บทความ
ปากเหี่ยว ปากย่นมีร่องเกิดจากอะไร แก้ไขให้ร่องปากตื้นขึ้นอย่างไร
แชร์ :

ปากเหี่ยว ปากย่นมีร่องเกิดจากอะไร แก้ไขให้ร่องปากตื้นขึ้นอย่างไร

ปากเหี่ยว ปากย่นมีร่องเกิดจากอะไร
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ปากเหี่ยว เป็นปัญหาที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับใครหลายๆ คนอย่างคาดไม่ถึง เพราะหลายคนเริ่มมีร่องริมฝีปากลึกมากดูไม่ชุ่มชื้น ทาลิปสติกแล้วดูไม่สวยเหมือนเคย และบางครั้งอาจพบว่าเวลายิ้มหรือพูด ริมฝีปากดูบางลง ความอวบอิ่มของริมฝีปากหายไป ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดปากเหี่ยวนั้นเกิดได้จากหลาย ๆ อย่าง ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักเกี่ยวกับปัญหาปากเหี่ยว รวมถึงวิธีแก้ไขลดความเหี่ยว และคืนความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก

Key Takeaway

  • ปากเหี่ยว คือภาวะที่ริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความเต่งตึง จนเกิดริ้วรอยทั่วริมฝีปาก มักเกิดจากอายุที่มากขึ้น พฤติกรรมซ้ำ ๆ เช่น สูบบุหรี่ การดูดหลอด หรือขาดการบำรุง
  • สาเหตุหลักของปากเหี่ยว ได้แก่ การลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินเมื่ออายุมากขึ้น การใช้กล้ามเนื้อรอบปาก การละเลยการป้องกันแดด การใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคือง และการที่ผิวรอบปากบาง
  • ลักษณะที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาปากเหี่ยว ได้แก่ ริมฝีปากบนบางลง มุมปากตก ร่องแนวตั้งเหนือริมฝีปาก ผิวรอบปากย่นและหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณร่องน้ำหมาก
  • การแก้ไขปากเหี่ยวสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดโบท็อกซ์ เลเซอร์ ฉีดสกินบูสเตอร์ หรือผ่าตัดยกริมฝีปาก
  • ผู้ที่เหมาะกับการแก้ไขปากเหี่ยวคือผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย ริมฝีปากบาง หรือมุมปากตก และไม่มีโรคประจำตัวที่อาจขัดขวางการรักษา เช่น แพ้สารเติมเต็ม หรือยาชา
  • ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร มีประวัติแพ้สาร หรือมีแผลติดเชื้อบริเวณปาก ควรรอให้หายก่อนทำหัตถการ
  • การดูแลหลังทำหัตถการควรรวมถึงการหลีกเลี่ยงการขยับริมฝีปากบ่อย ๆ งดใช้หลอดดูด งดสูบบุหรี่ ดื่มน้ำมาก ๆ ทาครีมบำรุงรอบปาก และสังเกตอาการบวมผิดปกติเพื่อรีบพบแพทย์
  • ปากเหี่ยวมักพบร่วมกับปัญหาอื่น เช่น มุมปากตก ร่องน้ำหมาก ปากบาง และผิวรอบปากแห้ง ซึ่งควรดูแลควบคู่กันไปเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์

ปัญหาปากเหี่ยวคืออะไร?

ปากเหี่ยว คือ ภาวะที่ริมฝีปากสูญเสียความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนตามธรรมชาติ ทำให้ผิวปากดูย่น หย่อนคล้อย ไม่อวบอิ่ม และมีริ้วรอยชัดเจนทั่วบริเวณริมฝีปาก ซึ่งแตกต่างจากปากบางที่มักเกิดจากโครงสร้างเนื้อปากน้อย และต่างจากมุมปากตกที่เกิดเฉพาะบริเวณข้างริมฝีปาก ในขณะที่ปากเหี่ยวจะเกิดทั่วทั้งริมฝีปากโดยไม่จำเป็นต้องมีการขยับ ทั้งยังไม่เหมือนกับปากแห้งแตกซึ่งเกิดจากการขาดความชุ่มชื้นชั่วคราวและสามารถฟื้นฟูได้ง่ายกว่า

ปากเหี่ยว เกิดจากอะไร?

