บทความ
ฟิลเลอร์จีนดีไหม อันตรายหรือเปล่า มียี่ห้ออะไรบ้าง ราคาเท่าไร
แชร์ :

ฟิลเลอร์จีนดีไหม อันตรายหรือเปล่า มียี่ห้ออะไรบ้าง ราคาเท่าไร

ฟิลเลอร์จีน
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

ฟิลเลอร์จีนกำลังเป็นที่จับตามองในวงการความงาม ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายและเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่หลายคนก็ยังมีคำถามคาใจว่า ฟิลเลอร์จีนดีไหม ฉีดแล้วปลอดภัยจริงหรือเปล่า ในบทความนี้ Vincent Clinic Skin จะพามาเจาะลึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฟิลเลอร์จีน ตั้งแต่คุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่มีวางจำหน่ายในไทย ยี่ห้อที่ผ่านการรับรอง ความแตกต่างจากฟิลเลอร์ประเทศอื่น รวมถึงช่วงราคา เพื่อให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัยและเหมาะสมกับใบหน้าที่สุด

ฟิลเลอร์จีนดีไหม มีกี่ยี่ห้อ

ฟิลเลอร์จีนดีไหม มีกี่ยี่ห้อ

ในปัจจุบันฟิลเลอร์จากประเทศจีนที่ได้รับความนิยมในวงการความงาม โดยเฉพาะในประเทศไทย มีหลักๆ อยู่หนึ่งแบรนด์เด่นที่ได้รับการยอมรับ คือ Biohyalux ซึ่งถือเป็นฟิลเลอร์จีนที่ผ่านการขึ้นทะเบียน อย. ไทย รวมถึงผ่านการรับรองจากสถาบันระดับสากลหลายแห่ง เช่น อย.อเมริกา อย.ยุโรป และ อย.จีน ซึ่งมีการตรวจอย่างเข้มงวด และผ่านได้ยากมาก ฟิลเลอร์จีนยังผ่านการใช้งานในคลินิกทั่วโลกมาแล้วกว่า 8 ล้านเข็ม และมีการใช้ในหลายประเทศ เช่น เยอรมนี โปแลนด์ อิตาลี ตุรกี และรัสเซีย รวมถึงประเทศไทย

โดยฟิลเลอร์จีน Biohyalux ผลิตโดย Bloomage Biotech ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านกรดไฮยาลูโรนิก (HA) มานานกว่า 20 ปี และเป็นผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบ HA รายใหญ่ที่สุดในโลก มีสถาบันวิจัยของตนเองและมีสาขาย่อยในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา 

Biohyalux เป็นฟิลเลอร์ชนิด Biphasic HA ที่ประกอบด้วยทั้ง Crosslinked HA และ Non-Crosslinked HA ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีโครงสร้าง 3D Network ให้ความยืดหยุ่นและคงตัวดี สามารถรักษารูปทรงหลังฉีดได้แม่นยำยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีจุดเด่นที่สำคัญคือเทคโนโลยีการผลิตแบบ BioBalance Technology (BioBT™) ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะที่ทำให้เนื้อเจลมีความบริสุทธิ์ โมเลกุลสม่ำเสมอ และอยู่ในสถานะ Isotonic ช่วยลดอาการบวมหรืออักเสบหลังฉีด และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติทันที ปัจจุบันฟิลเลอร์จีน Biohyalux มีทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้

  • Biohyalux Fine Lines ฟิลเลอร์รุ่นนี้มีเนื้อเจลเนียนละเอียด คุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน สดใส และฉ่ำวาวโดยไม่บวมหรือเป็นก้อน เหมาะสำหรับฉีดในผิวชั้นตื้น เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์งานผิวโดยเฉพาะ ฉีดได้ทั่วใบหน้า และใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยเล็กๆ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ใต้ตา ร่องน้ำตา 
  • Biohyalux Lips ฟิลเลอร์รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะ เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเติมเต็มขอบปากให้ชัดเจนขึ้น เพิ่มวอลลุ่มให้อวบอิ่ม ปรับทรงปากให้เป็นไปตามอย่างที่ต้องการ แก้ริมฝีปากไม่เท่ากัน ยกมุมปากให้ดูเป็นมิตรมากขึ้นได้ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ลดร่องริมฝีปาก ทำให้ทาลิปสติกได้สวยขึ้น ลิปไม่ตกร่อง 
  • Biohyalux Derm Lines ฟิลเลอร์รุ่นนี้เนื้อจะมีความแข็งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังคงความยืดหยุ่นได้ดี ใช้ฉีดในผิวชั้นกลางถึงลึก เหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกระดับปานกลาง และปรับรูปหน้าได้ เช่น แก้ปัญหาร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ระหว่างคิ้ว บริเวณหางตาให้ดูเรียบเนียน และนำมาฉีดฟิลเลอร์หน้าผากปรับทรงหน้าผากให้นูนสวยงามตามที่ต้องการได้ เป็นฟิลเลอร์ที่เนื้อมีความหนืดมากขึ้นกว่ารุ่น Fine Lines
  • Biohyalux Deep Dermis ฟิลเลอร์รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีเนื้อแน่น ปั้นทรงได้ง่าย ฟิลเลอร์คงตัวได้ดีไม่ไหลไปยังจุดอื่น และมีความแข็งมากที่สุดในกลุ่ม เหมาะกับการฉีดในผิวชั้นลึก ใช้เพื่อยกกระชับ ปรับโครงสร้างหน้า เติมเต็มวอลลุ่ม เช่น ฉีดฟิลเลอร์คางเติมคางให้ดูสมดุลกับรูปหน้า แก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด ขมับ กรอบหน้า และแก้มตอบ

