ฉีดแฟต สลายไขมันเฉพาะจุดแบบเร่งด่วน ทำจุดไหนได้บ้าง อันตรายไหม?
ฉีดแฟต ตัวช่วยลดไขมันแบบเร่งด่วน ช่วยดูแลรูปร่างให้ได้สัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด เพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้น พร้อมสนุกกับการใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่เลือกได้เต็มที่ เนื่องจากการใช้ชีวิตในแต่ละวันที่ต้องเร่งรีบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะการเลือกทานอาหาร การออกกำลังกาย ก็ทำได้ไม่สม่ำเสมอ จึงนำมาสู่ปัญหาของไขมันส่วนเกินที่สะสมมากขึ้น จนเมื่อรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนความมั่นใจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เช่น เสื้อผ้าคับ ลุก–นั่งลำบาก ไม่คล่องตัวรู้สึกอึดอัด เป็นต้น หากใครที่ยังกังวลเกี่ยวกับการฉีดแฟตว่าช่วยสลายไขมันได้จริงแค่ไหน อันตรายไหม กี่ครั้งเห็นผล ดีกว่าวิธีสลายไขมันอื่น ๆ อย่างไร? ติดตามอ่านได้จากบทความนี้
ฉีดแฟต คืออะไร?
ฉีดแฟต (Fat Dissolving Injection) โปรแกรมสลายไขมันด้วยการฉีดตัวยาสูตรเฉพาะเข้าไปในชั้นไขมัน ซึ่งสามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้อย่างเห็นผล ซึ่งตัวยาจะเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวเล็กลงร่างกายจึงขับออกได้ง่ายขึ้นผ่านทางระบบขับถ่าย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น โดยส่วนผสมหลัก ๆ ของตัวยาสลายไขมัน ได้แก่
- Artichoke extract สารสกัดที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการสังเคราะห์โคเอนไซม์ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการแอแนบอลิซึ่ม (anabolism) จึงสามารถช่วยให้เซลล์ไขมันลดลง กรดไขมันเกิดการสังเคราะห์ที่น้อยลง
- Mesostabyl มีส่วนช่วยสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ไลเปส (Lipase) ช่วยลดการสร้างไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นตัวการที่ช่วยยับยั้งการสร้างคลอเรสเตอรอลได้
- L-carnitine ตัวช่วยสำคัญที่กระตุ้นร่างกายให้สามารถดึงไขมันเปลี่ยนออกมาใช้เป็นพลังงานได้ดียิ่งขึ้น
เมโสแฟต ช่วยอะไรได้บ้าง?
เมโสแฟต ตัวช่วยสลายไขมันตามร่างกายแบบเร่งด่วน ช่วยให้ไขมันที่ลดยากถูกสลายได้ง่ายขึ้น เพราะตัวยาจะถูกฉีดตรงเข้าสู่เซลล์ไขมันตามจุดที่ต้องการ เช่น ลดแก้ม ลดเหนียง ลดต้นแขน ลดต้นขา ลดสะโพก เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นจุดที่ไขมันมักสะสมมากกว่าตำแหน่งอื่นในร่างกาย
ฉีดแฟต กับ ฉีดโบท็อก ต่างกันอย่างไร?
ฉีดแฟต กับ ฉีดโบท็อก เป็นการแก้ไขปัญหาคนละจุดเพราะเมโสแฟตเป็นการฉีดตัวยาเข้าไปสลายไขมันสะสม ส่วนการฉีดโบท็อกเป็นการฉีดตัวยาเข้าไประงับการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว ซึ่งทั้ง 2 หัตถการนั้นช่วยให้สัดส่วนเล็กลง ได้รูปมากขึ้น โดยแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละรายบุคคลซึ่งมีสาเหตุการเกิดปัญหาที่แตกต่างกันออกไป หากทำควบคู่กันก็จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
เมโสแฟต vs ดูดไขมัน ต่างกันยังไง
- เมโสแฟต จะช่วยให้ไขมันแตกตัวและสลายเป็นของเหลว ซึ่งร่างกายจะค่อยๆ กำจัดออกทางระบบน้ำเหลือง ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ มักต้องทำซ้ำหลายครั้งจึงจะได้ผลที่ต้องการ เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมในปริมาณเล็กน้อยและไม่ต้องการผ่าตัด
- ดูดไขมัน แพทย์จะทำการกำจัดไขมันส่วนเกินออกในปริมาณมากในครั้งเดียว ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนทันทีหลังจากการพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันในปริมาณมากหรือปรับรูปร่างในบริเวณเฉพาะ เช่น หน้าท้อง สะโพก หรือต้นขา
ฉีดแฟต อันตรายไหม?
