ปัญหาสิวหัวหนอง เป็นสิวหนองเม็ดเล็กๆ ทั่วใบหน้า ทำให้รำคาญใจ อยากรักษาสิวหนองให้หาย ในบทความนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับสิวหนองว่าเกิดจากอะไร ต้องใช้อะไรรักษาสิวหนอง รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาอีก วิธีที่ทำให้ผิวกลับมาใสไร้สิวโดยไม่ทิ้งรอยเอาไว้ค่ะ
สิวหัวหนองคืออะไร
สิวหัวหนอง หรือ สิวหนอง คือ สิวอักเสบชนิดหนึ่งที่สังเกตได้ง่าย เนื่องจากหัวสิวเป็นหนองสีเขียว สีขาว หรือ สีเหลือง และมีอาการแดงรอบๆ สิว มักจะรู้สึกเจ็บเมื่อเป็นสิวชนิดนี้ ซึ่งสิวหัวหนองสามารถพบได้หลายบริเวณ โดยปกติแล้วมักจะเป็นสิวที่ใบหน้า เช่น สิวที่แก้ม สิวที่หน้าผาก หรือแม้แต่ แขน หน้าอก ทุกบริเวณที่มีรูขุมขนสามารถเกิดสิวหนองได้
และสิวหนองนั้นมีหลายขนาด บางครั้งอาจจะเป็นสิวหนองขนาดเล็ก บางครั้งอาจจะเป็นสิวหนองขนาดใหญ่ หรือในหนึ่งจุดอาจมีสิวหนองใกล้ๆ กันจนทำให้ดูเหมือนขนาดใหญ่ได้ โดยสิวหัวหนองนั้นเป็นสิวอักเสบที่ไม่รุนแรง ไม่อันตราย แต่จะสร้างความรำคาญ และทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในการโชว์ผิวหน้า
สิวหัวหนองเกิดจากอะไร
สาเหตุที่เกิดปัญหาสิวหนองขึ้นมาบนผิวเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุทั้งปัจจัยจากภายนอก และจากปัจจัยภายใน โดยสาเหตุที่สามารถทำให้เกิดสิวหนองได้มีดังนี้
รูขุมขนอุดตัน
เกิดจากการสะสมของไขมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรก ทำให้รูขุมขนไม่สามารถระบายออก ส่งผลให้เกิดสิวอุดตัน และพัฒนาเป็นสิวหนอง
เชื้อแบคทีเรีย
Cutibacterium Acnes (C. Acnes) เป็นแบคทีเรียที่พบในรูขุมขน เมื่อมีการสะสมของน้ำมัน สิ่งสกปรกมากขึ้น แบคทีเรียจะเพิ่มจำนวน และทำให้เกิดการอักเสบจนพัฒนาเป็นสิวหนอง
ฮอร์โมน
ที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น เข้าสู่วัยรุ่น มีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือความเครียดสูง ฮอร์โมนจะเพิ่มมากขึ้น และแปรปรวนกระตุ้นให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมันเพิ่มการอุดตันในรูขุมขน รวมถึงเป็นอาหารของแบคทีเรีย
มลภาวะและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
ฝุ่น ควัน สิ่งสกปรกที่สัมผัสผิวโดยตรงทำให้รูขุมขนอุดตัน ล้างหน้าไม่สะอาด หรือไม่อาบน้ำหลังออกไปข้างนอก อาจทำให้สิ่งสกปรกสะสมและกระตุ้นให้เกิดสิวหนองได้
พฤติกรรมบีบสิว
การบีบ แกะ หรือแคะสิว ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่าย รวมถึงอาจเกิดการอักเสบรุนแรงขึ้น และทำให้เกิดสิวหนองมากกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอุดตันและอักเสบ จนกลายเป็นสิวหัวหนองได้ และ ต่อไป มาดูคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหัวหนองกันค่ะ
สิวหัวหนอง ควรกดไหม? คำตอบที่คุณควรรู้ก่อนลงมือ
การกดสิวหัวหนองโดยไม่ถูกวิธี อาจทำให้ผิวอักเสบหนักขึ้นเกิด รอยดำ หลุมสิว หรือการติดเชื้อได้ง่าย หากหัวสิวยังไม่สุก หรือยังไม่มีหัวชัดเจน การกดออกอาจทำให้ผิวช้ำและเกิดสิวซ้ำซ้อน แนะนำให้รักษาด้วยการใช้เจลแต้มสิว ยาฆ่าเชื้อ หรือปรึกษาแพทย์เพื่อกดสิวอย่างปลอดภัยในคลินิกจะดีที่สุดค่ะ
สิวหัวหนอง กี่วันหาย? เข้าใจวงจรสิวเพื่อดูแลได้ถูกวิธี
