รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ เพราะแม้จะไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ สีหน้าก็อาจดูเครียด จริงจัง หรือไม่เป็นมิตรจนทำให้บางคนถูกเข้าใจผิดว่าหน้าดุเพราะรอยย่นระหว่างคิ้วที่มี ซึ่งรอยย่นระหว่างคิ้วเกิดได้จากหลายๆ ปัจจัย แต่ยังสามารถแก้ไข และชะลอให้เกิดปัญหานี้ได้ช้าลง ในบทความนี้ Vincent Clinic Aesthetic จะพามารู้จักสาเหตุของรอยย่นระหว่างคิ้ว รวมถึงวิธีแก้ไข วิธีป้องกันแบบเจาะลึกค่ะ
Ket Takeaway
- รอยย่นระหว่างคิ้วเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อซ้ำ ๆ เช่น การขมวดคิ้ว รวมถึงอายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมทำร้ายผิว และการละเลยการดูแลผิว
- รอยย่นระหว่างคิ้วไม่ได้เกิดจากอายุเท่านั้น แต่ยังสัมพันธ์กับโครงสร้างใบหน้าและพันธุกรรมของแต่ละคน ทำให้บางคนมีรอยเร็วกว่าคนอื่นแม้อายุน้อย
- รอยย่นระหว่างคิ้วแม้เป็นเพียงริ้วรอยเล็ก ๆ แต่สามารถทำให้ใบหน้าดูเครียด ดุดัน หรือไม่เป็นมิตร ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจได้มากกว่าที่คิด
- เครื่องสำอางหรือรองพื้นไม่สามารถปกปิดรอยย่นระหว่างคิ้วได้ทั้งหมด และอาจตกร่องจนยิ่งเน้นให้เห็นรอยชัดขึ้น การดูแลผิวจึงสำคัญกว่าการปกปิด
- สามารถแก้ไขรอยย่นระหว่างคิ้วได้ทั้งวิธีธรรมชาติ เช่น การทาครีมบำรุง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และหัตถการ เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ ยกกระชับ หรือร้อยไหม
- การดูแลรอยย่นระหว่างคิ้วตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะหากปล่อยให้รอยลึกขึ้น การรักษาจะยากและต้องใช้เวลานาน
รอยย่นระหว่างคิ้ว คืออะไร? ทำไมถึงทำให้หน้าดูดุ
รอยย่นระหว่างคิ้ว คือ เส้นริ้วรอย หรือร่องลึกที่เกิดขึ้นตรงบริเวณกลางหน้าผากระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งถ้ามีริ้วรอยนี้จะทำให้ใบหน้าดูจริงจัง ดูดุ เคร่งเครียด หรือไม่เป็นมิตร แม้จริงๆ แล้วตัวเราจะไม่ได้รู้สึกเครียดเลยก็ตาม โดยในตอนแรกนั้นจะเริ่มจากรอยที่เห็นเมื่อขมวดคิ้วเท่านั้น และเมื่อผ่านไปนานๆ จะกลายริ้วรอยระหว่างคิ้วตื้น จนกลายไปเป็นริ้วรอยร่องลึกระหว่างคิ้วที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้ไม่ได้แสดงสีหน้าถ้าไม่รีบดูแลแก้ไข
ซึ่งริ้วรอยระหว่างคิ้วนั้นมีหลายรูปแบบทั้งริ้วรอยแนวตั้ง แนวนอน หรือแม้กระทั้งริ้วรอยแบบไขว้กันไปมา เพราะว่ากล้ามเนื้อระหว่างคิ้วของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงมีลักษณะริ้วรอยแตกต่างกันออกไป แต่ลักษณะริ้วรอยระหว่างคิ้วที่พบได้บ่อยจะเป็นริ้วรอยแนวตั้ง 2 เส้น ที่คล้ายกับเลขสิบเอ็ดค่ะ
สาเหตุของรอยย่นระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไรบ้าง?
