บทความ
ตุ่มหนังไก่ เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรให้ผิวเรียบเนียน ไร้ขนคุด
แชร์ :

ตุ่มหนังไก่ เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรให้ผิวเรียบเนียน ไร้ขนคุด

ตุ่มหนังไก่ เกิดจากอะไร
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ตุ่มหนังไก่เป็นปัญหาผิวที่หลายคนอาจมองข้าม เพราะไม่ได้เจ็บ ปวด หรืออักเสบรุนแรง แต่กลับส่งผลต่อความเรียบเนียนของผิวและความมั่นใจอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อปรากฏบนต้นแขน หน้าขา หรือบริเวณที่มักจะเผยผิวในชีวิตประจำวันจนหลายคนต้องการรักษาให้หาย ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักเกี่ยวกับตุ่มหนังไก่เกิดจากอะไร มีวิธีดูแลหรือรักษาอย่างไรให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ดูสุขภาพดี และไร้ความกังวลใจเมื่อเผยผิวอีกครั้งค่ะ

Key Takeaway

  • ตุ่มหนังไก่ (Keratosis Pilaris) คือการสะสมเคราตินอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดผิวขรุขระคล้ายหนังไก่ แม้ไม่เจ็บหรืออักเสบแต่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน
  • ตุ่มหนังไก่ พบบ่อยที่ต้นแขน ต้นขา แก้มก้น รักแร้ ท้ายทอย แผ่นหลัง และใบหน้า บริเวณที่รูขุมขนหนาแน่นหรือเสียดสีบ่อย
  • ปัจจัยกระตุ้นหลักที่ทำให้เกิดตุ่มหนังไก่ คือ เสื้อผ้ารัดแน่นและแรงเสียดสี การโกนหรือแว็กซ์ขนผิดวิธี ผิวแห้ง ฮอร์โมนแปรปรวน ผลิตภัณฑ์อุดตันรูขุมขน และกรรมพันธุ์
  • ดูแลตุ่มหนังไก่ ตนเองได้ด้วยการเลี่ยงการรบกวนผิว ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน สครับไม่เกิน 1–2 ครั้งต่อสัปดาห์ ทามอยส์เจอไรเซอร์สม่ำเสมอ ประคบอุ่นเปิดรูขุมขน และเลือกเสื้อผ้าระบายอากาศดี
  • เคสตุ่มหนังไก่เรื้อรังหรือกระจายกว้างอาจใช้เลเซอร์ผลัดเซลล์ผิว ทรีตเมนต์เคมี ยาทาเรตินอยด์เข้มข้น หรือเลเซอร์กำจัดขน ภายใต้การดูแลแพทย์เพื่อผลลัพธ์รวดเร็วและปลอดภัย
  • ตุ่มหนังไก่อาการดีขึ้นได้แต่ไม่หายถาวร ต้องคงความชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงเสียดสี ลดการกำจัดขนรุนแรง และผลัดเซลล์ผิวอย่างเหมาะสมจึงจะควบคุมให้ผิวเรียบเนียนได้ระยะยาว

ตุ่มหนังไก่ คืออะไร?

ตุ่มหนังไก่ (Keratosis Pilaris) คือ ภาวะที่ผิวบริเวณรูขุมขนมีลักษณะขรุขระ เป็นตุ่มเล็ก ๆ คล้ายผิวไก่ที่ถูกถอนขน ซึ่งเกิดจากการสะสมของเคราตินที่เป็นโปรตีนตามธรรมชาติของผิว เมื่อสะสมมากเกินไปจะอุดตันรูขุมขน ทำให้เส้นขนไม่สามารถงอกขึ้นมาบนผิวได้ตามปกติ จึงม้วนตัวอยู่ใต้ผิวหนังและกลายเป็นขนคุด

ลักษณะที่สังเกตได้คือตุ่มเล็กๆ ใกล้กันหลายจุดที่ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน รู้สึกสากผิวเวลาลูบ บางรายอาจมีอาการแห้ง ลอก คัน หรือแดงร่วมด้วย หากปล่อยไว้อาจทำให้ผิวบริเวณนั้นดูหมองคล้ำ หรือเกิดรอยดำถาวร บางคนอาจสับสนกับผดหรือสิว ซึ่งจริงๆ แล้วแตกต่างอย่างมาก เพราะตุ่มหนังไก่ไม่มีหัวสิว หรือหนอง และยังไม่มีอาการบวมแดงอักเสบ กดแล้วไม่รู้สึกเจ็บ ถึงแม้ตุ่มหนังไก่จะไม่อันตรายแต่ก็สร้างความรำคาญใจ และทำให้รู้สึกกังวลไม่มั่นใจได้

ตุ่มหนังไก่มักขึ้นบริเวณใดบ้าง?

