สิวที่หลังเป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ สิวเหล่านี้อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ โดยเฉพาะเมื่ออยากใส่เสื้อผ้าเปิดหลัง หรือชุดว่ายน้ำ อย่างไรก็ตาม สิวที่หลังสามารถป้องกันและรักษาได้ หากเข้าใจสาเหตุและมีการดูแลที่ถูกต้อง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสิวที่หลัง พร้อมวิธีป้องกันและเคล็ดลับดูแลผิวให้เนียนใสไร้สิว
สิวที่หลังคืออะไร
สิวที่หลัง คือสิวที่กระจายอยู่บนแผ่นหลังโดยเฉพาะช่วงบนปีกหลังเกิดจากหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เกิดการอุดตันของไขมันหรือเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสิวที่หลังเป็นเม็ดผดบ่อย ๆ ในคนไทยค่ะ เพราะอากาศร้อนยิ่งใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศ หรือเกิดการเสียดสีและกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นมาได้
สิวที่หลัง มีสิวประเภทใดบ้าง
สิวที่หลังมีหลายประเภท คล้ายกับสิวที่เกิดบนใบหน้า ซึ่งได้แก่
- สิวหัวขาว (Whiteheads) เกิดจากรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ไม่มีการอักเสบ
- สิวหัวดำ (Blackheads) คล้ายสิวหัวขาว แต่หัวสิวเปิดและสัมผัสอากาศ ทำให้เกิดการออกซิไดซ์และกลายเป็นสีดำ
- สิวอักเสบ (Papules & Pustules) มีลักษณะเป็นตุ่มแดง อักเสบ และอาจมีหนองหากติดเชื้อแบคทีเรีย
- สิวหัวช้าง (Nodules & Cysts) เป็นสิวอักเสบรุนแรงที่เกิดลึกใต้ผิวหนัง มักมีขนาดใหญ่ เจ็บ และอาจทิ้งรอยแผลเป็น
- สิวจากการเสียดสี (Acne Mechanica) เกิดจากการเสียดสีกับเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์กีฬา ทำให้รูขุมขนอุดตันและอักเสบง่ายขึ้น
สิวที่หลังมีหลายประเภท ซึ่งสิวที่หลังส่วนใหญ่มักมากจากจากการเสียดสีที่เกิดจากเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์กีฬาทำให้รูขุมขนอุดตันและอักเสบ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของสิวและวิธีรักษาสิวให้ถูกต้องได้ที่ สิว คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง วิธีการรักษา ป้องกันได้ไหม?
สิวที่หลัง เกิดจากอะไร ?
สิวที่หลังเกิดจากหลายสาเหตุที่คล้ายกับการเกิดสิวบนใบหน้า โดยมีปัจจัยหลักๆ ดังนี้
- การอุดตันของรูขุมขน การสะสมของน้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตันและสร้างสิวขึ้นมา
- ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่น, การมีประจำเดือน หรือการใช้ยาฮอร์โมน อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนังมากขึ้น ทำให้เกิดสิว
- การเสียดสี การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น หรือการใช้กระเป๋า, อุปกรณ์กีฬา ที่เสียดสีกับผิวหนังอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการอักเสบ
- การทำความสะอาดผิวไม่ดี หากหลังไม่ถูกทำความสะอาดอย่างเหมาะสม น้ำมันและเหงื่อที่สะสมอยู่บนผิวหนังสามารถทำให้เกิดสิวได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารเคมีบางอย่างอาจทำให้ผิวหนังอุดตันและเกิดสิว
- ความเครียด ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
- ปัจจัยด้านอาหาร การทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูงอาจกระตุ้นการเกิดสิว
การดูแลสุขภาพผิวหนังให้ดีและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวจะช่วยลดการเกิดสิวที่หลังได้
วิธีการรักษาสิวที่หลัง
การรักษาสิวที่หลังสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของสิว โดยวิธีที่แนะนำมีดังนี้
- ทำความสะอาดหลังให้สะอาด เช่น การใช้สบู่อ่อนๆ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับผิวมัน เพื่อช่วยล้างน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดการอุดตัน และควรอาบน้ำหลังออกกำลังกายเพื่อล้างเหงื่อที่อาจทำให้สิวขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการเสียดสี เลือกใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่เสียดสีผิวหลัง เช่น กระเป๋าหรืออุปกรณ์กีฬาเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนบ่อยๆ เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย
- ใช้ครีมที่มีสารต่อต้านการอักเสบ ครีมที่มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil หรือ Aloe Vera สามารถช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองช่วยปลอบประโลมผิวทำให้สิวไม่เกิดการอักเสบซึ่งจะช่วยให้ลดการเกิดสิวได้
- หลีกเลี่ยงการบีบสิว การบีบหรือบีบสิวอาจทำให้สิวเกิดการติดเชื้อและมีการอักเสบมากขึ้น รวมถึงอาจทำให้ทิ้งรอยแผลเป็น
- การรักษาด้วยการใช้ยาสำหรับทาน ยาปฏิชีวนะหรือยาฮอร์โมนบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด สามารถช่วยลดการเกิดสิว ปรับสมดุลให้ฮอร์โมนกลับมาคงที่ได้
- การกดสิว หากกดสิวที่หลังเองโดยไม่ถูกวิธีหรือใช้เครื่องมือที่ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือทิ้งรอยแผลเป็นหลังจากการกด สิวที่หลังควรให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำการกดแทน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว
- การทายารักษาสิวที่หลัง จะมีส่วนผสมของอนุพันธุ์วิตามินเอ เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) หรือสารที่ช่วยละลายสิวอุดตัน เช่น Isotretinoin หรือ Adapalene ซึ่งยาจะช่วยสลายการอุดตันในต่อมไขมัน ลดการหลั่งน้ำมันส่วนเกิน และเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกจากผิว
- การฉีดยารักษาสิวที่หลัง จะใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์เหมาะสำหรับสิวอุดตันขนาดใหญ่ เช่น สิวหัวช้างหรือซีสต์ โดยมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยบุ๋มและแผลเป็นได้ ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือโรคบางชนิด
การรักษาสิวที่หลังสามารถทำได้หลายวิธีตามลักษณะของสิวและปัญหาผิวที่เกิดขึ้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดในการรักษาสิว และต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการดูแล แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือสิวมีอาการรุนแรง ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม
รักษาสิวที่หลังแบบไหนที่ไม่ได้ผล
การรักษาสิวที่หลังที่ไม่ได้ผลมักเกิดจากการกดสิวเอง ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงสิวได้ง่ายและอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงหรือแอลกอฮอล์ก็อาจทำให้ ผิวแห้ง และ ระคายเคือง นอกจากนี้ การบีบหรือแกะสิวเองอาจทำให้แบคทีเรียเข้าไปในรูขุมขนและทำให้สิวยิ่งแย่ลง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือสารระคายเคืองอาจเพิ่มอาการระคายเคือง และการทายาโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจทำให้การรักษาไม่เหมาะสมและไม่เห็นผล
วิธีการป้องกันสิวที่หลัง
วิธีการป้องกันสิวที่หลังสามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดของผิวหลังอย่างสม่ำเสมอ เช่น การอาบน้ำหลังออกกำลังกายหรือเหงื่อออก การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปราศจากสารระคายเคือง ควรหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับหรือวัสดุที่ทำให้ผิวระคายเคืองและเสียดสีกับผิว การเลือกใช้สบู่อ่อนโยนที่ไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป การหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม หรือสารเคมีรุนแรงที่อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน นอกจากนี้ ควรดูแลสุขภาพโดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว เช่น อาหารมันหรือหวานจัด
วิธีการดูแลผิวที่หลังให้เนียนใส
ผิวที่หลัง เป็นหนึ่งในบริเวณที่มักถูกมองข้ามในการดูแลผิว แม้ว่าจะไม่ได้เผยให้เห็นบ่อยเหมือนผิวหน้า แต่ก็สามารถเกิด สิว รอยดำ และความหมองคล้ำ ได้เช่นกัน ปัจจัยที่ทำให้ผิวที่หลังเกิดปัญหา ได้แก่ การเสียดสีกับเสื้อผ้า เหงื่อสะสม มลภาวะ และผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อุดตันรูขุมขน
การดูแลผิวที่หลังให้เนียนใส ไม่ใช่แค่การทำความสะอาดผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบำรุงและฟื้นฟูด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม การฉีดเมโสเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และการฟื้นฟูด้วยมาเด้คอลลาเจน ซึ่งสามารถช่วยปรับสภาพผิว ลดการเกิดสิว และทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และต่อไปเราจะมาแนะนำวิธีการดูแลผิวที่หลังให้เรียบเนียน เพื่อให้คุณมีแผ่นหลังที่สวย
- รักษาความสะอาดผิวหลังอย่างเหมาะสม การดูแลผิวที่หลังเริ่มจาก การทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ ควรอาบน้ำทุกวันโดยใช้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อลดการระคายเคืองและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน หลังจากอาบน้ำควร ใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแห้ง นอกจากนี้ การเลือกเสื้อผ้า ก็มีส่วนสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปหรือทำจากวัสดุที่ไม่ระบายอากาศ เช่น โพลีเอสเตอร์ เพราะอาจทำให้เหงื่อและน้ำมันสะสมบนผิวหนัง ส่งผลให้เกิดสิวที่หลังได้ง่ายขึ้น
- บำรุงและฟื้นฟูผิวด้วยการฉีดเมโส การฉีดเมโสหน้าใส เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยบำรุงผิวโดยตรง ด้วยวิตามินและสารบำรุง เช่น วิตามินซี คอลลาเจน และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว, ลดการอักเสบของผิวหนัง, ลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเนียนกระจ่างใสขึ้น
- ฟื้นฟูผิวด้วยมาเด้คอลลาเจน มาเด้คอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการฟื้นฟูผิวที่หลัง โดยการฉีดสารสกัดธรรมชาติที่ประกอบด้วย คอลลาเจน วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างล้ำลึก ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดรอยสิวและรอยดำ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และดูสุขภาพดีขึ้นเมื่อใช้ต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น
รอยสิว รอยดำ ที่หลังรักษาได้ไหม ?
