บทความ
Filorga คืออะไร มีข้อดีเรื่องอะไรบ้าง หลังจากฉีดอยู่ได้นานแค่ไหน
แชร์ :

Filorga คืออะไร มีข้อดีเรื่องอะไรบ้าง หลังจากฉีดอยู่ได้นานแค่ไหน

filorga คืออะไร
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

Filorga เป็นหนึ่งในตัวช่วยบำรุงผิว แก้ไขปัญหาผิวต่างๆ ซึ่งกำลังเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจจะมีหลายคนที่ยังไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักแบบเจาะลึกกับ Filorga ว่าคืออะไร ช่วยอะไรเกี่ยวกับผิวบ้าง และเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่ควรรู้ ได้รวบรวมทั้งหมดมาให้แล้วค่ะ

Key Takeaway

  • Filorga คือผลิตภัณฑ์กลุ่มเมโสหน้าใสที่มีสารบำรุงมากกว่า 50 ชนิด เพื่อฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวแบบเข้มข้นและเห็นผลจริง
  • Filorga มี 2 สูตรหลัก คือ NCTF-135 HA และ MHA-10 โดยสูตร NCTF-135 HA เน้นฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า ลดหมองคล้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น และกระชับรูขุมขน ส่วน MHA-10 พัฒนาสำหรับดูแลผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ
  • ข้อดีของการฉีด Filorga คือช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส อิ่มฟู และเรียบเนียนขึ้น แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง และริ้วรอยตื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงของผิว
  • Filorga ต่างจากเมโสหน้าใสทั่วไปและ Skin Booster ทั่วไป เพราะมีส่วนผสมที่หลากหลายกว่า ไม่ได้เน้นแค่ความใสชั่วคราว แต่ฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระดับเซลล์ 
  • Filorga  เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง ผิวโทรม รูขุมขนกว้าง ใต้ตาคล้ำ หรือเริ่มมีริ้วรอยตื้นๆ รวมถึงผู้ที่ใช้สกินแคร์ทั่วไปแล้วไม่เห็นผล หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวก่อนออกงานแบบเร่งด่วนโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • Filorga เริ่มเห็นผลภายใน 3 – 7 วันหลังฉีด และเห็นผลชัดที่สุดในช่วง 1–2 สัปดาห์ โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 2 – 4 เดือน
  • การฉีด Filorga ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่อาจมีรอยแดงหรือรอยเข็มเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปได้เองในไม่กี่วัน 

Filorga คืออะไร มีส่วนผสมและคุณสมบัติอะไรบ้าง

Filorga คือ นวัตกรรมด้านเวชสำอางในกลุ่ม เมโสหน้าใส จากประเทศฝรั่งเศสที่ถูกออกแบบมาเพื่อการฟื้นฟูคุณภาพผิวอย่างล้ำลึก โดยจะทำการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรงช่วยให้ผิวที่อ่อนแอ กลับมามีสุขภาพดี ชุ่มชื้น และเปล่งประกายได้อีกครั้ง ซึ่ง Filorga นั้นมีความเข้มข้นสูงเพราะประกอบด้วยสารออกฤทธิ์มากถึง 59 ชนิด ซึ่งรวมถึงกรดไฮยาลูโรนิก วิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมและกระตุ้นเซลล์ผิว ช่วยเสริมสร้างไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญในการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ส่งผลให้ผิวดูเต่งตึงและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น

Filorga ต่างจากเมโสหน้าใสและ Skin Booster ทั่วไปอย่างไร?

Filorga เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มเมโสหน้าใส ช่วยฟื้นฟูผิวใบหน้า แต่ก็มีความแตกต่างจากเมโสหน้าใสยี่ห้ออื่นๆ และ Skin Booster ดังนี้

Filorga ต่างจากเมโสหน้าใสอื่นๆ อย่างไร?

เมโสหน้าใสทั่วไป เช่น Vitamin C, Pink Glow หรือ Made Collagen จะเน้นการบำรุงผิวชั้นตื้น เพิ่มความใส ลดสิว ลดฝ้าแบบชั่วคราว ผลลัพธ์เห็นเร็วแต่ไม่ลึก และไม่ฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยตรง

ส่วน Filorga มีส่วนผสมของสารบำรุงกว่า 50 ชนิด เช่น HA วิตามิน กรดอะมิโน และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์ กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย และเสริมความแข็งแรงของผิว เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน

Filorga ต่างจาก Skin Booster อื่นๆ อย่างไร?