โดยทั่วไป สิวหัวหนองจะใช้เวลาประมาณ 3–7 วันในการยุบตัว หากไม่มีการติดเชื้อเพิ่มเติม และได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ยาแต้มสิว ยาปฏิชีวนะ หรือแผ่นแปะสิวช่วยลดการอักเสบ หากสิวมีอาการบวมแดงหรือเจ็บนานเกิน 7 วัน ควรรีบพบแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินและวางแผนการรักษาต่อไป
สิวหัวหนอง ใช้อะไรดี? แนะนำตัวยาและวิธีดูแลที่ได้ผล
หากคุณเป็นสิวหัวหนอง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide, Salicylic Acid, Tretinoin หรือ Clindamycin เพื่อช่วยลดแบคทีเรียและการอักเสบ นอกจากนี้ แผ่นแปะสิวที่มีสารดูดซับหนอง และยาแต้มสิวเฉพาะจุดก็สามารถช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้นได้ โดยไม่ทิ้งรอย อย่าลืมบำรุงผิวและใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันรอยดำหลังสิวหาย
สิวหัวหนองหายเองได้ไหม
สิวหนองไม่สามารถหายได้เอง หากปล่อยทิ้งไว้สิวหัวหนองอาจจะแห้ง และหัวสิวหลุดไปเองได้ แต่ก็ยังอาจมีเชื้อสิวหลงเหลืออยู่ทำให้เกิดสิวหนองขึ้นมาซ้ำอีก หรือบางทีอาจเกิดเป็น หลุมสิว เนื่องจากหนองกัดผิวจนเป็นหลุมทำให้ต้องมารักษาปัญหาหลุมสิวเพิ่ม ดังนั้นถ้าเป็นสิวหนองไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบรักษาก่อนที่จะมีปัญหาผิวที่ทำให้ต้องรักษาเพิ่มค่ะ
สิวอักเสบหัวหนอง ควรบีบไหม
หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่า สิวหัวหนอง บีบได้ไหม เราขอแนะนำว่า สิวหนองไม่ควรบีบ เพราะการบีบสิวหนองอาจทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากอาจบีบสิวออกมาไม่หมดทำให้เกิดสิวหัวหนองในบริเวณนั้น และสามารถกระจายตัวไปบริเวณใกล้เคียงได้ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวเกิดแผลเป็น มีอาการผิวช้ำได้หากบีบสิวรุนแรงเกินไป ดังนั้นถ้าเป็นสิวหนองไม่ควรบีบ ควรเลือกวิธีรักษาอื่น หรือปรึกษาแพทย์ค่ะ
วิธีรักษาสิวหัวหนอง
สำหรับคนที่มีปัญหาสิวหนองอยากรักษา ไม่รู้ว่าจะใช้อะไรดี สิวหนองนั้นมีหลายวิธีที่สามารถรักษาให้หายได้โดยไม่มีถึงผลข้างเคียงอย่างรอยสิว ทำให้ต้องมารักษาเพิ่มเติม ซึ่งวิธีรักษาสิวหัวหนองมีดังนี้
ยารักษาสิวหนอง
ยารักษาสิวหนองมีทั้งแบบทาภายนอกและแบบรับประทาน ยาทาภายนอกที่ใช้รักษาสิวหัวหนอง ได้แก่ Benzoyl Peroxide ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและผลัดเซลล์ผิว Tretinoin ที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการอักเสบ Salicylic Acid ที่ช่วยลดการอักเสบของสิวและขจัดน้ำมันส่วนเกิน Clindamycin ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่ช่วยลดแบคทีเรียสาเหตุของสิว และ Sulfur ที่ช่วยดูดซับความมันและลดการอักเสบ
สำหรับยารับประทานที่ใช้รักษาสิวหัวหนอง ได้แก่ Amoxicillin ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของสิว และยาคุมกำเนิดที่ช่วยควบคุมฮอร์โมน ลดการผลิตน้ำมัน และป้องกันการเกิดสิว
แผ่นแปะสิว
แผ่นแปะสิวช่วยดูดซับของเหลว หรือหนองจากสิว ทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น และป้องกันสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิว รวมถึงลดการสัมผัสสิวโดยตรงเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ แผ่นแปะสิวมีให้เลือก 3 ประเภท ได้แก่ แผ่นแปะสิวชนิดมียา (Medicated) ที่ช่วยลดแบคทีเรียและอักเสบ แผ่นแปะสิวชนิดไม่มียา (Non-Medicated) สำหรับปกป้องสิวจากสิ่งสกปรก และแผ่นแปะสิวชนิดหัวเข็มละลายหัวสิว (Microneedle) ซึ่งเหมาะกับสิวอักเสบรุนแรง
