บทความ
สิวที่หลัง ปัญหากวนใจที่แก้ได้ วิธีป้องกัน และเคล็ดลับให้ผิวใส
แชร์ :

สิวที่หลัง ปัญหากวนใจที่แก้ได้ วิธีป้องกัน และเคล็ดลับให้ผิวใส

วิธีป้องกันสิวที่หลัง
อยากอ่านอะไร จิ้มที่หัวข้อได้เลย!

สิวที่หลังเป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ สิวเหล่านี้อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ โดยเฉพาะเมื่ออยากใส่เสื้อผ้าเปิดหลัง หรือชุดว่ายน้ำ อย่างไรก็ตาม สิวที่หลังสามารถป้องกันและรักษาได้ หากเข้าใจสาเหตุและมีการดูแลที่ถูกต้อง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสิวที่หลัง พร้อมวิธีป้องกันและเคล็ดลับดูแลผิวให้เนียนใสไร้สิว

สิวที่หลังคืออะไร 

สิวที่หลัง คือสิวที่กระจายอยู่บนแผ่นหลังโดยเฉพาะช่วงบนปีกหลังเกิดจากหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เกิดการอุดตันของไขมันหรือเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสิวที่หลังเป็นเม็ดผดบ่อย ๆ ในคนไทยค่ะ เพราะอากาศร้อนยิ่งใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศ หรือเกิดการเสียดสีและกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นมาได้

สิวที่หลัง มีสิวประเภทใดบ้าง 

สิวที่หลังมีหลายประเภท คล้ายกับสิวที่เกิดบนใบหน้า ซึ่งได้แก่

  • สิวหัวขาว (Whiteheads) เกิดจากรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ไม่มีการอักเสบ
  • สิวหัวดำ (Blackheads) คล้ายสิวหัวขาว แต่หัวสิวเปิดและสัมผัสอากาศ ทำให้เกิดการออกซิไดซ์และกลายเป็นสีดำ
  • สิวอักเสบ (Papules & Pustules) มีลักษณะเป็นตุ่มแดง อักเสบ และอาจมีหนองหากติดเชื้อแบคทีเรีย
  • สิวหัวช้าง (Nodules & Cysts) เป็นสิวอักเสบรุนแรงที่เกิดลึกใต้ผิวหนัง มักมีขนาดใหญ่ เจ็บ และอาจทิ้งรอยแผลเป็น
  • สิวจากการเสียดสี (Acne Mechanica) เกิดจากการเสียดสีกับเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์กีฬา ทำให้รูขุมขนอุดตันและอักเสบง่ายขึ้น

สิวที่หลังมีหลายประเภท ซึ่งสิวที่หลังส่วนใหญ่มักมากจากจากการเสียดสีที่เกิดจากเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์กีฬาทำให้รูขุมขนอุดตันและอักเสบ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของสิวและวิธีรักษาสิวให้ถูกต้องได้ที่ สิว คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง วิธีการรักษา ป้องกันได้ไหม?

สาเหตุที่เกิดสิวที่หลัง

สิวที่หลัง เกิดจากอะไร ?

สิวที่หลังเกิดจากหลายสาเหตุที่คล้ายกับการเกิดสิวบนใบหน้า โดยมีปัจจัยหลักๆ ดังนี้

  • การอุดตันของรูขุมขน การสะสมของน้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตันและสร้างสิวขึ้นมา
  • ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่น, การมีประจำเดือน หรือการใช้ยาฮอร์โมน อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนังมากขึ้น ทำให้เกิดสิว
  • การเสียดสี การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น หรือการใช้กระเป๋า, อุปกรณ์กีฬา ที่เสียดสีกับผิวหนังอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการอักเสบ
  • การทำความสะอาดผิวไม่ดี หากหลังไม่ถูกทำความสะอาดอย่างเหมาะสม น้ำมันและเหงื่อที่สะสมอยู่บนผิวหนังสามารถทำให้เกิดสิวได้
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารเคมีบางอย่างอาจทำให้ผิวหนังอุดตันและเกิดสิว
  • ความเครียด ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
  • ปัจจัยด้านอาหาร การทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูงอาจกระตุ้นการเกิดสิว

การดูแลสุขภาพผิวหนังให้ดีและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวจะช่วยลดการเกิดสิวที่หลังได้

วิธีการรักษาสิวที่หลัง

การรักษาสิวที่หลังสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของสิว โดยวิธีที่แนะนำมีดังนี้