รอยย่นระหว่างคิ้วเกิดจากสิ่งเล็กๆ จนกลายเป็นริ้วรอยร่องลึกถาวร โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยระหว่างคิ้วเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายนอก และภายในร่างกายดังนี้
- ขยับกล้ามเนื้อบริเวณระหว่างคิ้วซ้ำๆ การแสดงสีหน้า เช่น ขมวดคิ้วเวลาคิด เครียด หรือไม่พอใจ จะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อระหว่างคิ้วหดตัวซ้ำๆ ซึ่งจะทำให้เกิดรอยพับบนผิวเมื่อทำบ่อยๆ จะกลายเป็นริ้วรอยถาวร
- อายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ผิวจึงสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ ทำให้เกิดรอยย่นรอยพับบนผิวได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดรอยย่นระหว่างคิ้วถาวร
- ท่านอนบางท่า เช่น ท่านอนตะแคง หรือนอนคว่ำที่ทำให้ใบหน้ากดลงบนหมอนโดยตรง อาจทำให้เกิดแรงกด หรือรอยพับที่จุดระหว่างคิ้วได้ ซึ่งเมื่อนอนท่านี้บ่อยๆ จะส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นเกิดรอยพับสะสม จนกลายเป็นรอยย่นชัดเจน
- ละเลยการดูแลผิว โดยเฉพาะรังสี UV จากแสงแดด สามารถทำลายเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้โดยตรง หากไม่ทาครีมกันแดดหรือไม่ดูแลผิวให้ชุ่มชื้น ผิวจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
- มลภาวะ และสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ หรือสารเคมีในอากาศ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งเร่งการเสื่อมของผิว นอกจากนี้การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนน้อย และเครียดเรื้อรัง นส่งผลให้ผิวอ่อนแอ และเกิดริ้วรอยระหว่างคิ้วได้ง่าย
- พันธุกรรม หรือโครงสร้างใบหน้า บางคนมีโครงสร้างกระดูกหรือกล้ามเนื้อบริเวณคิ้วที่ทำงานมากกว่าปกติ หรือมีแนวโน้มเกิดรอยพับบริเวณนี้ชัดกว่าคนทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และทำให้รอยย่นระหว่างคิ้วขึ้นมาได้แม้จะดูแลผิวอย่างดี
รอยย่นระหว่างคิ้วส่งผลอะไรกับใบหน้า และ ภาพลักษณ์?
รอยย่นระหว่างคิ้วแม้จะเป็นเพียงเส้นเล็ก ๆ แต่สามารถเปลี่ยนโทนโดยรวมของใบหน้าได้อย่างชัดเจน ใบหน้าที่เคยดูผ่อนคลายและเป็นมิตรอาจกลับกลายเป็นดูเครียด ตึง หรือดุดัน ทั้งที่อาจไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น และยังส่งผลต่อการรับรู้ของคนรอบข้างทำให้บางคนเข้าใจผิดว่าเรากำลังไม่พอใจ หรืออารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอ
เมื่อรอยเริ่มลึกขึ้นจะเห็นชัดแม้ในขณะไม่ได้แสดงสีหน้า และส่งผลโดยตรงกับการแต่งหน้า เพราะรองพื้นหรือเครื่องสำอางมักจะตกร่องบริเวณนี้ ทำให้หน้าไม่เรียบเนียน ยิ่งแต่งยิ่งเน้นให้รอยเด่นชัดขึ้น ภาพรวมของใบหน้าจึงดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และขาดความอ่อนเยาว์ จึงทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ไม่สบายใจเมื่อต้องเข้าสังคมหรือสื่อสารกับผู้อื่น แม้จะเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ บนใบหน้า แต่รอยย่นระหว่างคิ้วก็สามารถส่งผลได้ทั้งในเชิงภาพลักษณ์ และความรู้สึกส่วนตัวได้ค่ะ
วิธีแก้ไขและลดรอยย่นระหว่างคิ้ว
รอยย่นระหว่างคิ้วสามารถลดลงได้ด้วยทั้งวิธีธรรมชาติและหัตถการทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับความลึกของร่อง ความยืดหยุ่นของผิว และความต้องการของแต่ละคน โดยวิธีสามารถรักษาริ้วรอยระหว่างคิ้วได้มีดังนี้
โบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
โบท็อกซ์เป็นสารที่ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณระหว่างคิ้วคลายตัว ลดการหดเกร็งที่ทำให้เกิดรอยย่นเมื่อขมวดคิ้ว เหมาะกับรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ขมวดคิ้วหรือเพ่งบ่อย ๆ ผลลัพธ์ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และการ ฉีดโบท็อกซ์ ยังสามารถป้องกันไม่ให้รอยย่นลึกขึ้นในอนาคต หากเป็นร่องลึกมากจะไม่สามารถแก้ด้วยโบท็อกซ์ได้
เจาะลึก : ฉีดโบท็อกระหว่างคิ้ว อันตรายไหม ต้องฉีดกี่ยูนิต เหมาะกับใครบ้าง?
ฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึกระหว่างคิ้ว
วิธีนี้เป็นการ ฉีดฟิลเลอร์ ที่เป็นสารเติมเต็มเข้าไปใต้ผิวบริเวณร่องระหว่างคิ้วที่ลึก จากนั้นร่องลึกจะดูตื้นขึ้นทันที ซึ่งฟิลเลอร์มีคุณสมบัติคล้ายสารในร่างกายจึงปลอดภัยและสลายได้เองตามธรรมชาติ เหมาะกับริ้วรอยระหว่างคิ้วลึกที่เห็นชัดแม้ไม่แสดงสีหน้า แต่การฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางเท่านั้น เพราะใกล้กับเส้นเลือดที่สำคัญหากฉีดผิดตำแหน่งอาจเกิดผลข้างเคียงได้
การยกกระชับระหว่างคิ้วด้วยเครื่องยกกระชับ
เครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera, Hifu, Thermage สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS หรือชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ช่วยยกผิวให้ตึงขึ้น ลดการหย่อนคล้อย และทำให้รอยย่นระหว่างคิ้วดูจางลง และยังสามารถเห็นผลได้ทั่วใบหน้าว่าดูยกกระชับขึ้น
เลเซอร์ฟื้นฟูผิวและกระตุ้นคอลลาเจน (เช่น Fractional, Pico Laser)
เลเซอร์ช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับลึก ผิวบริเวณที่มีรอยย่นจะค่อย ๆ เรียบขึ้น เหมาะสำหรับรอยตื้นหรือรอยเริ่มต้น อาจต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งจึงเห็นผลชัดเจน และผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้น
ร้อยไหม (Thread Lift) เพื่อยกกระชับผิวบริเวณคิ้ว
ร้อยไหม เป็นการสอดไหมละลายเข้าไปใต้ผิวเพื่อยกผิวบริเวณระหว่างคิ้วให้ตึงขึ้น พร้อมกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ วิธีนี้เหมาะกับรอยย่นระหว่างคิ้วที่เกิดจากผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย ซึ่งสามารถเห็นผลลัพธ์ได้หลังทำทันที
ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีสารลดริ้วรอย
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ เรตินอล เปปไทด์ หรือไฮยาลูรอนิก แอซิด ช่วยลดเลือนรอยย่นได้ในระยะยาว โดยเฉพาะหากใช้ตั้งแต่ช่วงที่รอยเพิ่งเริ่มปรากฏ สารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว สร้างคอลลาเจน และเสริมความชุ่มชื้นให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยย่นระหว่างคิ้ว
รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นหนึ่งในริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าบริเวณอื่นของใบหน้า เนื่องจากเป็นจุดที่กล้ามเนื้อมีการเคลื่อนไหวบ่อย แต่ก็ยังสามารถป้องกัน ชะลอการเกิดริ้วรอยระหว่างคิ้วได้ ดังนี้
- ป้องกันผิวจากแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ การทาครีมกันแดดทุกวันเป็นสิ่งจำเป็น แม้ในวันที่ไม่ออกแดดโดยตรง เพราะรังสี UV สามารถกระตุ้นให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนและเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะบริเวณระหว่างคิ้วที่เป็นจุดขยับกล้ามเนื้อบ่อย หากผิวบริเวณนี้อ่อนแอจะยิ่งทำให้รอยย่นเกิดง่าย
