Key Takeaways
- ผิวแห้งคือสภาพผิวตามธรรมชาติ ที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเคลือบผิวได้น้อย ส่งผลให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ จึงทำให้ผิวแห้งสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย มีลักษณะตึง หยาบกร้าน ลอกเป็นขุย และขาดความยืดหยุ่น พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีพันธุกรรม และผู้ที่อยู่ในสภาพอากาศแห้งเย็น
- สาเหตุของผิวแห้งมาจากพันธุกรรม อายุที่มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โรคผิวหนัง รวมถึงสภาพแวดล้อม เช่น อากาศเย็นจัด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำลายเกราะผิว
- ผิวแห้งที่ไม่ได้รับการดูแลอาจก่อให้เกิดผลเสีย เช่น ผิวหมองคล้ำ ระคายเคืองง่าย แสบคัน แต่งหน้าไม่ติด และมีโอกาสเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้มากกว่าผิวปกติ
- สัญญาณเตือนผิวแห้ง ได้แก่ ผิวตึงหลังล้างหน้า ผิวลอกเป็นขุย สัมผัสแล้วหยาบสาก ผิวหมองคล้ำ และเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ให้เห็นชัดเจน
- การดูแลผิวแห้งที่เหมาะสม คือหลีกเลี่ยงน้ำร้อน ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีหลังล้างหน้า/อาบน้ำ โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่าง Ceramide, Hyaluronic Acid, Glycerin หรือ Shea Butter เพื่อเสริมความชุ่มชื้นให้ผิวแห้ง
- ผิวแห้งที่มีอาการรุนแรง เช่น ลอกแตกจนมีเลือดซึม ผื่นแดง หรือแสบคันมาก ควรเข้าพบแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินและป้องกันการลุกลามของปัญหาผิว
- การรักษาและฟื้นฟูผิวแห้งเพิ่มเติมสามารถทำได้ด้วยหัตถการ เช่น IV Drip, Mesotherapy, Juvelook หรือ Rejuran ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื้น เสริมคอลลาเจน และฟื้นฟูสุขภาพผิวจากภายใน
ผิวแห้ง ไม่ใช่แค่เรื่องของผิวที่มีความหยาบกร้านหรือแต่งหน้าไม่ติด แต่ยังเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่าผิวกำลังขาดสมดุลหากไม่รีบดูแลอาจลุกลามจนนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงตามมาได้ เช่น ผิวระคายเคือง ผิวหมองคล้ำ ผิวโทรม เกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวขาดความชุ่มชื้นในระยะยาว เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีเรื่องของความสับสนที่หลายคนยังไม่เข้าใจระหว่าง ผิวแห้ง และ ผิวขาดน้ำ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร มีสาเหตุมาจากอะไร แก้ไขได้ด้วยวิธีใดบ้าง สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมจากข้อมูลที่ Vincent Clinic Aesthetic ได้รวบรวมมาให้ไว้ในเนื้อหาต่อไปนี้ได้เลย
ผิวแห้ง (Dry Skin) คืออะไร?
ผิวแห้ง เป็นผิวที่มีลักษณะหยาบกร้าน แห้งตึง ลอกเป็นขุย ต่อมไขมันผลิตน้ำมันสำหรับเคลือบผิวได้น้อยกว่าปกติ โดยทั่วไปมักพบว่าเป็นลักษณะของหนึ่งใน Skin Type ตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับบางคน โดยอาจพบได้ในกลุ่มผู้สูงอายุและคนที่อยู่ในสภาพอากาศที่มีความแห้งค่อนข้างมาก ซึ่งประเภทของผิวชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ส่งต่อมาจากกรรมพันธุ์ โรคประจำตัว ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อมที่ทำร้ายผิว หรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
ผิวแห้งกับผิวขาดน้ำต่างกันอย่างไร
ผิวแห้ง คือสภาพผิวที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันน้อยเกินไป จึงเป็นลักษณะผิวถาวรที่ทำให้ผิวตึง หยาบกร้าน และลอกง่าย ขณะที่ ผิวขาดน้ำ เป็นภาวะชั่วคราวที่เกิดจากการสูญเสียน้ำในผิว บางครั้งยังมีความมันอยู่แต่ผิวจะดูหมอง แห้งตึง และเป็นขุย ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกสภาพผิวและกลับมาสมดุลได้เมื่อได้รับการเติมน้ำและการดูแลที่เหมาะสม
ตารางเปรียบเทียบผิวแห้ง vs ผิวขาดน้ำ
หัวข้อ | ผิวแห้ง (Dry Skin) | ผิวขาดน้ำ (Dehydrated Skin) |
สาเหตุ | ต่อมไขมันผลิตน้ำมันน้อยกว่าปกติ เป็นลักษณะเฉพาะที่ส่งต่อจากพันธุกรรม | ความชุ่มชื้นในผิวถูกดึงออกไปมากกว่าปกติ |
ลักษณะ | ผิวแห้งตึง ลอกเป็นขุย หยาบกร้าน | ผิวมีความมันแต่ลอก มีความหมองคล้ำ ผิวโทรม |
เกิดขึ้นกับใคร | เป็นประเภทของสภาพผิวชนิดหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นกับบางคนตั้งแต่กำเนิด | เป็นอาการผิดปกติของผิวเกิดได้กับทุกสภาพผิว |
การดูแลที่เหมาะสม | เน้นในเรื่องของการเพิ่มน้ำมันหรือความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำ | เน้นเรื่องของการเติมน้ำให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมหรือสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้ผิวเกิดปัญหา |
ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ | เน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อบาล์ม เนื้อครีมเข้มข้น | เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา ช่วยเติมน้ำให้ผิวแต่ไม่ทำให้หน้ามัน เช่น essence เซรั่ม เจลครีม แอมพูล เป็นต้น |
**ตารางนี้เป็นการเปรียบเทียบเบื้องต้นเท่านั้น ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับรายบุคคล
ผิวแห้งส่งผลเสียอย่างไรบ้าง?