ตุ่มหนังไก่ขึ้นจุดไหนบ้าง

ตุ่มหนังไก่ หรือขนคุด สามารถเกิดขึ้นได้หลายจุดทั่วร่างกายโดยเฉพาะในบริเวณที่รูขุมขนหนาแน่น ผิวแห้ง หรือมีการเสียดสีบ่อย ๆ บางตำแหน่งอาจเกิดจากการกำจัดขนที่ผิดวิธี หรือจากเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป ซึ่งตำแหน่งที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ต้นแขนด้านหลัง เป็นจุดที่พบตุ่มหนังไก่มากที่สุด เพราะผิวบริเวณนี้มีรูขุมขนถี่และมักเสียดสีกับแขนเสื้อ
  • ต้นขาและแก้มก้น มักเกิดจากการนั่งนานหรือใส่กางเกงรัดแน่น ทำให้ผิวเสียดสีและรูขุมขนอุดตัน
  • รักแร้ เป็นจุดที่มีโอกาสเกิดขนคุดจากการโกน ถอน หรือแว็กซ์ขนซ้ำ ๆ จนผิวระคายเคืองและไม่เรียบเนียน
  • หลังคอหรือท้ายทอย จุดนี้พบบ่อยในคนที่ใส่เสื้อปกแข็งหรือแบกกระเป๋าเป้ ทำให้เกิดแรงกดหรือเสียดสีกับผิวตลอดเวลา
  • แผ่นหลัง เพราะความมันและเหงื่อสะสม บวกกับการระบายอากาศที่ไม่ดี อาจทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดตุ่มได้
  • ใบหน้า เช่น บริเวณแก้ม หนวด เครา โดยเฉพาะในผู้ชายที่โกนขนหน้าเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเกิดขนคุดและผิวไม่เรียบ
  • จุดซ่อนเร้น เพราะผิวบริเวณนี้บอบบางจึงระคายเคืองง่าย และอับชื้นได้บ่อย ทำให้เกิดปัญหาตุ่มหนังไก่ได้

สาเหตุของตุ่มหนังไก่ เกิดจากอะไร?

ตุ่มหนังไก่หรือขนคุด ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อหรือการดูแลผิวผิดวิธีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อรูขุมขนโดยตรง ทั้งจากพฤติกรรม การดูแลผิว ไปจนถึงปัจจัยภายในร่างกาย ดังนี้

แรงเสียดสีและพฤติกรรมที่กระตุ้นผิว

การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป หรือมีเนื้อผ้าหยาบที่ทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวบ่อยๆ รวมถึงการเกา หรือถูผิวแรงๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ผิวระคายเคือง และผิวหนาขึ้นจนเกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขนกลายเป็นตุ่มหนังไก่

กำจัดขนบ่อยหรือผิดวิธี

ในปัจจุบันมีการกำจัดขนด้วยการหลายวิธี เช่น การโกน ถอน หรือแว็กซ์ขน ซึ่งถ้าหากทำอย่างรุนแรง ทำผิดวิธี หรือกำจัดขนถี่เกินไป อาจทำให้เส้นขนหัก ขาด หรือไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ตามปกติ ส่งผลให้ขนฝังตัวอยู่ใต้ผิวกลายเป็นขนคุด หรือตุ่มหนังไก่

การสะสมของเคราตินในรูขุมขน

เคราตินเป็นโปรตีนตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องผิว แต่หากร่างกายผลิตเคราตินมากเกินไปจะทำให้เข้าไปอุดตันอยู่ภายในรูขุมขน เส้นขนจึงไม่สามารถโผล่ขึ้นมาบนผิวได้จากการอุตตัน ส่งผลให้เกิดตุ่มนูนหรือผิวไม่เรียบ

ผิวแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น

เมื่อมีผิวแห้งไม่ว่าจะเป็นคนที่มีผิวแห้งแต่กำเนิด หรือผิวแห้งจากการอยู่ในสภาพอากาศเย็นจัดมีแนวโน้มเกิดตุ่มหนังไก่ได้ง่าย เพราะ ผิวขาดน้ำ ทำให้เซลล์ผิวสร้างชั้นหนังกำพร้าหนาขึ้นมากเกินไปจนไปอุดตันรูขุมขน

ฮอร์โมนและภาวะเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น ช่วงตั้งครรภ์ ผู้ที่ใช้ยาฮอร์โมน หรือแม้แต่ความเครียดที่ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวนอาจไปกระตุ้นการทำงานของผิวหนังจนเกิดการอุดตันในรูขุมขนได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของตุ่มหนังไก่

การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นหรือโรลออนที่ระคายผิว

ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน หรือทำให้ผิวแห้งเกินไป เช่น สารที่ช่วยลดเหงื่อ ระงับไม่ให้เหงื่อ หรือมี ผิวแพ้ง่าย เมื่อโดนสารเคมีแล้วรู้สึกระคายเคืองจึงกระตุ้นให้ผิวกลายเป็นตุ่มหนังไก่ได้

กรรมพันธุ์หรือความเสี่ยงทางพันธุกรรม

หากในครอบครัวมีประวัติขนคุด หรือผิวหนังหนาเป็นตุ่ม มีแนวโน้มสูงที่จะส่งต่อลักษณะผิวทางพันธุกรรม ทำให้เกิดตุ่มหนังไก่ หรือขนขุดได้ง่ายมากกว่าคนอื่นๆ

โรคผิวหนังหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง

ปัญหาผิวบางอย่าง เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง เบาหวาน โรคไทรอยด์ หรือโรคอ้วน อาจมีแนวโน้มผิวแห้งมากกว่าปกติ และมีระบบผลัดเซลล์ผิวผิดปกติ ส่งผลให้เกิดตุ่มหนังไก่ขึ้นมาบนผิวในบริเวณต่างๆ ได้

แนวทางดูแลผิวที่มีตุ่มหนังไก่ด้วยตัวเอง

ผิวที่มีลักษณะขรุขระเป็นตุ่มเล็ก ๆ คล้ายหนังไก่มักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากเคราตินสะสม การดูแลที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการและฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งวิธีทางการแพทย์เสมอไป หากดูแลอย่างถูกวิธีในชีวิตประจำวัน

หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่รบกวนผิวบ่อยๆ

การถอนขน โกน หรือเกาผิวบ่อยๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดตุ่มหนังไก่ และถ้าไม่หยุด หรือหลีกเลี่ยงจะยิ่งทำให้เกิดเยอะขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือการลดการรบกวนผิว ให้ผิวได้พักฟื้นฟู หากทำได้หนังไก่ก็จะค่อยๆ ลดลงเอง

ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

ผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดผลไม้ (AHA), กรดซาลิไซลิก (BHA), ยูเรีย หรือเรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำ สามารถช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบขึ้น ตุ่มหนังไก่ลดลง แต่ควรเริ่มใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง

สครับผิวแต่พอเหมาะ

การสครับผิวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไปไม่เข้าไปอุดตันในรูขุมขนจนเกิดตุ่มขึ้นมา แต่ไม่ควรทำบ่อยเกินไป รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดละเอียด ไม่บาดผิว และทำไม่เกินสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง โดยเฉพาะกับบริเวณที่ผิวบาง เช่น รักแร้ หรือแก้มก้น

เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสม่ำเสมอ

ผิวแห้งคือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตุ่มหนังไก่เห็นชัดขึ้น จึงควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยการทา มอยส์เจอไรเซอร์ ทุกวัน โดยเลือกสูตรที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายหรือไม่มีน้ำหอม เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้อยู่ในผิวอย่างยาวนาน และลดการสะสมของเคราตินในรูขุมขน

หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันหรือระคายเคือง

ผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น โรลออน ครีมระงับกลิ่น หรือโลชั่นทาตัว บางครั้งก็มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ หรือสารที่อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน และผิวแสบได้ เช่น อะลูมิเนียมคลอไรด์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนเป็นหลัก

ประคบอุ่นเพื่อช่วยเปิดรูขุมขน

ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้สิ่งสกปรก หรือไขมันต่างๆ หรือขนคุดที่ฝังตัวอยู่ในรูขุมขนออกมาได้ง่ายขึ้น โดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นตุ่มหนังไก่ หรือขนคุดก่อนอาบน้ำเพื่อให้ชำระล้างสิ่งสกปรกที่อุดตันหลุดออกไปได้ง่ายขึ้น

ปรับพฤติกรรมการแต่งกาย

เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป หรือระบายอากาศไม่ดีจะเสียดสีกับผิวบ่อยๆ จนกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ตุ่มหนังไก่ หากเป็นตุ่มหนังไก่แล้วยังใส่เสื้อผ้าที่เสียดสีกับผิวอยู่นอกจากจะไม่ช่วยให้ตุ่มหนังไก่ลดลง แต่ยังทำให้เพิ่มขึ้นด้วย ควรใส่เสื้อผ้าที่สบายตัว ไม่รัดแน่น

หัตถการทางคลินิกที่ช่วยลดตุ่มหนังไก่

ลดตุ่มหนังไก่ด้วยหัตถการ

หลายคนที่มีตุ่มหนังไก่อาจสงสัยว่ารักษาอย่างไรให้ผิวกลับมาเรียบเนียน หากตุ่มไม่ได้รุนแรงมากสามารถดูแลได้ด้วยตนเอง เช่น การบำรุงผิวและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมกระตุ้น แต่หากตุ่มกระจายกว้าง ผิวขรุขระชัดเจน หรือมีอาการระคายเคืองซ้ำๆ การรักษากับแพทย์ผิวหนังจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันมีหัตถการที่ช่วยลดตุ่มหนังไก่ได้อย่างตรงจุดมากขึ้น โดยหัตถการที่สามารถช่วยได้มีดังนี้

เลเซอร์ผลัดเซลล์ผิว

เลเซอร์สามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่สะสมอยู่บนชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการอุดตันในรูขุมขน รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีตุ่มหนังไก่ชัดเจนบริเวณแขน ต้นขา หรือหลัง โดยแพทย์จะเลือกประเภทเลเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น Fractional CO2 หรือ Pico laser ที่นอกจากผลัดเซลล์ผิวแล้วยังสามารถช่วยลดรอยแดง รอยดำ และกระชับขนาดรูขุมขนได้ด้วย

ทำทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว

การผลัดเซลล์ผิวด้วยทรีตเมนต์มีด้วยกันหลายแบบ โดยบางครั้งอาจจะมีการใช้สารเคมี ร่วมกับการเติมวิตามินหรือสารบำรุงเข้มข้น เช่น วิตามินเอ วิตามินซี หรือกรดแลคติก ซึ่งจะช่วยทั้งลดการอุดตันของรูขุมขน และฟื้นฟูผิวชั้นบนให้เรียบขึ้น

ใช้ยาทาเฉพาะจุดที่ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์

ยาทาเฉพาะจุดเหมาะสำหรับผู้ที่มีตุ่มหนังไก่ร่วมกับอาการรุนแรง เช่น ผิวแดง ลอก หรืออักเสบร่วมด้วย แพทย์อาจจ่ายยาทากลุ่มเรตินอยด์ หรือสารผลัดเซลล์ผิวที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งช่วยลดการสะสมของเคราตินในรูขุมขน ยาเหล่านี้สามารถให้ผลชัดเจน แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องผิวลอก แสบ หรือไวต่อแสง จึงจำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ตลอดการใช้งาน

ทำเลเซอร์กำจัดขน

ถ้าตุ่มหนังไก่เกิดจากขนคุด เลเซอร์กำจัดขน เช่น เลเซอร์รักแร้ ต้นขา หรือหลัง สามารถช่วยลดปัญหาที่ต้นเหตุได้ เพราะเมื่อลดการเกิดขนใหม่ รูขุมขนจะมีโอกาสอุดตันน้อยลง ทำให้ผิวกลับมาเรียบขึ้น และไม่เกิดการระคายเคืองซ้ำในระยะยาว

ตุ่มหนังไก่รักษาหายขาดได้ไหม?

