บทความ
หลังฉีดปากกระจับดูแลอย่างไร ทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดห้ามอะไรบ้าง
แชร์ :

หลังฉีดปากกระจับดูแลอย่างไร ทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดห้ามอะไรบ้าง

หลังฉีดปากกระจับดูแลอย่างไร
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

หลังฉีดปากกระจับ ดูแลอย่างไรให้เข้าทรงสวย ดูเป็นธรรมชาติ และลดความเสี่ยงได้ดีที่สุดเป็นสิ่งที่หลายๆ คนสงสัย เพราะถึงแม้การทำปากกระจับแบบไม่ต้องผ่าตัดอย่างการ ฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นทางเลือกที่เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว และไม่ทิ้งรอยแผล แต่การดูแลตัวเองในช่วงหลังทำก็ยังคงสำคัญมาก ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลหลังจากฉีดปากกระจับแล้วค่ะ

Key Takeaway

  • ปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดคือการปรับรูปปากด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริมฝีปาก โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน และเห็นผลทันที
  • 24 ชม. แรกหลังฉีดปากกระจับควรหลีกเลี่ยงการจับ กด เม้มปาก ดื่มของร้อน หรือนอนคว่ำ เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อน
  • 1 สัปดาห์แรกหลังทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดห้ามจูบ ห้ามใช้หลอดดูด ห้ามออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการใช้ลิปมันที่มีน้ำหอมหรือสารระคายเคือง
  • ควรดื่มน้ำมากๆ และรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีและโปรตีนสูง หลังฉีดปากกระจับเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูและฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ห้ามกินอาหารหมักดอง เค็มจัด หรือร้อนจัดในช่วงแรก เพราะอาจกระตุ้นให้บวมและทำให้ฟิลเลอร์ปากกระจับสลายเร็ว
  • ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดจะมีอาการบวม ช้ำ รู้สึกตึง เป็นเรื่องปกติ และมักหายไปใน 3–5 วัน
  • อาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก ริมฝีปากซีด ก้อนแข็ง หรือบวมร้อนแดงหลังฉีดปากกระจับต้องรีบพบแพทย์ทันที
  • หลังทำควรงดเลเซอร์ ซาวน่า และ HIFU รอบปาก 10–14 วัน เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์ปากกระจับเสียรูปทรง
  • ควรเว้นงานสำคัญหรือออกกล้อง อย่างน้อย 5–7 วัน เพื่อให้ปากกระจับที่ฉีดมาเข้าที่และลดอาการบวม
  • ฉีดปากกระจับไม่ต้องผ่าตัดผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6–12 เดือน และสามารถเติมซ้ำหรือสลายออกได้หากไม่พอใจรูปทรง
  • ฉีดปากกระจับเหมาะกับคนที่อยากลองปรับรูปปากดูก่อนเพราะเป็นการปรับทรงปากแบบไม่ถาวร และไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม

ทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดคืออะไร?

ปากกระจับแบบไม่ผ่าตัด คือ ปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูมีมิติ อวบอิ่ม และเป็นกระจับอย่างสวยงาม โดยใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังตำแหน่งเฉพาะของริมฝีปาก เพื่อเติมวอลลุ่มและจัดทรงให้รับกับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเย็บ และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเหมือนการศัลยกรรมปากกระจับถาวร เหมาะกับผู้ที่ต้องการลองปรับรูปปากแบบเบาๆ หรือยังไม่แน่ใจว่าจะผ่าตัดดีหรือไม่ การฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ผลลัพธ์ไม่ถาวรแต่สามารถปรับแก้ได้ หากไม่พอใจกับรูปทรงเดิม ทั้งยังแก้ปัญหาริมฝีปากบาง ปากไม่เป็นทรง หรือริมฝีปากคว่ำให้ยกขึ้น ดูสดใส 

ดูแลอย่างไรหลังฉีดปากกระจับ

หลังทำปากกระจับแบบฉีดต้องดูแลอย่างไร?

เพื่อให้รูปปากกระจับที่ทำมาได้อยู่ทรงสวยได้นาน ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ฟิลเลอร์ปากคงอยู่ได้นาน ควรดูแลหลังฉีดดังนี้

24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดปากกระจับ

เป็นช่วงที่ฟิลเลอร์ปากยังไม่เข้าที่ดี ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนหรือเสียรูป เช่น 

  • ห้ามจับ กด นวด หรือเม้มริมฝีปากโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้ปากกระจับเสียทรง หรือเบี้ยวได้
  • หลีกเลี่ยงท่าตะแคงหน้าทับหรือนอนคว่ำ ควรนอนหนุนหมอนสูงกว่าระดับหน้าอกเพื่อช่วยลดอาการบวม
  • งดแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนจัด และอาหารร้อน เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และเพิ่มโอกาสเกิดการบวมอักเสบ