Skin Booster อย่าง Sculptra, Gouri, Juvelook หรือ Rejuran จะเน้นการกระตุ้นคอลลาเจนหรือซ่อมแซมผิวในแบบเฉพาะเจาะจง เช่น Sculptra และ Gouri เน้นยกกระชับและฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึก, Juvelook ผสานการฟื้นฟูและลดริ้วรอย, ส่วน Rejuran เน้นการซ่อมแซมเซลล์ด้วยสาร Polynucleotide
ในขณะที่ Filorga เป็นสูตรที่รวมการฟื้นฟูหลายมิติไว้ในตัวเดียวทั้งเพิ่มความชุ่มชื้น เติมเต็มผิว ฟื้นฟูเซลล์ และกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวแบบครบจบในครั้งเดียว โดยไม่เน้นเฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง

filorga มีกี่สูตร

Filorga มีกี่สูตร? สูตรไหนเหมาะกับผิวแบบไหน

ปัจจุบัน Filorga ที่ใช้ในคลินิกความงามมีอยู่ 2 สูตรหลัก ซึ่งถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาที่แตกต่างกัน คือ Filorga NCTF 135 HA และ Filorga M-HA 10 ซึ่งต่างกันดังนี้

Filorga NCTF 135 HA

Filorga NCTF 135 HA หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “ชาแนล” เป็นสูตรที่ออกแบบมาเพื่อดูแลผิวหน้าโดยเฉพาะ จุดเด่นอยู่ที่การบำรุงผิวแบบรอบด้าน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน รูขุมขนกว้าง หรือริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า
จุดเด่นของสูตรนี้คือการรวมสารบำรุงผิวมากกว่า 50 ชนิดไว้ในหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นกรดไฮยาลูโรนิกโมเลกุลสูงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กรดอะมิโนที่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน วิตามิน แร่ธาตุ และโคเอนไซม์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์ รวมถึงกลูตาไธโอนที่ช่วยลดการทำลายของอนุมูลอิสระ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยรวม ให้ดูฉ่ำวาว สุขภาพดี รูขุมขนกระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

Filorga M-HA 10

Filorga M-HA 10 เป็นสูตรที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อดูแลบริเวณผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นบริเวณที่บอบบาง และแสดงความเปลี่ยนแปลงของวัยได้ชัดเจน เช่น รอยคล้ำใต้ตา รอยย่นใต้ตา และความแห้งกร้าน สูตรนี้เน้นการใช้กรดไฮยาลูโรนิกเข้มข้นเพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณใต้ตา พร้อมช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ และฟื้นคืนความสดใสให้ผิวรอบดวงตาดูเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
การฉีดจะใช้เทคนิคแบบ Mesotherapy โดยใช้เข็มขนาดเล็กมาก เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ สูตรนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ตาเล็กน้อย ริ้วรอยจางๆ หรือผิวรอบดวงตาที่ดูอ่อนล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เหมาะทั้งในคนที่เริ่มมีปัญหา และผู้ที่ต้องการฟื้นฟูบริเวณนี้ก่อนจะเกิด ริ้วรอย ถาวร

ฉีด Filorga เหมาะกับใคร?

Filorga เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก โดยคนที่เหมาะกับการฉีด Filorga ขอยกตัวอย่าง เช่น

  • ผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง หรือผิวไม่เรียบเนียน
  • ผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหมองคล้ำ หรือดูโทรมแม้พักผ่อนเพียงพอ
  • ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย ร่องตื้น หรือผิวอ่อนแอจากวัยหรือการแต่งหน้าหนัก
  • ผู้ที่มีใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา หรือผิวรอบดวงตาแห้งกร้าน
  • ผู้ที่ใช้สกินแคร์แล้วไม่เห็นผล ต้องการการฟื้นฟูที่ลงลึกกว่า
  • ผู้ที่ต้องการเตรียมผิวก่อนออกงาน หรือเห็นผลเร่งด่วนโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลผิวต่อเนื่อง แต่อยากให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำวาว กระจ่างใส
  • ผู้ที่ต้องการดูแลผิวบริเวณอื่น ๆ เช่น ลำคอ เนินอก หลังมือ แขน หรือขา

ใครไม่เหมาะกับการฉีด Filorga?