ฟิลเลอร์จีนอยู่ได้นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์จีนอยู่ได้นานแค่ไหน

ผลลัพธ์หลังจากฉีดฟิลเลอร์จีน Biohyalux จะขึ้นอยู่กับรุ่น เนื่องจากแต่ละรุ่นมีเนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่เหมือนกัน คุณสมบัติแตกต่างกันจึงมีระยะของผลลัพธ์ที่ไม่เท่ากัน โดยฟิลเลอร์จีนแต่ละรุ่นอยู่ได้นานดังนี้

  • Biohyalux Fine ผลลัพธ์หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน
  • Biohyalux Lips ผลลัพธ์หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน
  • Biohyalux Derm Lines ผลลัพธ์หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 9 – 12 เดือน
  • Biohyalux Deep Dermis ผลลัพธ์หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 9 – 12 เดือน

นอกจากรุ่นฟิลเลอร์แล้ว ความคงทนของฟิลเลอร์ยังขึ้นอยู่กับการดูแลหลังฉีดด้วย หากรู้วิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ที่ถูกต้องก็จะช่วยยืดผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานมากกว่าปกติ ดังนั้นหลังฉีดฟิลเลอร์ควรดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ดูดซึมน้ำ ทำให้ประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ดีมากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงความร้อนจนกว่าฟิลเลอร์จะเข้าที่ เพราะในช่วงแรกฟิลเลอร์ยังไม่เซ็ตตัวดีหากโดนความร้อนที่ไม่ถูกกับฟิลเลอร์จะทำให้ ฟิลเลอร์ที่ฉีดสลายได้ง่ายขึ้น และผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานค่ะ

ฟิลเลอร์จีนราคาเท่าไร

สำหรับราคาฟิลเลอร์จีน Biohyalux จะขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ และการตั้งราคาของแต่ละคลินิก โดยฟิลเลอร์จีนราคาประมาณ 7,000 – 10,000 บาท/CC ถ้าเจอฟิลเลอร์จีนที่มีราคาถูกกว่านี้มากๆ อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่อาจเกิดอันตรายหลังจากฉีดได้ เช่น เป็นก้อนแข็ง ใบหน้าผิดรูป ซึ่งวิธีแก้ไขจะทำได้แค่การผ่าตัด หรือขูดฟิลเลอร์ปลอมออกมา 

นอกจากฟิลเลอร์ปลอมแล้วยังมีฟิลเลอร์หิ้วด้วย ซึ่งฟิลเลอร์หิ้วนั้นเป็นฟิลเลอร์ของแท้ แต่มีการนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ทำให้อาจจะจัดเก็บฟิลเลอร์ผิดวิธีจนมีสารปนเปื้อนในฟิลเลอร์ได้ ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้งควรเช็กให้ละเอียดว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ มีการนำเข้ามาอย่างถูกต้องมีอย.ไทย เพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการหลังจากฉีดค่ะ

ฟิลเลอร์จีนต่างจากฟิลเลอร์ประเทศอื่นอย่างไร

ฟิลเลอร์จีนมีความแตกต่างจากฟิลเลอร์ประเทศอื่นตรงที่มักมีราคาย่อมเยากว่า ราคาไม่ได้แพงเหมือนกันฟิลเลอร์อเมริกา หรือฟิลเลอร์สวิตเซอร์แลนด์ ราคามีความใกล้เคียงกับฟิลเลอร์เกาหลี นอกจากนี้ฟิลเลอร์จีนยังมีจุดเด่นตรงที่บวมน้ำน้อยหลังฉีด เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและกระจายตัวได้ดีจากเทคโนโลยีการเฉพาะ BioBalance Technology แต่ข้อเสียของฟิลเลอร์จีนคือยังมีรุ่นให้เลือกใช้ค่อนข้างน้อยหากเทียบกับฟิลเลอร์ประเทศอื่น และความคงทนของผลลัพธ์อาจอยู่ได้สั้นกว่าฟิลเลอร์ยุโรป หรืออเมริกาที่มีเทคโนโลยีที่ผ่านการยอมรับมายาวนานกว่า แต่ฟิลเลอร์จีนก็มีความปลอดภัยสูงเหมือนกัน ถ้าเลือกใช้ฟิลเลอร์จีนที่ผ่านอย.ไทย มาอย่างถูกต้องค่ะ

สรุป

ฟิลเลอร์จีนในปัจจุบันมีเพียงยี่ห้อเดียวเท่านั้นที่ได้รับการรับรองจากอย.ไทย และฟิลเลอร์จีนยี่ห้อได้รับการรับรองจากหลายๆ ประเทศ รวมถึงผ่านอย.จีนที่ผ่านได้ยากด้วย จึงมีความปลอดภัยสูงไม่ก่อให้เกิดอันตรายหลังจากฉีด แต่ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์จีนของแท้นำเข้าอย่างถูกต้องเท่านั้น ถ้าต้องการฉีดฟิลเลอร์ แต่ยังไม่แนใจตัดสินใจไม่ได้ สามาถเข้ามาปรึกษากับ Vincent Clinic Skin ก่อนได้ค่ะ

Scroll to Top