- สเตียรอยด์ โดยปกติสารสเตียรอยด์จะเป็นสารที่ถูกนำมาใช้ในการฉีดสิว รักษาคีลอยด์ โดยแพทย์ในปริมาณที่กำหนด สำหรับการนำมาใช้กับเมโสแฟตจะเป็นการนำไปผสมกับตัวยาที่ไม่ผ่าน อย. ในปริมาณมาก เพราะเห็นผลไว แต่เมื่อฉีดบ่อย ๆ จะทำให้เกิดปัญหาหน้าบวม อักเสบติดเชื้อง่าย และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา เพราะสเตียรอยด์มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่ำลง
- Hyaluronidase ยาสลายฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นตัวยาที่ผ่านการรับรอวมาตรฐานให้สามารถใช้ได้ แต่มีบางสถานพยาบาลที่นำมาใช้แทนการฉีดเมโสแฟต เพราะสามารถสลายคอลลาเจนทำให้เนื้อเยื่อยุบตัว เห็นผลไว จึงคิดว่าไขมันสลายไปแล้ว เมื่อฉีดบ่อยครั้งจะทำให้ผิวและคอลลาเจนเสื่อม ผิวหย่อนคล้อยมากขึ้น
ฉีดแฟต ตำแหน่งไหนได้บ้าง?
- ฉีดเมโสแฟตแก้ม สำหรับคนที่มีแก้มเยอะจากไขมัน ทำให้หน้ากลม หน้าบาน การสลายไขมันบริเวณนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูเล็กลง
- ฉีดเมโสแฟตเหนียงและบริเวณใต้คาง ลดปัญหาคางสองชั้น ลดเหนียง ช่วยให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนมากขึ้น
- ฉีดเมโสแฟตต้นแขน สามารถช่วยทำให้ต้นแขนดูเล็กลง
- ฉีดเมโสแฟตต้นขา ช่วยสลายไขมันให้ต้นขาเล็กลง แก้ปัญหาผิวเปลือกส้ม
- ฉีดเมโสแฟตสะโพก ช่วยให้สะโพกได้สัดส่วน ดูเล็กลง
- ฉีดเมโสแฟตหน้าท้อง ช่วยแก้ปัญหาห่วงยางรอบเอวให้เล็กลง สลายไขมันบริเวณพุงที่ลดยากให้สลายไปได้ง่ายขึ้น
ฉีดแฟต กี่วันเห็นผล? ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม?
ฉีดแฟต สามารถเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นประมาณ 2 – 3 สัปดาห์หลังทำ เพราะจะต้องรอให้ตัวยาออกฤทธิ์ทำให้ไขมันแตกตัวและถูกร่างกายขับออกมา โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำและพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน
ฉีดเมโสแฟต ต้องฉีดกี่ครั้ง?
ฉีดแฟต ต้องทำบ่อยไหม ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้ประเมินให้เหมาะสมกับปริมาณไขมันและตำแหน่งที่ฉีดของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ในกรณีที่ไขมันเยอะอาจจะต้องฉีดบ่อย 4 -5 ครั้งขึ้นไป ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเ
ฉีดแฟต มีข้อดีและข้อควรรู้อะไรบ้าง?
ฉีดแฟต หัตถการนี้มีข้อดีหลายอย่าง ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมได้เป็นอย่างดี
ข้อดีของการฉีดแฟต
- ใช้เวลารักษาไม่นาน เห็นผลเร็ว สลายไขมันส่วนเกินได้ตรงจุด
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ผลลัพธ์ดี ปลอดภัย
ข้อควรรู้ของการฉีดแฟต
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ต้องรอระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ถึงจะเริ่มเห็นผล
- อาจเกิดอาการบวมช้ำได้เล็กน้อย แต่จะหายไปได้เองในช่วง 3 – 4 ชั่วโมงหลังทำ
- ไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันปริมาณมาก เพราะต้องฉีดหลายครั้งจึงจะเห็นผล
ฉีดแฟต เจ็บไหม?