- หลีกเลี่ยงท่านอนที่กดทับใบหน้า การนอนคว่ำหรือนอนตะแคงเป็นประจำอาจทำให้ผิวระหว่างคิ้วถูกกดทับทุกคืนแบบไม่รู้ตัวจนเกิดรอยพับสะสม และกลายเป็นรอยย่นถาวรในระยะยาว การเปลี่ยนท่านอนให้เป็นการนอนหงายจะช่วยลดแรงกดต่อผิวหน้าและชะลอการเกิดร่องลึกได้
- ฝึกผ่อนคลายสีหน้า และสังเกตการแสดงอารมณ์ การขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวมักเกิดขึ้นขณะเพ่งหน้าจอหรืออยู่ในภาวะเครียด การฝึกผ่อนคลายสีหน้า หรือฝึกโยคะใบหน้าเป็นประจำ จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วไม่เกร็งตัวตลอดเวลา และลดความเสี่ยงของรอยย่นถาวรได้
- นวดบริเวณคิ้วอย่างสม่ำเสมอ การนวดเบาๆ ที่ระหว่างคิ้วจะช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อ และเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณนั้น หากทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยการเกิดริ้วรอยหว่างคิ้วลึกได้จริงในระยะยาว
- ดูแลผิวจากภายในด้วยโภชนาการที่ดี อาหารมีบทบาทอย่างมากต่อสุขภาพผิว การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C, วิตามิน E, กรดไขมันดี และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สีเข้ม ถั่ว และปลาไขมันสูง จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ฟื้นตัวเร็ว และผลิตคอลลาเจนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ผิวทนต่อแรงเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
- พักผ่อนเพียงพอและลดความเครียดสะสม การนอนหลับไม่เพียงพอและความเครียดเรื้อรังสามารถเร่งให้เกิดริ้วรอยได้ เพราะผิวจะซ่อมแซมตัวเองในช่วงเวลานอนหลับลึก การพักผ่อนให้พอเหมาะ รวมถึงการหาวิธีผ่อนคลายทางจิตใจ เช่น การทำสมาธิหรือออกกำลังกายเบา ๆ จะช่วยให้ร่างกายและผิวฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรดูแลรอยย่นระหว่างคิ้วเมื่อไหร่?
หลายคนเข้าใจผิดว่าควรรอให้รอยย่นชัดเจนหรือกลายเป็นร่องลึกก่อนถึงจะเริ่มดูแล แต่ความจริงแล้ว การเริ่มต้นตั้งแต่สัญญาณแรกเริ่มจะช่วยชะลอการลุกลาม และลดโอกาสเกิดรอยถาวรได้มากกว่า ไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องความงาม แต่ยังช่วยรักษาความมั่นใจและภาพลักษณ์ในระยะยาวอีกด้วย
หากเริ่มสังเกตเห็นรอยบาง ๆ ระหว่างคิ้ว แม้จะยังไม่แสดงสีหน้า หรือเริ่มรู้สึกว่ารองพื้นแต่งหน้าไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม นั่นคือสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม รวมถึงในกรณีที่รู้สึกว่าตัวเองดูเครียด หน้าดุ หรือไม่เป็นมิตร ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย การดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ง่ายกว่าการแก้ไขในช่วงที่รอยลึกเกิดขึ้นถาวรแล้ว
ดูแลรอยย่นระหว่างคิ้วที่ไหนดี?