  1. ทำความสะอาดหลังให้สะอาด เช่น การใช้สบู่อ่อนๆ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับผิวมัน เพื่อช่วยล้างน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดการอุดตัน และควรอาบน้ำหลังออกกำลังกายเพื่อล้างเหงื่อที่อาจทำให้สิวขึ้นได้
  2. หลีกเลี่ยงการเสียดสี เลือกใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่เสียดสีผิวหลัง เช่น กระเป๋าหรืออุปกรณ์กีฬาเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนบ่อยๆ เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย
  3. ใช้ครีมที่มีสารต่อต้านการอักเสบ ครีมที่มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil หรือ Aloe Vera สามารถช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองช่วยปลอบประโลมผิวทำให้สิวไม่เกิดการอักเสบซึ่งจะช่วยให้ลดการเกิดสิวได้
  4. หลีกเลี่ยงการบีบสิว การบีบหรือบีบสิวอาจทำให้สิวเกิดการติดเชื้อและมีการอักเสบมากขึ้น รวมถึงอาจทำให้ทิ้งรอยแผลเป็น
  5. การรักษาด้วยการใช้ยาสำหรับทาน ยาปฏิชีวนะหรือยาฮอร์โมนบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด สามารถช่วยลดการเกิดสิว ปรับสมดุลให้ฮอร์โมนกลับมาคงที่ได้
  6. การกดสิว หากกดสิวที่หลังเองโดยไม่ถูกวิธีหรือใช้เครื่องมือที่ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือทิ้งรอยแผลเป็นหลังจากการกด สิวที่หลังควรให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำการกดแทน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว
  7. การทายารักษาสิวที่หลัง จะมีส่วนผสมของอนุพันธุ์วิตามินเอ เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) หรือสารที่ช่วยละลายสิวอุดตัน เช่น Isotretinoin หรือ Adapalene ซึ่งยาจะช่วยสลายการอุดตันในต่อมไขมัน ลดการหลั่งน้ำมันส่วนเกิน และเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกจากผิว
  8. การฉีดยารักษาสิวที่หลัง จะใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์เหมาะสำหรับสิวอุดตันขนาดใหญ่ เช่น สิวหัวช้างหรือซีสต์ โดยมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยบุ๋มและแผลเป็นได้ ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือโรคบางชนิด

การรักษาสิวที่หลังสามารถทำได้หลายวิธีตามลักษณะของสิวและปัญหาผิวที่เกิดขึ้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดในการรักษาสิว และต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการดูแล แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือสิวมีอาการรุนแรง ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม

รักษาสิวที่หลังแบบไหนที่ไม่ได้ผล

การรักษาสิวที่หลังที่ไม่ได้ผลมักเกิดจากการกดสิวเอง ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงสิวได้ง่ายและอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงหรือแอลกอฮอล์ก็อาจทำให้ ผิวแห้ง และ ระคายเคือง นอกจากนี้ การบีบหรือแกะสิวเองอาจทำให้แบคทีเรียเข้าไปในรูขุมขนและทำให้สิวยิ่งแย่ลง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือสารระคายเคืองอาจเพิ่มอาการระคายเคือง และการทายาโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจทำให้การรักษาไม่เหมาะสมและไม่เห็นผล

วิธีการป้องกันสิวที่หลัง

วิธีการป้องกันสิวที่หลังสามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดของผิวหลังอย่างสม่ำเสมอ เช่น การอาบน้ำหลังออกกำลังกายหรือเหงื่อออก การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปราศจากสารระคายเคือง ควรหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับหรือวัสดุที่ทำให้ผิวระคายเคืองและเสียดสีกับผิว การเลือกใช้สบู่อ่อนโยนที่ไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป การหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม หรือสารเคมีรุนแรงที่อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน นอกจากนี้ ควรดูแลสุขภาพโดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว เช่น อาหารมันหรือหวานจัด

การดูแลสิวที่หลัง

วิธีการดูแลผิวที่หลังให้เนียนใส

ผิวที่หลัง เป็นหนึ่งในบริเวณที่มักถูกมองข้ามในการดูแลผิว แม้ว่าจะไม่ได้เผยให้เห็นบ่อยเหมือนผิวหน้า แต่ก็สามารถเกิด สิว รอยดำ และความหมองคล้ำ ได้เช่นกัน ปัจจัยที่ทำให้ผิวที่หลังเกิดปัญหา ได้แก่ การเสียดสีกับเสื้อผ้า เหงื่อสะสม มลภาวะ และผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อุดตันรูขุมขน

การดูแลผิวที่หลังให้เนียนใส ไม่ใช่แค่การทำความสะอาดผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบำรุงและฟื้นฟูด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม การฉีดเมโสเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และการฟื้นฟูด้วยมาเด้คอลลาเจน ซึ่งสามารถช่วยปรับสภาพผิว ลดการเกิดสิว และทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และต่อไปเราจะมาแนะนำวิธีการดูแลผิวที่หลังให้เรียบเนียน เพื่อให้คุณมีแผ่นหลังที่สวย