แม้การฉีด Filorga จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมในการฟื้นฟูผิว แต่ก็มีบางกรณีที่ไม่เหมาะกับการฉีด เช่น

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แม้ยังไม่มีรายงานอันตรายชัดเจน แต่เพื่อความปลอดภัยจึงไม่แนะนำให้ฉีดในช่วงนี้
  • ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ มีแผลเปิด เป็น สิวอักเสบ รุนแรง หรือมีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีด ควรรักษาให้หายก่อน
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของตัวยา หรือเคยเกิดอาการแพ้สารกลุ่มเดียวกันกับที่อยู่ใน Filorga
  • ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังรุนแรง หรือมีโรคประจำตัวบางประเภทที่อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน หรือระบบการซ่อมแซมของร่างกาย เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง หรือโรคเลือดบางชนิด
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบถาวร เนื่องจาก Filorga เป็นการฟื้นฟูแบบชั่วคราว ต้องฉีดซ้ำเป็นระยะเพื่อรักษาสภาพผิว
  • ผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยยา หรือหัตถการบางประเภทที่อาจมีปฏิกิริยาร่วมกับตัวยา เช่น ยาสเตียรอยด์ ยากดภูมิ หรือการทำเลเซอร์แรง ๆ ใกล้เคียงช่วงเวลาฉีด

ข้อดีของการฉีด Filorga

การฉีด Filorga เป็นวิธีฟื้นฟูผิวที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลายด้าน ทำให้ผิวกลับมาสดใสแข็งแรงได้ โดยมีข้อดีดังนี้

  • ปรับให้ผิวใส ดูมีออร่า ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ และเพิ่มความกระจ่างใส ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
  • เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวอิ่มฟู ช่วยฟื้นฟู ผิวแห้งขาดน้ำ แก้ปัญหาผิวลอกเป็นขุย พร้อมเติมเต็มให้ผิวดูฉ่ำวาวสุขภาพดี
  • ผิวเรียบเนียนขึ้น ช่วยกระชับรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลง ลดความไม่สม่ำเสมอของพื้นผิว และช่วยให้แต่งหน้าติดง่ายขึ้น
  • ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสร้างไฟโบรบลาสต์ และ คอลลาเจน ช่วยให้ผิวเต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องตื้นจากการแสดงสีหน้า
  • ฟื้นฟูใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาแห้ง หรือมีริ้วรอยบางๆ ทำให้ผิวใต้ตาดูชุ่มชื้น และกระชับมากขึ้น
  • เสริมความแข็งแรงของผิว เพิ่มความยืดหยุ่น สร้างสมดุลให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระดับโครงสร้าง ลดความอ่อนล้า และฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
  • ป้องกันการเสื่อมของผิว เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยลดความเสียหายจากมลภาวะและชะลอสัญญาณแห่งวัย
  • เห็นผลรวดเร็ว ส่วนใหญ่เริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกหลังฉีด และสามารถฉีดซ้ำได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน คงผลลัพธ์ที่ดีเอาไว้
  • ใช้ได้หลายบริเวณ นอกจากใบหน้า และใต้ตาแล้วยังสามารถนำมาฉีดได้ที่ ลำคอ เนินอก หลังมือ หรือแขน เพื่อฟื้นฟูผิวเฉพาะจุด

ข้อควรระวังในการฉีด Filorga

แม้การฉีด Filorga จะถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและใช้กันอย่างแพร่หลายในคลินิกความงาม แต่ก็ยังมีข้อควรระวังที่ควรทราบ เช่น

  • ควรเข้ารับบริการกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะหากฉีดผิดชั้นหรือเลือกตำแหน่งไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น รอยช้ำ หรือตัวยากระจายไม่ทั่ว
  • จำเป็นต้องประเมินสภาพผิวอย่างละเอียดก่อนฉีด เพื่อวางแผนตำแหน่งและความถี่ในการฉีดที่เหมาะกับแต่ละคน ไม่แนะนำให้ฉีดตามจุดที่ไม่จำเป็นหรือฉีดเกินความถี่ที่เหมาะสม
  • ควรฉีดอยู่ในบริเวณที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัย เช่น ใบหน้า ลำคอ เนินอก หรือหลังมือ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีผิวอักเสบ แผลเปิด หรือสิวอักเสบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและอาการข้างเคียง
  • หลังฉีดอาจมีอาการบวม แดง หรือรอยเข็มในจุดที่ฉีด เป็นอาการปกติ และจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1–2 วัน ถือเป็นปฏิกิริยาปกติของผิว ไม่ได้เป็นอันตราย
  • ผลลัพธ์จากการฉีด Filorga ไม่ใช่แบบถาวร เพื่อให้ผิวฟื้นฟูอย่างเต็มที่และคงผลลัพธ์ไว้ได้ยาวนาน ควรฉีดต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ 

ฉีด Filorga กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน?