ริมฝีปากที่เคยอวบอิ่ม เต่งตึง อาจค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อเวลาผ่านไป หลายคนเริ่มสังเกตเห็นรอยย่น ริมฝีปากบางลง ไม่เรียบเนียน แม้จะทาลิปบำรุงก็ยังไม่ฟื้นฟู ปัญหานี้มักเรียกกันว่าปากเหี่ยว ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

  • อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุเกิน 20 ปี ร่างกายจะผลิต คอลลาเจน และอีลาสตินลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ผิวริมฝีปากสูญเสียความเต่งตึง ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้น จนเริ่มมีริ้วรอย เหี่ยวย่น และดูบางลงตามวัย
  • ผิวรอบปากบางลงและผลิตน้ำมันน้อยลง เพราะอายุที่มากขึ้นยังส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ทำให้ผิวรอบปากแห้ง แตกง่าย และขาดความเนียนเรียบ ซึ่งเป็นลักษณะที่ทำให้ริมฝีปากดูโรย ไม่สดใส
  • ขยับกล้ามเนื้อรอบปากซ้ำๆ การยิ้ม หัวเราะ หรือทำปากจู๋เป็นประจำ ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งซ้ำ ๆ ที่เดิม ส่งผลให้เกิดริ้วรอยรอบปากแบบถาวรเมื่อเวลาผ่านไป
  • สูบบุหรี่ สารเคมีในบุหรี่จะเร่งให้ผิวรอบปากเสื่อมลงเร็ว ทั้งยังรบกวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ขณะเดียวกันการใช้กล้ามเนื้อขณะสูบก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระตุ้นให้ปากเหี่ยวก่อนวัย
  • ดื่มน้ำจากหลอดหรือขวด เพราะบางครั้งอาจมีการทำปากจู๋ซ้ำบ่อยขณะดูดน้ำจากหลอดหรือน้ำขวด ทำให้กล้ามเนื้อรอบปากหดตัวในท่าซ้ำเดิม เมื่อทำเป็นประจำ อาจส่งผลให้เกิดริ้วรอยหรือร่องลึกบริเวณปากได้
  • ละเลยการปกป้องริมฝีปากจากแสงแดด แสง UV โดยเฉพาะ UVA สามารถทำลายคอลลาเจน อีลาสติน และไฮยาลูรอนิก ใต้ผิวได้ ริมฝีปากซึ่งมีผิวบางจึงไวต่อการเสื่อมและเหี่ยวหากไม่ได้รับการปกป้องด้วยกันแดด
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง ลิปบาล์ม หรือเครื่องสำอางบางชนิดที่มีแอลกอฮอล์หรือสารเคมีเข้มข้น อาจทำให้ผิวริมฝีปากระคายเคือง แห้ง และเกิดริ้วรอยตามมาได้

ปากเหี่ยวมีกี่ลักษณะ? สังเกตได้จากอะไร?

ปัญหาริมฝีปากเหี่ยวหรือหย่อนคล้อย ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่สามารถเกิดขึ้นได้หลายลักษณะ ซึ่งมักเป็นผลจากอายุที่เพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อรอบปากอ่อนแรง หรือการดูแลผิวรอบปากไม่เหมาะสม การรู้จักสังเกตสัญญาณเหล่านี้ตั้งแต่แรกเริ่ม จะช่วยให้สามารถดูแลและฟื้นฟูได้ทันท่วงที โดยลักษณะของปากเหี่ยวที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ริมฝีปากบนบางลงกว่าปกติ เมื่ออายุเพิ่มขึ้นหรือเกิดการสูญเสียคอลลาเจน ริมฝีปากบนมักจะบางลงก่อน ทำให้เส้นขอบปากไม่ชัดเจน ดูจืดและขาดมิติ
  • มุมปากตกลงเล็กน้อยหรือเห็นได้ชัด กล้ามเนื้อที่ยึดมุมปากเริ่มอ่อนแรง ทำให้มุมปากทั้งสองข้างดูตกลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเศร้าหรือเหนื่อยล้าแม้ในยามปกติ
  • มีร่องลึกแนวตั้งบริเวณริมฝีปาก มักพบเป็นรอยเล็ก ๆ บริเวณเหนือปากบน หรือร่องลึกระหว่างริมฝีปากกับผิวหนังรอบ ๆ ซึ่งทำให้ทาลิปไม่เรียบและเห็นรอยชัดเจน
  • ผิวรอบริมฝีปากหย่อนและย่นเป็นริ้ว ผิวหนังบริเวณรอบริมฝีปากที่เคยเรียบเนียนจะเริ่มมีลักษณะย่น หย่อนคล้อย และไม่กระชับเหมือนเดิม โดยเฉพาะบริเวณ ร่องน้ำหมาก หรือใต้มุมปาก

วิธีแก้ปากเหี่ยว เหมาะกับใคร และใครควรหลีกเลี่ยง?