ปัญหาตุ่มหนังไก่สามารถรักษาให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้ แต่มีโอกาสกลับมาอีกหากยังมีปัจจัยกระตุ้น เช่น ผิวแห้ง การเสียดสีจากเสื้อผ้า การถอนหรือโกนขนบ่อย ๆ รวมถึงการละเลยการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการรักษาและป้องกันควรทำควบคู่กันอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการให้อยู่ในระยะที่ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดีในระยะยาว

คำแนะนำในการป้องกันตุ่มหนังไก่ไม่ให้กลับมา

หากขาดการดูแลอย่างต่อเนื่องหรือปล่อยให้ปัจจัยเสี่ยงกระตุ้นผิวซ้ำเดิม อาการก็มีโอกาสกลับมาได้อีก ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำจึงสำคัญ โดยมีวิธีป้องกันดังนี้

บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมอ

การทาโลชั่นหรือมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะหลังอาบน้ำตอนผิวยังหมาด จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ลดโอกาสที่เคราตินจะสะสมในรูขุมขน และช่วยให้ผิวแข็งแรง ไม่แห้งลอกง่าย

หลีกเลี่ยงวิธีการกำจัดขนที่ทำร้ายผิว

การถอน โกน หรือแว็กซ์ขนบ่อยเกินไป ทำให้รูขุมขนเปิดกว้าง ผิวระคายเคือง และเสี่ยงต่อการเกิดขนคุดและตุ่มนูน จึงควรลดความถี่ในการกำจัดขน หรือเปลี่ยนมาใช้วิธีที่อ่อนโยนต่อผิวมากกว่า เช่น ครีมกำจัดขนสูตรอ่อนโยน หรือการทำเลเซอร์กับผู้เชี่ยวชาญ

เลือกสวมเสื้อผ้าที่สบาย ไม่รัดแน่นเกินไป

การสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือผ้าที่ระบายอากาศไม่ดี ทำให้ผิวเกิดแรงเสียดสีและความอับชื้น โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ต้นแขน และต้นขา การเสียดสีอย่างต่อเนื่องจะกระตุ้นให้ผิวระคายเคืองและเกิดตุ่มหนังไก่ได้ง่าย ควรเลือกเสื้อผ้าที่พอดีตัว โปร่งสบาย และไม่กดทับผิวหนัง

ขัดผิวและผลัดเซลล์ผิวอย่างเหมาะสม

การผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเป็นประจำ เช่น สัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง จะช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน ลดโอกาสเกิดขนคุดและตุ่มหนังไก่ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์สครับที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว และไม่ควรขัดบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบางและระคายเคืองได้

หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัดหรือแช่น้ำร้อนนานเกินไป

น้ำร้อนอาจทำลายชั้นไขมันตามธรรมชาติของผิว ส่งผลให้ผิวแห้งกร้านและเกิดการระคายเคืองตามมา ควรใช้น้ำอุ่นพอดี ๆ และจำกัดเวลาในการอาบน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น

เลือกครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว

ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น AHA, BHA, Lactic Acid หรือ Retinol ในความเข้มข้นที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือพาราเบน สำหรับผิวที่บอบบาง

หลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือกดตุ่มที่ผิว

การสัมผัสหรือแกะเกาผิวบริเวณที่เป็นตุ่มหนังไก่ จะทำให้เกิดการอักเสบ รอยดำ หรือแผลเป็นได้ง่าย และอาจยิ่งกระตุ้นให้รูขุมขนเกิดการอุดตันซ้ำ จึงควรหลีกเลี่ยงนิสัยเหล่านี้โดยเด็ดขาด