ผิวแห้งหากไม่ดูแลอย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ สามารถส่งผลเสียได้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ ปัญหาผิวต่างๆ ที่จะตามมาในอนาคต รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีรายละเอียดของผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
- ผิวระคายเคืองง่าย เมื่อผิวแห้งไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมจะทำให้ผิวอ่อนแอลง ไวต่อสิ่งแวดล้อม และมลภาวะที่เข้ามากระตุ้นทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
- เกิดริ้วรอยก่อนวัย เมื่อผิวสูญเสียความยืดหยุ่นจากปัญหาผิวแห้ง จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด ริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ ได้เร็วและมากกว่าคนทั่วไป
- หน้าโทรมไม่สดใส การที่ผิวมีอาการแห้งกร้าน ผิวหยาบ จะทำให้เกิด หน้าโทรมหมองคล้ำ ผิวไม่เปล่งปลั่ง จึงส่งผลทำให้ผิวพรรณและใบหน้าโดยรวมดูโทรมไม่สดใสได้อย่างชัดเจน
- ผิวลอกเป็นขุยและแสบคัน เนื่องจากคนผิวแห้งไวต่อการระคายเคืองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่เย็นจัดหรือแห้งมาก จะยิ่งทำให้ผิวลอกเป็นขุยหนักกว่าเดิมและเกิดอาการแสบคันตามมา
- แต่งหน้าไม่ติดทน เนื่องจากผิวไม่เรียบเนียน ขาดความชุ่มชื้น จึงทำให้เครื่องสำอางเกาะผิวได้ไม่ดี แต่งหน้าไม่ติด เครื่องสำอางลอกเป็นคราบ ไม่กลืนไปกับผิว
สัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวแห้ง
สำหรับสัญญาณของผิวแห้งที่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ ซึ่งการสังเกตผิวจะช่วยให้ดูแล และป้องกันได้อย่างรวดเร็ว ไม่ลุกลามจนเกิดเป็นปัญหาร้ายแรงซึ่งจะทำให้รักษาได้ยากหรือใช้เวลานานในการฟื้นฟู โดยมีรายละเอียดของสัญญาณเตือนที่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
- ผิวตึง หลังล้างหน้า หรืออาบน้ำ จะรู้สึกได้ว่าผิวมีความตึงมากกว่าปกติแม้จะใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า หรือครีมอาบน้ำแบบเดิม
- คันหรือแสบผิว หลังการล้างหน้าหรืออยู่ในที่มีอากาศเย็นเพียงเล็กน้อย นอกจากจะรู้สึกตึงผิวแล้ว ยังมีอาการแสบคันหรือผิวแดงจากความระคายเคืองร่วมด้วย
- ผิวลอกเป็นขุย สามารถพบเศษผิวหนังที่ลอกออกมาเป็นขุย สามารถเห็นได้ชัดเจนบริเวณแก้ม ข้างจมูก รอบปาก เป็นต้น
- ผิวหยาบกร้าน สังเกตเห็นได้ชัดเวลาที่มีการสัมผัสหรือลูบบริเวณผิว โดยจะรู้สึกถึงความสาก ไม่นุ่มลื่น ผิวไม่เรียบเนียน
- ผิวหมองคล้ำ เนื่องจากผิวที่แห้งกร้าน ผิวลอกไม่สม่ำเสมอ เกิดความหมองคล้ำ ไม่สดใส มีจุดด่างดำ เวลาที่ทาครีมบำรุงจะซึมลงสู่ชั้นผิวได้ไม่เท่ากัน เพราะถูกขัดขวางจากเศษของผิวหนังที่ลอกออกมาไม่สม่ำเสมอ