  1. รักษาความสะอาดผิวหลังอย่างเหมาะสม การดูแลผิวที่หลังเริ่มจาก การทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ ควรอาบน้ำทุกวันโดยใช้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อลดการระคายเคืองและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน หลังจากอาบน้ำควร ใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันผิวแห้ง  นอกจากนี้ การเลือกเสื้อผ้า ก็มีส่วนสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปหรือทำจากวัสดุที่ไม่ระบายอากาศ เช่น โพลีเอสเตอร์ เพราะอาจทำให้เหงื่อและน้ำมันสะสมบนผิวหนัง ส่งผลให้เกิดสิวที่หลังได้ง่ายขึ้น
  2. บำรุงและฟื้นฟูผิวด้วยการฉีดเมโส การฉีดเมโสหน้าใส เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยบำรุงผิวโดยตรง ด้วยวิตามินและสารบำรุง เช่น วิตามินซี คอลลาเจน และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว, ลดการอักเสบของผิวหนัง, ลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเนียนกระจ่างใสขึ้น
  3. ฟื้นฟูผิวด้วยมาเด้คอลลาเจน มาเด้คอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการฟื้นฟูผิวที่หลัง โดยการฉีดสารสกัดธรรมชาติที่ประกอบด้วย คอลลาเจน วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างล้ำลึก ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดรอยสิวและรอยดำ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และดูสุขภาพดีขึ้นเมื่อใช้ต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น

รอยสิว รอยดำ ที่หลังรักษาได้ไหม ?

รอยสิวหรือรอยดำที่หลังสามารถรักษาได้ โดยใช้วิธีต่าง ๆ ที่ช่วยฟื้นฟูผิวและลดความหมองคล้ำจากรอยสิวได้ วิธีที่ใช้ได้ผลมีดังนี้

  • การใช้ครีมทารักษารอยดำ ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี, อนุพันธุ์วิตามินเอ (เช่น เรตินอยด์), หรือกรด AHA/BHA จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้รอยดำจางลง โดยการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมเหล่านี้เป็นประจำ
  • การทำเลเซอร์ เลเซอร์บางประเภท เช่น เลเซอร์ Fractional หรือเลเซอร์ Q-switch นั้นช่วยลดรอยดำและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ซึ่งช่วยให้ผิวฟื้นฟูและเรียบเนียนขึ้น
  • การฉีดเมโส การฉีดวิตามินหรือคอลลาเจนเข้าสู่ผิวช่วยให้ผิวหลังมีความชุ่มชื้น ลดการอักเสบและช่วยให้รอยดำจากสิวจางลงได้
  • การใช้มาเด้คอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิว ลดรอยแผลเป็นจากสิวและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

การรักษารอยสิวที่หลังต้องใช้เวลาสักระยะ และการดูแลเป็นประจำอย่างถูกวิธี จะช่วยให้รอยสิวและรอยดำค่อย ๆ จางลงได้ค่ะ

สิวที่หลัง รักษาราคาเท่าไหร่ 

ราคาการรักษาสิวที่หลังจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา และสถานที่ที่คุณไปทำการรักษา โดยสามารถประมาณราคาได้ดังนี้

  • การใช้ยาทา ราคาของครีมยารักษาสิวมักจะอยู่ที่ประมาณ 200-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและส่วนผสมที่ใช้
  • การทายาโดยแพทย์ การปรึกษาแพทย์เพื่อทายาอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 500-1,500 บาท ต่อครั้ง
  • การฉีดยารักษาสิว ราคาการฉีดอาจอยู่ที่ประมาณ 1,000-3,000 บาท ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว
  • การฉีดเมโส การฉีดเมโสเพื่อบำรุงผิวและลดสิวมักจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000-6,000 บาท ต่อครั้ง
  • การรักษาด้วยมาเด้คอลลาเจน ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000-5,000 บาท ต่อครั้ง

ค่ารักษาอาจมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่คุณเลือกใช้บริการ รวมถึงความรุนแรงของสิวที่คุณต้องการรักษา

สรุป 

สิวที่หลังเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนเนื่องจากน้ำมัน, เซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์กีฬา โดยมีหลายประเภท หลังมักเกิดจากการสะสมของเหงื่อและน้ำมัน หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม Vincent Clinic Skin พร้อมช่วยให้คุณกลับมามีผิวหลังที่เนียนใส ด้วยการรักษาด้วย มาเด้คอลลาเจน และ การฉีดเมโส ซึ่งทั้งสองวิธีนี้สามารถช่วยฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวหลังของคุณกลับมาสวยกระจ่างใส ไร้สิวและรอยแผลเป็น ให้คุณโชว์หลังได้อย่างมั่นใจแน่นอนค่ะ

Scroll to Top