การเลือกคลินิกสำหรับดูแลรอยย่นระหว่างคิ้วควรพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย เป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน โดยควรให้ความสำคัญกับสิ่งต่อไปนี้
- มีแพทย์ประเมินใบหน้าจริงก่อนทุกเคส หลีกเลี่ยงคลินิกที่วินิจฉัยผ่านรูปถ่ายหรือไม่มีแพทย์ประจำชัดเจน เพราะการดูแลรอยย่นระหว่างคิ้วต้องอาศัยความเข้าใจโครงสร้างใบหน้าและกล้ามเนื้อเฉพาะจุด การวางแผนโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสมดุลและปลอดภัย
- ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ มีเอกสารรับรอง ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ ควรใช้ตัวยาที่ผ่านการรับรองจาก อย. สามารถตรวจสอบได้จริง และแสดงฉลากหรือเลขล็อตให้ดูได้ชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้ของปลอมที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง
- มีการติดตามผลหลังทำ ไม่ทิ้งเคส การดูแลที่ดีไม่ควรจบหลังจากฉีดเสร็จ ควรมีการติดตามผล ดูแลอาการหลังทำ และให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถปรับการรักษาในกรณีที่ต้องการแก้ไขหรือปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) รอยย่นระหว่างคิ้ว
Q: รอยย่นระหว่างคิ้วเกิดจากอะไร?
A: เกิดจากการขมวดคิ้วซ้ำๆ ผิวที่สูญเสียคอลลาเจนตามวัย และปัจจัยเสริมอย่างแสงแดด มลภาวะ พฤติกรรมทำร้ายผิว
Q: ถ้าไม่ยิ้ม ไม่ขมวดคิ้วเลย จะช่วยป้องกันรอยย่นได้ไหม?
A: ช่วยชะลอได้ แต่ริ้วรอยระหว่างคิ้วยังสามารถเกิดได้จากปัจจัยอื่นๆ เช่น ความหย่อนคล้อยผิว แสงแดด
Q: รอยย่นระหว่างคิ้วสามารถหายได้เองไหม?
A: ถ้าเป็นริ้วรอยระหว่างคิ้วขณะแสดงสีหน้าสามารถหายได้ แต่ถ้าเป็นริ้วรอยร่องลึกแล้วต้องแก้ไขด้วยหัตถการ หรือการดูแล
Q: ควรเริ่มรักษารอยย่นระหว่างคิ้วเมื่อไหร่?
A: ควรดูแลตั้งแต่เริ่มมีรอยย่นเมื่อขมวดคิ้ว เพราะเป็นอาการช่วงแรกที่รักษาได้ง่ายที่สุด
Q: Botox ช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้วได้จริงหรือ?
A: ได้จริง เพราะโบท็อกจะเข้าไปลดการทำงานกล้ามเนื้อ แต่แก้ไขได้เฉพาะรอยย่นระหว่างคิ้วเมื่อแสดงสีหน้าเท่านั้น
Q: ถ้าไม่อยากฉีด Botox มีวิธีธรรมชาติบ้างไหม?
A: มีแต่อาจเห็นผลช้า เช่น การทาครีม ลดการขมวดคิ้ว นวดหน้า
Q: การฉีดฟิลเลอร์กับ Botox ต่างกันอย่างไรในการรักษารอยย่น?
A: ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับรอยย่นระหว่างคิ้วตื้นๆ หรือร่องลึก แต่โบท็อกซ์เหมาะสำหรับริ้วรอยระหว่างคิ้วเมื่อแสดงสีหน้า
Q: หลังฉีดลดรอยย่น ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
A: งดการโดนความร้อน หรือถูแรงๆ บริเวณระหว่างคิ้ว และทากันแดด ทาครีมบำรุงทุกวัน
Q: รอยย่นระหว่างคิ้วเกี่ยวกับดวงตาหย่อนหรือไม่?
A: แล้วแต่กรณีไป บางครั้งรอยย่นระหว่างคิ้วที่หย่อนคล้อยอาจส่งผลให้ตาหย่อนคล้อยร่วมด้วยได้
สรุป
รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นปัญหาผิวที่ควรรีบรักษา ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะระหว่างคิ้วอยู่บริเวณกึ่งกลาของใบหน้า จึงสังเกตได้ง่าย และทำให้ใบหน้าดูดุ ไม่เป็นมิตร ดังนั้นถ้ามีอาการเริ่มต้นเห็นริ้วรอยระหว่างคิ้วที่แสดงสีหน้า ควรรีบแก้ไขก่อนจะเป็นร่องลึก โดยสามารถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Aesthetic ที่มีแพทย์ที่มีประการณ์ให้คำแนะนำค่ะ