เมโสแฟต ระหว่างฉีดอาจจะรู้สึกเจ็บได้บ้างในช่วงระหว่างที่ตัวยากำลังถูกฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิว ซึ่งจะมีการประคบเย็นระหว่างทำหัตถการเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บ ช่วยคลายความกังวลลงได้
อาการหลังฉีดเมโสแฟต
- อาการบวมและแดง หลังจากฉีด เมโสแฟตอาจทำให้เกิดอาการบวมบริเวณที่ฉีด เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปทำให้ไขมันสลายตัวและเกิดการอักเสบเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- เจ็บหรือระบม อาจรู้สึกเจ็บหรือระบมในบริเวณที่ได้รับการฉีด โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ซึ่งสามารถทนได้และมักจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน
- รอยช้ำ บางคนอาจพบรอยช้ำจากการฉีด ซึ่งเกิดจากการที่เข็มฉีดเข้าไปในผิวหนังและหลอดเลือดบริเวณนั้น การช้ำจะหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์
- คันหรือรู้สึกเหมือนแสบ บางครั้งอาจมีอาการคันหรือแสบที่บริเวณที่ฉีด เนื่องจากการกระตุ้นของสารที่ฉีดและการทำงานของระบบน้ำเหลืองในการกำจัดไขมันที่สลายแล้ว
- การเปลี่ยนแปลงในรูปร่าง หลังจากการฉีดเมโสแฟต ไขมันอาจเริ่มสลายและกระจายตัวในพื้นที่นั้น ๆ ทำให้รูปร่างค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป อาการนี้อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผลที่ชัดเจน หากอาการบวม เจ็บ หรือรอยช้ำมีความรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ควรปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ
ฉีดแฟต vs โบท็อกซ์ลิฟ vs Hifu vs ดูดไขมันเหนียง เลือกทำแบบไหนดี?
- ฉีดแฟต เป็นการฉีดสลายไขมันเฉพาะจุด สามารถลดไขมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำได้ถึง 10 – 15 % (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละรายบุคคล) ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งหัตถการนี้เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันไม่มาก
- โบท็อกลิฟกรอบหน้า เป็นการฉีดโบท็อกเพื่อช่วยปรับให้ใบหน้าเรียวกระชับมีความเต่งตึงมากขึ้น รูปหน้าได้สัดส่วน โดยหัตถการนี้เน้นในเรื่องของการลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง โดยไม่ได้ทำให้ไขมันสลายตัว
- Ultraformer MPT เครื่องยกกระชับด้วยคลื่นเสียงแบบเฉพาะเจาะจง Focused Ultrasound เน้นไปที่การยกกระชับผิว ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นาน สามารถช่วยสลายไขมันในคนที่มีไขมันน้อยหรือระดับกลาง
- ดูดไขมัน เป็นวิธีกำจัดไขมันด้วยการดูดออกโดยตรง เหมาะกับคนที่มีไขมันปริมาณมาก สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ แต่อาจจะมีโอกาสบวมช้ำได้มากกว่า ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน
ฉีดแฟต ที่ไหนดี?
ฉีดแฟต เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ต้องเลือกฉีดกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ เปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย ดูแลโดยแพทย์มากประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ใช้ผลิตภัณฑ์เมโสแฟตที่เป็นของแท้ได้มาตรฐาน เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงตามมา
ฉีดเมโสแฟตราคาเท่าไหร่?
- จำนวนครั้งที่ต้องฉีด : การฉีดเมโสแฟตมักต้องทำหลายครั้งเพื่อเห็นผลที่ชัดเจน
- พื้นที่ที่ทำการรักษา : พื้นที่ที่มีไขมันสะสมมากอาจต้องใช้สารจำนวนมาก จึงทำให้ราคาเพิ่มขึ้น
- ประสบการณ์ของแพทย์ : คลินิกที่มีชื่อเสียงหรือแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงอาจมีราคาค่าบริการที่สูงขึ้น เพื่อให้ได้ราคาที่ชัดเจน ควรสอบถามกับคลินิกโดยตรงหรือสอบถามข้อมูลจากแพทย์เพื่อประเมินราคาในกรณีของคุณค่ะ
สรุป
ฉีดแฟต คือหัตถการที่ช่วยสลายไขมันเฉพาะจุดได้อย่างเห็นผล โดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้ไขมันที่ลดยากแตกตัวได้ง่ายขึ้น ร่างกายขับออกได้ดีขึ้น สามารถทำได้หลายตำแหน่งในร่างกาย ได้แก่ ลดแก้ม ลดเหนียง ลดหน้าท้อง สะโพก ต้นแขน และต้นขา เป็นต้น ช่วยดูแลรูปร่างและใบหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น หากใครที่กำลังมองหาวิธีสลายไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัย สามารถเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์มากประสบการณ์ของ Vincent Clinic เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินและออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละรายบุคคล
เมโสแฟตเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกไหม?
