฉลากภาษาทุกตัวถ้าไม่มีฉลากอาจเป็นโบท็อกหิ้วที่เก็บรักษาไม่ดีได้

Q: ราคาต่อยูนิตที่ปลอดภัยควรเริ่มต้นประมาณเท่าไหร่?
A: ปกติแล้วราคาโบท็อกจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ โดยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 10,000 สำหรับ 50 ยูนิต และ 3,000 – 20,000 สำหรับ 100 ยูนิต

Q: โบท็อกปลอมสามารถทำให้ดื้อโบท็อกถาวรได้จริงไหม?
A: โบท็อกปลอมสามารถทำให้ร่างกายดื้อโบท็อกถาวรได้จริง เพราะตัวยาที่ไม่บริสุทธิ์อาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อสารโบทูลินัมท็อกซิน

Q: โบท็อกแท้จากต่างประเทศที่ซื้อออนไลน์เองถือว่าปลอดภัยไหม?
A: โบท็อกแท้ที่ซื้อนำเข้าเองจากต่างประเทศแม้เป็นของจริงก็ไม่ปลอดภัย เพราะไม่มีการควบคุมอุณหภูมิและคุณภาพระหว่างขนส่งอาจทำให้ยาเสื่อมสภาพได้

Q: สามารถขอใบรับรองหรือเอกสารจากคลินิกได้ไหมว่าใช้โบท็อกแท้?
A: สามารถขอใบรับรองหรือเอกสารจากคลินิกได้หากใช้โบท็อกแท้ คลินิกที่ได้มาตรฐานจะยินดีแสดงหลักฐานให้ตรวจสอบ

Q: ฉีดโบท็อกแล้วเห็นผลไวมากใน 1 วัน เป็นสัญญาณผิดปกติหรือเปล่า?
A: เห็นผลภายใน 1 วันถือว่าเร็วผิดปกติ เพราะปกติแล้วโบท็อกจะรู้ตึงในช่วง 3 – 5 วันแรก และจะค่อยๆ เห็นว่า ริ้วรอย ลดลงเมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ หากกังวลควรปรึกษาแพทย์

สรุป

โบท็อกปลอมอันตรายทั้งต่อร่างกาย และผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด ซึ่งอาจเกิดการติดเชื้อ ใบหน้าเบี้ยว หรือดื้อยาในระยะยาว ดังนั้นการตรวจสอบโบท็อกก่อนฉีดจึงเป็นสิ่งจำเป็นทั้งการดูฉลากภาษาไทย เลข อย. เลขล็อต วันหมดอายุ และ QR Code ที่ตรวจสอบได้จริง รวมถึงเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ดำเนินการโดยแพทย์ที่ตรวจสอบได้เท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจว่าได้รับโบท็อกแท้ มีคุณภาพ และปลอดภัย โดยที่ Vincent Clinic Aesthetic เราใส่ใจในทุกขั้นตอน ใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์แท้จากตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ พร้อมให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาปลอดภัย และตรงตามความต้องการของแต่ละคน

Scroll to Top