ฉายแสงลดการอักเสบ
การฉายแสงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการอักเสบของสิวหัวหนองได้ โดยใช้แสงสีฟ้าหรือแสงสีแดง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ ลดการอุดตันของรูขุมขน และควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวมันน้อยลง ลดโอกาสเกิดสิวใหม่
วิธีป้องกันสิวหนอง
หลังจากที่รักษาสิวหนองหายแล้ว แต่สิวหัวหนองสามารถกลับขึ้นมาบนผิวได้อีกหากดูแลผิวได้ไม่ดี ละเลยผิว ดังนั้นควรดูแลผิวให้ถูกวิธีเพื่อป้องสิว โดยมีวิธีป้องกันสิวหนองดังนี้
หลีกเลี่ยงการรับประทานของทอดและของมัน
การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอดและของมันสามารถเพิ่มสารที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจกระตุ้นการเกิดสิว โดยเฉพาะสิวหัวหนอง ที่เกิดจากการอักเสบในรูขุมขน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสิว
ลดการสัมผัสบริเวณใบหน้า
การแคะ แกะ หรือเกาสิวจะทำให้สิ่งสกปรกจากมือสัมผัสกับใบหน้า และการบีบสิวหัวหนองด้วยตัวเองอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบมากขึ้นและเกิดแผลเป็นได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า บีบสิวด้วยตัวเอง และหากต้องการรักษาสิวหนองอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย
ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ
การรักษาความสะอาดผิวหน้าเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันสิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม เช่น โฟมล้างหน้าสำหรับผู้ที่เป็นสิว ซึ่งช่วยลดความมันส่วนเกิน ขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหน้า การล้างหน้าเป็นประจำจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และลดการเกิดสิวใหม่
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ ครีมกันแดด ควรเลือกแบบที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวหัวหนอง โดยเฉพาะในผู้ที่มี รูขุมขนกว้าง ควรเลือกผลิตภัณฑ์สูตร Non-Comedogenic ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน เพื่อป้องกันสิวอักเสบและสิวหนองในอนาคต
สิวหัวหนองแบบไหนที่ควรพบแพทย์ทันที?
สิวหนอง ส่วนใหญ่มักจะหายได้ด้วยการดูแลทั่วไป แต่ถ้าหากคุณมี สิวที่มีอาการบวมมาก เจ็บรุนแรง เป็นหนองลึก หรือกระจายตัวหลายจุดรวดเร็ว ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรือเป็นอาการแทรกซ้อนจากสิวชนิดรุนแรง เช่น สิวหัวช้าง หรือฝีใต้ผิวหนัง ซึ่งต้องใช้ยาฆ่าเชื้อหรือการดูแลเฉพาะทาง
สิวหัวหนองแตกเอง ต้องดูแลยังไงไม่ให้เป็นรอย?
หากสิวหัวหนองแตกออกเอง ควรทำความสะอาดบริเวณนั้นทันทีด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาด จากนั้น ซับให้แห้งและใช้เจลฆ่าเชื้อแต้มเฉพาะจุด หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขัดผิวบริเวณนั้น และควร ทาครีมลดรอยดำหรือวิตามินซีหลังจากแผลเริ่มแห้ง เพื่อป้องกันการเกิดรอยสิวหรือหลุมสิวในระยะยาว
หัตถการทางการแพทย์ ช่วยรักษาสิวหัวหนองได้ยังไงบ้าง?