ปัญหาริมฝีปากเหี่ยวหรือหย่อนคล้อย เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณรอบริมฝีปาก ซึ่งอาจเกิดจากอายุที่มากขึ้น การสูญเสียคอลลาเจน หรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ และผิวหนังบริเวณปาก ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีในการฟื้นฟูและแก้ไขปากเหี่ยวให้กลับมาดูอวบอิ่มและเรียบเนียนขึ้น เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การทำทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิว หรือเทคโนโลยียกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด

วิธีแก้ปากเหี่ยวเหมาะกับใคร

    • ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก หรือรู้สึกว่าริมฝีปากบางลง เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปปากอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องความอวบอิ่ม รอยย่น หรือมุมปากที่ตกลง
    • ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันหรือเลือด เพราะวิธีการบางอย่าง เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือเลเซอร์ อาจจะไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางกลุ่ม
    • ผู้ที่ไม่เคยมีประวัติแพ้สารเติมเต็ม แพ้ยาชา เพราะจะได้ไม่มีปัญหาเกิดอาการแพ้หลังจากที่ทำหัตถการแก้ไขไปแล้ว

ใครควรหลีกเลี่ยงการแก้ปากเหี่ยว

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าสารเติมเต็มหรือยาชาเฉพาะที่ปลอดภัยต่อทารกในครรภ์หรือเด็กทารกหรือไม่
  • ผู้ที่มีประวัติการแพ้ง่าย แพ้สารไฮยาลูโรนิก แอซิด หรือแพ้ยาชา ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ และจำเป็นต้องแจ้งแพทย์ล่วงหน้าเสมอ
  • ผู้ที่มีแผลติดเชื้อบริเวณปากหรือโรคผิวหนัง ควรเลื่อนการทำหัตถการออกไปจนกว่าอาการจะหายสนิท เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อและอักเสบซ้ำ

วิธีแก้ปากเหี่ยว

วิธีแก้ปากเหี่ยวมีอะไรบ้าง?

ปัญหาริมฝีปากเหี่ยวหรือมีริ้วรอยรอบปาก เป็นสิ่งที่หลายคนพบเจอเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลต่อสุขภาพของผิว เช่น การสูบบุหรี่ ขาดการบำรุง หรือได้รับแสงแดดสะสมโดยไม่มีการป้องกัน ปัจจุบันมีหัตถการและเทคโนโลยีมากมายที่สามารถช่วยฟื้นฟูริมฝีปากให้กลับมาดูเรียบเนียน เต่งตึง และอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน

ฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากและร่องริมฝีปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการแก้ปัญหาริมฝีปากเหี่ยว โดยจะใช้สารเติมเต็มกรดไฮยาลูโรนิกฉีดเข้าไปบริเวณริมฝีปากหรือร่องริ้วรอยรอบปาก เพื่อเพิ่มความอวบอิ่ม คืนความชุ่มชื้น และปรับรูปทรงได้ โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 8 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ รุ่นฟิลเลอร์ และการดูแลหลังทำ

ฉีดโบท็อกซ์แก้รอยย่นปาก

โบท็อกซ์มุมปาก (Botulinum Toxin Type A) สามารถใช้ลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากให้ตกลง โดยแพทย์จะฉีดในปริมาณน้อยเฉพาะจุด เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดึงมุมปากอ่อนแรงลง ส่งผลให้รูปปากดูยกขึ้น และลดริ้วรอยรอบริมฝีปากไปพร้อมกัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหามุมปากตกหรือมีรอยย่นเล็ก ๆ บริเวณมุมปาก ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นภายในไม่กี่วัน และคงอยู่นานประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ และการดูแลหลังทำ

เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจนรอบปาก

การทำเลเซอร์เพื่อฟื้นฟูผิวรอบปาก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ริ้วรอยรอบปากจางลง และผิวกลับมาเนียนตึงได้อีกครั้ง เลเซอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ เลเซอร์ที่ทำให้เกิดแผลช่วยฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยชัดเจน เช่น Pico Laser และเลเซอร์แบบไม่ลอกผิวช่วยฟื้นฟูอย่างอ่อนโยน ไม่ทำให้เกิดแผล แต่ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อให้เห็นผล

