หลังฉีดปากกระจับ ดูแลอย่างไรให้เข้าทรงสวย ดูเป็นธรรมชาติ และลดความเสี่ยงได้ดีที่สุดเป็นสิ่งที่หลายๆ คนสงสัย เพราะถึงแม้การทำปากกระจับแบบไม่ต้องผ่าตัดอย่างการ ฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นทางเลือกที่เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และไม่ทิ้งรอยแผล แต่การดูแลตัวเองในช่วงหลังทำก็ยังคงสำคัญมาก ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลหลังจากฉีดปากกระจับแล้วค่ะ
Key Takeaway
- ปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดคือการปรับรูปปากด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริมฝีปาก โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน และเห็นผลทันที
- 24 ชม. แรกหลังฉีดปากกระจับควรหลีกเลี่ยงการจับ กด เม้มปาก ดื่มของร้อน หรือนอนคว่ำ เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อน
- 1 สัปดาห์แรกหลังทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดห้ามจูบ ห้ามใช้หลอดดูด ห้ามออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการใช้ลิปมันที่มีน้ำหอมหรือสารระคายเคือง
- ควรดื่มน้ำมากๆ และรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีและโปรตีนสูง หลังฉีดปากกระจับเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูและฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ห้ามกินอาหารหมักดอง เค็มจัด หรือร้อนจัดในช่วงแรก เพราะอาจกระตุ้นให้บวมและทำให้ฟิลเลอร์ปากกระจับสลายเร็ว
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดจะมีอาการบวม ช้ำ รู้สึกตึง เป็นเรื่องปกติ และมักหายไปใน 3–5 วัน
- อาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก ริมฝีปากซีด ก้อนแข็ง หรือบวมร้อนแดงหลังฉีดปากกระจับต้องรีบพบแพทย์ทันที
- หลังทำควรงดเลเซอร์ ซาวน่า และ HIFU รอบปาก 10–14 วัน เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์ปากกระจับเสียรูปทรง
- ควรเว้นงานสำคัญหรือออกกล้อง อย่างน้อย 5–7 วัน เพื่อให้ปากกระจับที่ฉีดมาเข้าที่และลดอาการบวม
- ฉีดปากกระจับไม่ต้องผ่าตัดผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6–12 เดือน และสามารถเติมซ้ำหรือสลายออกได้หากไม่พอใจรูปทรง
- ฉีดปากกระจับเหมาะกับคนที่อยากลองปรับรูปปากดูก่อนเพราะเป็นการปรับทรงปากแบบไม่ถาวร และไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม
ทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดคืออะไร?
ปากกระจับแบบไม่ผ่าตัด คือ ปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูมีมิติ อวบอิ่ม และเป็นกระจับอย่างสวยงาม โดยใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังตำแหน่งเฉพาะของริมฝีปาก เพื่อเติมวอลลุ่มและจัดทรงให้รับกับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเย็บ และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเหมือนการศัลยกรรมปากกระจับถาวร เหมาะกับผู้ที่ต้องการลองปรับรูปปากแบบเบาๆ หรือยังไม่แน่ใจว่าจะผ่าตัดดีหรือไม่ การฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ผลลัพธ์ไม่ถาวรแต่สามารถปรับแก้ได้ หากไม่พอใจกับรูปทรงเดิม ทั้งยังแก้ปัญหาริมฝีปากบาง ปากไม่เป็นทรง หรือริมฝีปากคว่ำให้ยกขึ้น ดูสดใส
หลังทำปากกระจับแบบฉีดต้องดูแลอย่างไร?