ผลลัพธ์ของการฉีดจะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก โดยเฉพาะความกระชับของผิว แต่ผลการลดไขมันชัดเจนมักต้องฉีดต่อเนื่อง 2-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและสูตรที่ใช้
ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน แนะนำให้ฉีด 2-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 3-4 สัปดาห์ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและเป้าหมายที่ต้องการ
เมโสแฟต 1 ขวดกี่ CC?
ปริมาณของเมโสแฟตใน 1 ขวดจะขึ้นอยู่กับสูตรและยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ โดยทั่วไปแล้วเมโสแฟตที่ใช้ในคลินิกความงามมักมีปริมาณอยู่ในช่วง 5-10 CC ต่อขวด ทั้งนี้ขนาดของขวดและความเข้มข้นของตัวยาสลายไขมันอาจแตกต่างกันไปตามแบรนด์หรือสูตรเฉพาะของแต่ละคลินิก
ฉีดเมโสแฟต บวมกี่วัน?
โดยทั่วไป อาการบวมหลังฉีดเมโสแฟตลดเหนียงจะหายไปภายใน 1-3 วัน และอาจนานถึง 7 วันในบางกรณี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายแต่ละคน หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม อาการบวมจะลดลงอย่างรวดเร็วและผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดขึ้นใน 1-2 สัปดาห์
เมโสแฟตลดน้ำหนักได้ไหม?
เมโสแฟตไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก แต่ช่วยลดไขมันเฉพาะจุด ทำให้สัดส่วนเล็กลง หากต้องการลดน้ำหนัก ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กัน
เมโสแฟตอันตรายไหม?
หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. จะถือว่าปลอดภัย แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น บวมแดงหรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายได้เองภายใน 3-7 วัน
เมโสแฟตช่วยลดเซลลูไลท์ได้ไหม?
เมโสแฟตช่วยลดไขมันสะสม แต่ผลต่อเซลลูไลท์อาจไม่ชัดเจน ควรใช้วิธีอื่นร่วม เช่น การนวดกระชับผิวหรือการทำทรีตเมนต์ลดเซลลูไลท์
เมโสแฟตทำให้ผิวหย่อนคล้อยไหม?
การฉีดจะไม่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เนื่องจากตัวยาบางสูตรมีส่วนช่วยกระชับผิว แต่หากมีไขมันปริมาณมาก อาจต้องใช้การดูแลผิวเพิ่มเติม เช่น การทำ HIFU หรือ RF เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
สามารถฉีดเมโสแฟตพร้อมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
ได้ เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือทำเลเซอร์ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง
เมโสแฟตสามารถใช้ร่วมกับการลดน้ำหนักแบบอื่นได้ไหม?
เมโสแฟตช่วยเสริมการลดสัดส่วนเฉพาะจุดได้ดี ทั้งนี้ควรทำควบคู่กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
ฉีดเมโสแฟตสามารถทำให้หุ่นดีได้จริงหรือไม่?
เมโสแฟตช่วยลดไขมันเฉพาะจุดเท่านั้น หากต้องการหุ่นที่สมส่วน ควรควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพโดยรวมควบคู่ไปด้วย
เมโสแฟตมีผลต่อระบบน้ำเหลืองหรือไม่?
ตัวยาสลายไขมันจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง การดื่มน้ำมาก ๆ และการขยับร่างกายเล็กน้อยจะช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลืองให้ทำงานได้ดีขึ้น
การฉีดเมโสแฟตสามารถลดไขมันได้ทุกชนิดไหม?
เมโสแฟตเหมาะสำหรับไขมันสะสมในชั้นไขมันอ่อน (Soft Fat) เช่น ไขมันใต้ผิวหนัง ไม่เหมาะสำหรับไขมันแข็ง (Fibrous Fat) หรือไขมันที่สะสมลึกในอวัยวะ