สกินบูสเตอร์หรือเมโสบริเวณปาก

สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือริมฝีปากขาดความชุ่มชื้นการฉีดสารบำรุงผิวลึกลงในชั้นหนังแท้ด้วยสกินบูสเตอร์ หรือ ฉีดเมโส บริเวณรอบปาก จะช่วยเติมน้ำให้ผิวบริเวณนั้นชุ่มชื้น อิ่มฟู และเรียบเนียนขึ้น โดยใช้สารประเภทกรดไฮยาลูโรนิก วิตามิน หรือเปปไทด์ต่างๆ ฉีดเข้าไปแบบกระจายทั่วบริเวณรอบปาก ช่วยให้ปากดูสุขภาพดีขึ้นโดยไม่เพิ่มวอลลุ่มมากเกินไป

ผ่าตัดยกริมฝีปาก

สำหรับผู้ที่มีปัญหารูปปากเปลี่ยนชัดเจนจากโครงสร้าง เช่น ระยะระหว่างจมูกกับริมฝีปากยาวเกินไป หรือมีการหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น การผ่าตัดยกริมฝีปากจะช่วยปรับสัดส่วนของปากให้เหมาะสมมากขึ้น โดยศัลยแพทย์จะทำการตัดเนื้อบางส่วนบริเวณใต้จมูก แล้วดึงผิวให้ริมฝีปากยกขึ้น เทคนิคนี้ให้ผลลัพธ์ถาวร แต่อาจมีรอยแผลซึ่งต้องใช้เวลาฟื้นตัวและดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงแรก

เปรียบเทียบวิธีแก้ปากเหี่ยวแต่ละเทคนิค

วิธีการรักษา จุดเด่นในการแก้ปากเหี่ยว ผลลัพธ์อยู่นานโดยประมาณ ข้อควรระวัง 
ฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปาก เติมเต็มร่อง ริ้วรอย ให้ปากอวบอิ่ม ดูชุ่มชื้นทันที 8–12 เดือน อาจบวมเล็กน้อย และต้องเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผิวปาก
ฉีดโบท็อกซ์มุมปาก ลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้มุมปากไม่ตก 4–6 เดือน ต้องฉีดในปริมาณพอดี ไม่เช่นนั้นอาจทำให้พูดยิ้มไม่ธรรมชาติ ตึงเกินไป
เลเซอร์รอบปาก ฟื้นฟูผิวชั้นใน กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดริ้วรอยจุดเล็ก 3–6 เดือน บางเทคโนโลยีอาจทำให้เกิดปากลอก ควรดูแลหลังทำอย่างดี
สกินบูสเตอร์ / เมโสรอบปาก เติมสารบำรุงลึกให้ผิวชุ่มชื้น ลดความแห้งและรอยเหี่ยวย่นบางส่วน 1–3 เดือน ผลลัพธ์ชั่วคราว ต้องทำซ้ำ และอาจบวมเล็กน้อยหลังทำ
ผ่าตัดยกริมฝีปาก (Lip Lift) ยกริมฝีปากถาวร เหมาะกับคนที่มีมุมปากตกจากโครงสร้าง ถาวร มีแผลผ่าตัด ต้องพักฟื้น และประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากการแก้ไขปากเหี่ยว

หลังจากที่ฟื้นฟูริมฝีปากที่เหี่ยว สามารถช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากได้หลายอย่าง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการแก้ไขปัญหาปากเหี่ยวมีดังนี้