วันที่ 2–7 ต้องระวังอะไรบ้างหลังทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัด

ช่วงสัปดาห์แรกเป็นช่วงที่ฟิลเลอร์เริ่มเซ็ตตัว ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กระทบต่อริมฝีปากอย่างต่อเนื่อง เช่น 

  • ห้ามจูบ ห้ามนวด หรือใช้แรงกับริมฝีปาก เพราะจะทำให้ปากทรงปากฉีดมาเปลี่ยนไม่เหมือนเดิม
  • งดการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากหรือทำให้เลือดสูบฉีดแรง เช่น การวิ่ง การเวตเทรนนิ่ง เพราะอาจทำให้ปากบวมมากขึ้น
  • สามารถใช้เจลเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบริมฝีปาก หากรู้สึกบวมที่ริมฝีปากเล็กน้อยแนะนำให้ประคบเย็นเฉพาะช่วง 2–3 วันแรก
  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น แต่ควรหลีกเลี่ยงลิปสติกหรือลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารระคายเคือง และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน 

ควรเลือกอาหารและการฟื้นฟูจากภายในแบบไหน

อาหารมีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นตัวของริมฝีปากหลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรเน้นอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดอาการบวม ได้แก่

  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร เพราะฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ ยิ่งร่างกายได้รับน้ำมากเท่าไร ฟิลเลอร์ก็จะฟูสวยและอยู่ตัวได้นานยิ่งขึ้น
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง เบอร์รี เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวบริเวณริมฝีปาก
  • บริโภคอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ เนื้อปลา ธัญพืช ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและเร่งการสมานตัว
  • หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เพราะอาจเพิ่มการอักเสบหรือทำให้ริมฝีปากบวมนานกว่าปกติ
  • งดอาหารรสจัดและรสเค็ม ในช่วง 2 – 3 วันแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวมหรือระคายเคืองเพิ่มเติม

ห้ามทำอะไรบ้างหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ

ห้ามทำอะไรบ้างหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ

หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับมาแล้ว ควรระวังพฤติกรรมบางอย่างที่สามารถทำให้ปากกระจับเสียทรง ไม่สวยเหมือนเดิม โดยข้อห้ามหลังทำปากกระจับแบบไม่ผ่าตัดมีดังนี้

  • ห้ามจับ เม้มริมฝีปาก ทำปากจู๋ หรือขยับปากแรงๆ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเสียทรงไปจากเดิม
  • ห้ามใช้หลอดดูดน้ำ เพราะหลอด และลักษณะรูปทรงของปากขณะดูดน้ำอาจจะไปรบกวนฟิลเลอร์ที่ยังไม่เข้าที่ดี ปากกระจับอาจเสียทรงได้
  • ห้ามนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง เพราะแรงกดจากหมอนสามารถทำให้ริมฝีปากผิดรูปหรือฟิลเลอร์กระจายไม่สม่ำเสมอ
  • ห้ามสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการอักเสบ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ห้ามรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัด เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น และอาจกระตุ้นการบวม
  • ห้ามใช้ลิปสติกที่แน่นมากๆ เช็ดออกได้ยาก เพราะเมื่อฟิลเลอร์ปากกระจับยังไม่เข้าที่ แล้วไปถูริมฝีปากแรงๆ อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
  • ห้ามออกกำลังกายหนัก เพราะการกระตุ้นให้เลือดสูบฉีดแรงจะทำให้เกิดอาการบวมแดง และฟิลเลอร์ไม่เข้าที่ดี
  • ห้ามเข้าอบซาวน่า อบไอน้ำ เพราะความร้อนสูงจะเร่งการสลายของฟิลเลอร์ และเพิ่มโอกาสเกิดการระคายเคือง
  • ห้ามรับประทานอาหารรสจัด เค็มจัด ของหมักดอง เพราะอาหารเหล่านี้จะเพิ่มการอักเสบ รบกวนกระบวนการฟื้นฟู และเร่งการสลายตัวของฟิลเลอร์
  • ห้ามละเลยการสังเกตอาการผิดปกติ หากพบว่ามีบวมมาก ผิวเปลี่ยนสี หรือเจ็บผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดปากกระจับ

หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับอาจมีผลข้างเคียงได้เล็กน้อยซึ่งปกติแล้วผลข้างเคียงจะไม่อันตราย และจะค่อยๆ หายไปเอง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงที่ผิดปกติได้ ดังนี้

ผลข้างเคียงทั่วไปหลังฉีดปาก

เป็นปฏิกิริยาชั่วคราวหลังจากฉีดปากกระจับ และสามารถหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน โดยผลข้างเคียงที่ปกติที่พบได้จะมีดังนี้