Filorga จะเริ่มเห็นผลภายใน 3 – 7 วันหลังฉีด โดยหลังฉีดจะให้ผลลัพธ์ เช่น ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ กระจ่างใส และผิวเนียนละเอียดขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนที่สุดในช่วง 1 – 2 สัปดาห์หลังฉีด และสามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 – 4 เดือน ขึ้นอยู่กับสูตรและการดูแลผิว เพื่อให้ผลลัพธ์ต่อเนื่องแนะนำให้ฉีดสัปดาห์ละครั้งในช่วงเดือนแรก แล้วค่อยๆ ลดเป็นเดือนละ 2 – 3 ครั้ง หรือฉีดตามที่แพทย์แนะนำ

การเตรียมตัวก่อนฉีด Filorga

ก่อนเข้ารับการฉีด Filorga ควรเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจน ปลอดภัย และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็น ดังนี้

  • งดยาและอาหารเสริมบางชนิดล่วงหน้า 3–5 วัน เช่น ยาลดอักเสบกลุ่ม NSAIDs, แอสไพริน, วิตามิน E, น้ำมันปลา หรือสมุนไพรบางชนิด ที่อาจทำให้เกิดรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 1 คืนก่อนฉีด เพื่อให้ผิวและร่างกายอยู่ในสภาพสมดุล พร้อมรับตัวยา
  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องอาการบวม และรอยช้ำหลังจากทำ
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยและการวิเคราะห์ปัญหาอย่างตรงจุด
  • เข้ารับการประเมินโดยแพทย์ก่อนฉีด เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาเฉพาะบุคคล ไม่ควรตัดสินใจจากโปรโมชั่นหรือสูตรยอดนิยมเพียงอย่างเดียว
  • แจ้งข้อมูลสำคัญกับแพทย์ให้ครบถ้วน เช่น ประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และหัตถการที่เคยทำก่อนหน้านี้ รวมถึงระยะเวลาหลังทำหัตถการล่าสุด

วิธีดูแลหลังฉีด filorga

การดูแลหลังฉีด Filorga ต้องทำอย่างไรบ้าง?

หลังการฉีด Filorga เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจการดูแลผิวอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดี ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง และช่วยให้ผลลัพธ์จากการฉีดเห็นผลชัดเจน และอยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยมีวิธีดูแลดังนี้

  • หลีกเลี่ยงความร้อนสูง ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก เช่น การอบซาวน่า เข้าห้องสตรีม อาบน้ำอุ่นจัด หรือทำเลเซอร์ เพราะอุณหภูมิสูงอาจกระตุ้นการอักเสบหรือทำให้ผิวระคายเคือง
  • งดการแต่งหน้าในวันแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหรือสารระคายเคืองจากเครื่องสำอางซึมเข้าสู่รูเข็มและทำให้ผิวอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการกด นวด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด โดยเฉพาะช่วง 1 – 2 คืนแรก เพื่อป้องกันการกระจายตัวยาผิดตำแหน่ง และลดความเสี่ยงของรอยช้ำหรือการอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีดในคืนแรกที่มีรูเข็มอยู่ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวตามธรรมชาติ
  • อย่าเพิ่งล้างหน้าทันทีหลังฉีด สามารถล้างหน้าได้หลังจากผ่านไปประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง และสามารถกลับมาแต่งหน้าได้ตามปกติในวันถัดไป หากไม่มีรอยบวมแดงหรือระคายเคือง
  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน ในช่วงสัปดาห์แรกควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสาร ผลัดเซลล์ผิว กรดวิตามิน หรือสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • ประคบเย็น เพื่อลดอาการต่างๆ ในช่วง 24–48 ชั่วโมงแรก หากมีอาการบวม รอยเข็ม หรือรอยช้ำ หลังจากนั้นหากยังมีรอยอยู่ สามารถประคบอุ่นได้ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อเสริมการฟื้นฟูและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวจากภายใน
  • ป้องกันผิวจากแสงแดดและมลภาวะ โดยควรทาครีมกันแดดทุกวันด้วยค่าปกป้อง SPF 50 PA+++ และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน
  • ดูแลสุขภาพโดยรวมให้สมดุล เช่น นอนหลับให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ อาหารรสจัด หรือของทอดของมัน ซึ่งอาจกระตุ้นการอักเสบในชั้นผิว