รักษาความสะอาดบริเวณที่มีแนวโน้มเกิดตุ่มหนังไก่

ผิวบริเวณรักแร้ แผ่นหลัง ขา หรือจุดที่เสียดสีง่ายควรได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย เหงื่อ และคราบผลิตภัณฑ์ที่อาจตกค้าง ซึ่งล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน

หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

ไม่ควรใช้โรลออนหรือครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเร่งขาวรุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวบาง เกิดการอักเสบและระคายเคือง จนกระตุ้นการเกิดตุ่มหนังไก่ได้ง่ายขึ้น

ปรับการดูแลผิวให้เหมาะกับฤดูกาลและสภาพอากาศ

อากาศหนาวอาจทำให้ผิวแห้งง่าย ควรเพิ่มการบำรุง ส่วนในช่วงร้อนหรือเหงื่อออกมาก ควรเน้นความสะอาดและลดความอับชื้น เพื่อควบคุมสภาพผิวไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่กระตุ้นให้เกิดปัญหาผิว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตุ่มหนังไก่ 

Q: ตุ่มหนังไก่หายขาดได้ไหม?
A: ตุ่มหนังไก่สามารถดีขึ้นจนผิวเรียบเนียนได้ แต่ไม่หายขาดถาวร และอาจกลับมาได้หากละเลยการดูแลผิว

Q: จะป้องกันไม่ให้ตุ่มหนังไก่กลับมาได้อย่างไร?
A: ควรรักษาความชุ่มชื้นของผิว หลีกเลี่ยงการเสียดสี และเลือกวิธีกำจัดขนที่อ่อนโยนต่อผิว

Q: ตุ่มหนังไก่เป็นอันตรายไหม?
A: ไม่อันตราย แต่เป็นภาวะผิวที่ส่งผลต่อความเรียบเนียนและอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ

Q: ผู้ชายก็เป็นตุ่มหนังไก่ได้ไหม?
A: ผู้ชายสามารถเป็นตุ่มหนังไก่ได้เช่นเดียวกับผู้หญิง แม้จะพบบ่อยในเพศหญิงมากกว่า เนื่องจากพฤติกรรมการกำจัดขนหรือการเสียดสีจากเสื้อผ้าแนบผิว แต่ปัจจัยสำคัญอย่างผิวแห้ง พันธุกรรม หรือการอุดตันของรูขุมขน ล้วนเกิดได้ในทุกเพศ

Q: ใช้ครีมลดตุ่มหนังไก่จะเห็นผลในกี่วัน?
A: การใช้ครีมลดตุ่มหนังไก่มักเริ่มเห็นผลใน 2 – 4 สัปดาห์ หากใช้ต่อเนื่อง และเหมาะกับสภาพผิว แต่ก็ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของครีมด้วย

Q: เลเซอร์ช่วยรักษาตุ่มหนังไก่ได้จริงไหม?
A: เลเซอร์สามารถช่วยลดตุ่มหนังไก่ได้จริง โดยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน

Q: ขัดผิวแรง ๆ ด้วยใยบวบหรือลูกขัด จะช่วยให้หายเร็วขึ้นไหม?
A: ขัดผิวแรง ๆ ด้วยใยบวบหรือลูกขัดอาจทำให้ระคายเคืองและอักเสบมากขึ้น ควรเลือกวิธีที่อ่อนโยนจะปลอดภัยกว่า

สรุป

ตุ่มหนังไก่เป็นตุ่มเล็กที่เกิดจากเคราติน เส้นขน หรือสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันในรูขุมขน เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วจะทำให้ผิวหนังดูไม่เรียบเนียน แต่ยังสามารถรักษาได้ด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น ลดการโกนขน หรือใส่เสื้อผ้าที่เสียดสีซึ่งจะใช้เวลานานกว่า ถ้าใครต้องการให้เห็นผลรวดเร็วการทำหัตถการรักษาตุ่มหนังไก่จะช่วยได้ดีที่สุด หากใครที่ต้องการรักษาตุ่มหนังไก่แต่ไม่รู้จะเลือกวิธีไหนดี สามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic โดยจะมีแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำอย่างละเอียดค่ะ

Scroll to Top