- ริ้วรอยเล็กๆ เวลาที่ผิวแห้งจะทำให้สูญเสียความยืดหยุ่นทำให้เกิดเป็นริ้วรอยได้ง่ายกว่าคนทั่วไป หากไม่ดูแลให้ดีริ้วรอยจะยิ่งชัดเจนมากขึ้น
วิธีดูแลผิวแห้งเบื้องต้น
หากใครที่เป็นคนผิวแห้ง ควรดูแลผิวอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง สุขภาพดี ป้องกันและชะลอการเกิดปัญหาที่จะตามมาในอนาคต โดยสามารถดูแลได้ด้วยตัวเองเบื้องต้น ดังนี้
- หลีกเลี่ยงน้ำร้อน เวลาอาบน้ำหรือล้างหน้า แนะนำให้หลีกเลี่ยงน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนเพราะจะทำให้รูขุมขนเปิดกว้างผิวจึงแห้งได้ง่าย ควรเลือกเป็นน้ำอุณหภูมิปกติจะดีต่อผิวมากกว่า
- บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ หลังจากล้างหน้าหรืออาบน้ำควรทา มอยส์เจอไรเซอร์ ลงผิวภายใน 3 – 5 นาที จะช่วยให้ครีมบำรุงซึมเข้าผิวได้ง่าย ทั้งยังช่วยล็อกความชื้นให้อยู่กับผิวได้นานยิ่งขึ้น
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว นอกจากการเลือกครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ มีเนื้อเข้มข้นช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ควรเลือกที่เป็นสูตรอ่อนโยนเพื่อลดการระคายเคืองของผิวให้น้อยลง ไม่ซ้ำเติมผิวทำให้เกิดความแห้งมากขึ้นไปอีก
ผิวแห้งแบบไหนไม่เหมาะกับการดูแลด้วยวิธีธรรมชาติ?
สำหรับคนที่มีผิวแห้งมากๆ มีอาการระคายเคืองรุนแรง แพ้ง่าย หรือมีโรคผิวหนังร่วมด้วย ควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อลดการลุกลามของปัญหาและให้แพทย์ช่วยประเมินพร้อมทั้งวางแผนการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด ทำให้ผิวฟื้นตัวได้เร็ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ไม่เกิดริ้วรอย หรือจุดด่างดำ กวนใจบนผิว
เลือกผลิตภัณฑ์อย่างไรให้เหมาะกับผิวแห้ง?
เนื่องจากคนผิวแห้งมีโอกาสสูงที่จะเกิดการระคายเคืองหรือไวต่อสารเคมีได้ง่าย จึงควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีอื่น ๆ ที่มีความรุนแรงต่อผิวมากเกินไป แนะนำให้เลือกที่มีส่วนผสมของ Ceramide, Hyaluronic Acid และ Glycerin จะช่วยทำให้สามารถกักเก็บน้ำในผิวได้นานขึ้น ผิวชุ่มชื้น เต่งตึง เรียบเนียน เสริมเกราะให้ผิวแข็งแรงสุขภาพดี
ผิวแห้งควรพบแพทย์เมื่อไร?
หากคนผิวแห้งดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับปัญหาและสภาพผิว แต่ก็ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหรือเกิดอาการระคายเคืองมีผื่นแดง ผิวแห้งแตกมีเลือดซึม ลอกเป็นขุย มากกว่าเดิม แนะนำให้เข้ามาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที อย่าปล่อยให้อาการผิดปกติเหล่านี้ลุกลามเพราะอาจทำให้ผิวเสียหายหนักจนรักษาได้ยากในอนาคต
หัตถการหรือทรีตเมนต์ที่เหมาะกับคนผิวแห้ง มีอะไรบ้าง?