เพื่อให้รูปปากกระจับที่ทำมาได้อยู่ทรงสวยได้นาน ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ฟิลเลอร์ปากคงอยู่ได้นาน ควรดูแลหลังฉีดดังนี้
24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดปากกระจับ
เป็นช่วงที่ฟิลเลอร์ปากยังไม่เข้าที่ดี ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนหรือเสียรูป เช่น
- ห้ามจับ กด นวด หรือเม้มริมฝีปากโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้ปากกระจับเสียทรง หรือเบี้ยวได้
- หลีกเลี่ยงท่าตะแคงหน้าทับหรือนอนคว่ำ ควรนอนหนุนหมอนสูงกว่าระดับหน้าอกเพื่อช่วยลดอาการบวม
- งดแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนจัด และอาหารร้อน เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และเพิ่มโอกาสเกิดการบวมอักเสบ
วันที่ 2–7 ต้องระวังอะไรบ้างหลังทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัด
ช่วงสัปดาห์แรกเป็นช่วงที่ฟิลเลอร์เริ่มเซ็ตตัว ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กระทบต่อริมฝีปากอย่างต่อเนื่อง เช่น
- ห้ามจูบ ห้ามนวด หรือใช้แรงกับริมฝีปาก เพราะจะทำให้ปากทรงปากฉีดมาเปลี่ยนไม่เหมือนเดิม
- งดการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากหรือทำให้เลือดสูบฉีดแรง เช่น การวิ่ง การเวตเทรนนิ่ง เพราะอาจทำให้ปากบวมมากขึ้น
- สามารถใช้เจลเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบริมฝีปาก หากรู้สึกบวมที่ริมฝีปากเล็กน้อยแนะนำให้ประคบเย็นเฉพาะช่วง 2–3 วันแรก
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น แต่ควรหลีกเลี่ยงลิปสติกหรือลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารระคายเคือง และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
ควรเลือกอาหารและการฟื้นฟูจากภายในแบบไหน
อาหารมีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นตัวของริมฝีปากหลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรเน้นอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดอาการบวม ได้แก่
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร เพราะฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ ยิ่งร่างกายได้รับน้ำมากเท่าไร ฟิลเลอร์ก็จะฟูสวยและอยู่ตัวได้นานยิ่งขึ้น
- รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง เบอร์รี เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวบริเวณริมฝีปาก
- บริโภคอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ เนื้อปลา ธัญพืช ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและเร่งการสมานตัว
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เพราะอาจเพิ่มการอักเสบหรือทำให้ริมฝีปากบวมนานกว่าปกติ
- งดอาหารรสจัดและรสเค็ม ในช่วง 2 – 3 วันแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวมหรือระคายเคืองเพิ่มเติม
ห้ามทำอะไรบ้างหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับมาแล้ว ควรระวังพฤติกรรมบางอย่างที่สามารถทำให้ปากกระจับเสียทรง ไม่สวยเหมือนเดิม โดยข้อห้ามหลังทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดมีดังนี้
- ห้ามจับ เม้มริมฝีปาก ทำปากจู๋ หรือขยับปากแรงๆ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเสียทรงไปจากเดิม
- ห้ามใช้หลอดดูดน้ำ เพราะหลอด และลักษณะรูปทรงของปากขณะดูดน้ำอาจจะไปรบกวนฟิลเลอร์ที่ยังไม่เข้าที่ดี ปากกระจับอาจเสียทรงได้
- ห้ามนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง เพราะแรงกดจากหมอนสามารถทำให้ริมฝีปากผิดรูปหรือฟิลเลอร์กระจายไม่สม่ำเสมอ
- ห้ามสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการอักเสบ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ห้ามรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัด เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น และอาจกระตุ้นการบวม
- ห้ามใช้ลิปสติกที่แน่นมากๆ เช็ดออกได้ยาก เพราะเมื่อฟิลเลอร์ปากกระจับยังไม่เข้าที่ แล้วไปถูริมฝีปากแรงๆ อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
- ห้ามออกกำลังกายหนัก เพราะการกระตุ้นให้เลือดสูบฉีดแรงจะทำให้เกิดอาการบวมแดง และฟิลเลอร์ไม่เข้าที่ดี
- ห้ามเข้าอบซาวน่า อบไอน้ำ เพราะความร้อนสูงจะเร่งการสลายของฟิลเลอร์ และเพิ่มโอกาสเกิดการระคายเคือง
- ห้ามรับประทานอาหารรสจัด เค็มจัด ของหมักดอง เพราะอาหารเหล่านี้จะเพิ่มการอักเสบ รบกวนกระบวนการฟื้นฟู และเร่งการสลายตัวของฟิลเลอร์
- ห้ามละเลยการสังเกตอาการผิดปกติ หากพบว่ามีบวมมาก ผิวเปลี่ยนสี หรือเจ็บผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดปากกระจับ
หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับอาจมีผลข้างเคียงได้เล็กน้อยซึ่งปกติแล้วผลข้างเคียงจะไม่อันตราย และจะค่อยๆ หายไปเอง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงที่ผิดปกติได้ ดังนี้
ผลข้างเคียงทั่วไปหลังฉีดปาก
เป็นปฏิกิริยาชั่วคราวหลังจากฉีดปากกระจับ และสามารถหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน โดยผลข้างเคียงที่ปกติที่พบได้จะมีดังนี้