  • ริมฝีปากบวมในช่วงแรก มักเกิดขึ้นหลังฉีด และจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 1–3 วัน โดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม นอกจากการประคบเย็นและนอนยกศีรษะสูงในช่วง 1–2 คืนแรก
  • มีรอยเข็มหรือรอยช้ำจางๆ เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือเส้นเลือดฝอยอยู่ตื้น อาการนี้มักจางหายภายใน 3–5 วัน
  • รู้สึกตึงหรือหน่วงบริเวณที่ฉีด เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของเนื้อเยื่อ ซึ่งจะดีขึ้นเมื่อฟิลเลอร์เริ่มกลืนเข้ากับผิว
  • รูปปากดูเบี้ยวเล็กน้อย เพราะรูปร่างของริมฝีปากอาจดูยังไม่เข้าที่ในช่วงแรก โดยเฉพาะเมื่อมีอาการบวม ซึ่งจะค่อยๆ เข้าที่เอง

ผลข้างเคียงที่ผิดปกติหลังทำปากกระจับ

เป็นอาการที่มักเกิดจากใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็น ฟิลเลอร์ปลอม หรือแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ โดยอาการผิดปกติมีดังนี้

  • มีก้อนแข็งใต้ผิวที่กดแล้วไม่ยุบ หากผ่านไปหลายหลายเดือนแล้วแต่ยังมีก้อนแข็ง อาจเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์เนื้อไม่เหมาะสม หรือฟิลเลอร์กระจายตัวไม่ดี ควรให้แพทย์ประเมินว่าเป็นก้อนชั่วคราวหรือก้อนถาวรที่ต้องฉีดสลายฟิลเลอร์
  • มีรอยช้ำเขียวเข้ม หรือเจ็บมากเกินปกติ อาจเกี่ยวข้องกับเส้นเลือดเข้มไปเกี่ยวโดนเส้นเลือดจนได้รับความเสียหาย
  • ปากมีสีซีดหรือคล้ำผิดปกติ อาจบ่งบอกถึงการไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ หรือฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ซึ่งควรได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน
  • มีอาการปวดตุบ บวม แดง และร้อนผิดปกติ เป็นสัญญาณของการอักเสบติดเชื้อ หากเกิดร่วมกับไข้หรือมีหนองควรรีบพบแพทย์

หากหลังฉีดปากกระจับแล้วพบว่ามีอาการใดอาการหนึ่งในผลข้างเคียงที่ผิดปกติ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อที่จะได้ทำการรักษาทัน และไม่เกิดอาการอื่นๆ เพิ่ม

หากมีงานสำคัญหรือนัดออกกล้อง ควรเว้นกี่วัน?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรเว้นอย่างน้อย 5–7 วัน ก่อนมีงานสำคัญ เพื่อให้ริมฝีปากหายบวม เข้ารูป และดูเป็นธรรมชาติที่สุด อาการบวม รอยเข็ม หรือปากยังไม่สมมาตรในช่วงแรกเป็นเรื่องปกติ และจะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วงสัปดาห์แรก ซึ่งรอยเขียวช้ำสามารถแต่งหน้ากลบได้หลังจากที่ฉีดมาแล้ว 48 ชั่วโมง โดยเลือกใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการกดแรงๆ

ทำปากกระจับด้วยการฉีดฟิลเลอร์จะเข้าทรงเมื่อไหร่? ต้องฉีดซ้ำไหม?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะเริ่มเข้าที่ภายใน 3–7 วัน และเห็นผลชัดเจนเต็มที่เมื่อครบประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากอาการบวมยุบลงและ เนื้อฟิลเลอร์ เซ็ตตัวเรียบร้อยแล้ว โดยผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และรุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้จากนั้นสามารถฉีดซ้ำได้หากต้องการคงรูปปากเอาไว้

ควรเว้นหัตถการอื่นหลังฉีดปากกระจับนานแค่ไหน?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับควรเว้นการทำเลเซอร์รอบปาก การนวดหน้าหรือหัตถการที่มีแรงกดประมาณ 1–2 สัปดาห์ และงดหัตถการที่ใช้ความร้อน เช่น Ulthera, HIFU หรือ Thermage บริเวณปากอย่างน้อย 10–14 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนผิดตำแหน่งหรือสลายเร็วกว่าปกติ หากจำเป็นต้องทำหัตถการอื่นใกล้เคียงช่วงเวลาเดียวกัน ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าเพื่อให้ประเมินความเหมาะสมก่อนเสมอ

เปรียบเทียบกับการทำปากกระจับแบบศัลยกรรม

ปากกระจับสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก และศัลยกรรมปากกระจับ ซึ่งหลายคนอาจจะตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกทำด้วยวิธีไหนดี สามารถดูเปรียบเทียบตามตารางข้างล่างนี้ได้