  • ริมฝีปากดูอิ่มฟู มีมิติ หลังได้รับการดูแลหรือรักษาด้วยเทคนิคที่เหมาะสม เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือใช้เทคโนโลยียกกระชับ ริมฝีปากจะดูมีวอลลุ่มขึ้น ไม่แห้งหรือยุบตัวเหมือนเดิม ทำให้ผิวปากแลดูชุ่มชื้น อ่อนเยาว์ และมีความเนียนเรียบมากขึ้น
  • มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย การลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ เช่น ด้วยการโบท็อกซ์ หรือตัดแต่งยกริมฝีปากในบางกรณี จะช่วยให้มุมปากที่เคยตกยกขึ้น ทำให้สีหน้าดูไม่เศร้าหมองอีกต่อไป ส่งผลให้ดูเป็นมิตรยิ่งขึ้น
  • ใบหน้าดูสดใสและอ่อนวัย เมื่อปากซึ่งเป็นจุดเด่นบริเวณช่วงกลางหน้าดูเรียบเนียนขึ้น จะส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมของใบหน้า ทำให้ดูสดชื่น สดใส และอ่อนกว่าวัย 
  • ปรับลุคโดยรวมให้ดูอ่อนโยน น่ามอง ริมฝีปากที่ได้รูปและอวบอิ่มในสัดส่วนที่เหมาะสม จะช่วยทำให้ลุคของใบหน้าโดยรวมดูซอฟต์ลง อ่อนโยนมากขึ้น เพิ่มความละมุนให้กับบุคลิก 

วิธีดูแลตัวเองหลังแก้ไขปัญหาปากเหี่ยว

หลังจากเข้ารับการฟื้นฟูหรือรักษาริมฝีปากที่เหี่ยวย่น ไม่ว่าจะด้วยการฉีดฟิลเลอร์ การเลเซอร์ หรือวิธีไหนก็ตาม การดูแลตัวเองในช่วงหลังทำหัตถการมีความสำคัญมากพอๆ กับขั้นตอนการรักษา เพราะจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และฟื้นตัวได้อย่างราบรื่น จึงควรดูแลตนเองดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการจับหรือขยับริมฝีปากบ่อย เพราะการสัมผัสหรือขยับริมฝีปากซ้ำๆ โดยไม่จำเป็น อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ และเกิดรอยย่นกลับมาได้ง่าย
  • งดสูบบุหรี่หรือใช้หลอดดูดน้ำ พฤติกรรมที่ต้องใช้แรงดูดจากริมฝีปาก เช่น การสูบบุหรี่หรือดูดน้ำจากหลอด เป็นการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อซ้ำๆ ที่ส่งผลเสียโดยตรงต่อผลลัพธ์ที่ทำไว้ อาจทำให้ปากย่นเร็วขึ้น หรือรบกวนตำแหน่งของฟิลเลอร์ จึงควรงดเว้นอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์หลังทำ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การเติมน้ำให้กับร่างกายอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ผิวรวมถึงริมฝีปากมีความชุ่มชื้นจากภายใน โดยเฉพาะหากฉีดฟิลเลอร์การดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดีขึ้น 
  • ทาครีมบำรุงรอบปาก บำรุงผิวบริเวณรอบปากด้วยลิปบาล์มหรือครีมที่ออกแบบมาสำหรับผิวรอบริมฝีปากโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ 
  • ปรึกษาแพทย์หากมีอาการบวมผิดปกติ หากพบอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก เจ็บ แดง หรือมีตุ่มนูนแข็ง ควรรีบกลับไปพบแพทย์ปรึกษา เพราะอาจเป็นปัญหารุนแรงได้

ปัญหาที่เจอร่วมกับปากเหี่ยว

ปัญหาร่วมอื่น ๆ ที่มักพบคู่กับปากเหี่ยว

ปัญหาริมฝีปากเหี่ยวย่นมักไม่เกิดขึ้นเพียงลำพัง แต่พบร่วมกับปัญหาผิวหรือโครงสร้างใบหน้าอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ดังนี้

  • มุมปากตก เมื่อกล้ามเนื้อรอบปากเริ่มหย่อนคล้อยมุมปากจะเริ่มตก ทำให้ใบหน้าดูเศร้าหมอง ไม่สดใส มักพบร่วมกับปากที่เริ่มบางและเหี่ยว เป็นสัญญาณของการเสื่อมสภาพในชั้นผิวและกล้ามเนื้อ
  • ร่องน้ำหมาก ร่องที่ลากยาวจากมุมปากลงไปยังคาง เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มักเกิดควบคู่กับมุมปากตกและริมฝีปากเหี่ยว มักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ทำให้ใบหน้าดูเศร้า ดูเหนื่อย และเพิ่มความลึกของริ้วรอยโดยรวม
  • ปากบาง เมื่ออายุเพิ่มขึ้นชั้นไขมันและปริมาณคอลลาเจนในริมฝีปากจะลดลง ส่งผลให้ริมฝีปากที่เคยอวบอิ่มกลายเป็นปากบางลง ทำให้เห็นร่องหรือรอยย่นได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเวลาพูดหรือยิ้ม
  • ผิวรอบปากแห้งแตก ริมฝีปากเป็นบริเวณที่บอบบาง ขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย หากไม่ได้รับการดูแลจะทำให้ผิวบริเวณนี้แห้ง แตก ลอก และเกิดริ้วรอยเล็กๆ