รอยสิวหรือรอยดำที่หลังสามารถรักษาได้ โดยใช้วิธีต่าง ๆ ที่ช่วยฟื้นฟูผิวและลดความหมองคล้ำจากรอยสิวได้ วิธีที่ใช้ได้ผลมีดังนี้
- การใช้ครีมทารักษารอยดำ ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี, อนุพันธุ์วิตามินเอ (เช่น เรตินอยด์), หรือกรด AHA/BHA จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้รอยดำจางลง โดยการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมเหล่านี้เป็นประจำ
- การทำเลเซอร์ เลเซอร์บางประเภท เช่น เลเซอร์ Fractional หรือเลเซอร์ Q-switch นั้นช่วยลดรอยดำและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ซึ่งช่วยให้ผิวฟื้นฟูและเรียบเนียนขึ้น
- การฉีดเมโส การฉีดวิตามินหรือคอลลาเจนเข้าสู่ผิวช่วยให้ผิวหลังมีความชุ่มชื้น ลดการอักเสบและช่วยให้รอยดำจากสิวจางลงได้
- การใช้มาเด้คอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิว ลดรอยแผลเป็นจากสิวและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
การรักษารอยสิวที่หลังต้องใช้เวลาสักระยะ และการดูแลเป็นประจำอย่างถูกวิธี จะช่วยให้รอยสิวและรอยดำค่อย ๆ จางลงได้ค่ะ
สิวที่หลัง รักษาราคาเท่าไหร่
ราคาการรักษาสิวที่หลังจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา และสถานที่ที่คุณไปทำการรักษา โดยสามารถประมาณราคาได้ดังนี้
- การใช้ยาทา ราคาของครีมยารักษาสิวมักจะอยู่ที่ประมาณ 200-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและส่วนผสมที่ใช้
- การทายาโดยแพทย์ การปรึกษาแพทย์เพื่อทายาอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 500-1,500 บาท ต่อครั้ง
- การฉีดยารักษาสิว ราคาการฉีดอาจอยู่ที่ประมาณ 1,000-3,000 บาท ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว
- การฉีดเมโส การฉีดเมโสเพื่อบำรุงผิวและลดสิวมักจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000-6,000 บาท ต่อครั้ง
- การรักษาด้วยมาเด้คอลลาเจน ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000-5,000 บาท ต่อครั้ง
ค่ารักษาอาจมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่คุณเลือกใช้บริการ รวมถึงความรุนแรงของสิวที่คุณต้องการรักษา
สรุป
สิวที่หลังเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนเนื่องจากน้ำมัน, เซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์กีฬา โดยมีหลายประเภท หลังมักเกิดจากการสะสมของเหงื่อและน้ำมัน หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม Vincent Clinic Skin พร้อมช่วยให้คุณกลับมามีผิวหลังที่เนียนใส ด้วยการรักษาด้วย มาเด้คอลลาเจน และ การฉีดเมโส ซึ่งทั้งสองวิธีนี้สามารถช่วยฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวหลังของคุณกลับมาสวยกระจ่างใส ไร้สิวและรอยแผลเป็น ให้คุณโชว์หลังได้อย่างมั่นใจแน่นอนค่ะ