แต่ถ้าหากมีอาการผิดปกติหลังจากฉีด เช่น รู้สึกปวดบริเวณที่ฉีดมาก บวมแดงผิดปกติ หรือมีหนองในจุดที่ฉีดควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อวินิจฉัยปัญหา และทำการดูแลแก้ไขได้อย่างถูกต้อง

Filorga กับการฉีดควบคู่กับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม?

การฉีด Filorga สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น เลเซอร์ โบท็อก เมโสหน้าใส RF หรือแม้แต่ Skin Booster ประเภทอื่นๆ โดยต้องเว้นระยะอย่างเหมาะสมและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เช่น หากเพิ่งทำเลเซอร์ ควรรออย่างน้อย 5–7 วันให้ผิวฟื้นตัวก่อน ส่วนโบท็อกสามารถฉีดในช่วงเวลาใกล้เคียงกันได้ หากไม่ได้ฉีดในจุดเดียวกัน สำหรับเมโสอื่นๆ หรือ RF ที่ใช้ความร้อน แนะนำให้เว้นประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้ตัวยากระทบกันหรือทำให้ผิวระคายเคืองมากเกินไป
ในกรณีที่ต้องการฟื้นฟูใต้ตาให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควบคู่กับ Filorga โดยฟิลเลอร์จะช่วยเติมร่องลึก ส่วน Filorga จะลดความหมองคล้ำและเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนลำดับหัตถการและเว้นช่วงเวลาที่เหมาะสมตามสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Filorga (FAQ)

Q: ฉีด Filorga แล้วสามารถล้างหน้าหรือแต่งหน้าได้เลยไหม?
A: สามารถล้างหน้าได้หลังฉีด 2–3 ชั่วโมง แต่ควรงดแต่งหน้าในวันแรกเพื่อป้องกันการระคายเคืองและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

Q: Filorga เหมาะกับอายุเท่าไรถึงจะเริ่มทำได้?
A: เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป หรือเมื่อเริ่มมีปัญหาผิวแห้ง หมองคล้ำ มีริ้วรอยร่องตื้นเล็กๆ ให้เห็น

Q: หลังฉีด Filorga ผิวจะแดงหรือบวมแค่ไหน?
A: หลังฉีด Filorga อาจมีอาการบวม แดง หรือรอยเข็มเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติ จะค่อยๆ หายไปเองภายใน 1–3 วัน

Q: สามารถฉีด Filorga ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรได้ไหม?
A: ไม่แนะนำให้ฉีด Filorga ขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยในการฉีดระหว่างตั้งครรภ์เพียงพอ

Q: ต้องพักฟื้นหลังฉีด Filorga หรือไม่?
A: ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที แต่อาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน

Q: หากมีประวัติแพ้ง่าย ควรทำอย่างไร?
A: หากมีประวัติแพ้ง่าย ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าและพิจารณาทดสอบการแพ้ก่อนฉีด Filorga เพื่อความปลอดภัย

Q: ฉีด Filorga แล้วจะทำให้หน้าบวมหรือดูอ้วนขึ้นไหม?
A: การฉีด Filorga ไม่ทำให้หน้าบวมหรือดูอ้วนขึ้น เพราะเน้นฟื้นฟูผิว ไม่ใช่สารเติมเต็มที่เพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้า

สรุป

Filorga เป็นตัวช่วยปรับสภาพผิวในกลุ่มเมโสหน้าใสที่มาจากประเทศฝรั่งเศส โดยการฉีดจะช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น อิ่มฟู ผิวกระจ่างใสมากขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยตื้นเล็กๆ ให้จางลง ซึ่งสามารถนำมาฉีดได้หลายๆ บริเวณทั้งใบหน้า ใต้ตา หลังมือ แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนควรฉีดอย่างต่อเนื่อง หากใครที่ต้องการการปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้แนะนำค่ะ

Scroll to Top