ข้อดีและข้อจำกัดของการแก้ปากเหี่ยว

การแก้ไขปัญหาปากเหี่ยวในปัจจุบันมีเทคโนโลยีและเทคนิคที่หลากหลายให้เลือก ทั้งในรูปแบบหัตถการแบบไม่ต้องผ่าตัด ไปจนถึงการศัลยกรรม ซึ่งแต่ละวิธีล้วนมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป โดยควรพิจารณาให้เหมาะกับสภาพผิว สาเหตุของปัญหา และความต้องการของแต่ละบุคคล ดังนี้

ข้อดีของการแก้ปากเหี่ยว

  • เห็นผลชัดเจนในเวลาอันสั้น บางวิธีอย่างการฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์สามารถเปลี่ยนแปลงลุคของริมฝีปากได้ทันทีหลังทำ หรือภายในไม่กี่วันหลังหัตถการ 
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน การรักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัด เช่น เลเซอร์ สกินบูสเตอร์ มักไม่มีแผล สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติในทันที
  • ปรับรูปริมฝีปากให้เหมาะกับใบหน้า นอกจากช่วยลดความเหี่ยวย่นแล้ว ยังสามารถออกแบบให้รูปปากดูหวานละมุน หรือเสริมลักษณะเฉพาะให้ใบหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้นได้ในคราวเดียวกัน

ข้อจำกัดของการแก้ปากเหี่ยว

  • ต้องทำซ้ำอย่างต่อเนื่องในบางเทคนิค หัตถการอย่างฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว หรือบางวิธีต้องทำหลายรอบถึงจะเห็นผลจึงต้องกลับมาฉีดซ้ำ
  • อาจเกิดอาการบวม ช้ำ หรือแพ้ได้ในบางราย ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือเคยมีประวัติแพ้สารบางชนิด เช่น กรดไฮยาลูโรนิก หรือโปรตีนจากโบท็อกซ์ อาจไม่เหมาะกับวิธีแก้ไขปากเหี่ยวหลายวิธี
  • ต้องอาศัยทักษะและความเชี่ยวชาญของแพทย์ หัตถการที่ต้องใช้เทคนิคละเอียด เช่น การฉีดฟิลเลอร์ปาก โบท็อกซ์ หรือผ่าตัด จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจโครงสร้างใบหน้าหากทำผิดตำแหน่งอาจทำให้ปากเปลี่ยนไป

เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย

การแก้ไขปัญหาริมฝีปากเหี่ยว หากเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรง เช่น บวมผิดรูป ติดเชื้อ หรือผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติได้ ดังนั้น การเลือกคลินิกจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีวิธีเลือกคลินิกดังนี้

  • ใช้ของแท้ได้การรับรองจากอย. ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ สกินบูสเตอร์ หรือโบท็อกซ์ที่นำมาใช้ ต้องเป็นของแท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. มีแหล่งที่มาชัดเจน ตรวจสอบได้ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการในระยะยาว และลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ หรือสารแปลกปลอม
  • แพทย์มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญ แพทย์ต้องเข้าใจโครงสร้างปาก เส้นเลือดต่างๆ บริเวณปากเป็นอย่างดี เพื่อที่จะสามารถออกแบบรูปปากให้รับกับใบหน้า ปรับองศามุมปากให้ดูยกขึ้น และลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ
  • คลินิกมีการประเมินโครงสร้างปากอย่างละเอียด คลินิกที่ปลอดภัยจะไม่เร่งรีบทำหัตถการทันที แต่จะเริ่มจากการซักประวัติ วิเคราะห์รูปหน้า กล้ามเนื้อบริเวณรอบปาก และสภาพผิว เพื่อเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะกับปัญหาของแต่ละคน ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีในทุกมิติ
  • ใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อและสถานที่ได้มาตรฐาน เลือกคลินิกที่ให้ความสำคัญกับความสะอาดและการควบคุมเชื้อ เช่น การใช้เข็มใหม่สำหรับทุกเคส การฆ่าเชื้ออุปกรณ์อย่างถูกวิธี และมีการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับงานบริการด้านความงามทางการแพทย์