สิวหัวหนองที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้ลุกลาม กลายเป็นสิวเรื้อรังหรือทิ้งรอยแผลเป็นได้ การเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผิวหนังหรือคลินิกความงามที่มีหัตถการทางการแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยให้สิวยุบไว ลดการอักเสบ และลดโอกาสเกิดรอยแผลในอนาคต และเราจะมายกตัวอย่าง หัตถการที่นิยมใช้รักษาสิวหัวหนอง ได้แก่
- ฉีดสิวอักเสบ (Intralesional Steroid Injection) แพทย์จะฉีดตัวยา เช่น ยาสเตียรอยด์เจือจาง เข้าไปยังหัวสิวโดยตรง เพื่อลดการอักเสบและให้สิวยุบตัวเร็วขึ้นภายใน 1–3 วัน เหมาะกับสิวหัวหนองขนาดใหญ่ หรือสิวที่มีแนวโน้มบวมแดงมาก
- เลเซอร์รักษาสิวอักเสบ
- Pico Laser ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน ลดรอยแดง รอยดำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวฟื้นฟูเร็ว
- IPL (Intense Pulsed Light) ใช้พลังงานแสงลดการอักเสบของสิวหัวหนอง และช่วยให้รอยสิวจางลงเร็วขึ้น
- ทรีตเมนต์ฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ
- Meso Acne ฉีดวิตามินและยาฆ่าเชื้อสิวเข้าสู่ชั้นผิว ช่วยลดความมันบนใบหน้า ฆ่าเชื้อสิว และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- LED Light Therapy (แสงสีฟ้าหรือสีแดง) ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบในสิวหนองโดยไม่ทำร้ายผิว
- Acne Peel (ผลัดเซลล์ผิวเฉพาะสิวอักเสบ) ใช้กรดผลไม้ชนิดอ่อน เช่น AHA, BHA, PHA หรือกรดซาลิไซลิก เพื่อช่วยเปิดหัวสิวและลดการอุดตัน เหมาะกับผิวที่เป็นสิวซ้ำซากหรือสิวอุดตันร่วมกับสิวหัวหนอง
- การกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ หากสิวหัวหนองมีหัวชัดเจน แพทย์อาจแนะนำให้กดออกด้วยเครื่องมือที่สะอาด และมีการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม เพื่อลดโอกาสเกิดการอักเสบซ้ำ หรือหลุมสิว
- Skin Booster ฟื้นฟูผิวหลังสิวหนอง หลังสิวหาย หากมีผิวแห้งลอก รูขุมขนกว้าง หรือรอยแผลเป็นจากสิว การฉีด Skin Booster อย่าง Salmon DNA หรือ HA Boost จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน และกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว
การรักษาสิวหัวหนองด้วยหัตถการทางการแพทย์สามารถเร่งการฟื้นตัวของผิว ลดการอักเสบได้อย่างปลอดภัย และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นในอนาคตได้อย่างดี หากคุณมีสิวหัวหนองจำนวนมาก หรือเป็นซ้ำบ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณมากที่สุดค่ะ
สิวหัวหนองต่างจากสิวหัวช้างไหม?
แม้ทั้งสองจะเป็นสิวอักเสบ แต่ สิวหัวหนองมักมีหัวสีขาวหรือเหลือง ขนาดเล็ก-กลาง และเจ็บเล็กน้อย ส่วน สิวหัวช้างจะมีขนาดใหญ่ แดง บวม เจ็บมาก และลึกลงไปใต้ผิวหนัง การรักษาจึงแตกต่างกัน โดยสิวหัวช้างมักต้องใช้ยาแรงหรือการฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบเฉพาะจุด
หลังสิวหัวหนองหาย ควรดูแลผิวอย่างไร?
เพื่อไม่ให้ทิ้งรอยและหลุมสิว ควรเน้นการบำรุงและฟื้นฟูผิวอย่างต่อเนื่อง เช่น
- ใช้ ครีมลดรอยแดง รอยดำ ที่มีส่วนผสมอย่างวิตามินซี หรือไนอะซินาไมด์
- บำรุงด้วย มอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อไม่ให้ผิวแห้งลอก
- หลีกเลี่ยงแดด และ ทาครีมกันแดด SPF30+ ทุกวัน
- อาจเลือกทำ Skin Booster หรือ Rejuran เพื่อฟื้นฟูหลุมสิว
สรุป
สิวหัวหนองคือสิวอักเสบชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย มีลักษณะเป็นตุ่มแดงมีหนอง มักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ร่วมกับเชื้อแบคทีเรียและความมันสะสม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด หรือการบีบสิว ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวหนองได้ทั้งสิ้น แม้สิวหัวหนองจะไม่ใช่สิวที่รุนแรง แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจลุกลาม เกิดการอักเสบรุนแรง จนทิ้งหลุมสิวหรือรอยดำรอยแดงไว้บนผิวได้ การดูแลรักษาที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาแต้มสิว ยาปฏิชีวนะ แผ่นแปะสิว หรือการทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น ฉีดสิว เลเซอร์รักษาสิว ทรีตเมนต์ฆ่าเชื้อ หรือการฉายแสงลดการอักเสบ นอกจากนี้ยังควรดูแลสุขภาพผิวด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน ล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมการสัมผัสหรือบีบสิว และควบคุมอาหารที่ก่อการอักเสบ เช่น ของทอด ของมัน เพื่อป้องกันสิวหนองไม่ให้กลับมาอีก หากคุณไม่มั่นใจว่าสิวที่เป็นอยู่ต้องรักษาแบบไหน หรือสิวหัวหนองไม่ยอมหายไปง่าย ๆ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Vincent Clinic Skin เพื่อให้ได้แนวทางการรักษาที่ปลอดภัย เหมาะกับผิวคุณ และเห็นผลจริงในระยะยาวค่ะ