ประเด็นเปรียบเทียบ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ศัลยกรรมปากกระจับ
วิธีการ ฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับรูปทรงปาก ผ่าตัดตกแต่งเนื้อปากและเย็บให้ได้รูปใหม่
ระยะเวลาเห็นผล เห็นผลทันที เข้าทรงใน 1–2 สัปดาห์ เห็นผลหลังยุบบวม เข้าทรงใน 2–4 สัปดาห์
ความเจ็บ เจ็บน้อย ไม่มีแผลผ่าตัด มีแผลผ่าตัด รอยเย็บ ต้องดูแลหลังทำอย่างใกล้ชิด
ระยะเวลาพักฟื้น แทบไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ พักฟื้นประมาณ 7–14 วัน
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6–12 เดือน แล้วค่อยเติมซ้ำ ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย
ความง่ายในการแก้ไข แก้ไขได้ง่าย ฉีดเพิ่ม หรือสลายออกได้ แก้ไขยาก ต้องผ่าตัดซ้ำ
ความเหมาะสม เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัด หรืออยากลองก่อน เหมาะกับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างปากระยะยาว
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัส กดริมฝีปากช่วงแรก ต้องดูแลแผลเย็บให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหลังฉีดปากกระจับ (FAQ)

Q: หลังฉีดปากกระจับนอนหมอนสูงหรือหมอนต่ำดีกว่า?
A: หลังฉีดปากกระจับควรนอนหนุนหมอนสูงในช่วง 2 – 3 คืนแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมและป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนจากแรงโน้มถ่วง

Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถดื่มกาแฟได้ไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดดื่มกาแฟอย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมง เพราะคาเฟอีนอาจกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเพิ่มอาการบวม

Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากกินน้ำเย็นได้ไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถดื่มน้ำเย็นได้ และควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูและอยู่ตัวได้นาน

Q: ฉีดปากแล้วรู้สึกตึงเวลายิ้มหรือหัวเราะเป็นปกติไหม?
A: หลังฉีดปากแล้วรู้สึกตึงเวลายิ้มหรือหัวเราะถือเป็นอาการปกติในช่วงแรก และมักหายไปภายในไม่กี่วัน

Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถจูบได้ไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดจูบอย่างน้อย 7 – 14 วัน เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนและลดการระคายเคือง

Q: ถ้าปากดูไม่เท่ากันหลังฉีด ควรรอหรือแก้เลย?
A: หากปากดูไม่เท่ากันหลังฉีดควรรออย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ให้อาการบวมยุบก่อน เพราะอาจยังไม่เข้าที่สมบูรณ์

Q: ฟิลเลอร์จะไหลลงหรือย้อยได้ไหม?
A: ฟิลเลอร์อาจไหลหรือย้อยได้หากฉีดลึกผิดชั้น ใช้ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือดูแลหลังทำไม่เหมาะสม

Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากไป ฉีดจมูกหรือคางต่อได้เลยไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถฉีดจมูกหรือ ฟิลเลอร์คาง ต่อได้ แต่ควรให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมและลำดับการฉีดก่อนทุกครั้ง

Q: ฟิลเลอร์ปากจะเป็นก้อนแข็งในระยะยาวหรือไม่?
A: หากฉีดฟิลเลอร์แท้ในชั้นผิวที่ถูกต้อง โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ โอกาสเกิดก้อนแข็งในระยะยาวต่ำมาก แต่ควรติดตามผลตามนัดทุกเคส

Q: ถ้าฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ชอบ อยากเอาออกได้ไหม?
A: หากฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ชอบ สามารถฉีดแก้ไขได้ด้วยการสลายออกได้ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสอย่างปลอดภัย

Q: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถทำ HIFU หรือเลเซอร์รอบปากได้ไหม?
A: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรเว้นการทำ HIFU หรือเลเซอร์รอบปากอย่างน้อย 10 – 14 วัน เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เสียรูปหรือสลายเร็ว

Q: คนที่เคยศัลยกรรมปากมาก่อน สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม?
A: คนที่เคยศัลยกรรมปากมาก่อนสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ แต่ควรให้แพทย์ประเมินโครงสร้างปากและพังผืดก่อนทุกครั้ง

Q: ฟิลเลอร์ปากมีผลต่อการออกเสียงไหม?
A: ฟิลเลอร์ปากไม่มีผลต่อการออกเสียง หากฉีดอย่างเหมาะสมและไม่ใช้ปริมาณมากเกินไป

สรุป

การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับควรระมัดระวังในการจับปาก สัมผัสปากอย่างรุนแรง เพราะในช่วงแรกฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี ทรงปากกระจับที่หมอได้ปั้นให้อาจเสียทรง ปากไม่เท่ากันได้ และนอกจากเรื่องสัมผัสปากยังต้องระวังเรื่องกิน เช่น ห้ามกินของร้อน ห้ามกินของหมักดองควรงดไปสักระยะ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายไวขึ้น และก่อให้เกิดอาการบวม หรืออักเสบได้ค่ะ

Scroll to Top