ซึ่งที่ Vincent Clinic Aesthetic ใช้ของแท้ที่ผ่านอย. ทุกตัว อุปกรณ์ทุกอย่างได้มาตรฐาน รวมถึงแพทย์มีประสบการณ์สามารถแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาปากย่นให้กับคนไข้แต่ละคนได้อย่างเหมาะสม

รักษาปากเหี่ยวราคาเท่าไร

การแก้ไขปัญหาริมฝีปากเหี่ยวมีหลายทางเลือกให้เลือกตามความเหมาะสมของสภาพผิว งบประมาณ และความคาดหวังของแต่ละบุคคล โดยราคาในแต่ละหัตถการจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหัตถการที่เลือก ความเชี่ยวชาญของแพทย์ และการตั้งราคาของแต่และคลินิก โดยมีราคาแก้ปากเหี่ยวดังนี้

  • ฟิลเลอร์ปาก ราคาประมาณ 6,900 – 12,000 บาท/ซีซี 
  • โบท็อกปาก ราคาประมาณ 3,500 – 6,000 บาท/ครั้ง 
  • เลเซอร์ปาก ราคาประมาณ 2,500 – 6,000 บาท/ครั้ง 
  • สกินบูสเตอร์ ราคาประมาณ 3,000 – 7,000 บาท/ครั้ง 
  • ผ่าตัดยกริมฝีปาก ราคาประมาณที่ 35,000 – 60,000 บาท 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปากเหี่ยวย่น (FAQ)

Q: ปากเหี่ยวสามารถแก้ไขได้ถาวรไหม?
A: ปากเหี่ยวสามารถแก้ไขได้อย่างถาวรด้วยการผ่าตัดยกริมฝีปาก ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยปรับตำแหน่งและรูปทรงของปากอย่างถาวร ไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำเหมือนหัตถการอื่น

Q: อายุเท่าไหร่ถึงเริ่มมีปัญหาปากเหี่ยว?
A: ปัญหาปากเหี่ยวมักเริ่มเห็นชัดหลังอายุ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิวเริ่มลดลงตามวัย

Q: มีวิธีธรรมชาติหรือดูแลตัวเองที่ช่วยชะลอปัญหาปากเหี่ยวไหม?
A: ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทาครีมบำรุงรอบปากเป็นประจำ หลีกเลี่ยงแสงแดดและการสูบบุหรี่ สามารถช่วยชะลอปัญหาปากเหี่ยวได้ตามธรรมชาติ

Q: ฟิลเลอร์กับร้อยไหม เหมาะกับปากเหี่ยวแบบไหนมากกว่ากัน?
A: ฟิลเลอร์เหมาะกับปากเหี่ยวจากการขาดเนื้อและริ้วรอยตื้น ส่วน ร้อยไหม เหมาะกับมุมปากตก

Q: หลังทำหัตถการแก้ปากเหี่ยว ต้องหยุดงานไหม?
A: ไม่จำเป็นต้องหยุดงานหลังทำหัตถการแก้ปากเหี่ยว แต่ควรระวัง และคอยดูแลให้ถูกวิธี

Q: ปากเหี่ยวเกี่ยวกับร่องน้ำหมากหรือลึกข้างมุมปากไหม?
A: ปากเหี่ยวมักสัมพันธ์กับร่องน้ำหมากหรือรอยลึกข้างมุมปาก เพราะเป็นบริเวณที่ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและคอลลาเจนร่วมกัน

สรุป

ปากเหี่ยวเป็นหาที่มักเกิดเมื่ออายุมากขึ้น เพราะคอลลาเจนในผิวลดน้อยลง ริมฝีปากจะขาดความยืดหยุ่น ริมฝีปากบางลง และเกิดร่องริมฝีปากทำให้ปากดูเหี่ยวย่น แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปากด้วยฟิลเลอร์ สกินบูสเตอร์ต่างๆ หรือหัตถการอื่นๆ ที่เหมาะกับลักษณะปาก ปัญหาที่มี หากใครที่ไม่รู้ว่าควรจะแก้ไขด้วยวิธีไหนสามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำปรึกษา และเลือกวิธีที่เหมาะกับคนไข้ค่ะ

Scroll to Top