- ริมฝีปากบวมในช่วงแรก มักเกิดขึ้นหลังฉีด และจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 1–3 วัน โดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม นอกจากการประคบเย็นและนอนยกศีรษะสูงในช่วง 1–2 คืนแรก
- มีรอยเข็มหรือรอยช้ำจางๆ เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือเส้นเลือดฝอยอยู่ตื้น อาการนี้มักจางหายภายใน 3–5 วัน
- รู้สึกตึงหรือหน่วงบริเวณที่ฉีด เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของเนื้อเยื่อ ซึ่งจะดีขึ้นเมื่อฟิลเลอร์เริ่มกลืนเข้ากับผิว
- รูปปากดูเบี้ยวเล็กน้อย เพราะรูปร่างของริมฝีปากอาจดูยังไม่เข้าที่ในช่วงแรก โดยเฉพาะเมื่อมีอาการบวม ซึ่งจะค่อยๆ เข้าที่เอง
ผลข้างเคียงที่ผิดปกติหลังทำปากกระจับ
เป็นอาการที่มักเกิดจากใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็น ฟิลเลอร์ปลอม หรือแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ โดยอาการผิดปกติมีดังนี้
- มีก้อนแข็งใต้ผิวที่กดแล้วไม่ยุบ หากผ่านไปหลายหลายเดือนแล้วแต่ยังมีก้อนแข็ง อาจเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์เนื้อไม่เหมาะสม หรือฟิลเลอร์กระจายตัวไม่ดี ควรให้แพทย์ประเมินว่าเป็นก้อนชั่วคราวหรือก้อนถาวรที่ต้องฉีดสลายฟิลเลอร์
- มีรอยช้ำเขียวเข้ม หรือเจ็บมากเกินปกติ อาจเกี่ยวข้องกับเส้นเลือดเข้มไปเกี่ยวโดนเส้นเลือดจนได้รับความเสียหาย
- ปากมีสีซีดหรือคล้ำผิดปกติ อาจบ่งบอกถึงการไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ หรือฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ซึ่งควรได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน
- มีอาการปวดตุบ บวม แดง และร้อนผิดปกติ เป็นสัญญาณของการอักเสบติดเชื้อ หากเกิดร่วมกับไข้หรือมีหนองควรรีบพบแพทย์
หากหลังฉีดปากกระจับแล้วพบว่ามีอาการใดอาการหนึ่งในผลข้างเคียงที่ผิดปกติ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อที่จะได้ทำการรักษาทัน และไม่เกิดอาการอื่นๆ เพิ่ม
หากมีงานสำคัญหรือนัดออกกล้อง ควรเว้นกี่วัน?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรเว้นอย่างน้อย 5–7 วัน ก่อนมีงานสำคัญ เพื่อให้ริมฝีปากหายบวม เข้ารูป และดูเป็นธรรมชาติที่สุด อาการบวม รอยเข็ม หรือปากยังไม่สมมาตรในช่วงแรกเป็นเรื่องปกติ และจะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วงสัปดาห์แรก ซึ่งรอยเขียวช้ำสามารถแต่งหน้ากลบได้หลังจากที่ฉีดมาแล้ว 48 ชั่วโมง โดยเลือกใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการกดแรงๆ
ทำปากกระจับด้วยการฉีดฟิลเลอร์จะเข้าทรงเมื่อไหร่? ต้องฉีดซ้ำไหม?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะเริ่มเข้าที่ภายใน 3–7 วัน และเห็นผลชัดเจนเต็มที่เมื่อครบประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากอาการบวมยุบลงและ เนื้อฟิลเลอร์ เซ็ตตัวเรียบร้อยแล้ว โดยผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และรุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้จากนั้นสามารถฉีดซ้ำได้หากต้องการคงรูปปากเอาไว้
ควรเว้นหัตถการอื่นหลังฉีดปากกระจับนานแค่ไหน?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับควรเว้นการทำเลเซอร์รอบปาก การนวดหน้าหรือหัตถการที่มีแรงกดประมาณ 1–2 สัปดาห์ และงดหัตถการที่ใช้ความร้อน เช่น Ulthera, HIFU หรือ Thermage บริเวณปากอย่างน้อย 10–14 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนผิดตำแหน่งหรือสลายเร็วกว่าปกติ หากจำเป็นต้องทำหัตถการอื่นใกล้เคียงช่วงเวลาเดียวกัน ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าเพื่อให้ประเมินความเหมาะสมก่อนเสมอ
เปรียบเทียบกับการทำปากกระจับแบบศัลยกรรม
ปากกระจับสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก และศัลยกรรมปากกระจับ ซึ่งหลายคนอาจจะตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกทำด้วยวิธีไหนดี สามารถดูเปรียบเทียบตามตารางข้างล่างนี้ได้
ประเด็นเปรียบเทียบ | ฉีดฟิลเลอร์ปาก | ศัลยกรรมปากกระจับ |
---|---|---|
วิธีการ | ฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับรูปทรงปาก | ผ่าตัดตกแต่งเนื้อปากและเย็บให้ได้รูปใหม่ |
ระยะเวลาเห็นผล | เห็นผลทันที เข้าทรงใน 1–2 สัปดาห์ | เห็นผลหลังยุบบวม เข้าทรงใน 2–4 สัปดาห์ |
ความเจ็บ | เจ็บน้อย ไม่มีแผลผ่าตัด | มีแผลผ่าตัด รอยเย็บ ต้องดูแลหลังทำอย่างใกล้ชิด |
ระยะเวลาพักฟื้น | แทบไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ | พักฟื้นประมาณ 7–14 วัน |
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน | 6–12 เดือน แล้วค่อยเติมซ้ำ | ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย |
ความง่ายในการแก้ไข | แก้ไขได้ง่าย ฉีดเพิ่ม หรือสลายออกได้ | แก้ไขยาก ต้องผ่าตัดซ้ำ |
ความเหมาะสม | เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัด หรืออยากลองก่อน | เหมาะกับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างปากระยะยาว |
ข้อควรระวัง | หลีกเลี่ยงการสัมผัส กดริมฝีปากช่วงแรก | ต้องดูแลแผลเย็บให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ |
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลังฉีดปากกระจับ (FAQ)
Q: หลังฉีดปากกระจับนอนหมอนสูงหรือหมอนต่ำดีกว่า?