สำหรับคนผิวแห้ง นอกจากจะต้องดูแลตัวเองเบื้องต้นที่บ้านแล้ว การเลือกใช้หัตถการหรือ Skin Booster ที่ถูกพัฒนามาเพื่อฟื้นฟู เติมความชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงของผิวจากภายใน จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน รวดเร็ว โดยมีหัตถการที่เหมาะสม ดังนี้
- ดริปวิตามินผิว (IV Drip) เป็นการเติมสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่มีประโยชน์ให้กับผิวผ่านทางสายน้ำเกลือ ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้ทันทีอย่างเต็มที่ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน กระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจน ผิวกระจ่างใส ร่างกายรู้สึกสดชื่นมากขึ้น
- เมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นการฉีดสารสกัดเข้มข้นที่เต็มไปด้วย วิตามินซี วิตามินเอ โคเอนไซม์คิวเท็น มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ฟื้นฟูผิวจากภายใน เติมความชุ่มชื้น ผิวกระจ่างใส สุขภาพดี
- Juvelook เป็น Hybrid Biostimulator ที่สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เพิ่มขึ้น มี Hyaluronic Acid ที่ช่วยผิวอิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอยให้จางลง ผิวฉ่ำวาว กระจ่างใส เรียบเนียนมากขึ้น
- Rejuran เป็นสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนที่อยู่ในทะเลตามธรรมชาติ สามารถช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวจากภายใน ทำให้ผิวโกลว์ฉ่ำวาว ได้งานผิว Glass Skin ลดเลือนจุดด่างดำ ผิวกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผิวแห้ง (FAQ)
หลายคนที่มีปัญหาผิวแห้งมักจะสงสัยว่าจริง ๆ แล้วควรดูแลผิวอย่างไร เลือกผลิตภัณฑ์แบบไหน หรืออาการที่เป็นอยู่ถือว่าผิดปกติหรือไม่ เพื่อจะได้เข้าใจผิวตัวเองมากขึ้น และสามารถดูแลได้อย่างเหมาะสม ในเนื้อหาต่อไปนี้จึงได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยมาไว้ให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจและช่วยไขข้อข้องใจให้กระจ่างยิ่งขึ้น ดังนี้
Q: ผิวแห้งสามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม?
A: โดยทั่วไปผิวแห้งเป็นลักษณะผิวตามธรรมชาติที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นผิวมันหรือผิวผสมได้ แต่สามารถดูแลให้อาการแห้งตึงลดลง เติมความชุ่มชื้น เสริมความแข็งแรงและสุขภาพดีให้กับผิวได้ หากดูแลอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
Q: ผิวแห้งควรล้างหน้าวันละกี่ครั้ง?
A: สำหรับคนที่มีสภาพผิวเป็นผิวแห้ง แนะนำว่าควรล้างหน้าไม่เกินวันละ 2 ครั้ง (เช้า–เย็น) หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีฟองเยอะๆ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือซัลเฟต เพราะจะยิ่งดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว ทำให้ผิวยิ่งแห้งและเกิดปัญหาผิวตามมาได้มากขึ้น
Q: ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์แบบไหนสำหรับผิวแห้ง?
A: ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เน้นให้ความชุ่มชื้นหรือมีการเคลือบผิวเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออกไป เช่น Shea Butter, Petrolatum, Ceramides จะช่วยให้ผิวแข็งแรง ชะลอการเกิดริ้วรอย ลดการเกิดปัญหาผิวลดน้อยลง
Q: ผิวแห้งจำเป็นต้องทากันแดดไหม?
A: ไม่ว่าจะเป็นคนผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม การทากันแดดเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เพราะแสงแดดสามารถทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ทำลายคอลลาเจน กระตุ้นการเกิดจุดด่างดำได้มากขึ้น หากไม่มีการเสริมเกราะป้องกันผิวจะทำให้รังสี UVA และ UVB ทะลุลงไปทำร้ายผิวได้เยอะยิ่งขึ้น
Q: การดื่มน้ำมากๆ ช่วยแก้ผิวแห้งได้จริงหรือไม่?
A: เนื่องจากร่างกายประกอบไปด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในระบบเลือดต่างก็ต้องอาศัยน้ำเป็นตัวกลางที่จะช่วยลำเลียงสารอาหารเพื่อไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย หากดื่มน้ำน้อยเซลล์ผิวจะแห้งไม่เต่งตึง เลือดไหลเวียนไม่ดี สารอาหารไปไม่ถึง ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา นอกจากนั้นการทาครีมหรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อเป็นช่วยเสริมผลลัพธ์ในการดูแลผิวให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถทำควบคู่ไปกับการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันได้
Q: ผิวแห้งกับผิวแพ้ง่าย คือสิ่งเดียวกันหรือเปล่า?
A: ผิวแห้ง และ ผิวแพ้ง่าย ไม่เหมือนกัน แต่ผิวแห้งมีแนวโน้มที่จะแพ้ง่ายหรือไวต่อสิ่งเร้าภายนอกได้มากกว่าผิวปกติทั่วไป หากเกราะป้องกันผิวอ่อนแอจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัญหาผิวแพ้ง่ายสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว
สรุป
ผิวแห้งเป็นลักษณะของสภาพผิวประเภทหนึ่งส่งผลต่อทั้งสุขภาพผิว และความมั่นใจ หากไม่รีบดูแลก็อาจนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงขึ้น เช่น ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอยก่อนวัย ระคายเคืองหรือแพ้ง่าย หากดูแลไม่เหมาะสมจะยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามจนแก้ไขได้ยากในอนาคต สำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้กระจ่างใส อ่อนเยาว์ ผิวแข็งแรงสุขภาพดี แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของ Vincent Clinic Aesthetic เพื่อรับการวิเคราะห์สภาพผิว ประเมินปัญหา และวางแผนการรักษาเฉพาะรายบุคคล