A: หลังฉีดปากกระจับควรนอนหนุนหมอนสูงในช่วง 2 – 3 คืนแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนจากแรงโน้มถ่วง
Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถดื่มกาแฟได้ไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดดื่มกาแฟอย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมง เพราะคาเฟอีนอาจกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเพิ่มอาการบวม
Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากกินน้ำเย็นได้ไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถดื่มน้ำเย็นได้ และควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูและอยู่ตัวได้นาน
Q: ฉีดปากแล้วรู้สึกตึงเวลายิ้มหรือหัวเราะเป็นปกติไหม?
A: หลังฉีดปากแล้วรู้สึกตึงเวลายิ้มหรือหัวเราะถือเป็นอาการปกติในช่วงแรก และมักหายไปภายในไม่กี่วัน
Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถจูบได้ไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดจูบอย่างน้อย 7 – 14 วัน เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนและลดการระคายเคือง
Q: ถ้าปากดูไม่เท่ากันหลังฉีด ควรรอหรือแก้เลย?
A: หากปากดูไม่เท่ากันหลังฉีดควรรออย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ให้อาการบวมยุบก่อน เพราะอาจยังไม่เข้าที่สมบูรณ์
Q: ฟิลเลอร์จะไหลลงหรือย้อยได้ไหม?
A: ฟิลเลอร์อาจไหลหรือย้อยได้หากฉีดลึกผิดชั้น ใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือดูแลหลังทำไม่เหมาะสม
Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากไป ฉีดจมูกหรือคางต่อได้เลยไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถฉีดจมูกหรือ ฟิลเลอร์คาง ต่อได้ แต่ควรให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมและลำดับการฉีดก่อนทุกครั้ง
Q: ฟิลเลอร์ปากจะเป็นก้อนแข็งในระยะยาวหรือไม่?
A: หากฉีดฟิลเลอร์แท้ในชั้นผิวที่ถูกต้อง โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ โอกาสเกิดก้อนแข็งในระยะยาวต่ำมาก แต่ควรติดตามผลตามนัดทุกเคส
Q: ถ้าฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ชอบ อยากเอาออกได้ไหม?
A: หากฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ชอบ สามารถฉีดแก้ไขได้ด้วยการสลายออกได้ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสอย่างปลอดภัย
Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถทำ HIFU หรือเลเซอร์รอบปากได้ไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรเว้นการทำ HIFU หรือเลเซอร์รอบปากอย่างน้อย 10 – 14 วัน เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เสียรูปหรือสลายเร็ว
Q: คนที่เคยศัลยกรรมปากมาก่อน สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม?
A: คนที่เคยศัลยกรรมปากมาก่อนสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ แต่ควรให้แพทย์ประเมินโครงสร้างปากและพังผืดก่อนทุกครั้ง
Q: ฟิลเลอร์ปากมีผลต่อการออกเสียงไหม?
A: ฟิลเลอร์ปากไม่มีผลต่อการออกเสียง หากฉีดอย่างเหมาะสมและไม่ใช้ปริมาณมากเกินไป
สรุป
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับควรระมัดระวังในการจับปาก สัมผัสปากอย่างรุนแรง เพราะในช่วงแรกฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี ทรงปากกระจับที่หมอได้ปั้นให้อาจเสียทรง ปากไม่เท่ากันได้ และนอกจากเรื่องสัมผัสปากยังต้องระวังเรื่องกิน เช่น ห้ามกินของร้อน ห้ามกินของหมักดองควรงดไปสักระยะ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายไวขึ้น และก่อให้เกิดอาการบวม หรืออักเสบได้ค่ะ